1 ตอน Remember
โดย Princess with Soul
ทิ้ง (ก.) ทำให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ถืออยู่หลุดจากมือด้วยอาการต่าง ๆ
- พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔ –
บางคนใช้คำว่าทิ้งกับสิ่งของ บางคนใช้กับสถานที่ คำว่าทิ้งของคุณล่ะ หมายความว่าอย่างไร?
แต่สำหรับทราย...การทิ้งครั้งนี้เป็นการทิ้งสิ่งที่สำคัญที่สุด...โดยไม่รู้ตัว
“นี่ ถ้าจบป.6ไปแล้ว เราจะลืมกันมั้ย?” คำถามถูกถามออกจากปากของเพื่อนสนิทในช่วงพักกลางวัน
คงเป็นปรกติสำหรับเด็กแบบพวกเราถ้าต้องห่างกันไปยังไงก็ต้องลืมกันอยู่แล้วหรือถึงแม้ไม่ลืมแต่ก็คงไม่สนิทกันเหมือนเดิมถึงจะมีตรรกะว่า ‘จบไปแล้วพวกเราจะไม่ลืมกัน’ ก็เถอะผ่านไปสองสามปีก็ลืมกันแล้ว
“ไม่ลืมหรอกมั้ง ก็เราสนิทกันนี่บ้านเราก็ใกล้กัน แคทก็จะไปสอบเข้าโรงเรียนเดียวกับทรายไม่ใช่หรอ?” ทรายพูดกับเพื่อนพลางลอกการบ้านวิชาต่อไป
...แต่ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ จะสอบติดกันมั้ยก็ไม่รู้แถมคนเรียนเก่งแบบแคทต้องได้เรียนห้องพิเศษภาษาอังกฤษแน่ ๆ ส่วนทรายก็ต้องห้องเรียนธรรมดาอยู่แล้ว
“จริง ๆนะอย่าทิ้งแคทนะทราย” แคทมองทรายที่ลอกการบ้านของตนอยู่
“อื้อ” แคทตอบพลางกัดลูกอมในปาก
พักหลัง ๆ แคทไม่ค่อยให้ทรายลอกการบ้านแล้วเพราะต้องแยกกันไปเรียนในระดับมัธยมเพื่อนคนนี้คงจะมาลอกการบ้านเธอตลอดไม่ได้ แต่วิชาคณิตครั้งนี้โจทย์ที่ครูให้เมื่อวานค่อนข้างยากและครูจะมีคะแนนพิเศษให้กับคนที่ทำได้แคทจึงยอมให้ทรายลอก
ทั้งสองคนเป็นคู่ที่ไม่น่าจะสนิทกันได้...สาเหตุที่ได้รู้จักกันคงผ่านค่ายภาษาอังกฤษตอนป.4
แน่นอนว่าแคทต้องไปร่วมค่ายอยู่แล้วแต่กับทรายนั้นเป็นความต้องการของครูจึงประสานขออนุญาตผู้ปกครองเพราะการเรียนในห้องไม่สามารถทำให้ทรายเปิดใจกับภาษาอังกฤษได้ครูจึงลงความเห็นว่าควรให้เธอร่วมกิจกรรมครั้งนี้และหลังจากจบค่ายนั้นพวกเธอก็สนิทกันไปโดนปริยาย
“เย็นนี้เราไปเที่ยวงานประจำปีด้วยกันมั้ยแคท เมื่อวานไปเที่ยวกับพ่อแม่มาของกินอร่อยมาก” แคทมักจะมาบ่นกับทรายว่าพ่อและแม่ไม่มีเวลามากพอจะพาเธอไปเที่ยว
“ไปสิ! ขอบคุณนะ :) ”
All those crazy things we did
Didn’ t think about it, just went with it
You’ re always there, you’ re everywhere
But right now I wish you were here.
