1.- Touch

 

 

            

            ภายในห้องสตูดิโอโทนโทนสีครึ้มที่ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นของเครื่องหนัง กับแสงจากโคมไฟที่สาดส่องลงไปที่จุดๆ หนึ่ง

            หญิงสาวได้นอนคว่ำอยู่บนเตียงที่มีแผ่นแรปคอยรองความสกปรกไว้ไม่ให้ตกลงไปบนฟอร์นิเจอร์หนัง โดยที่มีชายคนหนึ่งคอยควมคุมเครื่องมือที่คอยใช้เจาะลงบนผิวหลังของหญิงสาวอย่างระมัดระวังและประณีต

            เวลาได้ถูกใช้จนล่วงเลยไประยะเวลาหนึ่ง ในที่สุดภาพที่ลูกค้าตรงหน้าต้องการก็เสร็จซะที และโชคดีที่เธอเองก็ดูพอใจกับงานชิ้นนี้

            เขาเองก็จะได้พักซะที หลังจากที่ใช้เวลากับงานนี้ไปครึ่งค่อนวัน

            แต่ก่อนที่เขาจะเริ่มพักเขาก็จำต้องจัดการกับชิ้นส่วนที่ใช้แล้วที่ไม่ควรเก็ยมันไว้เสียก่อน

            เขาเริ่มแกะแรปทิ้งพร้อมกับทิชชู่ที่ใช้สำหรับรองซับเลือดซับหมึกระหว่างการสักทิ้งลงในถังขยะ ตามด้วยเข็มที่ใช้ไปแล้วเมื่อครู่ จากนั้นทำการถอดถุงมือตัวเองทิ้งไปตาม

            และพอเสร็จจากการทำความสะอาดห้องทำงานเขาก็ว่าจะไปนอนพักที่โซฟา เพื่อรอลูกค้าคิวถัดไปที่นัดกันไว้

            เฮ้ย! ...เอ่อ ขอโทษครับ พี่

            แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำตามที่หวังก็ได้มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งเรียกเขาไว้เสียงก่อน

            ชายคนนั้นอยู่ในชุดนักศึกษามองเขาด้วยความกล้าๆ กลัวๆ นิดๆ แต่ยังคงยิ้มสู้รับให้เขา

            ไม่น่าจะใช่ลูกค้าที่นัดกันไว้ เพราะรายนั้นบอกว่าจะมาหลังหกโมง ซึ่งตอนนี้มันก็ยังเหลือเวลาอีกตั้งชั่วโมงหนึ่งกว่าจะถึงเวลานัดของเขา

            แต่มันก็อาจจะเป็นไปได้ว่าลูกค้าที่นัดเขามาไวกว่าที่นัดกันไว้

            ครับ? ใช่ลูกค้าที่นัดไว้หรือเปล่าครับเขาลุกขึ้นถาม เผื่อว่าหากเป็นกรณีที่ลูกค้ามาก่อนเวลานัดเขาจะได้ลุกไปเตรียมห้องทำงานให้พร้อมก่อนเลย เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาทั้งกับเขาและตัวลูกค้าเอง

            เอ่อ.. ผมไม่ได้จะมาสักน่ะครับ พอดีผมมาหาคนที่ชื่อซะ-”

            มาแล้วหรอเมษ!”

            ซึ่งยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้พูดอะไรกันต่อ เสียงของน้องสาวเขาก็ดังขึ้นมาจากที่พักบันไดและตามด้วยเสียงตึงตังตามแรงส้นเท้าของมันที่คงจะรีบจนเผลอวิ่งในบ้านอีกตามเคย

            เฮียบอกแล้วนะ ว่าอย่าวิ่ง ถ้าชนข้าวของกูพังมึงต้องจ่ายทั้งหมดเลยนะเขาเอ็ดใส่เจ้าหล่อนที่ดูจะไม่ได้สนใจเขาเท่าชายเรียบร้อยที่ดูออกจะเนิร์ดหน่อยๆ นั่น

