ทิ้ง (ก.) ทำให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ถืออยู่หลุดจากมือด้วยอาการต่าง ๆ

- พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔ –

บางคนใช้คำว่าทิ้งกับสิ่งของ บางคนใช้กับสถานที่ คำว่าทิ้งของคุณล่ะ หมายความว่าอย่างไร?

แต่สำหรับทราย...การทิ้งครั้งนี้เป็นการทิ้งสิ่งที่สำคัญที่สุด...โดยไม่รู้ตัว

“นี่ ถ้าจบป.6ไปแล้ว เราจะลืมกันมั้ย?” คำถามถูกถามออกจากปากของเพื่อนสนิทในช่วงพักกลางวัน

คงเป็นปรกติสำหรับเด็กแบบพวกเราถ้าต้องห่างกันไปยังไงก็ต้องลืมกันอยู่แล้วหรือถึงแม้ไม่ลืมแต่ก็คงไม่สนิทกันเหมือนเดิมถึงจะมีตรรกะว่า ‘จบไปแล้วพวกเราจะไม่ลืมกัน’ ก็เถอะผ่านไปสองสามปีก็ลืมกันแล้ว

“ไม่ลืมหรอกมั้ง ก็เราสนิทกันนี่บ้านเราก็ใกล้กัน แคทก็จะไปสอบเข้าโรงเรียนเดียวกับทรายไม่ใช่หรอ?” ทรายพูดกับเพื่อนพลางลอกการบ้านวิชาต่อไป

...แต่ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ จะสอบติดกันมั้ยก็ไม่รู้แถมคนเรียนเก่งแบบแคทต้องได้เรียนห้องพิเศษภาษาอังกฤษแน่ ๆ ส่วนทรายก็ต้องห้องเรียนธรรมดาอยู่แล้ว

“จริง ๆนะอย่าทิ้งแคทนะทราย” แคทมองทรายที่ลอกการบ้านของตนอยู่

“อื้อ” แคทตอบพลางกัดลูกอมในปาก

พักหลัง ๆ แคทไม่ค่อยให้ทรายลอกการบ้านแล้วเพราะต้องแยกกันไปเรียนในระดับมัธยมเพื่อนคนนี้คงจะมาลอกการบ้านเธอตลอดไม่ได้ แต่วิชาคณิตครั้งนี้โจทย์ที่ครูให้เมื่อวานค่อนข้างยากและครูจะมีคะแนนพิเศษให้กับคนที่ทำได้แคทจึงยอมให้ทรายลอก

ทั้งสองคนเป็นคู่ที่ไม่น่าจะสนิทกันได้...สาเหตุที่ได้รู้จักกันคงผ่านค่ายภาษาอังกฤษตอนป.4

แน่นอนว่าแคทต้องไปร่วมค่ายอยู่แล้วแต่กับทรายนั้นเป็นความต้องการของครูจึงประสานขออนุญาตผู้ปกครองเพราะการเรียนในห้องไม่สามารถทำให้ทรายเปิดใจกับภาษาอังกฤษได้ครูจึงลงความเห็นว่าควรให้เธอร่วมกิจกรรมครั้งนี้และหลังจากจบค่ายนั้นพวกเธอก็สนิทกันไปโดนปริยาย

“เย็นนี้เราไปเที่ยวงานประจำปีด้วยกันมั้ยแคท เมื่อวานไปเที่ยวกับพ่อแม่มาของกินอร่อยมาก” แคทมักจะมาบ่นกับทรายว่าพ่อและแม่ไม่มีเวลามากพอจะพาเธอไปเที่ยว

“ไปสิ! ขอบคุณนะ :) ”

All those crazy things we did

Didn’ t think about it, just went with it

You’ re always there, you’ re everywhere

But right now I wish you were here.