- Wish You Were Here, Avril Lavigne –
เสียงเพลงศิลปินคนโปรดของทั้งคู่ยังคงเล่นผ่านโทรศัพท์เครื่องน้อยจนหมดเวลาพัก
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ติดโรงเรียนมัธยมโรงเรียนเดียวกันแคทอยู่ห้องพิเศษภาษาอังกฤษส่วนทรายอยู่ห้องปรกติจึงทำให้ทั้งคู่ไม่ค่อยมีเวลาเจอกันเนื่องจากต้องปรับตัวให้ทันสังคมมัธยม เข้าเรียนพิเศษตอนเย็นและเสาร์-อาทิตย์เพื่อเรียนให้ทันเพื่อนเมื่อเลิกเรียนทรายจึงมารอแคทกลับบ้านพร้อมกันเป็นกิจวัตร
“ขอโทษนะทราย วันนี้แคทมีเรียนพิเศษอ่ะ” แคทขอเพื่อนในกลุ่มออกมาบอกเพื่อนสนิทก่อน วันนี้มีทั้งประชุมงานกลุ่ม ตามจดเลคเชอร์ของเพื่อนในช่วงที่จดตามครูไม่ทัน อีกทั้งไม่รู้ว่าจะไปเรียนพิเศษทันมั้ย
“อ๋อ โอเค ๆ งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ” หลังจากทรายเดินออกไปแล้ว แคทก็กลับมาประชุมต่อ
“แฟนหรอแคท เห็นมารอทุกวันเลย”
“เพื่อนสนิทน่ะ” อาจเป็นเพราะคนที่เรียนอยู่ในห้องนี้ส่วนใหญ่จะมีกลุ่มเป็นของตนเอง เพราะตอนมาสอบพากันมาสอบเป็นกลุ่ม ๆ ส่วนใหญ่จึงเป็นเพื่อนเก่ากัน การที่ใครจะมีเพื่อนสนิทต่างห้องคงเป็นเรื่องแปลกอย่างหนึ่งยิ่งหากเป็นเด็กจากห้องธรรมดาด้วยแล้ว
“เราเห็นเพื่อนแคทชอบอยู่แถว ๆ สนามบาสของโรงเรียนกับรุ่นพี่อ่ะ เป็นนักกีฬาหรอ?” คำถามของเพื่อนในกลุ่มทำให้แคทค่อนข้างประหลาดใจ เนื่องจากตอนอยู่ที่โรงเรียนเก่าเธอไม่ค่อยมีโอกาสเห็นเพื่อนคนนี้เล่นกีฬาเท่าไหร่ แม้บางครั้งจะเห็นครูมาขอความร่วมมือให้ไปแข่งบ้างก็ตาม
“น่าจะนะ ตอนอยู่โรงเรียนเก่าก็เคยเห็นครูชวนไปแข่งอยู่” หรือจริง ๆ แล้วทรายอาจจะเป็นนักกีฬาอยู่แล้วแต่สองปีที่ผ่านมาไม่ค่อยได้ลงสนามเพราะต้องมานั่งอ่านหนังสือเป็นเพื่อนเธอรึเปล่านะ
“ถ้าเราวางโครงเรื่องรายงานเสร็จแล้ว เราลองไปดูที่สนามมั้ยล่ะเผื่อจะได้เห็นเพื่อนแคทซ้อมอยู่ไง ยังไงวันนี้ครูก็งดสอนพิเศษอยู่แล้วเรื่องเลคเชอร์เดี๋ยวเอาสมุดเราไปลอกก็ได้” แคทเปิดไลน์กลุ่มเรียนพิเศษพบว่าครูส่งข้อความมายกเลิกการสอนจริง ๆ
“เดี๋ยวไปดูก็ได้” เพื่อนทั้งกลุ่มยิ้มดีใจทันที ในที่สุดพวกเธอก็มีข้ออ้างในการไปดูรุ่นพี่ซ้อมกันสักที!
