"ขอบคุณที่ให้กุมภ์ติดรถมาด้วยนะครับ" ผมถอดหมวกกันน็อกยื่นให้เจ้าของรถเวสป้า พร้อมกล่าวขอบคุณด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พี่ฌิมยื่นมือมารับหมวกกันน็อกพลางส่งรอยยิ้มหล่อกระชากใจ มองทีไรหัวใจก็เต้นแรงทุกครั้ง

"ด้วยความยินดีครับ"

เมื่อเช้ารุ่นพี่แวะมารับผมถึงหน้าบ้าน ให้ผมติดรถมาโรงเรียนพร้อมกับเขา หลังจากคุยเอ็มกันเมื่อคืนว่าบ้านผมเป็นทางผ่าน ความจริงผมรู้สึกเกรงใจ แต่ความดีใจที่จะได้อยู่ใกล้พี่ฌิมมันมีมากกว่า

เคยเป็นเหมือนกันมั้ยครับ รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ได้ชอบเรา แต่ก็ยังอยากพาตัวเองไปอยู่ใกล้ๆ เขา ความรักทำให้เราสามารถทำอะไรได้อย่างไม่มีเหตุผล เพราะใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจมากกว่าใช้สมอง

"ค่าน้ำมันรถครับ" ผมควักเงินแบงค์ร้อยที่เตรียมไว้ส่งให้คนตรงหน้า นอกจากพี่ฌิมจะไม่รับเงินยังพูดปฏิเสธด้วยน้ำเสียงสุภาพ

"รอให้น้ำมันถังนี้หมดก่อนก็ได้ครับ น้องกุมภ์ค่อยช่วยพี่ออก"

"จะดีเหรอครับ กุมภ์เกรงใจ"

"ไม่ต้องเกรงใจ พี่เก็บเงินกับเราแน่นอน ไม่ยอมให้นั่งรถพี่ฟรีหรอกครับ" รุ่นพี่พูดด้วยน้ำเสียงติดเล่น ทว่าทำให้ผมรู้สึกสบายใจ เพราะถ้าพี่ฌิมไม่ยอมให้ช่วยออกค่าน้ำมันรถ ผมคงลำบากใจเหมือนกัน

ผมเป็นคนขี้เกรงใจ ไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใครด้วย

"ก็ได้ครับ ส่วนนี่โจ๊กที่พี่ฌิมสั่ง" ยื่นถุงโจ๊กพร้อมน้ำเต้าหู้ส่งให้รุ่นพี่ เจ้าตัวรับไปถือไว้พร้อมควักเงินแบงค์ยี่สิบจำนวนสองใบส่งให้ผม

"โหเป๊ะมาก ไม่ต้องถามราคาเลยเหรอครับ"

"ฮ่าๆ บอกแล้วไงครับ บ้านพี่อุดหนุนร้านโจ๊กกุมภ์เป็นประจำ" คงเป็นเพราะวันธรรมดาผมไม่เคยเสนอหน้าลงไปช่วยเตี่ยกับม้าขายโจ๊กตอนเช้า ที่ผ่านมาจึงไม่เคยเจอพี่ฌิมเลยสักครั้ง

จากนี้ไปคงต้องทำตัวเป็นลูกกตัญญู ตื่นเช้าลงไปช่วยเตี่ยกับม้าขายของบ้างดีกว่า เผื่อจะได้เจอผู้ชายให้จิตใจกระชุ่มกระชวย

เตี่ยกับม้าต้องภูมิใจ!

