1 ตอน Thaks
โดย ตุ๊กตาทาร์ตไข่
0 นาฬิกา 35 นาที ช่วงเวลาที่ใครหลาย ๆ คนกำลังดื่มด่ำกับราตรีแสนหวานและท่องไปในโลกแห่งความฝัน แต่ไม่ใช่กับเด็กหนุ่มทั้งสี่คนที่กำลังฉลองจบการศึกษาระดับมัธยมปลายรวมไปถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้
แม้ทั้งสองเรื่องนั้นก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่พวกเขาเพิ่งจะหาเวลามารวมตัวกัน ทำให้ค่ำคืนนี้มีทอปปิกมากมายให้ได้พูดคุยกัน
พวกเขาที่เริ่มดื่มกันตั้งแต่สี่ทุ่มยังไม่เมากันมาก เพราะนั่งคุยกันจนไม่ค่อยได้ดื่มเท่าไหร่
มือสวยยกแก้วที่มีน้ำสีอำพันขึ้นดื่มจนหมดแล้วจึงรินเพิ่มพร้อมกับฟังเรื่องที่เพื่อนเขากำลังเล่าไปด้วย
"ไอเมารึเปล่า" พระพายเอ่ยถามเบาๆ เมื่อหันมาเห็นคนข้างกายเริ่มนั่งไม่ตรง
"ไม่ๆ แค่มึนหัวน่ะ" ผมตอบกลับไป จริงๆ ก็ง่วงด้วยแหละ ดึกแล้วนะแต่ดูท่าคืนนี้คงอีกยาว
"อือ ถ้าไม่ไหวก็ไปนอน"
"คร้าบ" ผมขานรับแล้วเอื้อมไปคีบหมูบนเตามากิน
คืนนี้พวกผมมาฉลองกันที่บ้านของพี่พระพาย เป็นตึกสามชั้น ชั้นแรกจะเป็นส่วนที่ทำงาน ชั้นที่สองจะเป็นที่พักอาศัย และชั้นที่สามเป็นดาดฟ้าที่พวกผมใช้กันอยู่ แน่นอน ดาดฟ้านี้มีรั้วสูงกั้นไว้กันอุบัติเหตุ และบนนี้ยังมีห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัวเรียกได้ว่าสะดวกที่สุด
พวกผมสี่คนต่างสอบเข้ามหา'ลัยได้คนละที มีเพียงผมกับซันที่ติดมหา'ลัยเดียวกันแต่คนละคณะ ถึงแม้จะต้องแยกย้ายกันออกไปพวกผมก็ไม่ได้เศร้ากันมากมาย เพราะเราเชื่อว่ายังไงก็ต้องได้กลับมาเจอกันอีก
"ไอฟ้า" สกายเอ่ยเรียกเสียงเอื่อย
"ว่าไง เอาเหล้าเพิ่มเหรอ" ผมถามกลับไปเมื่อเห็นแก้วในมือว่างเปล่า แล้วก็ใช่ครับ ไอฟ้าเป็นชื่อเต็มของผม
"เธอไม่ต้อง เอ่อ…เดี๋ยวซันชงให้มันเอง" มันว่าแล้วดึงแก้วจากมือสกายมาเติม
"ไอ กายอยากกินเฟรนช์ฟรายส์ไปทอดกัน" ผมยกยิ้มก่อนจะเอาจานฝั่งสกายมาแบ่งเฟรนช์ฟรายส์ไป
"อือ" ผมตอบรับแล้วลุกไปที่โซนครัวเล็กๆ
ผมกับกายย้ายตัวเองมาที่ครัวข้างๆ เรียบร้อย เฟรนช์ฟรายส์ที่ซื้อมายังเหลืออีกครึ่งก็น่าจะพอสำหรับเวลาค่ำคืนที่เหลือ เบียร์ยังเหลืออีกสามขวด เหล้าก็ยังเหลือพออยู่
“ทอดหมดเลยนะมึง”
“เออ” ผมจัดการเปิดไฟ ตั้งกระทะและเทน้ำมันใส่ไว้แล้วส่งต่อให้กายมันเป็นคนทำต่อ
“เรื่องนั้นมึงเป็นไงบ้าง” มันหันกลับมาถามผมหลังจากเทเฟรนช์ฟรายส์ลงกระทะแล้ว
“เรื่องไรวะ”
“ซันไชน์” อ่าา
“เรื่องมันก็จะสามเดือนแล้วเนอะ กูโอเคดี” ใช่ครับ ผมกับซันเคยคบกันแต่เลิกกันเมื่อสามเดือนก่อน
“แน่ๆ ใช่มั้ย กูขอโทษไม่ได้อยู่กับมึงเลย”
“เออ ไม่เป็นไรเลยเว้ยกูเข้าใจ” ผมยิ้มให้มันบางๆ
“ไอฟ้า”
“ว่าไง” ผมมองหน้ามัน
“อึดอัดรึเปล่า”
“หันไปดูเฟรนช์ฟรายส์ในกระทะหน่อยพ่อ เดี๋ยวไหม้” ผมเอ่ยเตือนมันก็รีบหันกลับไปดู
“เปลี่ยนเรื่องเก่งนักนะ” มันบ่นเบาๆ
“อะไรล่ะ ก็เดี๋ยวมันจะไหม้ไง”
“อะมา กูเอาขึ้นหมดละมึงอย่าเมินคำถามกู”
“เดี๋ยวกูไปหยิบจานให้นะ” ผมว่าแล้วลุกไปหยิบจานที่โต๊ะโดยไม่สนเสียงเรียกของมัน
“ไอฟ้า!!!”