- Wish You Were Here, Avril Lavigne –

 

เสียงเพลงศิลปินคนโปรดของทั้งคู่ยังคงเล่นผ่านโทรศัพท์เครื่องน้อยจนหมดเวลาพัก

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ติดโรงเรียนมัธยมโรงเรียนเดียวกันแคทอยู่ห้องพิเศษภาษาอังกฤษส่วนทรายอยู่ห้องปรกติจึงทำให้ทั้งคู่ไม่ค่อยมีเวลาเจอกันเนื่องจากต้องปรับตัวให้ทันสังคมมัธยม เข้าเรียนพิเศษตอนเย็นและเสาร์-อาทิตย์เพื่อเรียนให้ทันเพื่อนเมื่อเลิกเรียนทรายจึงมารอแคทกลับบ้านพร้อมกันเป็นกิจวัตร

“ขอโทษนะทราย วันนี้แคทมีเรียนพิเศษอ่ะ” แคทขอเพื่อนในกลุ่มออกมาบอกเพื่อนสนิทก่อน วันนี้มีทั้งประชุมงานกลุ่ม ตามจดเลคเชอร์ของเพื่อนในช่วงที่จดตามครูไม่ทัน อีกทั้งไม่รู้ว่าจะไปเรียนพิเศษทันมั้ย

“อ๋อ โอเค ๆ งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ” หลังจากทรายเดินออกไปแล้ว แคทก็กลับมาประชุมต่อ

“แฟนหรอแคท เห็นมารอทุกวันเลย”

“เพื่อนสนิทน่ะ” อาจเป็นเพราะคนที่เรียนอยู่ในห้องนี้ส่วนใหญ่จะมีกลุ่มเป็นของตนเอง เพราะตอนมาสอบพากันมาสอบเป็นกลุ่ม ๆ ส่วนใหญ่จึงเป็นเพื่อนเก่ากัน การที่ใครจะมีเพื่อนสนิทต่างห้องคงเป็นเรื่องแปลกอย่างหนึ่งยิ่งหากเป็นเด็กจากห้องธรรมดาด้วยแล้ว

“เราเห็นเพื่อนแคทชอบอยู่แถว ๆ สนามบาสของโรงเรียนกับรุ่นพี่อ่ะ เป็นนักกีฬาหรอ?” คำถามของเพื่อนในกลุ่มทำให้แคทค่อนข้างประหลาดใจ เนื่องจากตอนอยู่ที่โรงเรียนเก่าเธอไม่ค่อยมีโอกาสเห็นเพื่อนคนนี้เล่นกีฬาเท่าไหร่ แม้บางครั้งจะเห็นครูมาขอความร่วมมือให้ไปแข่งบ้างก็ตาม

“น่าจะนะ ตอนอยู่โรงเรียนเก่าก็เคยเห็นครูชวนไปแข่งอยู่” หรือจริง ๆ แล้วทรายอาจจะเป็นนักกีฬาอยู่แล้วแต่สองปีที่ผ่านมาไม่ค่อยได้ลงสนามเพราะต้องมานั่งอ่านหนังสือเป็นเพื่อนเธอรึเปล่านะ

“ถ้าเราวางโครงเรื่องรายงานเสร็จแล้ว เราลองไปดูที่สนามมั้ยล่ะเผื่อจะได้เห็นเพื่อนแคทซ้อมอยู่ไง ยังไงวันนี้ครูก็งดสอนพิเศษอยู่แล้วเรื่องเลคเชอร์เดี๋ยวเอาสมุดเราไปลอกก็ได้” แคทเปิดไลน์กลุ่มเรียนพิเศษพบว่าครูส่งข้อความมายกเลิกการสอนจริง ๆ

“เดี๋ยวไปดูก็ได้” เพื่อนทั้งกลุ่มยิ้มดีใจทันที ในที่สุดพวกเธอก็มีข้ออ้างในการไปดูรุ่นพี่ซ้อมกันสักที!

*****

“ทรายไหนว่ารีบกลับบ้านไง เป็นอะไร?” หลังจากออกมาจากตึกเรียนทรายก็เดินกลับมาที่สนามบาสต่อไม่ได้กลับบ้านแต่อย่างใด

“เพื่อนติดเรียนพิเศษอ่ะพี่ตะวัน” ตะวันไม่พูดอะไรแต่โยนลูกบาสให้รุ่นน้องแทน

“งั้นก็กลับมาเล่นได้แล้ว ว่าที่กัปตันทีม” เมื่อเห็นหน้ารุ่นน้องที่เศร้าอยู่ ตะวันจึงเบี่ยงความสนใจให้กลับไปเล่นกีฬา

“เกลียดการถูกเรียกแบบนี้ชะมัด” เมื่อรุ่นพี่คนอื่น ๆ เห็นทรายจึงช่วยกันลากทรายกลับเข้าสนามทันที

