น้อง x ลุง

Note โดนยุมาค่ะ ฮา

 

#มนต์รักยาหม่อง

 

จริงๆ ผมก็ไม่ได้คิดหรอกครับว่าเรื่องมันจะดำเนินมาถึงขนาดนี้ เล่ากันง่ายๆ เรื่องมันเริ่มตอนผมอายุ 17 อยู่ๆ ก็เสือกไปคิดว่าลุงข้างบ้านที่เป็นพ่อของเพื่อนสนิทดู น่ารัก ฉิบหาย พอคิดได้แบบนั้นก็รู้แล้วแหละว่ากูคงจะแปลกๆ ลุงไม่ได้แปลกหรอก กูแน่ๆ กูนี่แหละที่แปลก กูชัวร์ๆ เพราะคิดแบบนั้นก็เลยถอยห่างลุงออกมา แต่อย่างว่าเพราะเป็นพ่อของเพื่อนสนิท ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้โตมาด้วยกัน มันก็ยังเลี่ยงได้ยากอยู่ดีป่ะวะ ในตอนที่พยายามหาทางเลี่ยงไม่เจอกันสุดฤทธิ์ ระหว่างนั้นก็พยายามมองน้องดาว ดาวโรงเรียนที่พยายามเดินมาเฉียดผมบ่อยๆ แล้วใครๆ ก็บอกว่าน้องดาวชอบผม ผมก็พยายามมองแล้วนะ ว่าน้องมันก็น่ารักดี แต่แบบ ยังไงดีล่ะ น้องมันน่ารัก แต่ไม่ได้น่ารักแบบนั้นว่ะ น้องน่ารัก แต่ไม่ได้อยากได้เป็นแฟนอะ น้องน่ารัก แต่น้องไม่เหมือนลุง ...

 

ความจริงมันก็ไม่ใช่ความแปลกของใครทั้งนั้นนอกจากกูนี่หว่า ...หรือจริงๆ กูจะชอบคนแก่วะ .. แต่คนอื่นก็ไม่เห็นน่ารักเท่าลุงจริงๆ นี่หว่า

 

น้อง มากินพิซซ่าบ้านกูป่าว พ่อซื้อมา”

 

เสียงเพื่อนสนิทดังรัวๆ จากรั้วข้างบ้าน พอหันไปมองกันเจอลุงยิ้มหวานชูถุงพิซซ่าอยู่ข้างๆ ระดับผมเจอรอยยิ้มหวานหยดย้อย แอ็คแทคขนาดนั้นก็ไปไม่เป็นสิครับ ความน่ารักกระแทกใจดังปั๊ก แทบจะกระอักออกมาเป็นน้ำตาล ไม่อยากจะบอกหรอกนะ ว่าอยากได้เป็นแฟน ... โอ๊ยๆ ไม่ใช่ว้อยยยยยยยยยยย นาทีนี้ต้องหนีแล้วครับ หนีให้ไกล ไกลจากเธอ...

 

พอสรุปได้แบบนั้น อายุ 18 ไม่เท่าไหร่ ผมก็หาเรื่องเลิกไปโรงเรียนเลย อ้างว่าไปติวบ้าง ไปอ่านหนังสือที่อื่นบ้าง เมินดราม่าเพื่อนสนิทที่เอาแต่ถามว่ามึงเป็นไรอะ ทำไมไม่คุยกับกู ไม่มาบ้านกู ไม่คุยกับพ่อกู เมินมันไปให้หมด แล้วสุดท้ายพอสอบติดมหาลัยในกรุงเทพ ก็ไปเลยครับ ไปเลยยยยยยยยย ลาก่อนเชียงใหม่ ลาก่อนไอ้เพื่อนรัก ลาก่อนนะลุง ผมจะไปหาเมียน่ารักๆ ที่มองยังไงก็น่ารักกว่าลุงให้ได้ เมืองใหญ่ฉิบหาย ยังไงก็ต้องหาเจอสักคนแหละ

 