"ฌิม" ผมกับพี่ฌิมเดินออกจากโรงจอดรถยังไม่ถึงสามก้าวก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงหวานตะโกนเรียกพี่ฌิมจากทางด้านหลัง หันไปมองก็พบว่าเจ้าของเสียงนั้นคือพี่น้ำตาลที่กำลังเดินเข้ามาหาเราสองคน

เพียงเสี้ยววินาทีที่ใบหน้าผมสลดลง ก่อนจะรีบปรับสีหน้าตนเองให้ยิ้มแย้มสดใส

"ทำไมตาลมาอยู่โรงจอดรถ" เมื่อพี่น้ำตาลเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า คนที่ยืนอยู่ข้างผมจึงถามขึ้น เหลือบมองก็พบว่าใบหน้าหล่อเหลาของรุ่นพี่กำลังมอบแววตาอ่อนโยนให้พี่น้ำตาลจนผมรู้สึกอิจฉา

อยากถูกพี่ฌิมมองด้วยแววตาแบบนี้บ้าง คงทำได้แค่ฝัน

"วันนี้แม่ตาลติดธุระมาส่งไม่ได้ ตาลเลยต้องขับรถมาเอง" พี่น้ำตาลพูดพลางชี้นิ้วไปยังรถฮอนด้าซิตี้สีขาวที่จอดห่างออกไป นอกจากสวยแล้วยังฐานะดี เรียนแค่ชั้นมัธยมปลายแต่มีรถยนต์ขับแล้ว

พลันนึกถึงกระปุกออมสินหมูที่ผมเฝ้ายอดเงินมาทั้งปี รวมกันแล้วยังซื้อเศษเหล็กประกอบรถยนต์ไม่ได้ด้วยซ้ำ เมื่อไหร่เตี่ยกับม้าจะเฉลยว่าความจริงบ้านเราเป็นมหาเศรษฐีที่ปลอมตัวมาเรียนรู้การใช้ชีวิตอย่างคนหาเช้ากินค่ำ

"งั้นตาลเดินไปโรงอาหารพร้อมฌิมเลยมั้ย"

"ไปสิ แต่เดี๋ยวนะ.. ที่ฌิมถืออยู่ใช่โจ๊กร้านที่ตาลอยากกินหรือเปล่า"

"ใช่ ฌิมเห็นว่าตาลอยากกินเลยซื้อมาให้"

"ฌิมอ่า..น่ารักกับตาลอีกแล้ว" รุ่นพี่คนสวยส่งรอยยิ้มหวานด้วยท่าทางเขินอาย หันมองพี่ฌิมอาการก็ไม่ต่างจากพี่น้ำตาลสักเท่าไหร่

ต่างคนต่างเขินใส่กันจนผมรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นอากาศ เป็นสสารที่สัมผัสได้แต่ไม่มีใครมองเห็น

"แล้วน้องคนนี้ใครเหรอ" พี่น้ำตาลเอ่ยถามพี่ฌิมพลางมองมาที่ผม 

ขอบคุณที่ยังเห็นผมยืนอยู่ตรงนี้..

"น้องกุมภ์ ลูกเจ้าของร้านโจ๊กที่ฌิมซื้อมาให้ตาล"

"อ๋อ ใช่น้องคนที่อยู่กลุ่มเดียวกับน้องผู้หญิงที่มาขอเมลฌิมเมื่อวานป่ะ" 

ฉิบหายแล้ว! พี่ฌิมจะรู้หรือเปล่าว่าคนที่ไอ้กระถินไปขอเมลให้คือผม

"ใช่" พี่ฌิมตอบพี่น้ำตาล

"ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ พี่ชื่อน้ำตาล"

"ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ" ผมพูดพลางส่งยิ้มให้รุ่นพี่ ก่อนจะขอตัวเดินออกมาจากวงสนทนา โดยอ้างว่ามีการบ้านต้องรีบไปทำก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ แต่ความจริงผมรู้สึกอึดอัดใจจนไม่อยากยืนอยู่ตรงนั้น

เทพบุตรย่อมเหมาะสมและคู่ควรกับนางฟ้า หมาวัดอย่างผมแค่ได้นั่งมองก้อนเมฆก็หรูแล้ว

 

 

14.02 น.

