1 ตอน โฮมรูม
โดย ภาพิมล
กว่าสองสัปดาห์แล้วที่เธอกลับมาขลุกอยู่ที่บ้าน ว่าไปก็ครบระยะเวลากักตัวตามมาตรการของรัฐในการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ โรคอุบัติใหม่ที่พ่อของเธอเรียกขานด้วยภาษาถิ่นว่า ‘บักห่าตำปอด' เช่นเดียวกับเวลาที่พ่อหัวเสียใครสักคน
ใช่...เวลานี้พันดาราก็อยากตะโกนคำนั้นออกมาดังๆ
ซวยอะไรอย่างนี้! เธอเป็นนักวาดและครีเอเตอร์บนโลกออนไลน์อยู่หลายปี แต่พอผันตัวไปเริ่มต้นธุรกิจบนตลาดออฟไลน์ด้วยการเช่าพื้นที่จำหน่ายสินค้าแฟชั่นศิลปะย่านเจริญกรุง ออกแบบตกแต่งร้านอยู่หลายเดือน เลือกสรรสินค้าเป็นอย่างดี เปิดกิจการได้ไม่ถึงปีก็ต้องเผชิญวิกฤตโรคระบาด ราวกับเธอกำลังเผชิญหน้าวันสิ้นโลกอย่างไรอย่างนั้น
ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงละ หลังจากเฝ้ารอมาตรการเยียวยาและวาดหวังลมๆ แล้งๆ ว่าสถานการณ์อาจดีขึ้น แต่ตัวเลขในบัญชีไม่เคยหลอก เธอไม่มีรายได้จากการค้าขายเข้ามาหลายเดือนแล้ว เงินค่าจ้างจากอาชีพนักวาดอิสระก็พอเลี้ยงปากท้องเดือนชนเดือน ในที่สุดเธอจึงต้องยกเลิกสัญญาค่าเช่ากับเจ้าของสถานที่ ถูกหักเงินมัดจำทั้งหมดเนื่องจากค้างค่าเช่ามาหลายเดือน พันดาราตัดสินใจกลับมาตั้งหลักที่บ้าน...บ้านที่เปรียบเสมือนป้อมปราการสำคัญของชีวิต
ถึงแม้บ้านที่อยู่อาศัยตั้งแต่เกิดจะอยู่แค่รามอินทรา กรุงเทพฯ นี่เอง แต่ก็เหมือนผู้คนส่วนใหญ่ที่ก้าวออกจากบ้านเพื่อแสวงหาเส้นทางชีวิตตนเอง เธอเป็นหนึ่งในนั้น จวบจนไม่นานมานี้ที่ทุกสิ่งที่เธอเสาะแสวงและสั่งสมสูญสลายไปกับตา
ไม่...เธอไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก เธอจะไม่ยอมเสียชื่อที่เกิดมาเป็นลูกสาวครูมวยและเจ้าของค่ายมวยเดชดำรงยิม เธอก็แค่เข้ามุมระหว่างพักยก มีพ่อคอยให้น้ำนักมวย
ถึงแม้บัดนี้พ่อจะผันตัวชั่วคราวไปเป็นมือน้ำไก่ชนก็ตามที
“แม่อยู่ในครัวเหรอพ่อ” พันดาราเอ่ยถามพ่อที่ผิวปากไปพลางเช็ดน้ำไก่ชน
“ใช่ เออ ฝากเอาแก้วกาแฟไปล้างให้พ่อที”
เธอก้มหยิบแก้วที่วางบนพื้นข้างๆ เล้าไก่ ไอ้โต้งตีปีกขู่ทันควัน พันดาราผวาชักมือกลับอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวปั๊ดจับใส่หม้อต้มยำเลยนี่” เธอแยกเขี้ยวขู่กลับ แว่วเสียงพ่อโอ๋ลูกรักเมื่อเดินจากมา
หญิงสาวผละไปหาแม่ที่ครัวซึ่งต่อเติมออกไปหลังค่าย ที่นี่เคยเป็นทั้งบ้านและค่ายมวย แต่ก็อีกนั่นแหละ เวลานี้สิ่งต่างๆ ล้วนเปลี่ยนผัน นักมวยที่เคยกินนอนฝึกซ้อมที่ค่ายต่างแยกย้ายไปทำมาหากิน ไม่ก็กลับต่างจังหวัดกันหมด บ้านที่เคยคึกคักจึงเหลือเพียงคู่สามีภรรยาวัยกลางคน
“ทำไรกินอะแม่”
“มีอ่อมไก่กับไข่เจียว”
“วันหลังไม่ต้องซื้อไก่หรอกแม่ เอาไอ้ดำเกิงนี่แหละ ชอบทำท่าจะจิกพลอยดีนัก”
“อย่ามาพูดดีเลย เราน่ะเห็นเขาต้มปลาไหลตัวเป็นๆ ยังกลัวจนเกาะผ้าถุงแม่ จำได้ไหม”
หญิงสาวยิ้มเผล่ ก่อนวกเข้าเรื่องสำคัญที่เธอตั้งใจจะถามแม่
