ทุกๆ วัน เขาจะผ่านมาทางนี้ 

วิ่งพรวดข้ามถนนไปด้วยความเร่งรีบแบบทุกทีพร้อมทั้งดูเวลาจากนาฬิกาพกอันเล็กๆ ของเขาไปด้วย หูของเขาขยับเอียงไปรอบทิศ 

เขาไม่รู้ว่าฉันแอบมองอยู่ทางหน้าต่างห้องทุกๆ ค่ำคืน

 

ชุดสูทสีดำตัดกับขนฟูฟ่องสีขาว นัยน์ตาแดงก่ำ มีหัวโตๆ เป็นกระต่ายและมีตัวเป็นมนุษย์ สูงเท่าคุณพ่อของฉันเลย

 

เพื่อให้อะไรๆ ง่ายขึ้น ฉันเลยเรียกเขาว่าคุณกระต่ายขาว

 

ทุกครั้งที่คุณกระต่ายขาวมา เขาจะพาใครบางคนกลับไปด้วยเสมอ 

และไม่มีใครได้เห็นพวกเขากลับมาอีก

 

“ฉันเคยได้ยินมาว่าถ้าสาวผู้เสียความบริสุทธิ์คนไหนได้สบตากับกระต่ายขาวแล้วละก็ เธอคนนั้นจะถูกพาตัวไปโดยมนุษย์กระต่าย เธอเคยลองสบตากระต่ายดูหรือยัง”

 

โอลิเวียพูด พลางข่มเสียงให้ดูน่ากลัวกว่าที่เป็นอยู่ ก่อนจะหัวเราะก้องอยู่กับกลุ่มเพื่อนของตัวเองขณะหันมามองฉันที่กำลังปักผ้าเป็นรูปกุหลาบ เชื่อเถอะว่าการพูดแบบนั้นน่ะหยาบคายจนเกินจะรับไหว แต่เด็กผู้หญิงตัวคนเดียวสู้เด็กผู้หญิงห้าคนไม่ได้หรอก

 

พวกเธอกำลังล้อเลียนเรื่องเล่าของฉัน เรื่องที่ฉันไว้ใจเล่าให้เธอฟัง

 

“จริงไหมอลิซ เธอบอกกับฉันแบบนั้นใช่ไหม”

 

ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะเอาความเชื่อใจของฉันไปขายเพื่อให้ตัวเองมีตัวตนในกลุ่มใหม่ของเธอ

 

โอลิเวีย เธอคิดอะไรอยู่น่ะ

 

 

 

 

 

เมื่อฤดูร้อนปีก่อน ณ บ้านคุณนายมอริส เพื่อนบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามฝั่งถนนนี้เองได้สูญเสียบุคคลผู้เป็นที่รักที่สุดในบ้านไป ลูกสาวของเธอ คามิเลีย อายุเพียงสิบแปดเท่านั้น ด้วยการลักพาตัวเธอไปยามวิกาลของคุณกระต่ายขาว

 

หญิงสาวในอ้อมกอดเขานิ่งสงบราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงนิทราสุดล้ำลึกเกินจะมีฝันร้ายใดๆ มาปลุกให้ตื่น มือสวมถุงมือของคุณกระต่ายขาวช่วยลูบปลอบประโลมเส้นผมสีน้ำตาลอ่อน ท้องถนนเงียบกริบ

 

ฉันตัดสินใจเล่าเรื่องนี้ให้พี่สาวฟัง

 

“เธอแค่ฝันกลางวันมากไป” พี่สาวบอกกับฉัน พร้อมทั้งลูบผมเพื่อปลอบประโลม “อย่ากลัวไปเลย เด็กน้อย พี่อยู่ตรงนี้นะ”

 

ฉันสบายใจขึ้น แต่ก็เพียงแวบเดียว เมื่อเหลือบไปเห็นสีหน้าของเธอที่ซีดเผือดไปตามๆ กัน

 

เรื่องของคุณกระต่ายขาวทำให้เธอกลัว

 

หรือเพราะเธอกำลังกลัวฉันที่เล่าเรื่องนี้ให้เธอฟัง

 

 

สายตาของฉันลอบมองไปที่เนินอกของเธอที่มีรอยสีกุหลาบปรากฏชัดอยู่ตรงนั้น เธอผละจากกอดของเรา เมื่อรู้ตัวว่าฉันมองอะไรอยู่ก็ส่ายหน้าเบาๆ แนบนิ้วชี้กับริมฝีปากตัวเอง

 

“อย่าบอกคุณพ่อนะ”

 

 

 


 

 

 

 

 

