กริ้ง เสียงสัญญาณอัตโนมัติบ่งบอกว่ามีลูกค้าเข้ามาในร้าน ร้านขายของแห่งนี้เป็นร้านเล็ก ๆ อยู่กลางเมืองท่ามกลางร้านสะดวกซื้อครบวงจรมากมายที่รายล้อมอยู่ แต่ร้านยังมีกำไรแม้จะไม่มากก็ตาม เจ้าของตัวจริงเปิดร้านเพื่อหวังอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านที่เช่าห้องอยู่ข้างบน ทั้งร้านมีพนักงานอยู่สองคนสลับกันทำงานเพราะลูกค้าไม่ได้เยอะเลยไม่เหนื่อยมาก ค่าแรงก็พอให้อยู่ได้เดือนชนเดือน

“ทั้งหมดแปดสิบบาทครับ” เสียงหวานใสเอ่ยกับลูกค้าชายหญิงคู่หนึ่ง

ฝ่ายชายหยิบกระเป๋าเงินออกมาควักแบงก์ร้อยจ่าย หญิงสาวข้าง ๆ รับของจากพนักงานใบหน้าเธอดูมีความไม่พอใจเอามาก ๆ ไม่รู้ทั้งคู่ทะเลาะกันมาหรือเปล่า

“เงินทอนครับ”

ลูกค้าหนุ่มรับเงินทอนไปแบบไม่ได้กล่าวอะไรและเดินออกไปพร้อมหญิงสาว ตอนนั้นก็มีบางคนสวนเข้ามาในร้าน สภาพที่ร่างกายเปียกไปด้วยฝน ดูจากชุดที่สวมใส่น่าจะเป็นพนักงานออฟฟิศแถว ๆ นี้ ใส่สูทผูกไทดูดีเกินกว่าจะเข้ามาในร้านโทรม ๆ แบบนี้

แต่ไม่ว่าลูกค้าเป็นใครเขาก็ต้อนรับเหมือนกันทุกคน

“สวัสดีครับ”

“ขอทิชชูหน่อย”

ร่างสูงตรงหน้าแบมือเพื่อให้พนักงานที่ยืนนิ่งหยิบทิชชูให้ เขาต้องการซับน้ำฝนออกจากชุดตัวเอง ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ที่ตัวชื้น ๆ แบบนี้

“ถ้าจะซับชุดคุณผมแนะนำให้ใช้ผ้าดีกว่าครับ ใช้ทิชชูมันจะเป็นขุยติดชุดเอานะครับ” เขาแนะนำ

“งั้นเหรอ เปลี่ยนเป็นผ้าก็ได้มีใช่ไหม” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยกับพนักงานตัวเล็ก เขามองคนที่ตัวเล็กกว่ามากที่มีท่าทีแปลกกว่าหลายคนที่เขาเคยเจอ

ส่วนใหญ่พวกโอเมก้าที่เจอเขาจะตัวเกร็ง ประหม่า กลัว แต่กับคนตรงหน้ามีท่าทีที่เฉยมากทำให้เขาไม่ค่อยแน่ใจว่าอีกฝ่ายเป็นเบต้าหรือโอเมก้า ทั้งที่กลิ่นแรกที่เข้ามาในโสตประสาทการรับรู้เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายเป็นโอเมก้าก็ตาม แต่กลับมีท่าทีนิ่งเฉยพูดคุยด้วยอย่างเป็นธรรมชาติ

“ที่ร้านไม่มีขายแต่ถ้าคุณไม่รังเกียจใช้ผ้าเช็ดหน้าผมได้นะครับ”

มือใหญ่ยอมรับผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินมาไว้ในมือ และส่งเงินให้อีกฝ่ายด้วยแบงก์ห้าร้อย

“ไม่เป็นไรครับคุณเอาไปเลยก็ได้หรือใช้เสร็จจะทิ้งหรือคืนผมก็ได้เหมือนกันครับ” เด็กตรงหน้ายิ้มกว้าง ช่างเป็นรอยยิ้มที่ทำให้เขาสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก

กริ้งงง

“ขออภัยครับคุณเจิงเชิญขึ้นรถได้ครับ”

