ความรู้สึกโหยหาที่พยายามกดไว้เกือบสามสิบปีปะทุขึ้นระหว่างดูข่าวต่างประเทศในเช้าวันหนึ่ง น้ำตาพริมารื้นอย่างไร้เหตุผล สามีรีบเปลี่ยนช่อง ทว่าไม่ทัน เธอซบลงสะอึกสะอื้นหลั่งน้ำตาไร้สุ้มเสียง คำปลอบโยนไม่ช่วยคลายความคิดถึง เธอนอนไม่หลับทั้งคืน รุ่งเช้าเธอบอกเขาว่าอยากไปเตหะราน

 

ธิติไม่พูดอะไร เพียงยิ้มเศร้า เธอเองก็หมองหม่น อดีตไม่จางไปพร้อมเวลา เธอสัญญาว่าจะรักษาตัว และรีบกลับมาทันทีที่เสร็จธุระ

 

ไม่มีกระทั่งเบอร์ติดต่อคนรู้จัก ในสมุดบันทึกที่เก็บไว้อย่างดีมีเพียงที่อยู่ เธอเตรียมตัวเดินทางหลายอาทิตย์ ธิติถามไถ่ตลอดเวลาว่าต้องการให้ไปเป็นเพื่อนไหม เธอปฏิเสธด้วยความเกรงใจ

 

อกพริมาเต้นแรงเมื่อเข้าน่านฟ้าต่างแดน ความสุขเศร้าหนหลังหวนสู่ปัจจุบัน เธอรู้ดีว่าไม่ควรมา ทุกคนอาจลืมเธอไปแล้ว

 

แต่เธอไม่ลืม

 

สภาพบ้านเมืองแตกต่างจากในความทรงจำ แท็กซี่แล่นผ่านถนนที่เธอจำชื่อไม่ได้ แต่ไม่เคยลืมว่าเธอกับเขาเคยเดินเที่ยวกันอย่างมีความสุขขนาดไหน ร้านกาแฟบรรยากาศอึมครึมตรงหัวมุมไม่มีอยู่อีกแล้ว หายไปพร้อมกับเขา เปลี่ยนกลายเป็นบางสิ่งที่ไม่อาจย้อนคืน

 

อดีตไม่หมุนย้อน คนรักไม่คืนกลับ ความรักแหลกสลาย

 

คุณต้องเชื่อมั่น พิมา เชื่อว่าเราจะมีวันที่ดีกว่านี้” อาลีย้ำกับเธอทุกครั้งที่เขาออกไปบนถนน แจกใบปลิวต่อต้านชาห์ สับสนกลางเปลวเพลิงและเสียงกรีดร้องก่นด่า เขาเชื่อมั่นในโมซาเดก เชื่อในระบอบใหม่ ขณะที่เธอไม่เชื่อในสิ่งใดเลย นอกจากตัวเขา

 

เธอเป็นผู้หญิงที่วิ่งตามความรัก ส่วนคนรักของเธอวิ่งตามอุดมการณ์เลือนราง

 

เขาไม่เคยหยุดรอ

 

พริมาส่ายหน้าสิ้นหวัง อยากรั้งเขาไว้

 

วันที่ดีจะมีความหมายอะไรถ้าคุณเป็นอะไรไป คำตัดพ้อติดอยู่ในลำคอ คำอ้อนวอนไม่เคยส่งไปถึง น้องสาวเขาบอกว่าเธอรักคนผิด อาลีไม่ใช่ผู้ชายที่จะมองเห็นความรักของใคร พริมาวิ่งตามเขา เพราะเขาเป็นคนเช่นนั้น ความขึ้งแค้นในดวงตาคมรีดึงดูดเธอ เมื่อสังหรณ์ว่าอาจไม่ได้เจอกันอีก ในท้ายชั่วโมงประวัติศาสตร์ตะวันออก เธอรวบรวมความกล้าเข้าหา เกราะของเขาแข็งแกร่ง แต่ใช่ไร้ช่องว่าง

 