ความคิดแบบนั้นเป็นแรงขับเคลื่อนชั้นดี ไม่ได้คิดเลยว่าน้องดาวที่มาชอบตัวเองความจริงก็โคตรจะน่ารัก ขนาดนั้นกูก็ยังไม่ชอบเขา หรือผู้ชายคนอื่นที่วัยไล่ๆ กันก็น่ารักเหมือนกัน ตัวหอมด้วย ไม่มีกลิ่นยาหม่องเหมือนลุงสักหน่อย กูก็ยังไม่มองสักที แล้วยังจะมีหน้ามีความหวังจะเจอหนุ่มรุ่นลุงเมืองกรุงตัวหอมที่เราจะมองว่าน่ารักได้จากที่ไหน แต่เอาเป็นว่า ตอนนั้นมันคิดว่าไหวไงครับ ใครๆ เกิดมาก็ต้องมีความหวังใช่มั้ยผมว่านะ

 

พอมาอยู่กรุงจริงๆ ในใจดันคิดถึงแต่หน้าเขา โทรกลับบ้านก็ต้องคอยถามว่าข้างบ้านเป็นไง เพื่อนมีแม่ใหม่ยัง ลุ้นทุกวันว่าคำตอบจะออกมาแบบไหน ถามจนพี่สาวด่าว่าไอ้น้อง มึงบ้าหรือเปล่า จะถามทำไมนักหนา แต่ก็นั่นแหละ คนมันอยากรู้นี่หว่า จะให้ไม่ถาม อมน้ำลายให้บูดอยู่ทำไม พยายามไปเที่ยวบาร์ ไปทำตัวหลงแสงสี ไปส่ายสะโพกโยกย้ายกับเพื่อนที่ผับแล้วนะครับ แต่น้ำหอมไหนๆ ก็ไม่หอมเท่ากลิ่นยาหม่องตราถ้วยทองจริงๆ ว่ะ ไม่รู้ว่าผู้ผลิตเขาใช้อะไรเป็นส่วนประกอบบ้าง กูจะไปหามาถมห้องให้ แต่ก็นั่นแหละ พอเอามาดมจริงๆ มันก็ไม่ได้หอมเท่าไหร่นี่หว่า แล้วกลิ่นก็ไม่ได้ติดจมูกเท่าไหร่ด้วย หรือจริงๆ ความสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่ยาหม่อง แต่อยู่ที่คนทายาหม่องกันแน่

 

คิดมากไปก็คงจะเป็นประสาท หลังจากทำท่าเหมือนจะทิ้งเขาไม่เอาเขาแล้วโว้ย (ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แม้แต่จะบอกเขาว่าชอบน่ะนะ) เวลาผ่านไปแป๊บๆ ก็จะอยู่ปีสี่ เปลี่ยนความคิดถึงบ้าๆ บอๆ ของตัวเองเป็นหลังขับเคลื่อน ผ่านวิกฤตสร้างกรุงโรมในวันเดียวเอย ทำสถิติ ไม่นอนตลอด 48 ชั่วโมงเอย นอนหลับรวดเดียว 24 ชั่วโมงเอย นอนเจ็ดโมงเช้า ตื่นเจ็ดโมงครึ่งเอง แป๊บๆ ก็ได้ใบปริญญามาครองแบบสมใจพ่อแม่ ถึงจะไม่ได้รับจากมือใครก็นอกจากเจ้าหน้าที่ที่มหาลัยก็เหอะ สุดท้ายไอ้น้องก็หอบใบปริญญา พร้อมกับโทรศัพท์เครื่องเก่า เบอร์เดิมที่โทรหาที่บ้านเพื่อถามเรื่องเขาทุกวันกลับบ้านมาแบบ หล่อ เท่ ใจดี รักเดียว เชียงใหม่

 

ก็ถ้าไม่เชื่อว่ารักเดียวนี่ก็ไม่รู้จะพูดไงละนะ วันๆ เอาแต่คิดถึงค่ายาหม่อง มือกลิ่นยาหม่อง รอยยิ้มหวานๆ ตาแป๋วๆ แก้มขาวๆ ของลุงข้างบ้าน สี่ปีผ่านไปแล้วนะเหอะ กูยังเฝ้าฝันถึงนายในใจคนเดียวอยู่เลย ...

