บทที่ 1

เขมนัทต์

ปัณณ์ - MARK

เอม - Jeno

หยก - Chenle

 

ว่ากันว่าโอเมก้าหนุ่มน้อยบ้านวัตถวานิชนั้นเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วทั้งเมืองภูเก็ต ด้วยรูปร่างหน้าตาที่งดงามราวกับรูปปั้นแกะสลักชั้นดีหาชมได้ยาก อีกทั้งผิวพรรณยังขาวผุดผ่องราวกับน้ำนมบริสุทธิ์ ทำให้หนุ่มน้อยใหญ่มากมายต่างพากันแวะเวียนไปที่ถนนคนเดินหลาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่บนถนนถลางทุกคืนวันอาทิตย์เพื่อเป็นแบบวาดภาพให้กับเขมนัทต์หรือน้องเอมซึ่งมักจะมาตั้งกระดานวาดภาพสีน้ำมันทุกสัปดาห์ เรื่องฝีมือการวาดภาพที่ขึ้นชื่อนั้นก็ส่วนหนึ่ง หากแต่ลูกค้าส่วนใหญ่มักมาใช้บริการเพื่อหวังจะได้ขายขนมจีบให้แก่หนุ่มน้อยคนนี้กันทั้งนั้น

 

เขมนัทต์ไม่ได้ทำอาชีพศิลปินเป็นหลักแต่อย่างใด เป็นเพียงหนุ่มน้อยวัย 19 ปีที่เพิ่งจะเข้าชั้นปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัยชื่อดังในภูเก็ตไปหมาด ๆ น้องเอมเป็นลูกชายคนเดียวของร้านรับตัดชุดบาบ๋า-ย่าหยาชื่อดังซึ่งตั้งอยู่บนถนนถลางในเมืองภูเก็ต เขาเป็นคนพูดน้อย สงวนถ้อยคำราวกับกลัวดอกพิกุลจะร่วงหล่นจากปาก มักเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่บนห้องชั้นสองของบ้าน ใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ไปกับการนั่งมองท้องฟ้าผ่านหน้าต่างและขีดเขียนภาพวาดลงบนผืนผ้าใบ แม้เพื่อนสนิทอย่างหยกมักบอกชีวิตของเขาดูน่าเบื่อ แทนที่จะออกไปใช้ชีวิตกลับมาขลุกตัวอยู่แต่ในบ้าน ทั้งที่ภูเก็ตนั้นเป็นเมืองท่องเที่ยว มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายแบบให้เลือกสรร แต่เอมไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น สำหรับเขาการได้ใช้เวลาไปกับสิ่งที่ชอบไม่ถือเป็นการเสียเวลาแม้แต่น้อย

 

วันนี้เป็นอีกวันที่โอเมก้าตัวน้อยตั้งใจจะลงไปจับจองพื้นที่สำหรับนั่งวาดภาพที่ถนนหน้าบ้านเหมือนอย่างเคย ทุกวันอาทิตย์จะมีการจัดถนนคนเดินซึ่งผู้คนเรียกกันว่าหลาดใหญ่ เขมนัทต์ไม่ได้ลงทะเบียนขอเช่าพื้นที่อย่างเป็นกิจจะลักษณะอีกทั้งหน้าบ้านในตอนค่ำก็ค่อนข้างมืดจนมองอะไรไม่เห็น ทำให้ต้องรีบไปจับจองพื้นที่ว่างในแต่ละสัปดาห์เพื่อหาทำเลที่ดี เมื่อใกล้ถึงเวลาเขาจึงจัดแจงเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดใส่ลงลังพลาสติก จัดทุกอย่างให้เรียบร้อยเพื่อจะนำลงไปด้านล่างและเข็นมันไปในคราวเดียว

 

น้องเอม เตรียมตัวเสร็จหรือยังครับ เดี๋ยวต้องไปรับพี่ปัณณ์กับป๊านะลูก”