            เขาอดนึกคิดหนักไม่ได้เลยที่ดันอนุญาตให้มันมาอยู่กับเขาที่บ้านกึ่งร้านสักที่เขารีโนเวทใหม่หลังจากที่ตาของเขาเสีย เขาก็ได้ขอย้ายแยกตัวออกมาที่บ้านหลังนี้แทน ส่วนยัยซัมหรือซัมเมอร์มันก็อ้างว่าบ้านมัน(ที่อยู่กับพ่อและแม่เลี้ยงเขา)อยู่ไกลจากมหาลัย และบ้านของเขามันใกล้กว่า จึงขอมาอยู่ด้วยจนกว่าจะเรียนจบเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

            แต่ความจริงแล้วเขาว่ามันขี้เกียจตื่นเช้ามากกว่า

            มาๆ เมษ ทำตัวตามสบายเลยไม่ต้องสนใจพี่กูนักหรอกน้องเขาชวนมันเข้ามาอย่างมีมารยาท(?)โดยไม่สนใจเขา แต่ถึงเจ้าหล่อนจะพูดอย่างนั้น ไอ้เด็กที่ชื่อว่าเมษก็ยังคงความสุภาพกับเขาด้วยการก้มศีรษะให้เขาพร้อมขออนุญาตเขาเข้าบ้านพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูสุภาพ ก่อนจะตามน้องเขาขึ้นไปชั้นบนโดยที่มันบอกว่ามานัดทำรายงานกัน

            เวลาผ่านไปจนจวนจะใกล้เวลาของลูกค้าคิวสุดท้ายของวัน เขาบิดขี้เกียจก่อนจะลุกขึ้นมาเตรียมตัวเตรียมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ รอ และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไอ้เด็กนั่นมันลงมาพอดี

            พี่ครับมันเดินเรียกเขาหลังจากที่ยืนมองเขาอยู่สักพัก เขาเองก็รู้ตัวว่าถูกมองอยู่ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากที่ช่างสักอย่างเขาจะถูกมองจนกระทั่งมันเดินมาหา

            หืม? ว่า?”เขาวางอุปกรณ์ลงให้เข้าที่ หันไปมองมันด้วยความสงสัย

            ค่าสักนี่ปกติเท่าไหร่หรอครับ

            อ่อ แล้วแต่ขนาดกับตำแหน่งน่ะ แต่ถ้าถูกสุดก็เริ่มที่พันต้นๆเขาตอบไป มันก็เงียบไปสักพักหลังจากพยักหน้ารับเขา ก่อนจะชี้นิ้วชี้มาที่ลายสักสไตล์ไทรบอลที่อยู่บนแขนซ้ายของเขา

            แล้วถ้าแบบนี้ล่ะครับ

            แบบนี้หรอ ขึ้นอยู่กับช่างน่ะ แต่ถ้าของพี่ก็ราวๆ หมื่นอัพเขาว่าไปตามความจริง พอมันได้ยินแบบนั้นก็ดูจะอึ้งนิดๆ แล้วจ้องมาที่ลายสักบนแขนข้างซ้ายที่ว่าต่อ จนเขาอดรู้สึกจั๊กจี้และอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากมันมีมารยาทแบบน้องเขามันคงจะจับแขนเขาพลิกไปพลิกมาดูแล้ว

            อยากสักหรอเขาถามมันที่ดูจะสนใจลายสักที่แขนซ้ายของเขาเป็นพิเศษ

            อ่ะ! เปล่าหรอกครับพี่ ผมไม่ได้อยากสัก

            หืม?

            เอ่อ.. แค่เห็นว่ามันอยู่ที่แขนพี่แล้วดูสวยดีน่ะครับมันว่าด้วยรอยยิ้ม แล้วขอตัวกลับ

            และนั่นคือการพบเจอกันครั้งแรกของเขากับมัน

 

            กูไปก่อนนะเสียงของมันร้องบอกเขาคล้ายกับเสียงนกแก้วที่แม่เขาชอบเลี้ยงไว้ไม่มีผิด จนเขาอดอมยิ้มไม่ได้