“เอ่อ ซัน…หยิบจานให้หน่อย”
“เล่นไรกัน ไอ้กายเสียงดังเชียว” พี่พระพายถาม
“แกล้งมันนิดหน่อย ขอบคุณครับ” ผมตอบพร้อมเอ่ยขอบคุณ
“ไอ้ตัวดี หนีกูนะมึง”
“ก็ไปเอาจานให้ไง จะได้ไปนั่งกินดี ๆ” ผมยื่นจานไปซึ่งมันก็รับไปง่าย ๆ
“หนีกูให้ได้ตลอดแล้วกัน”
“เออน่า กูไม่เป็นไร”
“เป็นห่วง ช่วงนี้กูไม่ค่อยได้คุยกับมึงเลย”
“สกาย กายห่วงไอน้อย ๆ ได้เลยนะ ไอโอเคดี ถามว่าพังมั้ยไอก็พัง แต่ผ่านมาแล้วมันจบแล้วกาย ตอนนี้หลายอย่างมันกำลังดีขึ้น ไอโอเค” ผมเข้าไปกอดมันเบาๆ ถึงแม้เราสองคนจะเป็นเพื่อนกันมาหลายปีแต่ก็ไม่บ่อยนักที่ผมกับมันจะกอดกันแบบนี้
“ไอฟ้า”
“เชื่อกูสิ ไปเร็ว เฟรนช์ฟรายส์เย็นมันไม่อร่อยนะ” ผมหยิบจานเฟรนช์ฟรายส์แล้วเดินนำไปที่โต๊ะ มันถึงเดินตามมาพร้อมเฟรนช์ฟรายส์อีกจานหนึ่ง
“อ้าว เบียร์ไอหายไปไหน” แก้วของผมกลายเป็นแก้วเปล่า จำได้ว่ามันเหลืออยู่ครึ่งแก้วนะ
“นู่นเลย ไอ้ซันมันทำหก” พี่พายชี้ไปยังซันไชน์ที่นั่งยิ้มแห้งอยู่
“โทษๆ”
“อื้อ ไม่เป็นไรๆ” ผมรินเบียร์ที่เหลือในขวดใส่แก้วอีกครั้ง
“เฮ้ย กายลงไปดูขนมกับพี่หน่อยดิ”
“ห้ะ?! อ่อได้ๆพี่”
สกายกับพี่พายพากันลงไปที่ครัวชั้นสอง ชั้นนี้มีแค่เตากับอ่างล้างจานเท่านั้นไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย
ของกินก็ยังอยู่ อะไรกันวะ
บรรยากาศเงียบลงอย่างชัดเจน ไม่มีใครพูดอะไรเลย มีเพียงเสียงรถสัญจรไปมาเท่านั้น
“เป็นไงบ้าง” หลังจากเงียบอยู่นาน ซันไชน์ก็เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนา
“ก็ดี ไม่มีอะไรพิเศษ”
“ดีแล้ว”
“คุณ เอ่อ มึงละ เป็นไงบ้าง”
“ก็โอเคแหละ มีเครียดบ้างนิดหน่อย”
“สูบหนักรึเปล่า”
“อือ”
หน้าสวยขมวดคิ้วทันทีได้ยินคำตอบพลางคิดทบทวนอะไรหลายๆอย่าง คำถามมากมายเกิดขึ้นในใจ ความกังวลเริ่มถาโถมจนเผลอแสดงสีหน้าออกไปอย่างชัดเจน
“ไม่ต้องคิดมาก พยายามลดอยู่”
“อือ อย่าสูบเยอะ”
“คร้าบบบ ดื่มเยอะนี่วันนี้” บรรยากาศค่อยๆผ่อนคลายขึ้นเมื่อเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นกัน
“เบียร์ 4 ขวดให้ใครกินเอ่ย พวกมึงกินเหล้ากันเนอะ”
“ไม่ไหวก็ไม่ต้องกิน เก็บไว้ไม่เสียหรอก”
“เออครับ”
เดดแอร์… ให้ตายเถอะ ถึงจะพูดว่าโอเคแต่มันก็แอบรู้สึกนิดนึงนะเว้ย
ผมนั่งดื่มกันเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรเพียงแค่ปล่อยเวลาผ่านไปเฉยๆ จนสกายกับพี่พายกลับมาถึงเกิดบทสนทนาใหม่ขึ้น
แต่เหมือนที่หายกันไปพักใหญ่นี่ไม่ได้อะไรกลับมาเลยแฮะ
