กุล... ตื่นได้แล้ว กุล!”

 

ภายในห้องเรียนของสถาบันกวดวิชาชื่อดังย่านสยาม ฉันตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของพัทธ์และสา สองสาวเพื่อนซี้สะกิดปลุกฉันให้รู้สึกตัว หลังจากเหยียดกายบิดขี้เกียจ ครั้นพอเงยหน้าขึ้นมาท่ามกลางสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น ก็ได้ยินเสียงออดบอกเวลาเลิกคลาสในอาคารดังขึ้นพอดี

 

อาจารย์ผู้สอนในจอโทรทัศน์กล่าวร่ำลาพร้อมทิ้งท้ายการบ้านให้ทบทวน จอดับลงพร้อมเพลงสถาบันดังขึ้น แผ่ว ๆ เหล่านักเรียนทั้งหลายจากหลากโรงเรียนก็ยืนขึ้นแล้วทยอยแยกย้ายกันตามวาระ

 

แค่หลับไปวูบเดียวหมดเวลาซะแล้วหรือ? รู้สึกไม่ทันได้ความรู้เข้าหัวเลยสักนิดเดียวแฮะ ถ้าวิชาเรียนมันสนุกได้สักครึ่งหนึ่งของนิยายวายที่ฉันอ่านค้างไว้ในเว็บเมื่อวาน ถ้ามันสนุกไม่น่าเบื่อ ฉันขอสาบานเลยว่าจะเก็บเกรดงาม ๆ สวย ๆ มาให้อาป๊าอาม๊าชื่นชมเลยเชียว

 

เพราะเมื่อวานหลังซ้อมมวยที่โรงยิมเสร็จตอนเย็น ฉันก็ตรงเข้าบ้านพุ่งไปอ่านนิยายตอนใหม่ อ่านโต้รุ่งเสียจนสวัสดีดวงอาทิตย์อีกรอบ

 

 

ดีจ้า มอนิ่งยามเช้า อรุณสวัสดิ์ โอฮาโยะ! ไม่ได้นอนเลยจ้า...ฮาฮา

 

ด้วยเหตุผลข้างต้น ฉันจึงยังสะลึมสะลืออยู่ ความง่วงยังคงมีมากเสียจนอยากเอาสมุดการบ้านเล่มหนาตรงหน้า เอามาหนุนหัวแทนหมอนแล้วนอนต่อรอบสอง

 

ฉับพลันกำลังจะทิ้งดิ่งร่าง รู้ตัวอีกทีก็โดนเพื่อนพัทธ์หิ้วปีกแขนซ้ายเข้าให้เสียแล้ว เธอขยับแว่นด้วยนิ้วชี้ ก่อนเพื่อนสาจะตามมาคว้าแขนขวา พยุงร่างขี้เซาของฉันให้ลุกขึ้นจากที่นั่ง

 

“ไหนเมื่อวานแกบอกว่าพอซ้อมเสร็จจะรีบเข้าบ้านนอนไง รู้แบบนี้ตามไปคุมดีกว่า! คงติดนิยายมาข้ามวันอีกล่ะสิ! ถ้าง่วงก็ไม่เห็นต้องมาเรียนเลยก็ได้นี่”

 

พัทธ์บ่นขึ้นมา เธอรู้ได้อย่างไรกัน เธอมีพลังจิตเป็นเอสเปอร์เหรอ? เปล่าหรอก เพราะเราเป็นเพื่อนสมัยเด็ก อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาล เธอคงเคยชินแล้วล่ะ

 

 

“คราวนี้แนวอะไรล่ะ?” สาวผิวแทนผมบลอนด์ผู้พยุงแขนขวาถาม เป็นคำถามที่ดีจนชวนให้ตาตื่นจริง ๆ

 

“แนววายแฟนตาซี สนุกมาก — แล้วก็นะ ถึงง่วงนอนอยู่บ้านก็น่าเบื่ออ่ะ ฉันอยากออกมาเจอพวกแกมากกว่า”

 