ทั้งพนักงานและลูกค้าตัวสูงหันมองคนเข้ามาใหม่ เขาแต่งตัวดูดีค้อมหัวต่ำให้ร่างสูงด้วยความนอบน้อม คนตัวสูงไม่ได้ตอบรับอะไรเพียงแค่เดินผ่านคนคนนั้นออกไปจากร้าน พร้อมผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินในมือ

พนักงานตัวน้อยถอนหายใจ กลืนน้ำลายแล้วค่อย ๆ ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นหลังเคาน์เตอร์คิดเงิน ดวงตาใสเริ่มเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา

กริ้งงง

“อ้าว พี่นิวอยู่หลังร้านเหรอ พี่นิว พี่...” เสียงสดใสร้องเรียกคนอายุมากกว่าเพียงหนึ่งปี

พอจะเดินไปหลังร้านเพราะคิดว่าอีกคนคงไปเอาของมาเติม หูกลับได้ยินเสียงสะอื้นแว่ว ๆ ทำเอาขนลุกซู่สองมือยกขึ้นลูบแขนตัวเอง มองบรรยากาศเงียบเชียบไปทั่ว จะว่าไปกลางคืนที่ไม่ค่อยมีผู้คนเดินผ่านมันก็น่ากลัวเหมือนกันนะ ได้ข่าวมาว่าหอพักใกล้ ๆ เพิ่งมีคนฆ่าตัวตายยิ่งทำให้สมองของเขาคิดไปไกล

“ออย พะ พี่อยู่นี่”

“เห้ย อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลย” สติของเขาเริ่มหลอนได้ยินเสียงเรียกตัวเอง

“ไอ้ออยพี่เองไม่ใช่ผี ฮึก”

“เอ้า พี่นิวแล้วนั่นร้องไห้ทำไมใครทำอะไรพี่ ลูกค้าเหรอ” เขารีบเข้าไปหลังเคาน์เตอร์ทันที

“ไม่ใช่ เมื่อกี้มีอัลฟ่าเข้ามาออร่าเขากดดันทำเอาพี่กลัวไปหมด” แต่ต้องทำเป็นนิ่งเพราะอยู่ในหน้าที่จะให้หนีหรือไม่บริการก็ไม่ได้

“ไม่เป็นไรนะพี่ พี่เก่งมากผมมาเปลี่ยนกะแล้วพี่กลับบ้านเลยครับ” ออยปลอบใจเพื่อนร่วมงาน

นิวพยักหน้าก่อนจะหายเข้าไปหลังร้านเพื่อเปลี่ยนชุดเก็บของกลับบ้าน ร่างผอมบางเดินออกมาโบกรถสาธารณะ ข้อดีของเมืองหลวงคงจะเป็นเรื่องนี้ที่แม้ว่าจะดึกแค่ไหนก็ยังพอมีรถให้นั่งกลับบ้าน

ภายในบ้านมืดสนิทปกติเวลานี้ป้าของเขายังไม่น่าจะนอน ถึงแม้จะนอนก็ต้องเปิดไฟหน้าบ้านทิ้งไว้สักดวง นิวเปิดประตูรั้วเข้าไปและต้องแปลกใจเพราะมันไม่ได้ล็อกเท่ากับว่าป้าเขาอยู่ในบ้าน แล้วความคิดก็พุ่งเข้ามาในหัวทำให้ร่างบางรีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที

“ป้าแดง” นิวกลัวว่าป้าอาจจะเกิดอุบัติเหตุล้มหรืออะไรพวกนั้น

ทันทีที่ก้าวเข้าไปในบ้านไฟกลับสว่างแล้วปรากฏร่างของคนแปลกหน้าสี่คน ผู้ชายรูปร่างใหญ่หน้าตาน่ากลัวรีบเข้ามาจับแขนของนิวไว้ทั้งซ้ายและขวา

“เฮ้ย พวกพี่เป็นใครเข้ามาในบ้านผมได้ยังไง แล้วป้าผมละ” นิวมองหาผู้เป็นป้าไปทั่ว

“ป้าน้องหนีไปแล้วไม่รู้เหรอ มันขายน้องใช้หนี้ให้เจ้านายพี่แล้วยังได้เงินเพิ่มหอบหนีไปไกลละ”