เสียงของผู้เป็นแม่ทำให้คนที่กำลังจัดกระดานผ้าใบชะงักมือและหันไปตามเสียง พรูลมหายใจเบาๆ ด้วยรู้ว่าจะมีคนมาพักที่บ้านเพิ่มอีกคนแต่เขากลับลืมไปเสียได้ว่าเป็นวันนี้

 

น้องเอมต้องไปจริง ๆ เหรอม้า

ถามซ้ำอีกครั้งเผื่อว่าผู้เป็นแม่จะเปลี่ยนใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของแม่ก็เป็นอันต้องวางอุปกรณ์ทั้งหมดลงอย่างเลี่ยงเสียไม่ได้ เขาไม่อยากไปรับอีกคนมากนัก ไม่ชอบการเจอผู้คนใหม่ ๆ เพราะไม่รู้ว่าจะต้องวางตัวอย่างไร ใจยังคงอยากลงไปวาดรูปขายอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรกมากกว่า เพราะถึงแม้จะเจอลูกค้ามากหน้าหลายตาแต่ก็ไม่ต้องพูดคุยกันมากนัก แม้จะมีลูกค้าหลายคนพยายามชวนเขาคุย แต่เอมก็มักจะบอกให้ลูกค้านั่งนิ่งๆ เพื่อรูปจะได้ออกมาดีที่สุด

 

 

เท่าที่ทราบจากที่ป๊าเคยเล่าให้ฟัง ปัณณ์คือลูกชายของผู้มีพระคุณของป๊าในอดีต เอมจำรายละเอียดได้ไม่แม่นนักเพราะไม่ได้ตั้งใจฟัง จำได้เพียงว่าพ่อของคนชื่อปัณณ์เคยเป็นเจ้านายเก่าของป๊า ก่อนจะย้ายไปอยู่กรุงเทพมหานครก็ได้ให้เงินป๊าไว้ก้อนหนึ่ง เพื่อนำไปขอม้าแต่งงานและลงทุนเปิดร้านจนร้านเป็นที่รู้จักจนถึงปัจจุบัน เหตุเพราะเห็นแก่ความจงรักภักดีและความขยันขันแข็งของป๊าตลอดระยะเวลาที่ทำงานให้ตน ป๊ามักพูดอยู่เสมอว่าใครที่มีพระคุณกับเราก็ควรตอบแทนเขาอย่าเป็นคนอกตัญญู เมื่อรู้ว่าลูกชายของเจ้านายเก่าจะมาทำงานที่ภูเก็ตจึงไม่ลังเลที่จะอาสารับรองที่พักให้ทันที

 

“เดี๋ยวน้องเอมลงไปรับพี่เขาที่หน้าทางออกนะลูก ป๊าจะไปวนรถมารับนะครับ

เอมหันขวับไปมองผู้เป็นพ่อทันทีเมื่อสิ้นเสียง

“แล้วน้องเอมจะรู้ได้ไงว่าพี่ปัณณ์คือคนไหน

พี่เขาจำน้องเอมได้ แค่ไปยืนรอก็พอครับ รีบลงไปได้แล้ว รถข้างหลังจ่อตูดป๊าแล้ว

เจ้าโอเมก้าตัวน้อยรีบรุดลงจากรถตามคำสั่งแม้จะยังคงไม่เข้าใจที่คนเป็นพ่อพูดมากนัก คนไม่เคยเจอกันจะจำหน้ากันได้อย่างไร หรือคนชื่อปัณณ์จะเคยเจอเขามาก่อน ถ้าแบบนั้นก็คงจะนานมากแล้วเพราะน้องเอมจำเรื่องของคนปัณณ์นอกเหนือจากเรื่องที่เคยฟังมาไม่ได้เลย

เพราะไม่รู้ว่าคนที่ตนต้องมารับนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร จึงเลือกนั่งรอบริเวณที่นั่งหน้าทางออก หากเขาจำตนได้จริงอย่างที่ป๊าว่าก็คงจะเดินเข้ามาทักเขาเองนั่นแหละ จะให้ไปยืนรอเห็นทีจะเมื่อยขาเอาเสียเปล่า ๆ เมื่อไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำระหว่างรอ การหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นจึงเป็นทางเลือกที่ไม่เลว