"เลิกเรียนแล้วไปร้องคาราโอเกะกันป่ะ" ประโยคเอ่ยชวนดังมาจากไอ้กระถิน ขณะผมกับเพื่อนกำลังเดินไปเรียนที่ห้องชีววิทยา โรงเรียนผมเป็นระบบเดินเรียน แม้จะมีห้องเรียนประจำชั้นแต่ก็ยังมีหลายวิชาที่ต้องเดินไปเรียนห้องอื่น

"กูไปไม่ได้อะ ไอ้หมากมันนัดประชุมเรื่องนโยบายพรรคหลังเลิกเรียน" ผมปฏิเสธคำชวนอย่างนึกเสียดาย อยากไปแหกปากร้องคาราโอเกะที่ตู้หยอดเหรียญใจแทบขาด แต่ลงสมัครสภานักเรียนไปแล้วก็ต้องก้มหน้ารับกรรมทำหน้าที่ของตัวเองก่อน

"จะไหวเหรอวะ กูเห็นห้องหนึ่งมีแต่คนหน้าตาดีลงสมัคร"

"จริง ต่อให้นโยบายพรรคดีแค่ไหน รุ่นน้องส่วนใหญ่ก็กาแต่คนหน้าตาดี" ไอ้ขุนพูดเสริม หลังจากไอ้เปรมแสดงความคิดเห็นเรื่องการลงสมัครสภานักเรียน

คนอื่นเลือกกาเพราะหน้าตาหรือนโยบายพรรคผมไม่รู้ แต่ผมกาบัตรเสียมาสองปีซ้อน มันเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เป็นไปได้ก็ไม่อยากให้มีใครทำตาม

แต่ก็อย่างที่ไอ้เปรมกับไอ้ขุนมันพูด พรรคสภานักเรียนที่นโยบายเลิศล้ำ สามารถสร้างคุณประโยชน์ให้โรงเรียนกลับไม่เคยได้ตำแหน่งเลยสักปี ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาถรรพ์หรือพ่ายแพ้ให้กับพรรคที่หน้าตาดีกันแน่

มันจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมเลือกกาบัตรเสีย เคยกาพรรคที่นโยบายเจ๋งๆ แต่ไม่เคยชนะการเลือกตั้ง

"แต่พรรคพี่ฌิมก็เก่งอยู่นะ กิจกรรมปีที่ผ่านมามีแต่คนชมว่าทำได้ดี" ไอ้กระถินพูดแย้งขึ้น ซึ่งเรียกความสนใจจากผมได้เป็นอย่างดี

ทุกคนอาจสงสัยว่าทำไมตอนเรียน ม.4 ผมถึงไม่เลือกกาพรรคพี่ฌิม อย่าว่าแต่เลือกเลยครับ ตอนพรรคสภานักเรียนขึ้นพูดหาเสียงหน้าเสาธง ผมไม่เคยตั้งใจฟังเลยสักครั้ง มัวแต่คุยกับเพื่อนในแถวจนโดนคุณครูดุเป็นประจำ

"ทั้งหล่อทั้งเก่ง" ผมพูดอวยยศพี่ฌิมจนไอ้กระถินหันมาเบะปากใส่

"แหม พอชอบพี่เขาหน่อยก็อวยใหญ่เลยนะมึง"

"อวยดิ ก็ฌิมเก่งจริงๆ" หน้าตาดี เรียนเก่ง กีฬาเด่น แถมยังสุภาพและอ่อนโยน สมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง

"แล้วถ้ามึงมาโรงเรียนกับเขาทุกวัน มึงไม่กลัวว่าจะชอบเขามากกว่าเดิมเหรอวะ" ผมเงียบไปอึดใจหนึ่ง เมื่อไอ้ขุนหันมาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ผมเล่าให้พวกมันฟังเรื่องที่พี่ฌิมให้ผมติดรถมาโรงเรียนพร้อมเขาทุกวัน

"ไม่กลัว"

ตอนนี้ผมชอบพี่ฌิมมากกว่าวันแรกที่เจอ หากวันหนึ่งความรู้สึกมันจะมากเกินไปกว่านี้ผมก็ยินดี อยากซึมซับความรู้สึกของการแอบรักใครสักคนไปนานๆ แม้ว่าผมแทบมองไม่เห็นปลายทางของความสมหวัง

"มึงชวนพี่ฌิมคุยเรื่องสมัครสภานักเรียนดิ หาเรื่องคุยกับเขา" ไอ้กระถินพูดแนะนำ 

"แกล้งๆ ขอคำปรึกษา จะได้สนิทกันมากกว่าเดิม" ไอ้เปรมพูดเสริมอีกหนึ่งกำลัง

กูเริ่มคล้อยตามพวกมึงแล้วนะเว้ย! 