ฉันและคุณพ่อที่เพิ่งกลับจากลอนดอนในยามค่ำวันนั้น เนื่องจากฝนตกหนักก่อนหน้าทำให้สะพานไม้ที่เรามักจะใช้ข้ามกลับบ้านพัง รถม้าจำเป็นต้องหยุดทั้งที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนี้เอง คุณพ่อก้าวลงจากม้า ส่ายหัวมองสภาพตรงหน้าอย่างเอือมระอา ไม่มีทางที่รถจะผ่านไปได้แน่นอน ฝนยังตกปะปรายลงกระทบหมวกของท่านขณะที่ฉันแอบมองอยู่ข้างในตัวรถก่อนปีนลงมายืนบนพื้นพร้อมกับร่มสีดำที่กางออก

 

“จะทำยังไงดีคะ”

 

“พ่ออยากให้หนูไปที่บ้านแล้วเรียกใครสักคนมาช่วยพ่อที ขอคนที่หน่วยก้านแข็งแรงดีกว่าพ่อจะขอบคุณมากเป็นพันล้านเท่า”

 

ฉันหัวเราะก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดพ่อ เขาย่อตัวลงมากอดฉันเช่นกัน “รีบกลับมาด้วยนะ”

 

“สัญญาว่าจะไม่เถลไถลเลยค่ะ”

 

“ดีมากจ้ะ”

 

 

 

 

 

ร่มคันเก่งทำหน้าที่ป้องกันฝนได้เป็นอย่างดีขณะที่เดินไปยังริมคลอง มีท่อนไม้ที่ชาวบ้านวางไว้สำหรับคนเดินเวลาที่สะพานพังไม่เป็นท่า แม้ว่าท่อนไม้จะลื่นอยู่บ้างแต่ฉันก็ข้ามผ่านมันไปได้โดยปลอดภัย

 

บ้านของฉันตั้งตระหง่าอยู่ตรงหน้านี้เอง เงาดำซ่อนตัวอยู่ข้างต้นจูนิเปอร์ วัตถุแวววาวส่องแสงสะท้อนมา ฉันหรี่ตาพยายามเพ่งมอง

 

 

คุณกระต่ายขาวอยู่ตรงนั้น

 

ร่างสูงของเขาหันหลังให้ฉัน และจ้องมองไปยังหน้าต่างบ้านชั้นสอง ล้วงเอานาฬิกาพกจากกระเป๋าลับในอกขึ้นมาดูเวลา ร่างกายของฉันแข็งทื่อเมื่อรองเท้าบู๊ตของเขาย่ำตรงเข้าไป

 

แสงไฟจากประตูหน้าทำให้ฉันเห็นว่าในมือของเขาคือมีดทำครัวเล่มหนึ่ง

ทุกครั้งที่เขามา เขาจะพาใครบางคนกลับไปด้วยเสมอ

 

“อ..ย่า”

 

ฉันพยายามจะส่งเสียงร้องแต่มันดังกว่าเสียงกระซิบนิดเดียว

 

มือนั้นยื่นออกไปข้างหน้า ผลักประตูด้วยพลังที่มองไม่เห็น

 

“อลิซ”

 

พี่สาวของฉันโบกมือจากหน้าต่าง เป็นรอยยิ้มฉายแววอบอุ่นอย่างทุกที

 

“คุณกระต่ายกำลังตามพี่เข้าไปในบ้าน!”

 

ฉันกรีดร้อง

 

ฉันกำลังพยายามจะเตือนเธอ

 

“กระต่ายที่ไหนกัน ยายเด็กคนนี้” เธอหัวเราะ “ฝันอีกแล้วหรือ ตาลุงลูอิสคงปลื้มแน่ถ้าได้ฟังเธอเล่านิทานอีกแล้ว”

 

เธอไม่ได้ฟังฉันเลย

 

ถ้าหากว่า ถ้าเธอฟังฉันสักนิด

 

มีดที่คุณกระต่ายขาวถืออยู่นั้นคงไม่ได้ลิ้มลองเลือดของเธอเป็นแน่

 

ไม่รู้ว่าแขนไร้เรี่ยวแรงไปเมื่อไหร่ ร่มถึงได้หลุดไปจากมือ

 

เมื่อก้อนเมฆสีดำบนฟ้าระเบิดน้ำตามาอีกครั้ง ฉันเองก็แยกไม่ออกแล้วว่าน้ำที่ไหนผ่านใบหน้าไปเป็นน้ำตาหรือน้ำฝน

 

และตอนนี้ ตอนนี้คุณกระต่ายเห็นฉันแล้ว

 

เขาจ้องฉันด้วยดวงตาแดงดั่งเลือด

 

“เด็กน้อยของฉัน”

 

เสียงละมุนละม่อมดังขึ้น สะท้อนก้องแข่งกับเสียงฝน ตัวฉันนิ่งอึ้งเมื่อเงยหน้าพบว่ามันเป็นเสียงมาจากคุณกระต่าย เขายืนอยู่ตรงหน้าฉันในเวลาไม่กี่นาที