กลิ่นตะไคร้หอมลอยเข้ามาแตะจมูก เป็นกลิ่มที่เขมนัทต์ไม่ชอบเอาเสียเลย เขาไม่ชอบทุกอย่างที่มีส่วนผสมของตะไคร้ แม้แต่น้ำมันหอมระเหยที่ได้รับมาเป็นของขวัญจากคนรู้จักก็ถูกโยนทิ้งทันทีที่เปิดกล่อง แค่ได้กลิ่นก็รู้สึกฉุนจนเวียนหัว กลิ่นของมันแม้จะไม่รุนแรงนักแต่ก็ทำให้เอมต้องเงยหน้าขึ้นมองตามกลิ่น ปรากฏเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลาคมคาย คิ้วรูปนกนางนวลชวนให้เอมต้องหยุดมอง แม้ในใจจะรู้สึกว่ามันออกจะดูแปลกตาแต่ก็ต้องยอมรับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ณ เวลานี้นั้นดูมีเสน่ห์ไม่หยอก ข้างกายของเขามีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ อีกฝ่ายกำลังยืนมองเขาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น

 

น้องเอมใช่ไหม

เอมพยักหน้าน้อยๆ

นี่พี่ปัณณ์เองครับ”

อีกฝ่ายแนะนำตัวอีกครั้งเพราะคิดว่าคนน้องคงจำตนไม่ได้ น้องเอมได้ยินดังนั้นก็ทำปากเหมือนจะพูดว่าอ๋อแต่ไม่มีเสียงออกมา พร้อมพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะลุกขึ้นยืน

“ป๊ากำลังวนรถมารับครับ ไปกันเถอะ”

 

 

เขมนัทต์นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาตลอดทางกลับบ้าน มีเพียงเสียงของป๊ากับพี่ปัณณ์พูดคุยถามไถ่ถึงสารทุกข์สุขดิบของพ่อแม่อีกฝ่ายเนื่องจากไม่ได้เจอกันนาน ไม่ใช่เพราะไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์ด้วยแต่เพราะกลิ่นตะไคร้หอมจากอัลฟ่าผู้มาใหม่ทำให้เอมเวียนหัวจนพาลจะเมารถไปด้วย การนั่งนิ่งๆ จึงดูปลอดภัยทั้งกับตัวเขาและเพื่อนร่วมทางที่สุด

 

ด้านปัณณ์นั้นเมื่อเห็นคนน้องไม่พูดไม่จาก็อดคิดไม่ได้ว่าน้องไม่ชอบตัวเองหรือเปล่า แต่เลือกที่จะเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ ไม่อยากถามออกไปให้เสียบรรยากาศ อันที่จริงเขาไม่เคยเจอตัวน้องเอมมาก่อน เพียงแค่เห็นจากรูปที่พ่อแม่เคยเอาให้ดูบ่อยๆ ก็เท่านั้น ด้วยหน้าตาที่โดดเด่นจึงไม่ยากแก่การจดจำหรือถ้าจะให้พูดแบบตรงไปตรงมา เขารู้สึกเอ็นดูคนในภาพตั้งแต่แรกเห็นจนจดจำภาพของอีกคนได้ขึ้นใจ

 

บ้านวัตถวานิชนั้นเป็นตึกสไตล์ชิโน-โปรตุกีส (Chinois Postugess) ด้านล่างเปิดโล่งเป็นร้านขายผ้าและชุดบาบ๋า-ย่าหยาสำเร็จรูป ถัดไปจากด้านหลังร้านจะเป็นส่วนกลางของบ้านซึ่งเปิดโล่งไม่มีหลังคา ทำให้มีแสงสว่างส่องเข้ามาได้พร้อมบ่อน้ำขุดอยู่ตรงกลางคล้ายเป็นลานสำหรับซักล้างที่เรียกว่าฉิ่มแจ้ ด้านหลังสุดเป็นส่วนของครัวและโต๊ะรับประทานอาหาร ชั้นสองถูกแบ่งออกเป็น 4 ห้องย่อย มีห้องนอนของป๊าม้า ห้องของน้องเอม ห้องนอนรับแขกซึ่งอยู่ตรงกันข้ามและห้องสุดท้ายซึ่งป๊ายกให้เป็นห้องสำหรับวาดรูปของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ปัณณ์หลงรักที่นี่ทันทีที่มาถึง บรรยากาศของบ้านมีกลิ่นอายของเมืองเก่าทว่ามีความร่วมสมัยอยู่ในทีเนื่องจากเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ตามยุคสมัย