อาลีเกลียดอเมริกาทั้งที่อยู่บนแผ่นดินอเมริกา เธออ่านทุกอย่างในแววตาเขาได้ และโดยไม่รู้ตัวก็ถูกเขาดึงความสนใจ เธอเป็นคนขอคบ เขาลังเล แต่ไม่ปฏิเสธ รักแบบวัยรุ่นคงจะไม่ร้อนแรงเท่าไหร่ เธอคิด ไม่คาดหวังรักยืนยาว ทว่าสุดท้ายกลับลงเอยที่เธอตามเขากลับมาอิหร่าน

 

ในช่วงที่บ้านเมืองตึงเครียดที่สุด ความรักของเธอเข้มข้นลึกซึ้ง ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้แม้แต่คำคัดค้านอย่างห่วงใยของพ่อแม่ ไม่ผิดถ้าเธอจะมีรัก ไม่เป็นอะไรถ้าจะลงหลักปักฐานอยู่ไหนที่ไม่ใช่ประเทศไทย

 

ขอแค่เธอมีความสุข

 

พริมามีความสุข

 

น่าเศร้าที่ความสุขนั้นไม่คงอยู่ตลอดไป

 

เธอเข้ากับครอบครัวของอาลีได้ดี แม่เขาเปิดใจยอมรับเธอเป็นสะใภ้อย่างไม่ขัดเขิน เธอหัดทำหลายอย่างเพื่อเตรียมพร้อมเป็นภรรยาเขา อาลีไม่ปฏิเสธความรัก และเขาตอบแทนเธอด้วยความอ่อนหวานเทียมกัน การแต่งงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นเรื่องยาก เธอพอใจเพียงพิธีตามธรรมเนียมเปอร์เซียเล็กๆ

 

ขณะที่ภายในบ้านสงบอบอุ่น ข้างนอกกลับวุ่นวายราวกับสงคราม อาลีใช้ชีวิตอยู่ระหว่างสองโลกนี้ ไม่นำสิ่งใดมากล้ำกลายกัน เหมือนว่าเขาจัดการทุกอย่างได้ไม่ติดขัด ทว่าพวกผู้หญิงในบ้านไม่คิดเช่นนั้น

 

พริมาไม่สามารถคิดถึงแค่ความสุขของตัวเอง เธอคิดถึงเขา สิ่งที่เขากำลังเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพัน บางวันเธอเห็นภาพหลอน ตำรวจซาวัก[1]วนเวียนอยู่แถวบ้าน พวกผู้ชายไว้หนวดเคราสวมแจ็คเก็ตหนังเดินผ่านไปมา อาลีบอกว่าเธอคิดมาก เธอต้องทำใจให้สบายเพื่อสุขภาพของลูกในท้อง เธอพยักหน้าเออออ ซึมซับสัมผัสมือเขาบนหน้าท้องโป่งนูน เลือดเนื้อของเธอและเขาจะลืมตาขึ้นมาในประเทศที่ดีกว่า

 

ทุกคนเป็นซาวัก

 

หูตาของชาห์มีอยู่ทุกที่ ไม่สามารถแยกออกจากคนทั่วไป อาจบางทีคนทั่วไปนั้นเองที่เป็นตำรวจลับของชาห์ อาลีไม่ไว้ใจใคร เขาเปิดรับเพื่อนบ้านน้อยลง หลังเสียงทุบประตูระรัวกลางดึกคืนหนึ่ง เขาพาเธอกับแม่ไปหลบอยู่กับญาติในกะรัจ พริมาทุ่มเถียง งานของเธอจะเป็นยังไง เธอจะทิ้งร้านกับน้องสาวเขาไปได้ยังไง

 

ความปลอดภัยต้องมาก่อน จูนัม[2] ขอร้อง”

 

เขาห่วงพวกเธอ แต่ไม่ห่วงตัวเอง ทิ้งเธอไว้ในบ้านทุ่งห่างไกลหูตาทางการ ส่วนตัวเองหันกลับสู่ดงกระสุน พริมาใช้เสียงกรีดร้องหยุดเขา น้ำตาของเธอไม่ทำให้เขาลังเล

 

ฉันขอให้คุณหยุด ฉันรักคุณนะอาลี คุณได้ยินมั้ยว่าฉันรักคุณ แค่นี้เราก็มีความสุขดีอยู่แล้ว”