*****
“ทรายไหนว่ารีบกลับบ้านไง เป็นอะไร?” หลังจากออกมาจากตึกเรียนทรายก็เดินกลับมาที่สนามบาสต่อไม่ได้กลับบ้านแต่อย่างใด
“เพื่อนติดเรียนพิเศษอ่ะพี่ตะวัน” ตะวันไม่พูดอะไรแต่โยนลูกบาสให้รุ่นน้องแทน
“งั้นก็กลับมาเล่นได้แล้ว ว่าที่กัปตันทีม” เมื่อเห็นหน้ารุ่นน้องที่เศร้าอยู่ ตะวันจึงเบี่ยงความสนใจให้กลับไปเล่นกีฬา
“เกลียดการถูกเรียกแบบนี้ชะมัด” เมื่อรุ่นพี่คนอื่น ๆ เห็นทรายจึงช่วยกันลากทรายกลับเข้าสนามทันที
ชีวิตของทั้งคู่ในรั้วโรงเรียนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงแคทจะยุ่งอยู่กับการเรียนพิเศษจนดึกและรีบมาโรงเรียนตั้งแต่เช้า ส่วนทรายก็จะอยู่ที่สนามบาสจนถึง 6 โมงและมาวิ่งตอนเช้าเพื่อมาวอร์มร่างกายทุกวัน
ด้วยกิจกรรมที่ต่างกันของทั้งคู่ทำให้พวกเธอค่อย ๆ แยกกันไปในสังคมของตน...ไม่ได้จะลืมกันเพียงแต่หน้าที่ที่ได้รับทำให้ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยหรือพบกันเลยตั้งแต่ม.2 นอกจากจะโดนแยกตึกแล้วแคทยังย้ายบ้านจึงทำให้ทั้งคู่ห่างกันมากกว่าเดิม
เมื่อจบม.3ทรายได้ตอบตกลงกับโรงเรียนมัธยมปลายในเมืองหลวงด้วยทุนนักกีฬาโรงเรียนแต่เมื่อจะไปบอกลาเพื่อนสนิท ที่บ้านแคทกลับบอกว่าเพื่อนหนอนหนังสือไปแข่งวิชาการที่ต่างจังหวัด ทรายจึงฝากพ่อกับแม่ลาแคท
สังคมใหม่ทำให้ทรายต้องพยายามหนักกว่าเดิมไม่เพียงแค่ด้านกีฬาแต่รวมถึงด้านวิชาการด้วย เนื่องจากเป็นคนหัวไม่ดีตั้งแต่เด็กทางด้านวิชาการได้แค่ถูไถไปเท่าที่ทำได้เพื่อไม่ให้เกรดน้อยกว่า 3 ถึงแม้ใคร ๆ จะบอกกับเธอว่าเธอมีสิทธิ์นักกีฬาในการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้วก็ตาม จนเวลาได้ล่วงมาถึงม.6
“คาบแนะแนววันนี้จะให้ทุกคนเขียนคนสำคัญในชีวิต 6 คนนะคะ” ตามปรกติคาบแนะแนวครูจะเชิญรุ่นพี่มาแนะนำคณะหรืออาชีพให้รุ่นน้องแต่หากว่างครูก็จะนำกิจกรรมต่าง ๆ เข้ามาแทน
“เราจะมาดูกันว่าใครทำคนสำคัญในชีวิตหายบ้าง” เมื่อพูดจบมีนักเรียนหัวใสแยกคนในครอบครัวออกจะได้มีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น
“พ่อแม่นับเป็น 1 คนนะคะนักเรียน” ครูจึงเพิ่มกติกาเข้าไปเพื่อให้พวกเขาได้คิดจริง ๆ
“ครูคะ หนูนึกไม่ออกแล้ว” หลังจากผ่านไปเกือบสิบนาทีก็เริ่มมีเสียงโอดครวญของนักเรียน
“ลองนึกดูดี ๆ ตั้งแต่เด็กเลยเรามีคนสำคัญคนไหนบ้าง” ครูกระตุ้นให้ทุกคนพยายามคิด
ทรายที่กำลังนึกอยู่ชะงักกับคำพูดของครูทันที...คนสำคัญในชีวิตตั้งแต่เด็ก...ภาพของแคทเริ่มลอยเข้ามาในหัว ทั้งตอนนั่งเรียน ตอนฟังเพลงด้วยกัน ตอนพากันไปห้องสมุด และภาพอื่น ๆ มากมายทำให้ทรายตระหนักได้ว่าเธอได้ลืมคนสำคัญในวัยเยาว์ของเธอไป
น้ำตาเริ่มเอ่อและไหลรินเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เพื่อนของเธอเงยหน้าขึ้นมาพอดี
“ทราย! ร้องไห้ทำไม” เสียงของเพื่อนดังพอที่จะทำให้ครูได้ยิน และหันกลับมา