 

ม้าจัดห้องนอนไว้ให้แล้ว เดี๋ยวเอมพาขึ้นไป”

น้องพูดเสียงเรียบหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ยังไม่ทันที่ปัณณ์จะได้พูดอะไรเจ้าของบ้านก็เดินขึ้นบันไดนำไปก่อนแล้ว คนพี่เมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบคว้ากระเป๋าเดินทางตามขึ้นไปทันที

“พี่นอนห้องนี้นะ ส่วนห้องเอมอยู่ตรงกันข้ามนี้ ชั้นสองนอกจากห้องของป๊า ก็ไม่มีห้องน้ำในตัวนะครับ พี่ต้องไปใช้ห้องน้ำด้านนู้น ม้าเตรียมเครื่องอาบน้ำไว้ให้หมด แล้วถ้าพี่จะเอาอะไรเพิ่มก็มาเรียกแล้วกัน

พูดจบก็รีบเดินเข้าห้องและปิดประตูทันทีราวกับว่าไม่พอใจอะไรในตัวปัณณ์อยู่ตลอดเวลา คนเป็นพี่ได้แต่ยกมือขึ้นเกาหัวเบาๆ ด้วยความงุนงงด้วยไม่รู้ว่านั้นเผลอไปทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่พอใจหนักหนา ตลอดเวลาตั้งแต่ขึ้นรถจากสนามบินจนถึงตอนรับประทานอาหารเย็นก็ไม่ยอมพูดจากับเขาสักคำ แถมยังทำหน้าปั้นปึ่งแม้จะสบตาเขาสักนิดก็ไม่มี

 

 

น้องเอมล้มตัวลงนอนบนเตียงทันทีเมื่อประตูห้องปิดลง กลิ่นของปัณณ์ทำให้หนุ่มน้อยรู้สึกคลื่นไส้จนแทบไม่มีแรงยืน ไม่รู้เพราะอีกฝ่ายจงใจปล่อยกลิ่นหรือกลิ่นนั้นออกมาเองกันแน่ แต่เขาไม่ชอบกลิ่นนี้เลยจริง ๆ จากที่ได้ยินเมื่อช่วงหัวค่ำตอนรับประทานมื้อเย็นก็ได้รับรู้ ว่าอีกคนนั้นเป็นนักเขียนบทความสารคดีซึ่งจะต้องมาเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับภูเก็ต เห็นว่าต้องอยู่ที่นี่เป็นปีเลยด้วยซ้ำ เห็นทีจะต้องหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้อีกคนให้ได้มากที่สุด เพราะหากต้องทนได้กลิ่นตะไคร้จากอีกคนทุกวันเขาคงได้วิ่งเข้าห้องน้ำวันละหลายรอบเป็นแน่

 

 

 

TBC

#PERNARAKAN_MN

 

 

เรื่องนี้เป็นบรรยายล้วนนะคะ

ชื่อเรื่องอ่านว่า เปอรานากัน ค่ะ : )

เหตุเกิดจากมีความต้องการอยากจะเขียนบรรยายขึ้นมา

 เป็นomegaverseเรื่องแรกของเราเลย

ส่วนเรื่องของจังหวัดภูเก็ตมาจากทั้งที่เราเคยไปอยู่แล้วก็ศึกษาเพิ่มเติมนะคะ

ถ้ามีส่วนไหนผิดพลาดสามารถแนะนำ ติชมเข้ามาได้เลยนะคะ ยินดีแก้ไขให้ทันทีค่ะ