ปีพุทธศักราช ๒๕๕๑

ตื่อ ดือ ดึ๊ง!

ผมจำใจต้องกดออกจากเกมยิงไข่ไดโนเสาร์ที่กำลังเล่นเหมือนจะไปชิงแชมป์โลก สาเหตุมาจากโปรแกรม msn ในคอมพิวเตอร์ส่งเสียงแจ้งเตือน พร้อมกับการเขย่าหน้าจอรัวๆ ให้รู้สึกรำคาญใจ ประหนึ่งว่าถ้าผมไม่ไปตอบ มันก็คงเขย่าหน้าจอไม่หยุด

ไม่มีความเกรงใจกันขนาดนี้ มีแค่เพื่อนเท่านั้น!

 

กระถิน พูดว่า:

• มึงจะลงสมัครสภานักเรียนเหรอวะ

• ไอ้แดนมันบอกกูอะ

February พูดว่า:

• เออ

• ไอ้หมากมันมาขอร้องอ้อนวอนกู

• บอกว่าพรรคมันต้องการคนไม่เก่งร่วมทีม

• ต้องการสร้างความแตกต่างไปบลัฟพรรคอื่น

กระถิน พูดว่า:

• แตกต่างยังไงวะ

February พูดว่า:

• ปกติคนลงสมัครสภาก็มีแต่พวกหัวกะทิป่ะ

กระถิน พูดว่า:

• อ่าห๊ะ

• แต่มึงโง่นะ

February พูดว่า:

• ขอบคุณที่ช่วยตอกย้ำและซ้ำเติม

กระถิน พูดว่า:

• ไม่เป็นไรเพื่อน

• เล่าต่อ

February พูดว่า:

• เออนั่นแหละ

• มันต้องการคนโง่ร่วมทีม

• เพราะจะมีนโยบาย "แม้ไอคิวต่ำ แต่เลิศล้ำด้วยคุณประโยชน์"

กระถิน พูดว่า:

• เอาดีๆ ป่ะมึง

February พูดว่า:

• ว่า

กระถิน พูดว่า:

• แค่ได้ยินนโยบายพรรค กูไม่กาพรรคนี้แน่นอน

• ไอ้เหี้ย นโยบายอะไรเนี่ย

• ไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นเลยสักนิด

February พูดว่า:

• ไม่รู้กับพวกมัน

• แต่กูตอบตกลงไปแล้ว

• นานๆ จะมีคนเห็นคุณค่าในตัวกู

• เตี่ยกับม้ากูต้องภูมิใจ

กระถิน พูดว่า:

• ภูมิใจแหละเนอะ

• มันชวนมึงเพราะความโง่อะ

February พูดว่า:

• เออ

• ภูมิใจ

 

ตอบแชทกระถินเพื่อนรักด้วยความจริงใจ ไม่ได้แฝงความประชดประชันใดๆ ทั้งสิ้น เพราะผมรู้สึกดีใจที่จะได้ลงสมัครสภานักเรียน หลังจากไอ้หมากหัวหน้าห้องชั้น ม.5/3 ซึ่งเป็นห้องที่ผมเรียนอยู่ มันมาพูดชวนเมื่อช่วงหลังเลิกเรียนที่ผ่านมา

ผมชื่อ กุมภ์ ครับ ย่อมาจากกุมภาพันธ์ เตี่ยกับม้าตั้งชื่อนี้ให้เพราะเป็นเดือนที่ผมเกิดมาลืมตาดูโลก ปัจจุบันผมอายุ 17 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.5 สายวิทย์ - คณิต สายการเรียนที่ผมไม่ได้อยากเรียนเลยสักนิด แต่หนีภาษาอังกฤษเลยจำใจต้องเรียนสายนี้อย่างเลือกไม่ได้

แต่การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้ผมรู้สึกคิดผิดอย่างมหันต์ สายนี้แม่งยากกว่าที่คิดไว้ฉิบหาย ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คณิตหลัก คณิตเสริม บลาๆ ฆ่าผมให้ตายเสียยังดีกว่า ทำไมโรงเรียนไม่เปิดสาขาแต่งนิยายบ้าง ผมจะรีบต่อแถวสมัครเรียนให้ว่องไว

เรื่องเรียนไม่เคยพากเพียรเท่าการอ่านนิยาย ผมชื่นชอบการอ่านนิยายเป็นชีวิตจิตใจ อ่านได้ทุกแนวไม่เว้นแม้แต่นิยายผี ชอบมากที่สุดก็คือนิยายรักโรแมนติก

ผมมีแฟนเป็นร้อยๆ คนเลยครับ หลังจากอ่านนิยายจบหลายร้อยเล่ม

โลกในนิยายทำให้โลกความเป็นจริงของผมมันยากขึ้นไปอีก เพราะผู้ชายดีๆ มันมีแค่ในนิยาย เหมือนเพลงร้ายก็รักของพี่โจอี้บอย ที่ผมชอบเปิดฟังจนแผ่นเสียงเป็นรอย