ชีวิตของทั้งคู่ในรั้วโรงเรียนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงแคทจะยุ่งอยู่กับการเรียนพิเศษจนดึกและรีบมาโรงเรียนตั้งแต่เช้า ส่วนทรายก็จะอยู่ที่สนามบาสจนถึง 6 โมงและมาวิ่งตอนเช้าเพื่อมาวอร์มร่างกายทุกวัน

ด้วยกิจกรรมที่ต่างกันของทั้งคู่ทำให้พวกเธอค่อย ๆ แยกกันไปในสังคมของตน...ไม่ได้จะลืมกันเพียงแต่หน้าที่ที่ได้รับทำให้ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยหรือพบกันเลยตั้งแต่ม.2 นอกจากจะโดนแยกตึกแล้วแคทยังย้ายบ้านจึงทำให้ทั้งคู่ห่างกันมากกว่าเดิม

เมื่อจบม.3ทรายได้ตอบตกลงกับโรงเรียนมัธยมปลายในเมืองหลวงด้วยทุนนักกีฬาโรงเรียนแต่เมื่อจะไปบอกลาเพื่อนสนิท ที่บ้านแคทกลับบอกว่าเพื่อนหนอนหนังสือไปแข่งวิชาการที่ต่างจังหวัด ทรายจึงฝากพ่อกับแม่ลาแคท

สังคมใหม่ทำให้ทรายต้องพยายามหนักกว่าเดิมไม่เพียงแค่ด้านกีฬาแต่รวมถึงด้านวิชาการด้วย เนื่องจากเป็นคนหัวไม่ดีตั้งแต่เด็กทางด้านวิชาการได้แค่ถูไถไปเท่าที่ทำได้เพื่อไม่ให้เกรดน้อยกว่า 3 ถึงแม้ใคร ๆ จะบอกกับเธอว่าเธอมีสิทธิ์นักกีฬาในการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้วก็ตาม จนเวลาได้ล่วงมาถึงม.6

“คาบแนะแนววันนี้จะให้ทุกคนเขียนคนสำคัญในชีวิต 6 คนนะคะ” ตามปรกติคาบแนะแนวครูจะเชิญรุ่นพี่มาแนะนำคณะหรืออาชีพให้รุ่นน้องแต่หากว่างครูก็จะนำกิจกรรมต่าง ๆ เข้ามาแทน

“เราจะมาดูกันว่าใครทำคนสำคัญในชีวิตหายบ้าง” เมื่อพูดจบมีนักเรียนหัวใสแยกคนในครอบครัวออกจะได้มีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น

“พ่อแม่นับเป็น 1 คนนะคะนักเรียน” ครูจึงเพิ่มกติกาเข้าไปเพื่อให้พวกเขาได้คิดจริง ๆ

“ครูคะ หนูนึกไม่ออกแล้ว” หลังจากผ่านไปเกือบสิบนาทีก็เริ่มมีเสียงโอดครวญของนักเรียน

“ลองนึกดูดี ๆ ตั้งแต่เด็กเลยเรามีคนสำคัญคนไหนบ้าง” ครูกระตุ้นให้ทุกคนพยายามคิด

ทรายที่กำลังนึกอยู่ชะงักกับคำพูดของครูทันที...คนสำคัญในชีวิตตั้งแต่เด็ก...ภาพของแคทเริ่มลอยเข้ามาในหัว ทั้งตอนนั่งเรียน ตอนฟังเพลงด้วยกัน ตอนพากันไปห้องสมุด และภาพอื่น ๆ มากมายทำให้ทรายตระหนักได้ว่าเธอได้ลืมคนสำคัญในวัยเยาว์ของเธอไป

น้ำตาเริ่มเอ่อและไหลรินเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เพื่อนของเธอเงยหน้าขึ้นมาพอดี

“ทราย! ร้องไห้ทำไม” เสียงของเพื่อนดังพอที่จะทำให้ครูได้ยิน และหันกลับมา

“นักเรียน เป็นอะไรรึเปล่าคะ? ปวดหัวหรือปวดท้องตรงไหนรึเปล่า?” ทรายส่ายหน้าปฏิเสธมือสั่นเทาเขียนชื่อเพื่อนสนิทลงไปในที่ว่างช่องสุดท้าย

“หนู...ลืมเพื่อนคนสำคัญไปค่ะครู” จบคำพูดของทรายก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก นอกจากเสียงปลอบของเพื่อนที่สนิทกันเท่านั้น