“แม่จำได้ปะ พลอยเก็บพวกเกมบอยกับตลับเกมสมัยเด็กไว้ไหนนะ พลอยหาไม่เจอ”
“แกไม่อยู่ แม่เห็นฝุ่นเกาะเลยเก็บใส่ลังรวมกับหนังสือบนตู้เสื้อผ้าแล้ว”
เธอทำเสียงรับรู้ในลำคอ แล้วเดินจากไปโดยไม่ทันได้ตอบคำถามแม่ว่าต้องการค้นหาเครื่องเล่นเกมมาทำอะไร
พันดารากลับขึ้นไปข้างบนอีกครั้ง เธอปีนเก้าอี้เพื่อหยิบลังพลาสติกบนตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอน ตุ๊กตาตัวเก่าที่ถูกเก็บในถุงพลาสติกตกใส่ศีรษะ เธอทำท่าจะขว้างมัน แต่ก็เปลี่ยนใจเช็ดฝุ่นบนถุง หวนนึกถึงตอนที่พ่อพาไปเลือกซื้อถึงตึกแถวที่เต็มไปด้วยตุ๊กตาตัวใหญ่ห้อยแขวนอวดสายตาหน้าร้าน ดูเหมือนร้านเหล่านั้นล้มหายตายจากไปตามกาลเวลา
หลักฐานความทรงจำถึงอดีตไม่ได้มีแค่นั้น พันดาราหยิบเกมบอยคัลเลอร์และเครื่องเล่นเกมแฟมิลีออกมาจากลัง เช็ดทำความสะอาดตัวเครื่องและตลับเกมทีละตลับ เธอสะท้อนใจลึกๆ เมื่อคิดจะส่งต่อมันสู่มือนักสะสมคนอื่น ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงไม่มีวันทำใจได้ แต่หลังจากผ่านอะไรมามากมาย ชีวิตก็สอนให้เธอรู้จักปล่อยมือ
แฟ้มสะสมผลงานกับแฟ้มผลการเรียนนอนอยู่ก้นกล่อง พันดาราหยิบหนังสือปกแข็งที่ยังคงสภาพดีออกมา เธอเกือบจำไม่ได้ว่ามันคือ ‘หนังสือรุ่น’ สมัยมัธยมปลาย เพราะตั้งแต่ได้มาก็ไม่เคยเปิดดู
หญิงสาวเปิดหน้าที่ปรากฏรูปถ่ายนักเรียนชั้น ม.หกทับสอง ช่วยไม่ได้ที่ทุกครั้งยามนึกย้อนไปถึงช่วงชีวิตมัธยมปลายของตน สิ่งแรกที่เธอนึกถึงคือเรื่องบังเอิญที่ห้องเรียนเธอมีคนชื่อ ‘พลอย' ถึงห้าคน จนเพื่อนร่วมชั้นต้องตั้งสมญาต่อท้ายชื่อ ไม่ว่าจะเป็นพลอยเนิร์ด พลอยกิจ พลอยสวย พลอยจาง และพลอยแสบอย่างเธอ
แสบแค่ไหนน่ะเหรอ...อย่าถามพลอยกิจแล้วกัน หึ!
พันดาราขยับตัวนั่งชันเข่า ยกหนังสือรุ่นขึ้นมาใกล้มากขึ้นเพื่อเพ่งพินิจรูปเพื่อนแต่ละคนอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก ก่อนจะเปิดดูหน้าต่อไปผ่านๆ จนกระทั่งมาถึงรูปถ่ายห้อง ม.หกทับห้าสายตาเธอก็สะดุดกับนักเรียนชายที่ยืนอยู่แถวที่สองจากแถวหลังสุด เขาไม่มีอะไรโดดเด่นจากคนทั่วไป เว้นเสียแต่ว่าใบหน้านั้นเป็นใบหน้าเดียวที่ประทับแน่นในความทรงจำของเธอ
ก่อนที่เธอกับเขาจะเข้าเรียนที่เดียวกัน
ก่อนที่เธอกับเขาจะเป็นเพื่อนคนแรกของกันและกัน
ก่อนที่เธอกับเขาจะรู้ความหมายของคำว่า ‘เพื่อน'
ว่ากันว่าไม่มีใครไม่เคยทำผิดพลาดตอนอายุสิบแปด ความผิดของเธอคราวนั้นต้องจ่ายด้วยมิตรภาพที่ไม่มีวันกลับคืนมาเหมือนเดิม
.............................................
สวัสดีค่ะ เป็นครั้งแรกที่ลงนิยายที่ readhaus ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวกับคนอ่านทุกคนด้วยนะคะ
สำหรับนิยายเรื่องนี้จะมีกลิ่นอายความหลังวัยเยาว์มาให้ย้อนนึกถึงสมัยออน msn, มือถือ pct และเครื่องเล่น mp3 ใครคิดถึงยุค '90-2000 พลาดไม่ได้เลย
ฝากติดตามและคอมเมนต์พูดคุยได้ตามอัธยาศัยเลยนะคะ
#ภาพิมล
Comments (0)