นอกจากการอ่านนิยาย อีกอย่างที่ผมชอบคือการอ่านคอลัมน์ดูดวงในนิตยสาร I LIKE นิตยสารรายปักษ์ที่ตีพิมพ์ออกมาเดือนละ 2 ครั้ง ถ้าไม่หาซื้อเองก็ขออ่านต่อจากเพื่อนในห้อง ระบบหมุนเวียนกันอ่านเกิดขึ้นเป็นประจำในห้องเรียนของผม เวลาซื้อนิยายหรือนิตยสารมาแต่ละครั้ง เพื่อนๆ ขออ่านต่อกันเป็นขบวน

ผมไม่ได้งมงายนะครับ แต่คอลัมน์ดูดวงมันแม่นจนน่าตกใจ

ปลูกต้นไม้ผมก็ชอบ แม้จะเคยเลี้ยงต้นกระบองเพชรแล้วตาย แต่ผมก็ยังไม่ละความพยายาม ซื้อต้นไม้มาวางไว้เต็มระเบียงห้องจนโดนเตี่ยกับม้าบ่นเป็นประจำว่าจะซื้อทำไมนักหนา

ผมชอบหมาชอบแมว ชอบกินชาเขียวเป็นชีวิตจิตใจ สรุปแล้วผมชอบทำทุกอย่างยกเว้นเรื่องที่มีสาระอย่างเช่น เรื่องเรียน ผมเป็นคนไอคิวต่ำมาก แปลไทยเป็นไทยได้ว่าโง่บรม เกรดเฉลี่ยไม่ถึง 2.00 ด้วยซ้ำ สร้างความหนักใจให้เตี่ยกับม้าอยู่ไม่น้อย แต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อการเรียนมันน่าเบื่อ

แรงบันดาลใจในการเรียนเท่ากับศูนย์ ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโตขึ้นอยากทำงานอาชีพอะไร เวลาใครถามทำได้แค่ส่ายหน้าหรือไม่ก็บอกว่าอยากเป็นพ่อค้าขายโจ๊กเหมือนเตี่ย

บ้านผมเป็นตึกแถวอยู่ในตลาดโชคชัยสี่ เตี่ยกับม้ามีกิจการส่วนตัวคือ ร้านโจ๊กกุมภ์ เปิดขายโจ๊กและน้ำเต้าหู้เฉพาะช่วงเช้า รายได้ถล่มทลายพอตัว เพราะเป็นร้านโจ๊กชื่อดังที่มีสูตรเด็ดเฉพาะไม่เหมือนใครในย่านนี้

พยายามหาข้อดีในตัวเองแต่ก็ไม่เคยค้นพบ ยิ่งเรื่องหน้าตามองข้ามไปได้เลย ไม่เคยมีใครชมว่าผมหน้าตาดีสักครั้ง มันเลยทำให้ผมไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ทว่าไม่เคยเก็บเอามาคิดมากเพราะเรื่องหน้าตามันไม่ได้สำคัญในการใช้ชีวิตสำหรับผม

จนกระทั่งได้รู้จักกับ พี่ฌิม ความคิดที่อยากหน้าตาดีมันก็ผุดขึ้นมาในสมองอย่างฉับพลัน

ผู้ชายคนนี้เหมือนพระเอกที่หลุดออกมาจากนิยายหลายเล่มที่ผมเคยอ่าน

พี่ฌิมเป็นรุ่นพี่ผมหนึ่งปี เขาเรียนอยู่ชั้น ม.6 มีดีกรีเป็นประธานนักเรียนคนล่าสุดที่กำลังจะสละตำแหน่ง หลังจากการแข่งขันสภานักเรียนในปีนี้สิ้นสุดลง

ด้วยความที่ผมเป็นมนุษย์ไม่ค่อยสนใจโลกภายนอกสักเท่าไหร่ ไม่ว่าใครจะเป็นประธานนักเรียน เป็นนักดนตรีหรือเป็นนักกีฬาดีเด่น ผมไม่เคยสนใจอยากรู้จักเลยสักครั้ง

จนเมื่อสัปดาห์ก่อน ผมกำลังเดินไปที่ป้ายรถเมล์หลังจากเลิกเรียน แต่จู่ๆ ก็ถูกหมาจรจัดวิ่งไล่จนต้องวิ่งหนีหัวกระเซอะกระเซิง ทว่าในความโชคร้ายทำให้ผมได้รู้ว่าพระเอกขี่ม้าขาวมีอยู่จริง รุ่นพี่ในชุดนักเรียนขาวสะอาดสะอ้านจอดรถมอเตอร์ไซค์เวสป้าราคาเฉียดแสน พูดชวนผมให้รีบขึ้นซ้อนท้ายรถเพื่อหนีไอ้หมาบ้าตัวนั้น ผมจึงมีชีวิตรอดปลอดภัยจากเหตุการณ์ระทึกขวัญ