“ไหนขนมอ่ะพี่” ผมเอ่ยถาม
“หมดวะ ของกินเยอะแยะมึงก็กินๆไปสิ” แปลกๆล่ะ พี่พายแปลกละนะ
“เปิดเพลงหน่อยดิซัน” พระพายพูดพร้อมส่งลำโพงขนาดเล็กให้รุ่นน้องข้างกาย
“เพลงไรพี่”
“แล้วแต่มึงดิ”
“อ้าว อะไรของพี่วะ” ถึงจะเอ่ยบ่นแต่ซันไชน์ก็เปิดมือถือเพื่อหาเพลงมาเปิดตามที่พี่ชายคนสนิทบอก
ท้วงทำนองที่คุ้นเคยค่อยดังขึ้น เพลงโปรดที่ไอฟ้าชอบเปิดฟังบ่อยๆ เพลย์ลิสต์ที่เคยส่งไปให้คนตรงข้าม
“เพลงมึงหรอไอ” สกายกระซิบถามผม
“อือ” ผมตอบเบาแล้วกระดกในสีสวยในแก้วจนหมด
ตอนนี้ก็ตีสามกว่าแล้ว เครื่องดื่มและของกินร่อยหรอไปเยอะพอควรพร้อมกับที่แต่ละคนเริ่มสติหลุด เพลงเริ่มมั่วไปเรื่อยตามฟิลคนเปิด ที่นั่งถูกสลับสับเปลี่ยนไปมาเหมือนกับเรื่องราวที่พูดคุยกัน
“เธอจะดื่มอีกเหรอ” ซันหันมาถามเมื่อเห็นว่าผมกำลังเปิดเบียร์ขวดสุดท้าย
ครับ ตอนนี้ผมนั่งอยู่ข้างซันไชน์ ไม่รู้ว่ามันสับเปลี่ยนกันยังไงถึงกลายเป็นแบบนี้ได้
“อื้อ ของกินก็ยังอยู่”
“ทำไมวันนี้ดื่มเยอะจังเลยครับ”
“ก็เราเริ่มกันเร็วไงงง” ผมตอบเบาๆ
“หึๆ เธอเริ่มเมาแล้วนะครับ” ผมรู้ ผมไม่เคยกินเบียร์เกินสามขวด นี่เป็นครั้งแรก แต่ผมยังรู้สึกตัวอยู่นะแค่ควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ ไม่ได้เมาจนขาดสติแค่มึนหัวมากๆ
“ขอพิงหน่อยนะครับ” ไม่รอคำอนุญาตผมทิ้งหัวลงที่ไหล่ของซัน มันก็ไม่ได้ว่าอะไร
“หมดแก้วนี้ก็พอนะครับ”
“หมดขวดไม่ได้เหรอ” ผมเริ่มอ้อน พวกมันกินเหล้ากันหมดเพราะงั้นที่เหลือใครจะกิน
“เดี๋ยวที่เหลือซันกินเอง”
“พรุ่งนี้ต้องขับรถ เดี๋ยวแฮงค์”
“สรุปจะกินหมดขวดใช่มั้ย” ผมพยักหน้าแล้วยกแก้วขึ้นดื่มจนหมดและเตรียมจะรินเพิ่ม “ไอฟ้าอย่าดื้อ” ซันเอ่ยดุ
“ซันอย่าดุ” ผมลุกขึ้นมานั่งดีๆ เพื่อเถียงกับมัน
“พอๆ อย่าเถียงกัน ซันปล่อยมือออกจากขวด” เป็นพี่พระพายที่เอ่ยห้าม
“ไอมันงอแงแบบนี้เดี๋ยวหมดแก้วนี้มึงก็พามันไปนอนได้เลย” สกายเสริม
“ก็ได้” มันยอมให้ผมรินเบียร์ใส่แก้วแม้จะส่งสายตาดุๆ มาตลอด
“แค่หมดแก้วนี้ได้มั้ยครับ เธอไม่เคยดื่มเยอะขนาดนี้เดี๋ยวพรุ่งนี้จะปวดหัว”
“อื้อ” ผมรับคำง่ายๆ แล้วเอนตัวไปพิงมันเหมือนเดิม
พระพายหยิบกีตาร์ขากไหนไม่รู้มาเล่นโดยมีสกายเป็นคนร้อง มือใหญ่ลูบศีรษะของคนที่เอนตัวมาพิงด้วยความเคยชินแต่ก็ไม่มีการท้วงติงใดๆ จากเจ้าของศีรษะ เพราะตอนนี้เจ้าตัวกำลังเคลิ้มไปกับเสียงเพลงและใกล้จะหลับเต็มทีแล้ว
“ไอจะไปไหน” ซันถามขึ้นเมื่อผมลุกจากโต๊ะ