“แหม แม่เพื่อนรักขี้เบื่อขี้เซา แล้วเรื่องเรียนโยนทิ้งไว้ตรงไหนกันคะ? คุณพิกุล ที่บ้านได้ยินรับรองเป็นด่าแหลก”

 

 

เพื่อนสาวแว่นพูดด้วยสีหน้าจริงจัง นิ้วชี้ทำท่าปาดคอ พอพัทธ์ผู้เอาจริงเอาจังทำท่านี้ มันดูตลกดีไม่น้อย

 

“เอาเถอะพัทธ์ ก็ปกติของกุลอยู่แล้วนี่น่า” สาพูดขณะใช้มือข้างหนึ่งรวบเรือนผมสีบลอนด์ไว้แนบใบหู ก่อนเอื้อมมือหยิบกระเป๋าเรียนของฉันมาไว้ในมือ “ถึงนิยายจะสนุก แต่อย่างน้อยก็ต้องทบทวนบทเรียนนะ” เธอเสริมทิ้งท้าย

 

“วายเรื่องล่าสุดเป็นแนวโชตะด้วยล่ะ สา อยากให้ลองอ่านดูนะ น้องทุกคนน่าเอ็นดูสุด ๆ เริ่มมีกระแสคนเอามาคอสแล้วด้วย” ฉันพูดพร้อมรอยยิ้มสดชื่น

 

“ได้สิ ส่งมาให้อ่านบ้างนะ”

 

“อ่านจบแล้วอย่าลืมไปอ่านตอนลับจุดห้าของทวิตนักเขียนนะ ไปส่องนักคอสด้วย”

 

 

“เชื่อเขาเลยวัยกุล! สาก็อีกคน อย่าตามใจมากนักสิ” เสียงของพัทธ์เอ่ยขึ้นพลางถอนหายใจ

 

วันหนึ่งของพวกเราก็แบบนี้แหละ

 


 

พัทธ์และสาพยุงร่างขี้เซาฉันไปพลางบ่นไปตามประสาเหมือนอย่างเคย ฟังเสียงทั้งคู่มาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ฉันชินแล้วล่ะ…

 

พอเราออกมาตรงถนนหน้าสถาบันกวดวิชา สองสาวเพื่อนรักก็เริ่มกวักมือขึ้นเพื่อเรียกรถโดยสารสาธารณะ ไม่นานนักรถตุ๊กตุ๊กแถวนั้นคันหนึ่งก็พุ่งมาจอดอย่างว่องไว หลังแจ้งสถานที่กับต่อราคาเสร็จ พวกเราลงนั่งด้วยความรีบร้อน หวังจะรีบเผ่นออกจากย่านสยามให้ทันก่อนเวลารถติดหนักช่วงพักกินข้าว

 

นี่คือหนทางกลับบ้านหลังเรียนพิเศษ ก็เหมือนวันธรรมดาทั่วไปตามปกติ

 

 

นั่งรถเฉย ๆ เนี่ยน่าเบื่อจัง ฉันนึกพร้อมหาวอีกรอบ ก่อนจะบอกอลิสาว่าของีบต่อสักหน่อย จากนั้นก็ตีตั๋วเฝ้าพระอินทร์ นั่งหลับต่อตรงกลางเบาะหนังของรถตุ๊กตุ๊ก ประกบข้างด้วยเพื่อนรักทั้งสองตามปกติ

 

ทุกอย่างปกติ...

 

เอี๊ยดดดดดดดดด!!!

 

เสียงเบรกดังลั่นสนั่นไปทั่วพื้นถนน ดวงตาของฉันผวาขึ้นในฉับพลัน

 

ขณะที่รถตุ๊กตุ๊กของพวกเราสามคนกำลังซิ่งขึ้นสะพานอย่างรวดเร็ว กลับมีรถบรรทุกคันหนึ่งพุ่งมา ฉันเห็นร่างคนขับหลับในสะท้อนผ่านกระจก รถวิ่งสวนฝ่าเลนเข้ามาฝั่งของพวกเรา พี่คนขับตุ๊กตุ๊กอุทานร้องเสียงสบถหลง เขาหักหลบพวงมาลัย รถชะงักงันรุนแรงจนดังกระหึ่ม!!!