"จะดีเหรอวะ"

"ดี!" พวกมันทั้งสามคนตอบเสียงเดียวกัน

เอาก็เอาวะ เพื่อนหนุนหลังขนาดนี้!

 

 

18.29 น.

"อากุมภ์ลงไปกินข้าว"

"ม้ากับเตี่ยกินก่อนเลย กุมภ์ยังไม่หิว" เสียงตะโกนของผมดังทะลุประตูห้องนอน หลังจากม้าเดินมาเคาะประตูห้องเพื่อเรียกให้ลงไปกินข้าวเย็น

ทุกวันหลังเลิกเรียนผมมักขึ้นมาขลุกอยู่ในห้องเพื่ออ่านนิยายเล่มโปรด แต่วันนี้แตกต่างไปจากทุกวัน ทันทีที่กลับมาจากโรงเรียนผมรีบไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์เพื่อดูว่าพี่ฌิมออนเอ็มหรือยัง

"ยังไม่ออนแฮะ" สเตตัส msn ของพี่ฌิมขึ้นออฟไลน์ ผมจึงเดินไปหยิบแผ่นซีดีวงโปรดใส่เครื่องเล่น ก่อนจะออกไปรดน้ำต้นไม้ที่ระเบียงห้องด้วยอารมณ์สุนทรีย์

บทเพลงบรรเลงขึ้น มุมปากทั้งสองข้างของผมเผยรอยยิ้มกว้างทันที ใบหน้าของพี่ฌิมลอยเข้ามาในความคิด

~ ตะวันลับตา ท้องฟ้าก็ทาสีดำ

และสิ่งที่ฉันต้องทำเป็นประจำคือคิดถึงเธอ

ใจฉันเหมือนนกคอยบินไปนอกหน้าต่างเสมอ

อยากบินไปบ้านเธอ ฮืม..

เธอคงหลับแล้ว ไม่รู้อะไรบ้างเลย

ว่ามีใครเขาแอบเผย ความในใจเป็นตัวหนังสือ

ถ้อยคำว่ารักฉันเขียนให้เธอโดยไม่หารือ

บางครั้งฉันยังฝึกปรือ บอกรักเธอหน้าตู้กระจก

เธอเป็นแฟนฉันแล้ว รู้ตัวบ้างไหม

แล้วเมื่อไรหนอฉันจะได้เป็นแฟนของเธอ

ก่อนนอนฉันเขียนบันทึกถึงเธอเสมอ

อยากบอกรักเธอ

อย่างเป็นทางการแต่ไม่กล้าพอ..

รดน้ำต้นไม้พร้อมฮัมเพลงเธอเป็นแฟนฉันแล้วของวงกะลาด้วยอาการคล้ายคนมีความรัก ท่วงทำนองและบทเพลงช่วยกล่อมอารมณ์ให้รู้สึกดีได้อย่างแปลกประหลาด

เพลงเพราะขึ้นกว่าเดิม เพราะพี่ฌิม..

 

ตื่อ ดือ ดึ๊ง!

ผมรีบวางกระบอกฉีดน้ำต้นไม้ลง เมื่อได้ยินเสียง msn แจ้งเตือน คาดว่าเพื่อนคนใดคนหนึ่งในกลุ่มคงทักมาคุยเฉกเช่นทุกวัน แต่เมื่อเดินมาถึงหน้าจอคอมพิวเตอร์ ดวงตาผมเบิกโพลงทันที

พี่ฌิม..

ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะทักเอ็มหาพี่ฌิมก่อน รวบรวมความกล้าตั้งนานหลังจากโดนเพื่อนทั้งสามคนไซโคอยู่พักใหญ่ พอเห็นรุ่นพี่เป็นคนทักมาก่อนกลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก

 

Chim พูดว่า:

• น้องกุมภ์ยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ

february พูดว่า:

• ไม่ยุ่งค้าบ

• กุมภ์เพิ่งรดน้ำต้นไม้เสร็จ

Chim พูดว่า:

• ปลูกต้นไม้ไว้ตรงไหนครับ

• ทำไมที่หน้าบ้านน้องกุมภ์ไม่เห็นมีต้นไม้สักต้น

february พูดว่า:

• กุมภ์ปลูกที่ระเบียงห้องครับ

• ปลูกหน้าบ้านไม่ได้หรอก

• เคยเอากระถางไปวางไว้หน้าบ้าน

• โดนเตี่ยบ่นว่าขวางทางเดินลูกค้า

• กุมภ์เลยไม่กล้าเอาไปวางไว้อีก

Chim พูดว่า:

• 5555555555555

• น้องกุมภ์ชอบปลูกต้นไม้เหรอครับ

february พูดว่า:

• ใช่ครับ

• กุมภ์เห็นสีเขียวแล้วรู้สึกสดชื่น

Chim พูดว่า:

• พี่ก็ชอบปลูกต้นไม้

• ถ้าไปตลาดต้นไม้คราวหน้า

• สงสัยต้องชวนน้องกุมภ์ไปด้วย

february พูดว่า:

• พี่ฌิมพูดแล้วนะครับ

• ถ้าไม่ชวนกุมภ์จะทำหน้าแบบอีโมจิตัวนี้

sad

Chim พูดว่า:

• 5555555555

• หน้าบึ้งเลยเหรอครับ

february พูดว่า:

• ไม่ได้ทำหน้าบึ้งครับ

• กุมภ์ทำหน้างอน

Chim พูดว่า:

• งอนได้ครับ

• เพราะพี่ง้อเก่ง

february พูดว่า:

surprise

Chim พูดว่า:

• 55555555555

• มัวแต่ชวนน้องกุมภ์คุยเรื่องต้นไม้

• พี่ลืมเลยว่าจะทักมาสั่งน้ำเต้าหู้

february พูดว่า:

• สั่งมาได้เลยค้าบ

• ร้านโจ๊กกุมภ์ยินดีให้บริการ

Chim พูดว่า:

• น้ำเต้าหู้ 5 ถุงครับ

• ใส่เครื่อง 3 ไม่ใส่ 2

• หวานปกติ

february พูดว่า:

• โห

• ทำไมสั่งเยอะจังเลยครับ

Chim พูดว่า:

• เพื่อนในกลุ่มพี่มันอยากกินด้วย

• วันนี้พวกมันโดนตาลป้ายยา

• ตาลบอกว่าน้ำเต้าหู้ร้านน้องกุมภ์อร่อย

february พูดว่า:

• อ๋อครับ

• เตี่ยรู้คงตัวลอยแน่ๆ

Chim พูดว่า:

• 555555555555

• อร่อยจริงครับ

• พี่ก็ชอบ

february พูดว่า:

• ชอบน้ำเต้าหู้เหรอครับ

Chim พูดว่า:

• ใช่ครับ

• ชอบน้ำเต้าหู้

february พูดว่า:

• 55555555555555

• ขอบคุณนะครับที่อุดหนุนตลอด

Chim พูดว่า:

• ด้วยความยินดีครับ

february พูดว่า:

• ตอนนี้พี่ฌิมยุ่งอยู่มั้ยครับ

• กุมภ์มีเรื่องอยากปรึกษา

Chim พูดว่า:

• คุยได้ครับ

• น้องกุมภ์อยากปรึกษาเรื่องอะไร

february พูดว่า:

• เรื่องลงสมัครสภานักเรียนครับ

• พอดีกุมภ์เห็นพี่ฌิมเป็นประธานนักเรียน

• คงให้คำปรึกษาได้ดี

Chim พูดว่า:

• ได้เลยครับ

• น้องกุมภ์ลงสมัครด้วยเหรอ

february พูดว่า:

• ใช่ครับ

• เพื่อนที่เป็นหัวหน้าพรรคมันชวน

• แต่กุมภ์ไม่เก่งเลยครับ

• กีฬาหรือกิจกรรมก็ไม่ค่อยเข้าร่วม

• ยิ่งงานวิชาการไม่เคยลงแข่งสักครั้ง

• กุมภ์กลัวว่าตัวเองจะทำให้พรรคแพ้

Chim พูดว่า:

• อย่าเพิ่งคิดเรื่องแพ้เรื่องชนะเลยครับ

• คนเราต่อให้เก่งหรือไม่เก่ง

• ก็มีความสามารถในตัวเอง

• ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์หรือพรแสวง

• ดูจากความกังวลของน้องกุมภ์

• พี่คงต้องให้คำปรึกษาหลายเรื่อง

• โทรคุยน่าจะสะดวกกว่ามั้ยครับ

february พูดว่า:

• จะดีเหรอครับ

• กุมภ์เกรงใจพี่ฌิม

Chim พูดว่า:

• ไม่ต้องเกรงใจครับ

• เอาเบอร์น้องกุมภ์มา

• เดี๋ยวพี่โทรหาเอง

february พูดว่า:

• 095 678 xxxx

Chim พูดว่า:

• น้องกุมภ์ว่างคุยตอนไหนครับ

february พูดว่า:

• ประมาณสองทุ่มพี่ฌิมสะดวกมั้ยครับ

• กุมภ์ขอไปกินข้าวและอาบน้ำก่อน

Chim พูดว่า:

• ได้ครับ

• เดี๋ยวสองทุ่มพี่โทรหา

february พูดว่า:

• ขอบคุณมากนะครับ

Chim พูดว่า:

• ครับผม

 

หยิบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโมบายของตัวเองขึ้นมามองแล้วยิ้มแฉ่งด้วยความดีใจ การได้คุยโทรศัพท์กับพี่ฌิมเป็นเรื่องที่ผมไม่เคยคาดหวังมาก่อน พอรู้ว่าจะได้โทรคุยกับรุ่นพี่แบบสองต่อสอง ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นจนหัวใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ

รีบลงไปกินข้าวเย็น อาบน้ำปะแป้ง ทำธุระส่วนตัวจนเรียบร้อยทุกอย่าง

กายพร้อมใจพร้อม กระโดดขึ้นเตียงนอนแล้วคว้าโทรศัพท์มาถือไว้เพื่อรอพี่ฌิมโทรมา หน้าปัดนาฬิกาบอกเวลาสองทุ่มห้านาที เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นผมจึงรีบกดรับสาย พยายามปรับน้ำเสียงการพูดให้เป็นโทนปกติ ไม่อยากให้พี่ฌิมจับได้ว่าผมกำลังตื่นเต้น

"ฮัลโหลครับ"

[ขอโทษที่โทรมาช้านะครับ พี่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ]

หัวใจเต้นตึกตักเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเล็ดลอดผ่านโทรศัพท์ สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วค่อยๆ พรูออกมา พร้อมพูดตอบปลายสายด้วยน้ำเสียงสดใส

"ไม่เป็นไรครับ กุมภ์ก็เพิ่งอาบน้ำเสร็จเหมือนกัน.." หลังจากนั้นพี่ฌิมก็ให้คำปรึกษาผมเรื่องลงสมัครสภานักเรียนและเรื่องการเรียน

รุ่นพี่ไม่ได้สอน ในทางกลับกันเขาพูดให้กำลังใจจนผมมีความมั่นใจมากกว่าเดิม การได้พูดคุยกับคนเก่งอย่างพี่ฌิมทำให้ผมมีแรงบันดาลใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

อยากเต็มที่กับการลงแข่งสภานักเรียนให้สุดความสามารถ ไม่ว่าสุดท้ายผลการแข่งขันจะแพ้หรือชนะ

อยากขยันและตั้งใจเรียนให้เก่งขึ้นกว่าเดิม

อยากเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับการแอบรักคนเก่งอย่างพี่ฌิม

ความรักคือแรงบันดาลใจ ผมเพิ่งเข้าใจความหมายของประโยคนี้

ไม่รู้ว่าเวลาที่ผมกับพี่ฌิมคุยโทรศัพท์กันล่วงเลยผ่านไปนานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีเปลือกตาของผมก็ค่อยๆ ปิดลง พร้อมเสียงแว่วที่ดังเข้ามาเสมือนความฝัน

[ฝันดีนะครับน้องกุมภ์]

คืนนี้ฝันดีจัง..

