1 ตอน ปฐมบทแห่งความวุ่นวาย
โดย B_Darkmoon
‘พ่อคะ แม่คะ!!ปล่อยหนูไปเถอะ!!’
‘ไม่ได้!!แกเป็นตัวซวย แกไม่ควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไป!!’
‘ขอร้องล่ะ จะพระเจ้า จะภูตผียมทูตหรืออะไรก็เถอะ…’
ใครก็ได้…ช่วยด้วย
‘ไม่เป็นไร ตอนนี้เจ้าปลอดภัยแล้ว’
“?!!!” ณ ดาดฟ้าของโรงเรียน ที่นั่นมีร่างของเด็กสาวเรือนผมสีแดง ดวงตาสีม่วงและที่ตาข้างซ้ายมีผ้าปิดตาปิดอยู่ ตอนนี้เธอตื่นจากการงีบหลับจึงลุกขึ้นมาบิดตัวและเอาโทรศัพท์มาดูเวลา
‘จะ 5 โมงแล้วเหรอ…ดีนะที่ลาคนในชมรมไว้ก่อน’
“อากาเนะ ฝันเรื่องนั้นอีกแล้วเหรอ” ในตอนนั้นเอง ก็มีชายหนุ่มเรือนผมสีหมึกจีน ตาซ้ายสีม่วง ตาขวาสีทองยืนก้มหน้ามองเด็กสาว แต่เธอไม่ได้มีอาการตกใจกับการปรากฎตัวของเขาแต่อย่างใด
“ก็ตามนั้นนะ” เธอยักไหล่ “ว่าแต่จะกลับบ้านเลยมั้ย”
“ดูเหมือนข้างล่างจะมีอะไรน่าสนุกอยู่นะ ข้าอยากไปดูซักหน่อย”
“งั้นเหรอ…เอางั้นก็ได้” แล้วเด็กสาวก็เดินลงไปข้างล่างพร้อมกับร่างของชายปริศนาดำลงไปในเงาของเธอ
ฟุบูกิ อากาเนะ เด็กสาวที่ได้รับการเลี้ยงดูจากคนในศาลเจ้า เหตุเพราะที่บ้านต้องการฆ่าเธอเป็นเครื่องสังเวยแก่คำสาปเพียงเพราะเธอเป็นตัวซวยสำหรับตระกูล แต่เธอก็ได้บางสิ่งบางอย่างมาช่วยไว้ ทำให้เธอเสียดวงตาข้างซ้ายไปเพียงอย่างเดียวในการสังเวยพร้อมซมซานหนีมาที่ศาลเจ้า โชคดีที่มีมิโกะมาเจอเข้าและรับมาอุปการะเลี้ยงดูจนถึงปัจจุบัน
.
.
“นี่อากาเนะ คนๆ นั้นเค้าไปสนามรักบี้ทำไม ที่นั่นมีคำสาปนะ”
ตอนนี้เธอมาอยู่ที่สนามบอลและข้างๆ เป็นสนามรักบี้ที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้มานาน ที่นั่นมีชายแปลกหน้าคนหนึ่งอยู่ที่นั่นและยืนมองสำรวจอยู่ อากาเนะจึงยกโทรศัพท์มาแนบหูแล้วเอ็ดเหมือนคุยกับใครในสาย
“ฉันจะไปรู้มั้ยล่ะเรียวตะ” แต่แท้ที่จริงแล้วเธอกำลังคุยกับชายที่อยู่กับเธอบนดาดฟ้าซึ่งในสายตาคนปกติแล้วจะไม่มีใครเห็นเขาเลย
“ตอบดีๆ ก็ได้มั้ง…” เรียวตะ ยมทูตที่เคยช่วยชีวิตอากาเนะไว้จากการถูกสังเวยบ่นอุบอิบ
ใช่ คุณฟังไม่ผิดหรอก
ยมทูต