หลังจากกลับถึงหอทรายก็พยายามหาช่องทางติดต่อของแคทแต่ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทร เฟซบุ๊ค ไลน์ หรือ อินสตราแกรม เพื่อนของเธอก็ปิดแอคเคาท์ไปทั้งหมด ทรายจึงลองติดต่อกลับไปหาพ่อและแม่เพื่อขอเบอร์โทรของแม่แคท

“แคทเขาเป็นมะเร็ง เสียไปสองปีแล้วจ้ะทราย แคทเขาขอร้องไม่ให้แม่บอกทรายแม่ขอโทษนะลูก” เสียงของแม่แคททำให้ทรายใจตกวูบน้ำตาที่หยุดไปแล้วกลับมาไหลอีกครั้ง

“แคทเขาส่งเมลให้ทรายก่อนตาย ยังไงทรายก็ลองหาดูนะลูก”

“ขอบคุณนะคะแม่” ทรายเอ่ยขอบคุณผู้บอกข่าวร้ายนี้ก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อหาข้อความของแคท

ยังถือว่าโชคดีที่เธอยังใช้อีเมลเดิมเพียงแต่เธอไม่เคยเปิดเข้าไปดูข้อความที่ถูกส่งมาเพราะส่วนใหญ่จะเป็นข้อความโฆษณาและข้อความขยะ

ถึง ทราย

ขอโทษนะที่วันนั้นต้องโกหกไป...พอดีว่าแคทต้องมาหาหมออ่ะ พ่อกับแม่ทรายบอกแล้วล่ะว่าทรายติดโรงเรียนใหญ่เลยต้องย้ายออกไป แคทขอให้ทรายตั้งใจเรียนนะ!

ได้ข่าวว่าโรงเรียนนี้เข้ายากมาก ๆ ทรายเก่งที่สุดเลยล่ะ (หลังจากทรายออกทีมแคทก็ไม่ได้แอบไปดูทรายซ้อมบาสเลยอ่ะ) พยายามเข้านะทราย แคทคงอยู่ไม่ถึงวันปัจฉิมของทรายแล้วล่ะ แคทอยู่ได้อีกสามเดือนเองเศร้าเนอะ : (

หวังว่าทรายจะทำตามฝันสำเร็จนะแคทเป็นกำลังใจให้จากบนฟ้านะ ถ้าทรายรู้ว่าแคทไม่อยู่แล้วทรายอย่าเศร้านะ

ขอโทษที่ไม่ได้บอกไม่อยากให้ทรายมาร้องไห้ให้กับเด็กเรียนที่ไม่มีอะไรเลยแบบแคทอ่ะ

สู้ ๆ นะเพื่อนคนเก่งของแคท!

23.06.59

ทำไมเธอถึงไม่สงสัย...ตลอดเวลาที่ผ่านมาเพื่อนเธอไม่เคยโพสอะไรเลย แคทค่อย ๆ หายไปโดยที่เธอไม่ได้สงสัยหรือแปลกใจที่ไม่เห็นเพื่อนคนนี้ในโลกอินเทอร์เน็ต ไม่มีเพื่อนคนไหนแท็กแคทอีกเลยตั้งแต่เธอย้ายมาเรียนที่นี่

เพลงที่เคยถูกลืมไปแล้วดังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อทรายเปิดวิดีโอที่แนบมาด้วย...ภาพเพื่อนสนิทในชุดผู้ป่วยที่นั่งอยู่บนเตียงในมือมีกีตาร์ที่เธอเคยไปช่วยเลือก แคทร้องเพลงของศิลปินคนโปรดที่ฟังกับเพื่อนสนิทคนนี้ประจำ แต่หลังจากนี้หากได้ยินเพลงชุดนี้ความรู้สึกคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

 

When you’ re gone

The pieces of my heart are missing you

When you’ re gone

The face I came know is missing too

And when you’ re gone

The word I need to hear to always get me through the day

And make it okay…I miss you

- When You’ re Gone, Avril Lavigne –

ตอนนี้ทรายพบแล้วว่าคนสำคัญที่เธอลืมไปคือใคร

แล้วคุณล่ะ เผลอลืมคนสำคัญของคุณหรือเปล่า?

 

- Princess with soul -

continue

plz smile if I die