 

 

06.56 น.

"อากุมภ์ ลื้ออย่าลืมช่วยออกค่าน้ำมันให้พ่อหนุ่มคนนั้นด้วยนา"

"พี่เขาชื่อฌิม ไม่ได้ชื่อพ่อหนุ่มคนนั้น" พูดเย้าแหย่จนเตี่ยหันมาเท้าเอวใส่ เรื่องกวนอารมณ์ผู้บังเกิดเกล้าเป็นงานถนัด

"ลื้อนี่มันกวนประสาทอั๊วจริงๆ เอานี่ไป" ปากบ่นแต่มือกลับยื่นถุงน้ำเต้าหู้ที่พี่ฌิมสั่งไว้ส่งมาให้ผม รีบรับมาถือไว้อย่างทะนุถนอม ก่อนจะยกมือไหว้เตี่ยกับม้าแล้วออกไปยืนรอรุ่นพี่ที่หน้าปากซอย

"อ้าวน้องกุมภ์" ผมหันไปมองตามเสียงเรียกด้วยความแปลกใจ

"หวัดดีครับพี่น้ำตาล" รุ่นพี่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ผมจึงยกมือไหว้พร้อมทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

ปกติผมไม่เคยเจอพี่น้ำตาลแถวตลาดโชคชัยสี่เลยสักครั้ง

"พี่.." ปรี๊ดดดดด

ผมยังไม่ทันได้เอ่ยถาม เสียงแตรรถเวสป้าที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น สองล้อขี่มาจอดตรงหน้าผมกับพี่น้ำตาล ก่อนคนที่อยู่บนรถจะมองไปยังรุ่นพี่คนสวยด้วยสีหน้าแปลกใจไม่ต่างจากผม

"ตาลมาอยู่กับน้องกุมภ์ได้ยังไง"

"ตาลบังเอิญเจอน้องกุมภ์เมื่อกี้" พี่น้ำตาลชี้นิ้วมาทางผม พี่ฌิมจึงเลิกคิ้วมองเป็นเชิงถาม

"ใช่ครับ กุมภ์แปลกใจเหมือนกันที่เจอพี่น้ำตาลที่นี่"

"นั่นสิ บ้านตาลก็ไม่ได้อยู่แถวนี้ ตาลมาทำอะไร"

"แม่ตาลมาตลาดโชคชัยสี่ แต่แม่มีธุระด่วนต้องรีบไปทำ เลยให้ตาลนั่งรถไปโรงเรียนเอง"

"แล้วตาลนั่งรถไปเองเป็นเหรอ แถวนี้ไม่ใช่ถิ่นตาลด้วย" พี่ฌิมถามขึ้นจนผมเริ่มมีลางสังหรณ์ในใจ

ภาวนาอย่าให้เป็นอย่างที่คิด

"ไม่เป็น ตาลขอไปโรงเรียนพร้อมฌิมได้มั้ย" ว่าแล้ว..

ผมรีบมองหน้าพี่ฌิมด้วยแววตาเว้าวอน ใช้เล็บจิกนิ้วมือตนเองอย่างลุ้นคำตอบ

"วันนี้น้องกุมภ์ไปโรงเรียนเองได้มั้ยครับ"

"ครับ"

ผมไม่สามารถตอบอะไรได้มากกว่านี้ ทำได้เพียงมองตามหลังรถเวสป้าที่กำลังขี่ออกไปจนลับสายตา

เมื่อก่อนก็มีความสุขดีกับการนั่งรถเมล์ไปโรงเรียน แค่ได้นั่งเวสป้าไม่กี่วัน พอกลับมานั่งรถเมล์อีกครั้ง ทำไมรู้สึกเศร้าได้ขนาดนี้วะ


เพลงเธอเป็นแฟนฉันแล้ว ของวงกะลา

(เพลงถูกปล่อยครั้งแรกในปี พ.ศ. 2546)