เรียวตะเป็นยมทูตที่ประหลาดมาก เพราะนอกจากจะมาช่วยเธอจากการถูกสังเวยแล้ว เขายังเป็นคนแนะนำให้เธอหนีไปที่ศาลเจ้าที่เธออาศัยอยู่ในปัจจุบัน เพราะเขารู้จักกับมิโกะที่นั่น อีกทั้งยังชี้แนะว่าบนโลกนี้มีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคำสาปอยู่ เป็นสัตว์ประหลาดที่เกิดจากพลังงานด้านลบของมนุษย์ และแหล่งรวมคำสาปส่วนใหญ่มักจะเป็นโรงเรียนหรือไม่ก็โรงพยาบาล
เออ รู้จักกับมิโกะแถมรู้เรื่องคำสาปด้วย
ประหลาดสุดๆ
“ดูเหมือนเจ้าคำสาปจะไม่ทำอะไร-โว้ว…” เรียวตะเห็นว่าชายคนนั้นแค่มาสำรวจสนามรักบี้เฉยๆ เขาก็หันไปสนใจกับสนามฟุตบอลต่อ และเขาก็ได้เห็นเด็กนักเรียนคนหนึ่งขว้างลูกเปตองในระยะที่ไกลมากจนเขาต้องอ้าปากค้าง
“เอ่อ ประมาณ30 เมตร”
“…มนุษย์ธรรมดาไม่มีทางทำแบบนั้นได้หรอก เจ้านั่นเป็นใครกัน” ยมทูตหนุ่มถึงกับหันมาถามหลังจากที่ได้ยินคนวัดระยะทางบอก
“อิตาโดริ ยูจิ ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะอยู่ชมรมวิจัยเรื่องลึกลับนะ”
“เห~ อย่างงั้นเองหรอกเหรอ”
“สนใจ?”
“ตามนั้นแหละ”
“ให้ตายเถอะ…” เด็กสาวส่ายหัวเอือมระอา และในตอนนั้นเองอิตาโดริ ยูจิก็วิ่งสวนเธอไปพอดี
“?!” แต่ในจังหวะที่สวนกัน ทั้งเธอและเรียวตะก็สัมผัสได้ถึงไอคำสาปที่รุนแรงมาก อากาเนะถึงกับเอามือกำผ้าปิดตาแน่นเลยทีเดียว
‘เมื่อกี้มันอะไรกันน่ะ’
“อากาเนะ ตามหมอนั่นไป!!” สิ้นเสียงของยมทูต เด็กสาวก็ไล่ตามอิตาโดริไปแต่ก็ไม่ทันเพราะเขาวิ่งเร็วมาก
“ไวเป็นบ้า…”
“เจ้าอิตาโดริ ยูจิมันเป็นใครกันแน่ถึงได้มีไอคำสาปที่รุนแรงติดตัวมาเนี่ย…” เรียวตะบ่นด้วยความหัวเสีย
“ช่างเถอะ เดี๋ยวค่อยไปถามทีหลังก็แล้วกัน” อากาเนะเห็นว่าคงไม่ได้ถามแน่เลยเดินออกจากโรงเรียนเพื่อกลับบ้าน
.
.
.
กลางคืน
“ฉันไม่น่าลืมหนังสือไว้ที่ห้องเลย”
“ได้แล้วก็รีบๆ กลับเลย ยิ่งกลางคืนแบบนี้คำสาปยิ่งชอบออกมาป้วนเปี้ยนอยู่ด้วย” เวลากลางคืนที่โรงเรียน อากาเนะดันลืมหนังสือที่เป็นการบ้านไว้ที่ห้องเรียน เธอจึงต้องกลับมาที่โรงเรียนเพื่อเอามัน และด้วยความที่เวลากลางคืนแบบนี้ เรียวตะจึงแสดงตัวออกมาเพราะไม่ชอบแสงแดด
“จ้าๆ รู้แล้ว-?!”
“!?” แต่ในระหว่างที่อากาเนะกำลังจะเปิดประตูห้องนั้น ทั้งคู่ก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลจึงหยุดชะงักไป
“เรียวตะ”
“คำสาป…มันรุนแรงขึ้น”
จนกระทั่ง
“แฮ่!!!!”