            เออ เอากุญแจไปด้วยล่ะ เผื่อกูหลับไปแล้วมึงจะได้ไม่ต้องไปเปลืองเงินค้างที่อื่นเขาโยนกุญแจส่งให้มัน มันก็รับกุญแจเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงและกลับไปผูกเชือกรองเท้าของมันต่อ

            พอเห็นแบบนั้นเขาก็ยกยิ้มออกมาพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ ย่อตัวลงไปนั่งยองๆ อยู่ข้างหลังมัน และใช้จังหวะที่มันมัวแต่ผูกเชือกรองเท้าจนไม่ได้สนใจเขาคว้าแขนมันมาจูบลงตรงหลังข้อมือของมัน

            ...พี่!”

            ผลจากการกระทำที่จู่โจมโดยไม่ทันให้มันได้ตั้งตัวของเขาก็ทำให้การทำงานของร่างกายของมันหยุดชะงักลงราวกับหุ่นยนต์ลืมชาร์จแบตไปราวสามสี่วินาที กว่าที่มันจะตั้งสติหันกลับมาว่าเขาได้

            เอ้า! ก็คนเขาอุตส่าห์หยิบให้ ขอบคุณสักคำก็ไม่มี คน-แถว-นี้เขาแกล้งทำเป็นงอนหันหน้าหนีใส่มัน มันที่เห็นเขาทำแบบนี้ก็ถึงกับเงียบไปสักพักก่อนจะหันกายมาทิ้งน้ำหนักโถมใส่ พร้อมกับเอาคางมาเกยบ่าเขา

            มึงทำอะไรวะ

            พี่ก็รู้นี่มันลากเสียงยืดยาวใส่เขาคล้ายกับแมวที่พยายามจะง้อเขา แต่ก็เป็นการง้อในแบบฉบับแมวของมัน

            ขอบคุณ เฮียทัชที่สุดก่อนจะพูดขอบคุณเขาด้วยความกวนแบบฉบับดั้งเดิมของมัน แต่เขาก็กะไว้อยู่แล้วจึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนจะยกมือไปหยิกดึงแก้มของมันยืดเบาๆ

            เออ ระวังอย่าดื่มเยอะล่ะมึงเขาบอกมันที่กำลังจะออกไปตามนัดกับกลุ่มเพื่อนของมัน

            อืม ไม่เยอะหรอกมึง แต่เสียดายมึงไม่ไปด้วย

            กูก็อยากไปนะ แต่ติดคิวลูกค้าอ่ะดิเขาว่าไปตามจริง มันที่ได้ฟังแบบนั้น แม้ปากจะขานตอบอย่างเข้าใจแต่ก็ยังคงเอาหน้าซุกกับบ่าเขาไม่ไปไหนอยู่ดี จนเขารู้สึกจั๊กจี้ที่เส้นผมของมันมาคลอเคลียกับต้นคอของเขา

            งั้นไม่ต้องไปมั้ยมึง

            ม่าย คิดถึงเพื่อน อยากไปหาเรื่องคุยกับเพื่อนมันตอบเขาทันควัน

            ป่ะ ไปเถอะ ให้กูไปส่งมั้ย

            ไม่ต้อง ค่อยมารับทีเดียว

            เออ ถ้ากูยังไม่หลับนะเขาว่ากับมันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะดันตัวที่คลอเคลียของมันออกจากเขา เพื่อไล่ให้มันไปแดกเหล้ากับเพื่อนมันสักที แต่แล้วในจังหวะที่เขาเผลอมันก็กดริมฝีปากมาจูบเขาไวๆ ทีหนึ่ง และรีบผละออกไปอย่างรวดเร็ว

            ไปแล้วนะ เดี๋ยวรีบกลับ ถ้ามึงนอนแล้วเดี๋ยวเรียกแท็กฯ กลับว่าแล้วมันก็รีบเปิดประตูชิ่งออกไป

            เขากับมันคบกันมาได้เกือบจะครึ่งปีมาแล้ว และมันก็มาอยู่กับเขาได้ราวๆ เดือนหนึ่งแล้ว ตามคำชวนของเขาเอง