 

เอาล่ะ อย่างแรกที่ควรทำ นอกจากกลับบ้านไปกอดพ่อ กอดแม่ กอดพี่สาว (ที่ก็คงไม่ให้กอดหรอก) ก็คือการนัดไอ้เปี๊ยก เพื่อนสนิทข้างบ้านออกมาพูดเปิดอก เปิดใจ เปิดชั้นใน เปิดชั้นนอก ..ไม่ใช่!เปิดอกเปิดใจว่าในใจนายน้องมีเพียงลุงปองพ่อมันนี่แหละ เอาล่ะ บทก็เตรียมแล้ว หน้าก็ทาแป้ง แต่งตัวเรียบร้อย รองเท้ารัดส้น ผมก็ใส่เจล ดูยังไงก็สุภาพเรียบร้อย เหมาะสม เหมาะสม แต่พอถึงเวลาไอ้เปี๊ยกมานั่งตาแป๋วจ้องตอบกลับมาจากฝั่งตรงข้ามของโต๊ะจริงๆ บทที่อุตส่าห์คิดมาทั้งคืนกลับไม่ช่วยอะไร คิดอะไรไม่ออกสักกะตัว จากที่ท่องไว้ว่าจะเกริ่นตรงนั้น ตรงนี้ คำสารภาพยาวกว่าวิจัยบทสองที่ส่งอาจารย์ตอนเรียนจบ หรือจริงๆ เพราะมันยาวกูเลยคิดไม่ออกวะ ...ไม่น่าน้า ... เอาเหอะ สรุปก็คือ พอไอ้เปี๊ยกมาอยู่ตรงหน้า บทที่จดมาก็เหมือนเส้นมาม่าอืด เละเทะ ดูไม่ออกแล้วว่าอ่านว่าอะไร แถมใจเจ้ากรรมดันเต้นตึก ตัก ตึก ตัก ตึก ตัก ตึก ตัก ตึกตัก จนปวดหัว ปวดหู ปวดหลังไปหมด สุดท้ายพอควักยาหม่องขึ้นมาดมเฮือกหนึ่งก็โพล่งออกไป

 

เปี๊ยก กูว่ากูชอบพ่อมึงอะ”

 

ใช่แหละ โคตรจะห้วน และไม่ใช่สิ่งที่คิดว่าจะพูดเลยแม้แต่น้อย กระพริบตาปริบๆ แล้วก็ได้แต่ยอมรับผลกรรม น้ำตาท่วมในอกเหมือนท่อประปาแตก ยังไม่ทันจะไหลออกทางตา เพื่อนสนิทก็หัวเราะร่า เสียงดังสนั่นแล้วบอกว่า

 

กูรู้ตั้งนานละ หนีไปขนาดนั้นยังไม่พ้นฤทธิ์ยาหม่องเหรอไอ้น้อง”

 

ท้ายประโยคลากเสียงยาวยียวน ดูยังไงก็กวนบาทา แต่เป็นครั้งแรกที่ผมคิดไม่ทันจริงๆ ว่าเพื่อนกำลังกวนตีน หรืออะไรวะ

 

เดี๋ยวๆ ..”

 

จะถามอะดิ ว่ากูรู้ได้ไง เวลามึงโทรกลับบ้านมา ถามหาพ่อกูทุกครั้งใช่มั้ย พี่พี่ก็บอกกูทุกวันอะ ว่ามึงถามถึง ถามยังไงตั้ง 4 ปี ติดแล้วมึงคิดว่าจะไม่มีคนจับได้วะ กูต่างหากที่ควรถามว่าทำไมมึงคิดว่ามึงปิดเงียบ ตลกฉิบหาย”

 

ไอ้เปี๊ยกร่ายยาวววววววว ไปถึงละปู๊น ว่าจริงๆ แล้วพี่พี่ขายผมตั้งแต่อาทิตย์แรกที่ผมโทรกลับบ้านมาถามหาพ่อมันละ ยาวจนผมได้แต่ทำหน้าเหรอหรา เพราะก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร จะให้พูดว่า เออ ขอบคุณนะที่มึงไม่ว่าอะไรกูที่ชอบพ่อมึง หรือขอบคุณนะที่มึงไม่บอกพ่อมึงว่ากูชอบ ไม่รู้จะพูดอะไรก่อนดีจริงๆ ไอ้เปี๊ยกเหมือนจะเดาได้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ เพื่อนสนิทเอื้อมมือมาฟาดไหล่ผมดังปั๊ก ๆ ๆ ๆ ๆ จนกูตัวงออะ มึงถึงหยุด เพื่อนประเสิร์ฐฐฐฐฐฐฐฐฐฐฐฐฐ แล้วบอกว่า

 

ไม่ต้องห่วงนะ กูบอกพ่อกูแทนมึงหมดแล้ว พ่อเองก็เดาได้ตั้งแต่แรก ที่กูเกริ่นละ ไอ้น้องกลับบ้านไปก็ไปคุยกับพ่อกูให้เรียบร้อยล่ะ เข้าไจ๊ก่อ”

มันพูดอะไรวะ ทำไมเหมือนผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ...