“นักเรียน เป็นอะไรรึเปล่าคะ? ปวดหัวหรือปวดท้องตรงไหนรึเปล่า?” ทรายส่ายหน้าปฏิเสธมือสั่นเทาเขียนชื่อเพื่อนสนิทลงไปในที่ว่างช่องสุดท้าย
“หนู...ลืมเพื่อนคนสำคัญไปค่ะครู” จบคำพูดของทรายก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก นอกจากเสียงปลอบของเพื่อนที่สนิทกันเท่านั้น
หลังจากกลับถึงหอทรายก็พยายามหาช่องทางติดต่อของแคทแต่ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทร เฟซบุ๊ค ไลน์ หรือ อินสตราแกรม เพื่อนของเธอก็ปิดแอคเคาท์ไปทั้งหมด ทรายจึงลองติดต่อกลับไปหาพ่อและแม่เพื่อขอเบอร์โทรของแม่แคท
“แคทเขาเป็นมะเร็ง เสียไปสองปีแล้วจ้ะทราย แคทเขาขอร้องไม่ให้แม่บอกทรายแม่ขอโทษนะลูก” เสียงของแม่แคททำให้ทรายใจตกวูบน้ำตาที่หยุดไปแล้วกลับมาไหลอีกครั้ง
“แคทเขาส่งเมลให้ทรายก่อนตาย ยังไงทรายก็ลองหาดูนะลูก”
“ขอบคุณนะคะแม่” ทรายเอ่ยขอบคุณผู้บอกข่าวร้ายนี้ก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อหาข้อความของแคท
ยังถือว่าโชคดีที่เธอยังใช้อีเมลเดิมเพียงแต่เธอไม่เคยเปิดเข้าไปดูข้อความที่ถูกส่งมาเพราะส่วนใหญ่จะเป็นข้อความโฆษณาและข้อความขยะ
ถึง ทราย
ขอโทษนะที่วันนั้นต้องโกหกไป...พอดีว่าแคทต้องมาหาหมออ่ะ พ่อกับแม่ทรายบอกแล้วล่ะว่าทรายติดโรงเรียนใหญ่เลยต้องย้ายออกไป แคทขอให้ทรายตั้งใจเรียนนะ!
ได้ข่าวว่าโรงเรียนนี้เข้ายากมาก ๆ ทรายเก่งที่สุดเลยล่ะ (หลังจากทรายออกทีมแคทก็ไม่ได้แอบไปดูทรายซ้อมบาสเลยอ่ะ) พยายามเข้านะทราย แคทคงอยู่ไม่ถึงวันปัจฉิมของทรายแล้วล่ะ แคทอยู่ได้อีกสามเดือนเองเศร้าเนอะ : (
หวังว่าทรายจะทำตามฝันสำเร็จนะแคทเป็นกำลังใจให้จากบนฟ้านะ ถ้าทรายรู้ว่าแคทไม่อยู่แล้วทรายอย่าเศร้านะ
ขอโทษที่ไม่ได้บอกไม่อยากให้ทรายมาร้องไห้ให้กับเด็กเรียนที่ไม่มีอะไรเลยแบบแคทอ่ะ
สู้ ๆ นะเพื่อนคนเก่งของแคท!
23.06.59
ทำไมเธอถึงไม่สงสัย...ตลอดเวลาที่ผ่านมาเพื่อนเธอไม่เคยโพสอะไรเลย แคทค่อย ๆ หายไปโดยที่เธอไม่ได้สงสัยหรือแปลกใจที่ไม่เห็นเพื่อนคนนี้ในโลกอินเทอร์เน็ต ไม่มีเพื่อนคนไหนแท็กแคทอีกเลยตั้งแต่เธอย้ายมาเรียนที่นี่
เพลงที่เคยถูกลืมไปแล้วดังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อทรายเปิดวิดีโอที่แนบมาด้วย...ภาพเพื่อนสนิทในชุดผู้ป่วยที่นั่งอยู่บนเตียงในมือมีกีตาร์ที่เธอเคยไปช่วยเลือก แคทร้องเพลงของศิลปินคนโปรดที่ฟังกับเพื่อนสนิทคนนี้ประจำ แต่หลังจากนี้หากได้ยินเพลงชุดนี้ความรู้สึกคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
When you’ re gone
The pieces of my heart are missing you
When you’ re gone
The face I came know is missing too
And when you’ re gone
The word I need to hear to always get me through the day
And make it okay…I miss you
- When You’ re Gone, Avril Lavigne –
ตอนนี้ทรายพบแล้วว่าคนสำคัญที่เธอลืมไปคือใคร
แล้วคุณล่ะ เผลอลืมคนสำคัญของคุณหรือเปล่า?
- Princess with soul -
continue
plz smile if I die
Comments (0)