            ในช่วงแรกๆ ที่พวกเขาคบกัน คนรอบข้างเขาก็ต่างแทบไม่เชื่อหูเชื่อตาตัวเอง เพราะเขาเคยบอกไว้ชัดเจนว่าตัวเองชอบผู้หญิงและจะไม่คบกับผู้ชาย แต่สุดท้ายก็จบลงที่เขาได้หลงรักมันเข้าแบบจังๆ

            และถ้าหากมีใครมาถามถึงสาเหตุหรือเหตุผลของการตกหลุมรักมัน แม้ว่าใครคนนั้นจะเป็นมันเขาก็ไม่สามารถหาคำตอบอื่นได้นอกจากคำว่า มัน

            คล้ายกับว่าทุกครั้งที่ได้ใช้เวลาร่วมกับมัน ช่วงเวลานั้นมันก็ราวกับเป็นการเติมเต็มอไรบางอย่างในใจของเขา จากเล็กน้อยไปยิ่งมากล้นจนแม้ตัวเขาเองก็ไม่ทันได้สังเกต จนมีครั้งหนึ่งที่เขาถึงขั้นเก็บไปฝัน...

            ในการพบกันอีกครั้ง หลังจากการเจอกันครั้งแรกของพวกเขา เขายังคงจำมันได้

            วันนั้น... ไม่สิ คืนนั้นที่น้องเขามีนัดดื่มสังสรรค์ของสาขา มันที่ไม่ได้เจียมตัวเจียมคอตัวเองก็เล่นดื่มหนักจนเมาเละกลับมา โชคดีที่มันมีไอ้เด็กเมษที่เคยมาบ้านเขาเมื่อคราวนั้นมาช่วยแบกมันกลับมา จนมันต้องยอมเลอะอ้วกของยัยซัมแทน

            พอเห็นมันยอมอยู่ในสภาพนั้นเพื่อพาน้องเขามาส่งถึงที่ เขาก็อดแซวมันไม่ได้ว่าถ้ามันยอมทำขนาดนี้ เขายอมให้มันเป็นเขยบ้านนี้เลยก็ได้ ซึ่งพอมันได้ยินแบบนั้นมันก็รีบปฏิเสธทันที

 

            วันต่อมาหลังจากที่ยัยซัมเมามายไม่ได้สติกลับมาจนต้องพึ่งไอ้เมษมันมาส่งในสภาพที่เน่าเละไปด้วยอ้วกของยัยซัม เขาที่เห็นแบบนั้นก็อดสงสารและเห็นใจมันไม่ได้ เลยให้มันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในบ้านเขาแทนไปก่อน แล้วว่าจะให้ยัยซัมเอาเสื้อผ้ามันไปคืนและเอาเสื้อผ้าที่เขาให้มันยืมกลับมาแทนในวันนี้ แต่พอถึงเช้ารุ่งขึ้น(ที่เกือบเที่ยง)ยัยซัมที่ได้สติขึ้นมาในสภาพซอมบี้ก็เพิ่งมาบอกหรืออาจจะเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองมีเข้าค่ายกิจกรรมในวันนี้

            สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องเป็นคนไปส่งมันพร้อมขี่มอไซค์เลยไปส่งเสื้อและเอาเสื้อผ้าตัวเองคืนจากไอ้เมษตามแผนที่ที่ยัยซัมส่งมาให้ โดยสถานที่นัดพบกับมันเป็นร้านขนมหวานในโซนที่เต็มไปด้วยร้านอาหารนานาชาติ ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาเห็นจุดนัดพบของเราง่ายขึ้น

            พี่ซัม! มาแล้วหรอ ทางนี้ครับพี่ทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในร้าน มันที่เห็นเขาก็รีบต้อนรับและพาเขาไปที่โต๊ะ

            กินอะไรมั้ยพี่มันยิ้มร่าให้เขาก่อนจะยื่นเล่มเมนูร้านมาให้ โดยที่เขาไม่สามารถตั้งตัวปฏิเสธมันได้ทัน เขาจึงรับมาแล้วแสร้งเปิดหน้าเมนูขนมหวานไปแบบผ่านๆ ส่วนมันพอได้ทำหน้าที่ดูแลเทคแคร์เขาสมใจแล้วก็ยิ้มชอบใจก่อนจะหันกลับไปหากลุ่มเพื่อนๆ ของมันอีกโต๊ะหนึ่ง

