บทนำ
 

 

 

          จุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น ตอนที่แบมแบมอายุได้เพียงเก้าขวบ ขออนุญาตแม่ออกไปปั่นจักรยานเล่นกับเพื่อนที่สวนสาธารณะในหมู่บ้าน

           แล้วเจอกับ ไอ้พี่มาร์ค เพื่อนบ้านที่อายุมากกว่าเขาเพียงสองปีแต่ดันสูงแซงหน้าไปเกือบยี่สิบเซนติเมตร

           "อย่าร้อง ชู่ว!" ปากห้ามว่าอย่าร้อง แต่ในหัวก็ยังไม่วางใจว่าจะมีเสียงเล็ดลอด มือเรียวจึงเอื้อมไปปิดปากบวมตุ่ยให้เงียบสนิท

           "อึก.." คนที่ถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจจึงทำได้เพียงสะอื้นอึกในลำคอ พร้อมกับมองคนที่คร่อมตนเองไว้อย่างไม่เข้าใจ

           นี่เป็นครั้งแรกที่พี่ชายข้างบ้านพูดกับเขาเกินสองประโยค และเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสันดานของพี่ชายข้างบ้านว่ามันแย่ขนาดไหน

           แต่ด้วยวัยเพียงเท่านั้น นอกจากความเจ็บปวดและความไม่เข้าใจ แบมแบมไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากร้องไห้น้ำตาอาบแก้ม

           ดวงตากลมโตแดงก่ำจากการร้องไห้มาเกือบสามสิบนาที แถมตอนนี้ยังรู้สึกแสบตรงเข่าไม่หาย

           "โอเค ๆ เงียบนะ อย่าร้องเสียงดังโอเคมั้ย พี่มาร์คไม่ได้ตั้งใจ"

           ถึงแม้จะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่คนพูดเองก็ยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี นาทีที่เพื่อนยุให้เขาวิ่งเข้าไปขวางรถจักรยานของเด็กข้างบ้านล้มไถลไปบนถนน

           เพราะเห็นอีกฝ่ายเป็นเด็กคนเดียวในซอยที่ตนเองพอจะรู้จัก เลยทำไปโดยไม่คิดอะไร และไม่คิดด้วยว่าน้องจะตกใจถึงกับบังคับรถไม่อยู่

           "เงียบไว้ แล้วพี่มาร์คจะปล่อยมือ โอเคมั้ย?" 

           "...." ส่วนคนเป็นน้องที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าดี พอได้ยินว่าอีกฝ่ายจะปล่อยมือก็รีบพยักหน้างึกงักเข้าใจที่อีกฝ่ายพูดทันที

 

           "ห้ามบอกแม่นะ จำได้มั้ย"

 

           และการที่เขาตัดสินใจไม่ฟ้องแม่นั่นแหละ ต้นตอของความผิดพลาดทั้งหมดในชีวิตของแบมแบม

           ทั้งที่มันไม่ใช่อุบัติเหตุ ดูแล้วเหมือนจะเป็นความตั้งใจของพวกรุ่นพี่เกเรที่อยากจะแกล้งเด็กอ่อนแอซักคนนึง 

           แต่เขายังพยายามทำความเข้าใจและยกโทษให้อีกฝ่ายไป พร้อมทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพื่อเรื่องทั้งหมดมันจะจบ

           กลับกลายเป็นว่าเขาต้องทนโดนพี่ชายข้างบ้านแกล้งต่ออีกหลายปี เพราะมันคิดว่ายังไงเขาก็ไม่กล้าฟ้องแม่จริง ๆ แถมต่อหน้าพวกผู้ใหญ่อีกฝ่ายยังทำตัวเป็นพี่ชายที่แสนดี

           ทั้งที่ความเป็นจริง มาร์คมันเป็นปีศาจชัด ๆ

 

           "ห้ามไปเล่นกับพวกนั้นรู้มั้ย มันจะแกล้งมึง"