 

ฉันไม่ได้ตามคุณมาเพื่อให้คุณทิ้งไป

 

เขาเม้มริมฝีปากบางเฉียบ กอดเธอแนบแน่น พริมาทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องไห้ วอนให้เขาทิ้งอนาคตของประเทศสิ้นหวังนี้ ขอร้องให้เขาทิ้งเพื่อน

 

เพื่อเธอกับลูก

 

แต่ผมไม่มีความสุข!” เขาร้องใส่หน้าเธอ ผายมือออกไปยังโทรทัศน์ที่กำลังรายงานข่าวการจลาจล เส้นเลือดฝอยแผ่เต็มหน่วยตา พริมาตัวสั่น ถอยห่าง ไม่เคยเห็นเขาขึ้นเสียงแบบนี้มาก่อนประเทศนี้ไม่ใช่ของพวกตะวันตก พิมา มันเป็นของเรา มันควรจะเป็นของเรา”

 

มันก็เป็นของเราไงคะ”

 

แล้วทำไมพวกเราถึงมีชีวิตอยู่กันแค่นี้ ไม่ว่าจะทำงานหนักขนาดไหน ไม่ว่าพยายามเท่าไหร่ ประเทศนี้มีทรัพยากรมากมาย แต่มันกลับมาไม่ถึงเราเลย คุณบอกผมสิจูนัม ไม่ใช่เพราะพวกนั้นเหรอที่ขายประเทศ สูบเลือดสูบเนื้อจนอ้วนพี ขณะที่ประชาชนอดตายไม่เว้นแต่ละวัน!” 

 

พริมาส่ายหน้า เธอจะอธิบายได้ยังไงในเมื่อเธอไม่ได้สนใจอะไรแบบนั้นเลย

 

ต่อให้อธิบายได้เขาก็คงไม่ฟัง

 

อาลีอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง

 

เธอเองก็อยากเห็น ถ้าเพียงแต่มันจะไม่ต้องแลกกับความสุขน้อยนิดในมือเธอ

 

เธอกลัวอยู่ทุกวันคืน กลัวทุกคราวที่เขาออกจากบ้าน กลัวทุกครั้งที่มีขบวนผ่านหน้าบ้าน เสียงก่นด่าขับไล่ชาห์ สลับขับไล่โมซาเดกกัดกร่อนประสาทเธอไม่เว้นแต่ละวัน

 

วันนี้ นำความตายสู่ชาห์!วันต่อมา นำความตายสู่โมซาเดก

 

ใครจะตายก็ช่าง ใครจะปกครองประเทศก็ไม่สำคัญ

 

ขอแค่อาลีปลอดภัย เธอไม่ต้องการสิ่งยิ่งใหญ่อย่างประชาธิปไตย หรือระบอบใหม่เลย

 

เธอไม่ได้มองไปไกลเหมือนเขา

 

เขาออกจากบ้านหลังการทะเลาะรุนแรงคืนหนึ่ง เธอนั่งกอดเข่าสะอื้น ลางสังหรณ์บอกว่าพรุ่งนี้เขาอาจจะไม่กลับมา เธอเฝ้ารอด้วยความอกสั่นขวัญแขวน จะทำอย่างไรหากเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น รายการทีวีมีแต่เนื้อหาปลุกระดม สั่งสมความหวัง และคนรักของเธอคือหนึ่งในพลังนั้น

 

อาลีกำลังมุ่งไปสู่ความฝัน ขณะที่เธอสวดมนต์ต่อพระเจ้าทุกองค์ ขอให้เขาปลอดภัย ขอให้เขาได้เห็นโลกที่ใฝ่ฝันในเร็ววัน

 

และแล้วเขาก็กลับมา ทันเห็นหน้าลูกสาวอ้วนพีที่หน้าตาเหมือนย่า พริมาคิดว่าสถานการณ์กำลังดีขึ้น ระหว่างที่เธอเศร้าโศก กังวล และตื่นเต้นกับการเป็นแม่ ชาห์ลี้ภัย ราชวงศ์ปาห์ลาวีล้มโค่น อยาตอลลาห์[3]กลับจากฝรั่งเศส เปลี่ยนอิหร่านสู่ระบอบใหม่