            ร้านนี้นอกจากจะอยู่ท่ามกลางร้านอาหารแล้ว มันยังอยู่ไม่ไกลจากมหหาลัยที่มันและน้องเขาเรียนอยู่ จึงไม่แปลกเลยที่เมื่อเขาหันไปทางไหนก็จะเจอแต่กลุ่มนักศึกษาจากมหาลัยมัน

            ว่าไงพี่ เลือกได้ยัง

            โทษที พี่ไม่ค่อยชอบของหวานน่ะเขาตอบกลับความจริงกลับไปและปิดเล่มเมนูลงกับโต๊ะ เลื่อนส่งคืนไปให้มัน และหวังว่าเขาจะได้กลับไปเตรียมตัวรับลูกค้าต่อ

            แต่เมื่อเขาเงยหน้าไปมมองมัน แวบหนึ่งเขาได้เห็นสีหน้าที่ดูหงอยลงของมัน และถูกเปลี่ยนกลับไปเป็นสีหน้ายิ้มแย้มอีกเช่นเคย จนเขาแอบรู้สึกผิดที่ดันไปปฏิเสธความหวังดีของมัน

            งั้นหรอครับ งั้นขอบคุณนะครับที่เอาเสื้อผ้ามาให้ อ่ะ! นี่เสื้อผ้าที่พี่ให้ผมยืมครั้งนี้มันไม่มีรีรอให้เขาพูดอะไรต่อ คว้าเอาถุงกระดาษที่ภายในมีเสื้อผ้าที่เขาให้ยืมส่งคืนมาให้

            กลับดีๆ นะครับพี่

            เอ่อ...

            ครับ?”

            พี่กลับล่ะเขาที่ไม่ได้ถนัดในการหาหัวข้อสนทนาพูดออกมาได้แค่นั้น

            ครับ พี่มีงานใช่มั้ยล่ะ เห็นมองนาฬิกาอยู่ตลอดเลยมันว่าอย่างช่างสังเกต

            ตั้งใจทำงานล่ะพี่มันยกยิ้มจนตาหยีพร้อมยกกำปั้นให้กำลังใจเขา จนเขาเผลอหลุดหัวเราะออกมากับความน่าเอ็นดูของมัน

            เงินมาพี่ก็ตั้งใจอยู่แล้วล่ะ ..เออ เมษ

            ครับ?”

            ไว้คราวหน้าพี่จะมากินด้วยนะ โทษที วันนี้พี่มีงานจริงๆเขาโบกมือลาลวกๆ ก่อนจะเดินออกไปจากร้าน เพื่อไปทำงานของตัวเอง

 

            ผ่านมาจนเกือบสองสัปดาห์เขาก็เพิ่งมานึกได้ว่า เขากับมันไม่ได้มีอะไรแลกกันสำหรับติดต่อกันนี่หว่า

            เฮ้ย ยัยซัม เดี๋ยวก่อน

            ในระหว่างที่เขากำลังสักลายให้ลูกค้า ยัยตัวดีที่เขารอมานานก็เพิ่งจะกลับมาบ้าน

            อะไรเฮีย ตั้งนานเพิ่งจะมาดุที่ซัมกลับบ้านดึกหรอ ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องห่วง ถ้ามีใครมาทำอะไรซัม ซัมก็จะทำตามที่เฮียสอนนั่นแหละ กระแทกเข่าใส่ไข่แม่งเลย!”เจ้าหล่อนทำท่าทางประกอบให้เขาดู ซึ่งมันจะไม่อะไร หากแต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เขาอยากจะพูด