           ไม่รู้ว่าตอนนั้นอะไรดลใจให้เด็กอย่างเขาเชื่อคนอย่างมาร์คเสียสนิท จนเวลาผ่านไปเขากลายเป็นคนไม่มีเพื่อนคบ เพราะต้องคอยตามติดอีกฝ่ายต้อย ๆ อย่างกับเบ๊

           "ห้ามให้พวกนั้นแกล้งอีกเข้าใจมั้ย มึงสู้ดิ ทำไมปล่อยให้มันแกล้งห้ะ"

           และทุกครั้งที่เขาไปมีปัญหากับเด็กในซอยอื่น แทนที่มาร์คจะปลอบกลับเป็นฝ่ายผลักเขาติดผนัง ยังด่าซ้ำที่เขาไม่ยอมสู้ ทั้งที่เรื่องทั้งหมดเขาไม่ได้เป็นฝ่ายผิด

           (ไอ้เวรนี่)

           ภาพตอนที่มันพยักหน้าเข้าใจในวันที่แม่ของเขาฝากฝังให้มันมาดูแลและปกป้องเขามันสลายหายไปหมด เหลือแต่ภาพไอ้พี่เวรตรงหน้า ที่ไม่เคยจะช่วยอะไรเขาได้จริง แถมยังเป็นคนแกล้งเขาแทนคนอื่นอีก

           "ไอ้เหี้ยมาร์ค ไม่ต้องมายุ่งกับกูเลย!!"

           "กูบอกให้มึงพูดดี ๆ มึงพูดไอ้เหี้ยกับใคร?"

           แล้วทีตัวเองล่ะ พ่นออกมาทั้งสวนสัตว์แล้วมั้ง ดวงตากลมโตที่ตอนนี้เอ่อไปด้วยน้ำตาจ้องมองไปที่คนใจดำ มันน่าหงุดหงิดที่เขาสู้อะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลยต้องมานั่งร้องไห้อยู่แบบนี้

           "ถ้ามึงพูดกูมึงอีกที กูตีมึงแน่"

           จำได้ว่าวันนั้นเขาร้องไห้แทบตาย อยากจะกระโดดเข้าไปต่อยหน้าอีกฝ่ายฉิบหาย ถ้าไม่ติดว่าโดนมันเหวี่ยงลงไปกองกับพื้นเสียก่อน

 

 

           ..จนเวลาผ่านไปเกือบหกปี สวรรค์ถึงได้เห็นใจเขาบ้าง 

           ในที่สุด

           "เห็นว่าเราสนิทกับพี่มาร์ค ครูอยากจะวานเราเรื่องนี้ได้มั้ย แบมโอเคหรือเปล่า"

           วันที่เขาจะได้เอาคืนมาร์คก็มาถึงเสียที

           เพราะนิสัยเก่า ๆ ของมาร์คที่ชอบเกเรไปเรื่อยกำลังกลับมาทำลายชีวิตเขาอีกครั้ง ทั้งไม่ยอมเข้าเรียนเพราะคิดว่าตัวเองมีที่เรียนต่อแล้ว 

           ทุกอย่างกำลังส่งผลให้ชีวิตมอปลายเทอมสุดท้ายของมาร์ค เหมือนจะไปไม่ค่อยรอด

           "ไม่เห็นต้องแคร์เลย ได้มหาลัยแล้วไง"

           "ได้มหาลัยแล้วยังไง ถ้าเทอมนี้พี่ยังทำตัวเหลวไหลต่อ เขาก็ไม่ให้พี่จบอยู่ดี"

           ใบหน้าน่ารักรีบอธิบายในส่วนที่ตนเองเข้าใจให้พี่ชายข้างบ้านได้เข้าใจถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากของตนเอง

           และความมั่นหน้าว่าตัวเองเรียนเก่งเลยไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนในเทอมสุดท้ายนี่มันบ้าบอจริง ๆ

           เขาเองก็นึกหมั่นไส้อีกฝ่ายอยู่บ้าง ทั้งที่เกเรขนาดนี้ฟ้ายังจะให้สมองมาอีก ถืออีกหนึ่งความภูมิใจของโรงเรียนเลยมั้ง ถ้าไม่ติดที่ชอบทำตัวเหี้ยไปหน่อย

           "ไม่เข้าใจ ก็จะให้เรียนซ้ำหรอ?"