 

“เธอจะไม่มีทางเจ็บปวด เด็กน้อยแสนบริสุทธิ์ของฉัน”

 

“คุณทำอย่างนี้ทำไม”

 

ฉันร้องไห้ มากกว่าตอนที่คุณพ่อผิดสัญญากับฉัน มากกว่าตอนที่ฉันเสียโอลิเวียไปกับเพื่อนใหม่

 

มือนุ่มที่สวมถุงมือทับช่วยลูบผมฉันปลอบประโลม

 

“ฉันมีอะไรจะให้เธอ เป็นของขวัญ”

 

ฉันเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าเขากำลังซ่อนบางสิ่งเอาไว้ด้านหลัง สีแดงฉาด ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ

 

มันคือหัวของโอลิเวีย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


 

 

 

 

 

“อลิซ”

 

เสียงอันคุ้นเลยดังอยู่ข้างหู ฉันกระพริบตาถี่ๆ เผยเปลือกตาของตัวเองจ้องสิ่งที่ฉายชัดตรงหน้า

 

จมูกรั้นสีชมพูอ่อน ใบหูยาวอ่อนนุ่มน่าถนอม และฟันคู่เล็กๆ ของเขา

 

“คุณกระต่ายขาว”

 

ฉันเอ่ยเสียงงัวเงีย ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง เหม่อมองไปรอบกาย ห้องทั้งหมดตกแต่งเป็นสีแดงสลับทอง แม้แต่ชุดนอนที่ฉันใส่ก็ไม่เว้น ดอกกุหลาบสีแดงสดวางอยู่บนผ้าห่มสีเดียวกัน

 

“ฝันร้ายอีกแล้วหรือขอรับ”

 

“อืม”

 

"ดื่มชาให้ผ่อนคลายเสียก่อนเถิด"

 

ถ้วยน้ำชาถูกส่งมาให้ แต่น้ำชากลับเป็นสีฟ้าใสส่งกลิ่นฉุนจมูก ฉันรับมาจิบโดยไม่กล่าวคำขอบคุณใดๆ

 

“แล้วคราวนี้ ฝันของท่านเป็นอย่างไรบ้าง”

 

นัยน์ตาสีแดงก่ำจ้องลึกเข้ามาในตาฉัน ข่มขู่ฉันด้วยความหวาดกลัว น้ำชาจากเขาบาดลึกอยู่ในลำคอราวกับเป็นใบมีด

 

ทั้งๆ ที่เขารู้ว่าฉันฝันอะไร แต่เขาชอบที่ฉันเล่าเรื่องราวเหล่านั้นออกมาจากริมฝีปากของฉันเอง

 

“ฉันฝันว่าตัวเองเล่าให้โอลิเวียเพื่อนรักของฉันฟังเรื่องกระต่ายขาว เธอหัวเราะเยาะฉัน”

 

เขาชอบที่ฉันถูกกัดกินโดยเรื่องราวจากความมืดในฝันของตัวเอง

 

“และพี่สาวของฉันถูกฆ่าด้วยมีดทำครัว เชือดคอราวกับเป็นหมู”

 

“นั่นเป็นแค่ฝัน ท่านเกิดมาตัวคนเดียว อลิซ”

 

คุณกระต่ายขาวลูบนิ้วมือขึ้นเช็ดที่มุมปากของฉันอย่างแผ่วเบา

 

“คุณกระต่ายขาว”

 

“หืม”

 

“ถ้าหากว่าในฝันวันนี้ ฉันได้หัวกระต่ายมาแทนหัวของคนอื่นล่ะ”

 

กระต่ายก็ยังเป็นกระต่าย มีเพียงใบหน้าไม่ยินดียินร้ายที่ตอบสนองฉันกลับ

 

“กระหม่อมเกรงว่าต่อจากนั้น หัวของท่านเองจะกลายเป็นหัวของกระหม่อม

 

คุณกระต่ายขาวโค้งคำนับ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ทิ้งคำพูดที่ทำให้ฉันอยากจะฉีกตัวเองออกเป็นชิ้นๆ กับคำเรียกจากหัวขนปุยสีขาวบริสุทธิ์

 

“ทรงพระเจริญ ราชินีแดง”

 

 

 

talk : สวัสดีค่ะ วานิลค่ะ (อ่านแบบปลานิล) งานเมื่อปี 2017 ที่ไม่ได้แก้ไขอะไรเพิ่ม เราเคยอัพในstorylogต่ตอนนี้เว็บปิดไปแล้วเลยขอเก็บไว้ในนี้แทนดีกว่า ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกัน ไว้มีเวลาเราจะกลับมาเขียนเรื่องใหม่ๆ ให้ได้อ่านเพิ่ม 

ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