 

ทุกอย่างจบลงแล้ว เธอคิด กอดลูกสาวอิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของสามี

 

แต่มันไม่ได้จบลง การเมืองเป็นเช่นนี้ หมุนเวียนเปลี่ยนผ่านจากสิ่งหนึ่งไปสู่อีกสิ่ง ศัตรูคือมิตร มิตรกลายเป็นศัตรู ขบวนการประชาชนที่เคยร่วมขับไล่ราชวงศ์ กลายเป็นสิ่งที่รัฐบาลเคร่งศาสนาต้องกำจัด

 

อุดมการณ์แตกต่าง แต่จุดหมายเดียวกัน ตอนนี้เป้าหมายบรรลุแล้ว เสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ไม่ให้เวลาหนีหรือหลบซ่อน อาลีถูกลากออกไปท่ามกลางเสียงกรีดร้องอ้อนวอนของแม่และเธอ เสียงร้องไร้เหตุผลของทารกทำให้ใจเธอยิ่งแตกสลาย น้องสาวเขารุดมาหา จนคำพูด มีเพียงน้ำตา

 

ไม่ว่าซาวักหรือกองกำลังปฏิวัติ เมื่อถูกจับไปก็น้อยคนนักจะได้กลับมา

 

ฉันมีคนรู้จักในเอวิน[4]จะลองถามดูว่าอาลีอยู่ที่นั่นไหม” ทาร่าบอกเสียงเรียบ หญิงสาวเข้มแข็งเกินวัย พยายามเป็นหลักให้พวกเธอพึ่งพา

 

เขาอยู่ แต่เข้าเยี่ยมไม่ได้ แม่ของเขาอ้อนวอนเจ้าหน้าที่ ยอมทำทุกอย่าง จ่ายเท่าไหร่ก็ได้เพื่อประกันตัวลูกชาย แต่เงินไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการ พริมานอนน้ำตาไหลทุกคืน นี่น่ะหรือประเทศที่อาลีอยากเห็น นี่น่ะหรือประเทศที่อาลีรัก ทุกอย่างพลิกกลับ ความสุขของเขาสั้นเหลือเกิน สั้นเกินกว่าของเธอนัก

 

ลูกสาวทำให้พอจะคลายความคิดถึงลงได้บ้าง เด็กน้อยเริ่มมีเค้าหน้าพ่อ พริมาเศร้าสร้อย เธอเห็นสามีซ้อนทับลูก วันคืนเคลื่อนผ่าน ไร้วี่แววเขากลับมา ไร้ความหวัง ข่าวเกี่ยวกับเอวินมีแต่ว่าวันนี้ถูกจับเข้าไปเพิ่มกี่คน กี่ชีวิตถูกปลิดประหาร

 

เมื่อตัดสินใจมอบใจแก่เขาไป พริมาไม่คิดเลยว่าจะต้องเสียไปมากกว่าหัวใจ เธอเสียทุกอย่าง อนาคตพังทลายในกองไฟแห่งการปฏิวัติ

 

เธอกับครอบครัวเขารอคอยด้วยความหวัง สองปีเชื่องช้า แต่รุนแรงเกินรับไหว เมื่อเจ้าหน้าที่นำข้าวของของเขามาส่งอย่างสั่วๆ พร้อมเรียกเก็บค่ากระสุน[5] พริมาแทบล้มทั้งยืน แม่เขาตรอมใจ ก่อนฆ่าตัวตายวันที่สี่สิบหลังจากนั้น

 

ลูกสาวถูกทอดทิ้ง พริมาไร้จิตใจจะดูแล เธอไม่มีแรงแม้แต่จะใช้ชีวิต พ่อแม่ขอร้องให้กลับบ้านไปตั้งต้นใหม่ เตหะรานมีแต่ความเศร้าโศก เธอสะอื้นไห้ กอดทาร่าหลั่งน้ำตาด้วยความเจ็บร้าวเจียนตาย

 