           ก็ใช่น่ะสิ และถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ชีวิตมึงจบเห่แน่ไอ้เวร

           "ไม่หรอก ถ้าพี่กลับมาทำตัวดี ๆ ให้ครูเขาเอ็นดู" กลั้นใจพูดปลอบออกไปอย่างนั้น แม้ในใจจริงของแบมแบมอยากจะหัวเราะเยาะอีกฝ่ายออกไปดัง ๆ ในสาสมกับที่มันเคยแกล้งเขาในโรงเรียน

           แต่สุดท้ายเพื่อให้มันเป็นไปตามเป้าหมายของคุณครู เขาก็ต้องยอมอ่อนเพื่อซื้อใจของมาร์ค

 

 

           "กูอยากจะบ้าตาย มึงแกล้งกูปะ?"

           "โมโหอะไรอะ เค้าแบกช่วยพี่ตั้งแต่มอต้น"

           ใบหน้าน่ารักที่เคยง้ำงอต่อหน้าเขาตลอดระยะเวลาหลายปี หลายวันมานี้ดูสดใสขึ้นมาเสียจนมาร์คเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่การติดตามธรรมดา

           "มึงโกรธเลยเอามาลงกับกูตอนนี้ใช่มั้ย" มาร์คถามออกไปเสียงห้วน แล้วไม่รู้ว่าช่วงหลัง ๆ อีกฝ่ายหอบอะไรกลับมาจากโรงเรียนบ้าง ถึงได้หนักแขนหลุดขนาดนี้

           "ครูเตือนว่าเดือนนี้พี่ขาดไปสามวิชาแล้ว ถ้ายังทำแบบนี้อีกรู้มั้ยจะเกิดอะไรขึ้น"

           "เกิดอะไรขึ้นก็ช่างแม่งดิ สอนน่าเบื่อฉิบหาย กูต้องทนเรียนหรอ?"

           "ไม่ต้องทนหรอก โดดไปเลยเดี๋ยวเค้าจะฟ้องครูเอง"

           "มึงอยากโดนเหมือนรอบที่แล้วใช่มั้ย?"

           "...." คนอายุน้อยกว่าหยุดฝีเท้าทันทีที่ได้ยินคำถามเชิงข่มขู่หรือจะเรียกว่าคุกคามดีเพราะพอเป็นคำพูดที่ออกจากปากมาร์ค

           มันดูชั่วขึ้นมาสิบเลเวลเลย

           "พี่คิดว่าเรากลัวหรอ?" ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาก็คงรู้สึกอะไรบ้าง แต่อย่าลืมว่าตอนนี้เขากำลังถือไพ่เหนือกว่าอีกฝ่าย

           รอแค่ให้มาร์คหมดความอดทนแล้วพลาดทำอะไรซักอย่าง เขาคนนี้ก็พร้อมจะทำลายอนาคตของอีกฝ่ายโดยที่ไม่มีความลังเลเลย

           "รู้มั้ยว่าอีกไม่กี่เดือนกูก็จะเรียนจบแล้ว มึงไม่รอดแน่"

           "รอให้ถึงตอนนั้นก่อนเหอะค่อยมาขู่ วันนี้ตัวเองจะจบไหมก็ยังไม่รู้เลย"

           "แบม!"