            เออ กูรู้ว่ามึงโตแล้วดูแลตัวเองได้ แต่ที่กูเรียกมึงมามันไม่ใช่เรื่องนั้น

            อ้าว? แล้วอะไรล่ะเฮีย

            ช่วงนี้มึงได้เจอไอ้เมษมั้ย

            ก็เจอดิ สาขาเดียวกันนะเฮีย แต่ถามทำไมล่ะเฮียจากคำถามของเขา เจ้าหล่อนที่สงสัยอยู่แล้วก็ยิ่งมีความสงสัยมากขึ้นไปอีก

            แล้วช่วงนี้มีนัดดื่มอะไรกับมันมั้ยวะ

            ไม่นะ ว่าแต่แปลกๆ นะ ทำไมจู่ๆ เฮียถึงถามหามันวะ

            คำถามของน้องเขาทำเอาเขาหยุดชะงักมือที่กำลังสักลายให้ลูกค้าไปชั่วขณะ ก่อนจะกลับมาตั้งสติทำงานต่อ และส่งสายตาไล่ให้มันขึ้นห้องของมันพร้อมกับเสียงบ่นอุบอิบของมันเอง

 

            ไอ้ทัช! มึงมาสายมึงต้องเลี้ยงนะ

            ทันทีที่เขาเข้าไปในร้านเหล้า พวกกลุ่มเพื่อนที่เห็นเขาเพิ่งมาทีหลังสุดก็รีบเล็งหัวคนมาสายให้จ่าย ทั้งที่เขามัวแต่ติดปัญหากับลูกค้าคนล่าสุด

            *ว่าแล้วคนสุภาพแบบเขาก็ยกนิ้วกลางใส่พวกแม่งทันที แม้จะพอรู้อยู่ว่าพวกแม่งแค่ล้อเล่นเฉยๆ เท่านั้น เพราะถ้าจะให้เขามาจ่ายให้แทนจริงๆ เขาขอกลับเลยดีกว่า

            พวกกูล้อเล่น มาๆ มาแดกกันมึง

            พอพวกเขาเริ่มต้นวงเหล้าเสียงโวยวายในกลุ่มก็กลับมาอีกครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจด้วยความเคยชิน มีเพียงจุดมุ่งหมายที่จะมานั่งแดกเหล้าฉลองเปิดร้านวันแรกของร้านหนึ่งในเพื่อนเขาเท่านั้น

            ในระหว่างนั้น เขาที่ไม่ได้มีอารมณ์ร่วมไปกับบทสนทนาสัพเพเหระของพวกมันก็ได้ไถสายตามองวิวรอบๆ ร้าน จนกระทั่งเผลอสะดุดเข้ากับโต๊ะตัวที่อยู่ถัดไปจากโต๊ะเขาสองโต๊ะ

            กลุ่มชายหญิงที่เขาก็ไม่ได้รู้จักหรือคุ้นหน้าคร่าตาอะไร มีเพียงความรู้สึกที่รู้สึกคุ้นกับเบื้องหลังของหนึ่งในนั้นที่ทำให้ฉงนใจมากกว่าคนอื่น

            เบื้องหลังของชายคนนั้นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาคุ้น แต่ทรงผม ระดับความยาวของผม และสีผมของชายคนนั้นกลับดูแตกต่างออกไปจนเขาไม่กล้าชั่งใจไปได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

            เฮ้ย! มึงมองอะไรวะไอ้ทัชเพื่อนอีกคนที่นั่งตรงข้ามกับเขาหันมาถามด้วยความสงสัย จนเขาต้องยอมละสายตาจากโต๊ะดังกล่าวนั่นไป

            เปล่า กูเหม่อไปทั่วนั่นแหละเขาอ้างแถไปงั้น

            ไม่ใช่ว่าเจอสาวหรอวะมันไม่เชื่อในคำแถของเขาจนต้องหันไปมองตามจุดจากการคาดเดาโฟกัสที่เขามองไปก่อนหน้านี้ พอเห็นแบบนั้นเขาก็ทำทีนิ่ง ก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะจนเพื่อนเขาถึงกับต้องถามว่าเขาไปไหน        

            ไปเยี่ยวว่าแล้วเขาก็หันหลังจะเดินไปทางห้องน้ำของร้าน หากแต่เขาไม่ถูกเสียงที่คุ้นหูทักขึ้นเสียก่อน จนเขาต้องหันไปตามเสียงเรียกนั่น