“ขายอะไร พี่พูดเรื่องอะไรเนี่ย”

“เอาตัวมันไปหานาย น้องไปคุยกับนายพี่เองแล้วกัน”

ร่างบางถูกยกลอยขึ้นเหนือพื้นพาขึ้นรถตู้สีดำดูน่ากลัว นิวนั่งตัวสั่นน้ำตาคลอไปตลอดทาง หัวใจก็เต้นแรงคล้ายจะหัวใจวายยังดีที่คนพวกนี้ไม่ทำร้ายร่างกายของเขา รถตู้แล่นออกไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ จากบ้านของนิว และจอดสนิทที่หลังตึกสูง

นิวถูกดึงให้เดินตามเข้าไปในลิฟต์ สถานที่ดูดีถูกตกแต่งอย่างประณีตระยิบระยับด้วยสีทอง

“เข้าไป”

ประตูถูกเปิดออก นิวถูกดันหลังให้เข้าไปข้างในอย่างไม่เต็มใจนัก เขาได้กลิ่นของอัลฟ่าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หนังอย่างดีหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ลูกน้องที่เหลือมีทั้งเบต้าและโอเมก้า

“นี้เหรอหลานของป้าแดงที่มันบอกว่าเอามาแลกกับหนี้และก็เงิน” เสียงแหบเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงดูแคลน

“ครับ”

“หน้าตาดีใช้ได้ ที่กูยอมให้เงินมันไปตั้งหนึ่งล้านเพราะเห็นว่าหลานมันยังไม่เคยผ่านมือใครมา” สากุลได้รับคำสั่งจากลูกค้า VIP ให้หาโอเมก้าบริสุทธิ์ประจวบเหมาะกับป้าแดงเป็นหนี้ในบ่อนของเขาจนไม่มีปัญญาหามาคืน เลยเสนอให้เอาหลานชายมาทำงานใช้หนี้ พอได้รู้ว่าตรงตามความต้องการเขาเลยเพิ่มเงินให้

“ทำแบบนี้มันผิดกฎหมายนะ กักขังหน่วงเหนี่ยว บังคับ แล้ว ๆ” เสียงเล็กเอ่ยออกมาอย่างสั่นเครือ

“หึ มึงเอาสัญญาให้มันอ่าน” เขาสั่งลูกน้อง

ดวงตากลมโตกวาดมองอ่านสัญญาจ้างอย่างละเอียด แม้จะไม่มีตรงไหนเอาเปรียบเพราะเขายังได้ค่าเปอร์เซ็นต์จากการทำงานในแต่ละครั้ง แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการจะทำมันก็เป็นการบังคับอยู่ดี

“มึงจะไม่เซ็นก็ได้นะ แต่กูจะให้ลูกน้องไปล่าป้ามึงหาเงินมาคืน” เขาไม่ได้ขู่เพราะถ้าเด็กตรงหน้าไม่เซ็น เท่ากับป้าแดงต้องเอาเงินทั้งหมดพร้อมทั้งหนี้มาคืนเขา

“เอายังไง กูไม่มีเวลามารอมึงหรอกนะ เพราะถ้ามึงไม่ทำกูต้องไปหาคนใหม่เสียเวลา”

มือเล็กหยิบปากกาขึ้นมาด้วยความสั่นกลัว การตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เลวร้ายเสียยิ่งกว่านั่งอยู่ในงานศพของพ่อกับแม่เสียอีก ป้าเป็นผู้มีบุญคุณของเขาต่อจากพ่อแม่เพราะรับเลี้ยงดูเขาตั้งแต่สิบสอง แม้จะไม่ได้สุขสบายแต่มันดีกว่าที่เขาต้องไปเร่ร่อนไม่มีบ้านอยู่

เขาจะถือว่ามันคือการตอบแทนบุญคุณครั้งสุดท้าย

มือเล็กจรดปากกาเซ็นยินยอมทำงานเป็นเวลาสองปี นิวได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นอะไรแค่สองปีเอง