ทาร่าบอกให้เธอกลับบ้าน เธอไม่เหลืออะไรที่นี่แล้ว

 

พริมายอมกลับ โดยทิ้งสิ่งหนึ่งไว้ให้เธอช่วยดูแล

 

มันอาจเป็นประเทศที่แตกต่างจากที่อาลีวาดฝัน แต่ก็เป็นประเทศที่เขามีส่วนร่วมปลุกปั้นมาเป็นรูปร่างนี้ เลือดเนื้อเขาซึมผืนดินรองรับรอยเท้าลูกสาว

 

โกลิ’ ดอกไม้งามของเธอกับอาลี

 

โกลิควรจะได้เติบโตในประเทศที่พ่อของเธอรัก อยู่กับเขาแทนเธอที่อ่อนแอเกินกว่าจะทนอยู่ได้

 

พริมาเดินเข้าซอยเล็กๆ ผ่านฉากทรงจำมากมาย กว่าจะถึงหน้าบ้านหลังหนึ่ง ตาเธอก็แดงรื้นด้วยความคะนึงหา เธอซับหัวตาแล้วเคาะประตู เสียงความเคลื่อนไหวค่อยๆ ดังขึ้นจากหลังรั้ว หัวใจเต้นโครม ฝ่ามือเย็นเฉียบด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง

 

เมื่อประตูเปิดออกโดยเด็กผู้หญิงวัยประมาณสี่ขวบ พริมาก็แทบทรุดลงร้องไห้ เด็กหญิงตื่นตะลึง ตะโกนเรียกแม่แล้ววิ่งกลับเข้าบ้าน หญิงสาวคนหนึ่งวิ่งหน้าตื่นตามลูกสาวออกมา ไถ่ถามเธอด้วยภาษาฟาร์ซี แต่พอเห็นว่าพริมาไม่น่าจะฟังออกก็เปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงแปลกแปร่ง

 

เกิดอะไรขึ้นคะ มีอะไรให้ช่วยไหม” เธอถามด้วยความเป็นห่วง มองหาร่องรอยบาดเจ็บ

 

พริมามองหญิงสาวผ่านม่านน้ำตา คิ้วเข้ม ริมฝีปากบางอย่างผู้เป็นพ่อ

 

คานูมคะ” หญิงสาวยังร้อนใจ

 

โกลิ” พริมากระซิบเรียก

 

เธอยิ้มพยักหน้าน้อยๆ สงสัยว่าอาจเป็นเพื่อนมารดา “มาหาแม่เหรอคะ เข้ามานั่งรอในบ้านก่อนดีกว่าค่ะ อีกเดี๋ยวแม่ก็กลับมาแล้ว”

 

โกลิช่วยพยุงเธอขึ้น มือหนึ่งประคองอย่างระมัดระวัง มือหนึ่งทำท่าไล่ลูกสาวตัวน้อยเข้าบ้าน ดวงตาพริมาพร่ามัว เหมือนว่าดอกไม้ของเธอกับอาลีจะเติบโตอย่างสมบูรณ์แข็งแรง

 

ต่อให้ลืมเธอก็ไม่เป็นไร

 

ขอแค่มีความสุข

 

 

จบ

 


 


[1] SAVAK องค์กรความมั่นคงและข่าวกรองแห่งชาติในสมัยราชวงศ์ปาห์ลาวี ขึ้นชื่อเรื่องการทรมานและประหารฝ่ายตรงข้ามราชวงศ์

[2]جونم (joonam) ที่รัก สุดที่รัก คำเรียกคนที่สนิทชิดใกล้ บางโอกาสใช้ตอบโทรศัพท์กรณีที่รู้จักอีกฝ่าย

[3]อยาตอลลาห์ โคไมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านคนที่ 1

[4] Evin Prison คุกคุมขังนักโทษการเมือง

[5]ครอบครัวนักโทษต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการประหาร ค่ากระสุน หรือบ่วงแขวนคอ ส่วนใหญ่ศพจะถูกนำไปฝังโดยไม่ได้ทำพิธีทางศาสนา บางกรณีครอบครัวก็ไม่ได้รับการบอกว่าศพถูกฝังที่ไหน