            ชายตรงหน้าเขามั่นใจว่ามันเป็นชายคนเดียวกับคนที่เขามองอยู่เมื่อครู่ และแถมยังเป็นคนเดียวกับคนที่เขากำลังถามถึงในช่วงนี้อีก

            อ้าว? นี่เปลี่ยนสีผมมาหรอนั่นเป็นประโยคแรกที่เขานึกขึ้นได้

            ผมที่เคยเป็นสีน้ำตาลกลางๆ ตอนนี้มันกลับกลายเป็นสีเทาเงินปลายม่วงพาสเทลแทน และระดับผมที่ยาวขึ้นจนเกือบจะคลอเคลียกับต้นคอล่าง บวกกับทรงผมที่ดูจะยุ่งเหยิงกว่าทุกที แต่ก็เพียงแค่ครึ่งหลัง เพราะครึ่งหน้าของมันมีที่คาดผมคอยจัดทรงให้อยู่ แต่แค่นั้นมันก็ทำให้มันดูต่างไปจากมันคนเก่าที่เขาเคยไปเจอ

            อ่อ ใช่พี่มันตอบเขาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะดันแว่นสีพิงค์โรสทรงหวานอันที่เขาไม่เคยเห็นให้เข้าที่

            พี่มาดื่มกับเพื่อนหรอครับ สวัสดีครับมันถามเขาส่งๆ ก่อนจะหันไปก้มศีรษะเล็กน้อยทักทายกลุ่มเพื่อนของเขาด้วยรอยยิ้มสุภาพตามแบบฉบับเดิมของมัน เพื่อนๆ กลุ่มเขาเองเมื่อเห็นแบบนั้นก็ไม่มีใครไม่ยินดีที่จะได้ทำความรู้จักกับมันที่มีบุคลิกต่างจากพวกเขาอย่างสิ้นเชิง

            พี่ ผมไปก่อนนะ พอดีมีธุระว่าแล้วมันก็โบกมือลาเขา และหันไปก้มศีรษะลากลุ่มเพื่อนเขา ก่อนจะออกไปจากร้านด้วยควมร้อนรน

            หลังจากที่เขากินดื่มจนพอใจก็ขอตัวกลับก่อน เพราะพรุ่งนี้เขามีนัดงานกับลูกค้าช่วงเช้า ทำให้ไม่สามารถดื่มได้หนักแบบทุกที

            แต่ในระหว่างขากลับ สายตาเขาก็หันไปเห็นษคนเดิม เพิ่มเติมคือรอยแดงบนแก้มซ้ายของมัน ซึ่งเป็นรอยที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้ว่ามันคือรอยอะไร

            นั่นมันรอยตบไม่ใช่หรอวะ

            อ้าว? พี่! เจอกันอีกแล้วนะมันว่าด้วยใบหน้าแดงระรื่น แต่ยังคงโบกไม้โบกมือยิ้มร่าให้เขา

            อืม ยังไม่กลับหรอวะมึงและด้วยฤทธิ์เหล้ากับความเมานิดๆ ทำให้เขาเผลอพูดมึงกูกับมันตามนิสัยหยาบๆ ของเขา

            อื้ม! รอรถเป็นเพื่อนเพื่อนน่ะ พี่จะเรียกแท็กซี่ป่ะ

            ก็ว่าจะเรียกนะเขาตอบแล้วไปยืนรอข้างๆ มันที่จุดรอแท็กซี่ และในระหว่างที่ยืนรอกันมันก็แวบหายไปสักพักก่อนจะกลับมาด้วยแก้วน้ำสีขาวขุ่นที่มีไอน้ำเกาะอยู่

            อะไรวะเขาถามมันที่จู่ๆ มันก็ยื่นแก้วน้ำนั้นมาให้เขา

            น้ำมะพร้าวปั่นพี่ เอาป่ะ ผมยังไม่ได้ดูดไม่ต้องห่วงมันว่าและยังคงถือค้างไว้ให้เขา พอเป็นแบบนั้นเขาเลยรับมันมาไว้ในมือ