ซึ่งรุ่นพี่คนที่ช่วยผมไว้ก็คือพี่ฌิม ผมยังจำบทสนทนาในวันนั้นได้เป็นอย่างดี

"น้องจะให้พี่ไปส่งที่ไหนครับ" เสียงตะโกนแข่งกับเสียงลมดังเข้ามาในโสตประสาท ขณะรถมอเตอร์ไซค์เวสป้ากำลังแล่นอยู่บนท้องถนน ด้วยความเกรงอกเกรงใจผมจึงรีบตอบคำถามรุ่นพี่ทันที

"พี่จอดป้ายรถเมล์ใกล้ๆ ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมนั่งรถเมล์กลับบ้านเอง"

"บ้านน้องอยู่แถวไหน"

"ตลาดโชคชัยสี่ครับ"

"งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่ง" ผมพูดปฏิเสธแต่พี่ฌิมยืนยันที่จะไปส่ง จนกระทั่งรถเวสป้าขี่มาจอดที่หน้าบ้าน ผมจึงรีบลงจากรถและพูดขอบคุณเขาทันที

"ขอบคุณนะครับที่มาส่ง ขอบคุณที่ช่วยผมด้วย"

"ไม่เป็นไรครับ โจ๊กกุมภ์นี่บ้านน้องเหรอ" รุ่นพี่เอ่ยถามพลางมองไปยังป้ายหน้าบ้านของผม

"ใช่ครับ"

"แม่พี่ชอบมาซื้อโจ๊กร้านนี้มาก" ผมรีบส่งรอยยิ้มกว้างให้รุ่นพี่ด้วยความภาคภูมิใจ ฝีมือเตี่ยไม่ธรรมดาจริงๆ

"ขอบคุณนะครับ พี่.."

"พี่ฌิมครับ แล้วน้องชื่ออะไร"

"ผมชื่อกุมภ์ เรียนอยู่ ม.5/3 ครับ"

"ยินดีที่ได้รู้จักนะครับน้องกุมภ์"

ใช้ชีวิตบนโลกใบนี้จนอายุ 17 ปี ไม่เคยหัวใจเต้นแรงขนาดนี้มาก่อน เพียงชั่ววินาทีที่เราสบตากัน ทำให้ผมตกหลุมรักรุ่นพี่ได้อย่างมหัศจรรย์เหมือนในนิยายหลายเล่มที่เคยอ่าน

ความรู้สึกชอบที่เกิดขึ้นทำให้ผมแอบถามเพื่อนในกลุ่ม ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารู้จักพี่ฌิม พี่เขาเป็นประธานนักเรียนและเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลประจำโรงเรียน พวกมันยังรุมด่าผมด้วยว่าหัดสนใจโลกภายนอกบ้างไม่ใช่อ่านแต่นิยาย

โอเคเพื่อน เรื่องนี้กูผิด!

พอรู้ประวัติพี่ฌิม ยิ่งรู้สึกว่าโลกของผมกับเขาช่างแตกต่างกันซะเหลือเกิน นอกจากหน้าตาที่หล่อเหลาราวกับเทพบุตร พี่ฌิมยังเก่งและมากไปด้วยความสามารถ เรียนดี กีฬาเด่น เพื่อนผมยังบอกอีกว่ารุ่นพี่รุ่นน้องในโรงเรียนแอบชอบเขาเยอะมาก ยิ่งตอนพี่ฌิมซ้อมบาสเกตบอลหลังเลิกเรียน ชอบมีสาวๆ ซื้อน้ำซื้อขนมไปให้เป็นประจำ

ใช่ครับ มีแต่ผู้หญิงที่เข้าหาพี่ฌิม ส่วนพวกตุ๊ดหรือกระเทยก็แอบกรี๊ดกร๊าดผู้ชายหล่อตามประสา ส่วนผู้ชายแมนๆ แบบผมไม่มีทางเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงได้ว่าชอบผู้ชายเหมือนกัน สังคมที่โรงเรียนผมยังไม่ค่อยมีใครเปิดรับเรื่องความหลากหลายทางเพศ ที่สำคัญผมยังไม่เคยเห็นผู้ชายคบกับผู้ชายด้วยกันในโรงเรียนแม้แต่คู่เดียว

แต่ผมก็ซื่อสัตย์ในความรู้สึกของตัวเอง ตัดสินใจบอกเพื่อนในกลุ่มว่าชอบพี่ฌิม ซึ่งพวกมันพูดตอกหน้าผมกลับมาทันที

พี่ฌิมไม่ชอบมึงหรอก พี่เขาชอบผู้หญิง

มองไม่เห็นจุดหมายปลายทางเลยสักนิดว่าจะทำให้รุ่นพี่สุดเพอร์เฟกต์หันมามองเด็กห่วยๆ อย่างผมได้ยังไง

แค่ชอบก็แพ้ซะแล้ว


twitter #รุ่นพี่คนโปรด