“ห้องน้ำ” ผมตอบเอื่อยๆ แล้วเดินออกมา อยากไปล้างหน้าสักหน่อยมึนหัวมากไปแล้ว
ห้องน้ำบนนี้มีเพียงในห้องนอนห้องเดียว เพราะงั้นพอล้างหน้าเสร็จผมเลยออกมาทิ้งตัวนอนบนเตียง นั่งอยู่ที่เดิมหลายชั่วโมงเมื่อยสุดๆ ไปเลย ดีที่ผมหยิบมือถือติดมาด้วยเลยมีอะไรให้เล่นระหว่างเอนหลังบนเตียง
จะตีสี่แล้วสินะ ผมไม่ใช่คนโต้รุ่งบ่อย จริงๆ ก็นอนประมาณตีหนึ่งตีสองนี่แหละ เพราะงั้นตอนนี้ผมเลยง่วงมากๆ คงได้เวลานอนแล้วมั้ง
"หลับแล้วเหรอ"
"ซัน มาห้องน้ำเหรอ"
"ป่าวครับ เห็นหายมานานเลยเข้ามาดู"
"เค้าไม่เป็นไร แค่มาเอนหลังเฉยๆ นั่งนานมันเมื่อย"
"นอนมั้ยครับ ง่วงแล้วไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวที่เหลือซันกินเอง"
"อื้อ" ผมขยับขึ้นไปนอนบนเตียงดีๆ ซันจึงลุกมานั่งที่ข้างเตียง
"ปวดหัวรึเปล่า"
"ไม่ปวด" ผมพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้าไปหาซัน คิดถึงจังเลย
"งั้นนอนนะครับ"
"ซัน ไอขอโทษนะ"
"ไม่มีใครผิดครับ ถ้าไอบอกว่าไอผิดงั้นซันก็ผิดด้วย" มือหนาลูบกลุ่มผมของร่างเล็กข้างกายอย่างอ่อนโยน
"แต่—"
"ไม่มีแต่ครับ ถ้าผิดก็ผิดกันทั้งคู่ เลิกคิดมากเรื่องนี้นะครับ"
"อื้อ อึดอัดรึเปล่า"
"ไม่เลยครับ ซันสิต้องถามว่าซันทำให้ไออึดอัดรึเปล่า"
ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบแล้วค่อยๆ ขยับตัวไปใกล้ซัน ร่างสูงระบายยิ้มออกมาบางๆ ให้กับความงอแงของคนตรงหน้า คงจะง่วงมากแล้วสินะ
"พักผ่อนนะครับคนเก่ง"
"อื้อ" เปลือกตาสวยค่อยๆ ปิดลง
ซันยังคงลูบศีรษะเล็กอย่างแผ่วเบาเป็นการกล่อมให้คนตรงหน้าได้หลับลงพร้อมกับกดจูบลงที่กลางหน้าผากสวย หวังเพียงว่ามันจะเป็นค่ำคืนที่ดีสำหรับร่างเล็กทั้งคืนนี้และคืนต่อๆ ไปที่เขาไม่สามารถมาดูแลได้อีกแล้ว…
Love has ended,
but
friendship is still going on
____________________________
สวัสดีค่ะทุกคน ก่อนอื่นเลยขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะหวังว่าเรื่องราวในเรื่องนี้จะทำให้คุณมีความสุขได้นะคะ แต่ถ้าเรื่องราวนี้ทำให้คุณเศร้าเราขอโทษนะคะ
เรื่องนี้เกิดมาจากการที่เราอกหักค่ะและมันก็เป็นเรื่องราวความรักที่สวยงามมากๆวิถีคนไม่มูฟออนอ่ะเนอะแหะๆหวังว่าเรื่องราวบทเล็กๆบทนี้จะทำให้คุณผ่อนคลายจากภาระหน้าที่ต่างๆได้ไม่มากก็น้อยนะคะ
ปล. อย่าลืมดูแลสุขภาพ นอนพักให้พอ เล่นให้สนุก ทำงานให้ดี แล้วสิ่งสำคัญคืออย่าลืมยิ้มให้ตัวเองเยอะๆนะคะ คนเก่ง✨
Comments (0)