            ถ้ากูมีโรคล่ะเขาแกล้งถามมัน

            ก็ถ้าพี่มีโรคผมก็ยกให้พี่หมดเลยละกันมันว่าและทำราวกับว่าคำพูดของเขาแป็นเรื่องตลก เขาที่เห็นแบบนั้นก็ส่ายหัวเบาๆ ก่อนที่จะลดระดับแก้วลงให้หลอดพอดีปากมัน

            พี่ไม่กินหรอมันหันมาถามเขาด้วยความสงสัย

            ไม่ล่ะ กูแดกเหล้ามาพอละ มึงแดกเถอะ เดี๋ยวกูถือให้ มือมึงแดงหมดแล้วเขาว่าและยังคงยืนยันที่จะถือให้มัน เพราะมือที่แดงระรื่นเพราะความเย็นของแก้วที่คนเมาบางคนยังไม่รู้สึกเลยด้วยซ้ำ

            อา แต่เกรงใจจังพี่มันว่าอย่างนั้น แต่ก็ยอมให้เขาถือมันให้ต่อเมื่อเห็นว่าความเกรงใจของมันสู้ความรั้นของเขาไม่ได้

            ขี้เกียจกลับว่ะพี่

            ในช่วงที่พวกเขาได้แต่ยืนรอรถ จู่ๆ มันก็พูดขึ้นลอยๆ ขัดความเงียบยามค่ำคืน เขาที่ได้ยินว่าด้วยน้ำเสียงที่ไม่เหมือนเดิมก็ได้หันไปมองมัน

            สีหน้าที่ปกติมักจะดูสดใส ตอนนี้กลับดูว้าเหว่และเคว้างคว้างมากกว่าความมืดของท้องฟ้าที่ไร้ดาวตอนนี้เสียอีก

            หืม?”

            แต่พอมันเห็นว่าเขามองอยู่ใบหน้าที่ดูต่างออกไปนั่นก็กลับกลายเป็นใบหน้ารอยยิ้มฉบับเดิมของมัน และเบี่ยงสายตาเขาโดยการหาเรื่องคุยอีกครั้ง

            พี่รู้ป่ะ ผมเคยตัดนิ้วตัวเองด้วยแหละมันว่าด้วยน้ำเสียงร่าเริง แล้วกางฝ่ามือชูให้เขาเห็นรอยตัดที่ฝ่านิ้วข้างในให้ดู

            ห๊ะ? คนบ้าอะไรตัดนิ้วตัวเอง

            โหย! ผมก็ไม่ได้บ้าขนาดนั้นป่ะพี่ นี่มันอุบัติเหตุต่างหากมันว่าพร้อมเสียงหัวเราะก่อนจะเล่าต่อ

            ตอนนั้นผมหิวขนมแต่แกะไม่ได้ เลยเอากรรไกรมาตัดแต่มันดันพลาดไปตัดเนื้อนิ้วตัวเองดังกึบเลย ตอนนั้นตกใจแทบแย่แน่ะ

            หิวจัดเลยดิมึงเขาว่าแล้วยกมือขึ้นหวังจะไปยีหัวมันเล่น แต่ยังไม่ทันจะแตะโดนเส้นผมมัน เสียงของมันก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

            พี่! แท็กฯ มาแล้วนะ

            พอได้ยินอย่างนั้นเขาก็รีบชักมือกลับ และพยักหน้าตอบมัน โดยที่เขาไม่ทันจะได้พูดหรือทำอะไรต่อมันก็กึ่งดันกึ่งผลักเขาเข้าแท็กซี่ไป หลังจากที่มันบอกโซนที่อยู่เขาให้คนขับเรียบร้อยแล้ว

            ไม่ทันไรเขาก็ทำได้เพียงนั่งมองอำลามันจากในรถ แล้วพอได้สติเขาก็ทำได้เพียงยกมือข้างนั้นมายีหัวตัวเองแทน

            กูว่ากูดื่มเบาแล้วนะ ทำไมมันมึนขนาดนี้ว่าเนี่ย

 

100%