 

 

 

           และหลังจากที่มีแบมแบมมาคอยจับผิด ชนิดที่ว่าขยับตัวไปไหนก็ต้องมีรายงานทุกฝีก้าว ทำให้ชีวิตสี่เดือนสุดท้ายในรั้วโรงเรียนของมาร์ค ผ่านไปได้ด้วยดี

           แถมยังสร้างความประหลาดใจให้เพื่อนเป็นอย่างมาก ที่อีกฝ่ายกลายมาเป็นคนเดินตามแบมแบมต้อย ๆ ทั้งที่ก่อนหน้ามาร์คแทบจะเรียกใช้อีกฝ่ายอย่างกับเบ๊ส่วนตัว

           "มึงรู้ใช่มั้ยว่าต่อไปนี้ กูจะเป็นอิสระแล้ว"

           ไม่อยากเชื่อว่ามาร์คจะไม่มีจิตสำนึกอะไร เพราะแทนที่จะขอบคุณที่เขาคอยช่วยเหลือตลอดระยะเวลาสี่เดือนมานี้

           กลับทำเสียงขู่ซะอย่างนั้น

           "พี่ช่วยเค้าถือของแค่สี่เดือน นึกแค้นแล้วหรอ" แล้วไม่ลองคิดบ้างล่ะ เรื่องที่เขาต้องทนรับนิสัยแย่ ๆ ของตัวเองมาตั้งหกปี มันจะทรมานขนาดไหน

           "อย่าหวังว่ามีชีวิตปกติเลย" ขู่เป็นหมาเลยนะ

           "ไม่ไปเรียนมหาลัยแล้วหรอ?" คิ้วเรียวสวยขมวดเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมองคนที่เดินตามหลังมาไม่ห่าง

           คงอยากจะพูดคำนี้ตั้งแต่เดือนแรก แต่สุดท้ายก็ต้องกลืนคำพูดพวกนั้นเอาไว้ เพราะกลัวเขาจะเอาเรื่องอื่นที่ตนเองเคยทำเอาไว้ไปฟ้องครู

           "สองปีใช่มั้ย เดี๋ยวเจอกัน"

           ถ้าถึงตอนนั้นเขาคงไม่ยอมให้มาร์คมีบทบาทในชีวิตของตนเองแล้วแหละ และอย่าหวังเลยว่าจะได้เจอกันอีก

           ไปแล้วก็ไปให้พ้นสิ จะเจอกันอีกทำไม 

           "อย่ามาจับตัวนะ" 

           "ก็มึงมัวแต่เดิน หยุดคุยกับกูมันจะตายหรอ" คนเดินตามพูดด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ เขายอมรับว่าก่อนหน้าชอบแกล้งให้น้องมันรำคาญ

           แต่ตอนนี้แบมแบมเองก็ทำตัวน่ารำคาญไม่ต่างกันเลย ไม่รวมความบ้าอำนาจตลอดสี่เดือนมานี้อีก แบมแบมใช้งานเขาหนักเกินที่ครูสั่งด้วยซ้ำ

           "ก็จะตายน่ะสิ ชอบให้คนอื่นมองมากหรือไง"

           "ก็มองไปดิ หรือมีปัญหามากก็เดินมาต่อยกับกู" ดวงตาเรียวหันไปมองรอบ ๆ

           หลายคนเริ่มหันกลับไปทำงานตรงหน้าตัวเองบ้างหลังจากที่มาร์คพยายามพูดเสียงดังเพื่อเตือน

           "แล้วมึงจะโกรธอะไรกูขนาดนี้วะ"

           "แล้วทำไมจะโกรธไม่ได้ ก็พี่ทำเหี้ยกับเราขนาดนี้อะ"

           "มึงพูดไม่คิดเผื่อตอนที่เราจะต้องอยู่ด้วยกันเลยนะ"

           "ใครจะอยู่กับพี่วะ" แบมแบมขมวดคิ้วแน่น พร้อมถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ

           แล้วพูดจริงจังอะไรขนาดนั้น ทำไมเขาต้องอยู่กับมันด้วยวะ 

           "หึ"

           หึ เหี้ยอะไรของมึงล่ะไอ้ควาย

 

 

 

 

 

 

 

 

ps/ขอเล่าในย้อนช่วงอดีตก่อนนะคะ คิดว่ามาร์คเลวใช้ได้อยู่เหมือนกัน 5555 แต่ว่าแบมแบมเราคือนักสู้ค่ะ ฉันจะไม่ยอมให้แกกดหัวอีกต่อไป