 

เดี๋ยวนะ …

 

เดี๋ยว..

 

ไอ้เปี๊ยก ไอ้เว___________________

 

เพราะสาเหตุข้างบนนั่นแหละครับ ทำให้ตอนนี้ผมได้แต่นั่งมองหน้าลุงที่กำลังทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ตรงหน้าผมจริงๆ แต่พอกลับมามองแบบนี้แล้วลุงโคตรน่ารักเลยว่ะ แก้มขาวๆ หอมกลิ่นยาหม่อง อยากจะดมให้มากกว่านี้แต่ก็กลัวว่าลุงจะกลัว เลยทำได้แค่นั่งนิ่ง มองหน้าลุงอยู่แบบนั้น

 

เอ่อ ..”

 

เอ่อ..”

 

พูดก็พูดตรงกันอีก ... ความเงียบและความอึดอัดวนอยู่รอบๆ เราสองคน ผมสูดหายใจเฮือกแล้วเอ่ยปาก ไหนๆ ก็ไหนๆ ยังไงก็กลับไปไม่ได้อยู่แล้ว แอบชอบมา 6 ปีแล้วอะ ก็ควรสารภาพรักแล้วไหมขนาดนี้

 

ผมชอบลุงอะ”

 

เอ๊ะ..”

 

ผมบอกว่าผมชอบลุง ชอบตั้งแต่อายุ 17 ...”

 

“...”

 

นี่ผมไปทำทุกอย่างเลยนะ ผมไปเรียนไกล ไปหาน้องๆ ไปพยายามมองว่าคนอื่นน่ารักขนาดไหน ไปเที่ยวกับผู้ชายคนอื่น ไปหัดเล่นดนตรี ไปเขียนแบบ ไปปรึกษาอาจารย์ ไปว่ายน้ำ ไปเล่นแบต ไปทำอะไรที่เขาบอกว่าจะควรจะทำมาหมดแล้ว..”

 

“..”

 

แต่จริงๆ ผมเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ผมควรทำที่สุดอะ ..”

 

“..”

 

คือการบอกชอบลุง..”

 

“...”

 

น้องชอบลุงปอ__”

 

รู้แล้ว”

 

ยังไม่ทันให้พูดบทตามหนังรักพันล้านเรื่องที่ชอบ อุตส่าห์ทำตัวเป็นน้องใบเฟิร์น ที่ถึงจะก๊อปไม่เนียนเท่าไหร่เป็นได้แค่ใบหนาด ขนาดนั้นลุงยังไม่ยอมให้ผมพูดบทจนหมดอีกเหรอวะ

 

ลุงอะ น้องยังพูดบทไม่จบเลย”

 

เออ ไม่ต้องพูดแล้ว”

 

ทำไมอะ มันต้องใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ ชอบมาตั้ง 6 ปี นะเว้ย แค่ให้พูดบทให้จบแค่นี้ก็ไม่ได้เหรอวะ”

 

ในขณะที่ผมกำลังอาละวาดฟาดงวง ฟาดงาอยู่นั้น ลุงก็ถอนหายใจเฮือก หันหน้าหนีไปอีกทาง โชว์ใบหูสีแดงก่ำ ในแบบที่ผมไม่เคยเห็น

 

ไม่ต้องไปเลียนแบบเขาหรอก”

 

ทำไมอะ”

 

“...”

 

เสียงเบาจนกระทั่งฟังไม่ออก ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ลุงมากขึ้น เพราะไม่ได้ยินจริงๆ อีกฝ่ายขยับหนีในทันที แต่ก็ไม่ได้ออกห่างไปมากเท่าไหร่ สุดท้ายพอเขาเอ่ยปากออกมาอีกรอบจริงๆ ผมก็แทบจะตัวลอย ต้องกระโดดไปกอดเขาเอาไว้เสียเต็มรัก สูดกลิ่นยาหม่องเข้าไปเสียเต็มปอด

 

ก็เรื่องมันไม่สมหวัง ....แต่ของเราสมหวังไง”