 

โครมมมมมมม!!!!

 

เสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ รถทั้งสองคันกระแทกกันอย่างจัง พวกเราทั้งสามคนต่างกรีดร้องกับอุบัติเหตุตรงหน้า ดวงตาของฉันเบิกโพลงตื่นขึ้นอย่างสุดขีด และนั้นคือช่วงเวลาตอนที่รู้ตัวว่าร่างกายของฉันกำลังกระเด็นออกจากเบาะรถ เราทั้งสามลอยเคว้งคว้างจากเบาะรถ หมุนปลิวเป็นใบไม้อยู่กลางอากาศ ทุกอย่างในวินาทีนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก!

 

ฉันตกใจสุดขีด พยายามจะเปล่งเสียงร้องแต่กลับร้องไม่ออก เสียงเหมือนขาดหายเพราะช็อกไปเสียแล้ว

 

พอพยายามจะหันไปมองหาพัทธ์และอลิสา ได้ยินเพียงเสียงร้องของทั้งสองอยู่ไม่ไกลเท่านั้น

 

แต่ทว่าไม่ทันเห็นตัวพวกเธอ ร่างของฉันก็ร่วงหล่นลงตามแรงโน้มถ่วง กระแทกกับพื้นผิวด้านล่างไปเสียก่อน!

 

 

ตูมมมม!

 

 

พื้นผิวด้านล่างคือแผ่นน้ำคลอง น้ำเย็นเฉียบไหลปะทะแผ่นหลัง ผ่านเข้ามาในชุดนักเรียนกับกระโปรง ร่างกายตึงด้านชาไปหมด ฉันรู้สึกจุกบริเวณช่วงท้องกับท้ายทอย ก่อนที่จะเริ่มไม่รับรู้ถึงความเจ็บอื่นใดอีก สติสัมปชัญญะเริ่มเลือนรางลง

 

!!

 

 

ฉันสัมผัสได้ว่ามีฝ่ามือของใครบางคน มาจับมือของฉันเอาไว้ทั้งสองข้างซ้ายขวาอย่างแน่นถนัด

 

 

แต่เพราะอาการชา ฉันเลยไม่ทันสังเกตว่าเป็นมือของใคร

 

 

บรืนนนนนน!

 

 

หลังจากนั้นเพียงชั่วอึดใจ เสียงเครื่องมอเตอร์เรือด่วนซึ่งแล่นมาด้วยความเร็วสูงก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมด้วยเสียงกรีดร้องของผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ ก็กรีดร้องดังขึ้นอย่างโกลาหล

ดูเหมือนเรือลำนี้กำลังแล่นผ่านมาพอดี กับจังหวะร่างของเรากระเด็นจากตุ๊กตุ๊กตกลงน้ำคลองเข้าพอดี

 

 

ฉันทำอะไรไม่ได้ นอกจากข่มหลับตาปี๋ ในใจกรีดร้องหวาดกลัวอย่างสุดแรง!

 

ฉันไม่รับรู้ว่าเกิดอะไรจะขึ้นต่อหลังจากนั้น บางทีเรือด่วนลำนั้นอาจจะพุ่งมาทับร่างฉันไปแล้ว...หรือไม่ ตัวฉันก็จมดิ่งลงไปในน้ำก่อนแล้วก็เป็นได้

 

ฉันที่หลับตาได้แต่ภาวนา ขอให้ทั้งหมดเป็นเพียงความฝันระหว่างเรียนกวดวิชา ฉันเริ่มนึกถึงครอบครัว และนึกถึงพัทธ์กับอลิสา

 

ตอนนั้นเอง---สติสัมปชัญญะของฉันก็ดับวูบลง...

 

 

 

_______

TALK : ไปต่างโลกธรรมดาโลกไม่จำค่ะ ทรัคซังไม่ต้องเรือด่วนจัดไป! // คิดเห็นอย่างไร ให้กำลังใจ แปะได้นะครับ น้อมนำไปพัฒนาผลงานต่อไปครับ :) )