“ดีมาก พามันไปหาเจ้ได้เลย”

ครั้งนี้ลูกน้องของสากุลไม่ได้บังคับให้เดิน ทำเพียงนำไปเท่านั้น นิวเดินตามไปอย่างเลื่อนลอยไร้แรงหัวใจชาหนึบเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องเผชิญกับสิ่งใด

“ขออนุญาตครับเจ้”

เมื่อเสียงข้างในเอ่ยอนุญาต ประตูสีน้ำตาลเข้มก็ถูกเปิดออก ข้างในเป็นห้องกว้างที่เต็มไปด้วยชุดต่าง ๆ และกระจกที่ถูกจับจองโดยคนมากมาย มันเยอะเสียจนไม่แน่ใจว่าใครเป็นเบาต้าหรือโอเมก้าบ้าง

“ใคร เด็กใหม่เหรอ” นรินภรรยาแสนสวยของสากุลเอ่ยถามลูกน้อง

“ครับ เด็กของแขกพิเศษที่นายใหญ่หาไว้ต้อนรับพรุ่งนี้ครับ”

“เหรอ อือน่าตาดีใช้ได้เลยนะยังไม่เคยมีอะไรกับใครใช่ไหม” คำถามตรง ๆ ถูกถามออกมา

นิวพยักหน้า เขาสัมผัสได้ว่าออน่าจากตัวอัลฟ่าคนนี้ไม่ได้กดดัน มันแฝงไปด้วยความใจดีจนทำให้รู้สึกสบายใจที่อยู่ใกล้

“เฟื่อง หยิบยาคุมแบบฉีดให้เจ้หน่อย”

เธอจับมือนิวแล้วพาไปนั่งที่โซฟา เมื่อได้รับของที่ต้องการก็จัดการถกแขนเสื้อของนิวขึ้น เธอยิ้มก่อนจะค่อย ๆ กดเข็มฉีดยาลงบนช่วงต้นแขน ความเจ็บแล่นปราดจนนิวเม้มปากแน่น

“ยาคุมน่ะ เธอจะได้ไม่ท้องไม่ต้องห่วงมันไม่มีผลข้างเคียงอะไรที่น่ากลัวหรอกนะ คลับเราใช้ยาดีที่สุดสำหรับเด็กที่ทำงานแบบนี้ อยู่ได้หนึ่งเดือนมันคุมอาการฮีทของเธอด้วย” เธอติดปลาสเตอร์ให้เป็นอันจบ

“พาไปห้องพัก พรุ่งนี้ถึงเริ่มงานนอนพักทำใจให้สงบ”

นิวไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทำแบบนั้นได้หรือเปล่า ทำใจให้สงบกับเรื่องที่ต้องขายตัวงั้นเหรอ ไม่ใช่สิเขาขายมันแล้วต่างหากเพียงแค่ยังไม่ได้เริ่มงานเท่านั้นเอง

เขาหวังเพียงอย่างเดียวไม่ให้เจออะไรที่เลวร้ายไปมากกว่านี้

 

ภายในห้องพักไม่ได้แย่ เป็นห้องสำหรับคนเดียวมีเตียง ห้องน้ำในตัวพี่ที่พามาเป็นคนดูแลหอพักบอกว่าถ้าหิวให้ลงไปชั้นสองเป็นห้องอาหารและห้องกิจกรรมต่าง ๆ ทุกคนใช้ได้ตามสบาย ส่วนพวกเสื้อผ้าของใช้ถูกเตรียมไว้ให้แล้วในห้อง ถ้าอยากซื้อของเพิ่มสามารถออกไปซื้อได้ ที่นี่ให้อิสระเพียงแต่ห้ามหนีถ้าเซ็นสัญญาชัดเจน

นิวไม่ได้คิดจะหนีอยู่แล้ว เพราะหากหนีคนที่โดนลากกลับมาคงเป็นป้าของเขา ในเมื่อตัดสินใจไปแล้วก็ยอมรับชะตากรรม

 

 

..........

ถ้ายังมีคำผิดบอกเราได้นะคะ