“เผ่น!!!” จู่ๆ ก็มีสัตว์ประหลาดหรือเรียกอีกอย่างว่าคำสาปบุกเข้ามาในห้องเรียนจากทางหน้าต่าง เรียวตะรีบคว้าข้อมือของเด็กสาวแล้วเปิดประตูวิ่งหนีมัน
“เดี๋ยวเรียวตะ!! ฉันว่าฉันน่าจะจัดการได้!!”
“หา?! อย่าบอกนะเอาไอ้นั่นมาด้วยเหรอ!?!”
“ก็เออน่ะสิ!!” แล้วอากาเนะก็หยุดวิ่งแล้วล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อหาอะไรบางอย่าง ซึ่งก็คือลูกแก้วจากนั้นเธอก็ปาลงพื้นทันที
“จัดการเจ้านั่นซะ อินุงามิ!!!!” ทันทีที่ลูกแก้วแตกลงพื้น ก็มีสุนัขยืนสองขาออกมาใช้ดาบฟันไปที่คำสาปเพียงครั้งเดียว ร่างคำสาปนั้นก็แยกออกเป็นสองส่วนและสลายหายไป ส่วนสุนัขที่เพิ่งจัดการคำสาปไปก็กลายเป็นลูกแก้วดั่งเดิมแล้วพุ่งกลับเข้ามือเด็กสาว
“ยังโหดไม่เปลี่ยนเลยแฮะ…” ยมทูตหนุ่มยิ้มแห้ง เพราะสิ่งที่อากาเนะเรียกออกมานั้นคือชิกิงามิของเธอ
อากาเนะมีความสามารถในการเรียกชิกิงามิออกมาได้จากการสอนของมิโกะรวมถึงเรียวตะ โชคดีที่เธอเอาลูกแก้วชิกิงามิติดตัวมาด้วยเพราะปกติเธอไม่ค่อยพกไปไหนมาไหนซักเท่าไหร่
“ท่าจะอยากออกมา-หือ?” ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงตึงตังจากชั้นบนและรู้สึกถึงแรงกดดันที่มากยิ่งขึ้น
“แรงกดดันมันเพิ่ม-เหวอ?!!” เด็กสาวขมวดคิ้ว แต่จู่ๆ เธอก็ถูกยมทูตคว้าข้อมืออีกครั้งแล้วรีบขึ้นไปที่ชั้นบนของอาคาร
“เรียวตะ!! นายรู้อะไรใช่มั้ย?!!”
“เรียวเมน สุคุนะ!!” เรียวตะเอ่ยเสียงเดือด “ข้าไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมคำสาปพวกนี้ถึงได้อะลาวาด!!”
“เดี๋ยวก่อน สุคุนะนี่ใคร?!”
“ไว้ข้าจะอธิบายทีหลัง ตอนนี้เจ้ารีบไปช่วยมนุษย์พวกนั้นก่อน!!” ยมทูตหนุ่มปัดคำถามของเด็กสาวแล้วจมหายเข้าไปในเงาของเธอ
“นี่เรียว-!? โอ๊ยช่างเถอะ!!!” เด็กสาวสบถอย่างหัวเสียแล้ววิ่งไปที่ชั้นบน แต่พอไปถึงก็พบว่าคำสาปได้ถูกกำจัดไปแล้ว และยังมีสุนัขสองตัวกำลังกินคำสาปอีก
แต่เดี๋ยวนะ สุนัขกินคำสาปนี่…
“ชิกิงามิ?”
“ใครน่ะ?!” ชายคนหนึ่งหันมาด้วยความตกใจ ปรากฎว่าเป็นชายคนเดียวกันกับที่มาสนามรักบี้ก่อนหน้านี้
“โอยะ? นี่นาย-”
“เธอมาทำอะไรที่นี่” ชายผมดำถามเสียงเครียด
“ตอนแรกตั้งใจมาเอาหนังสือที่ลืมน่ะ” อากาเนะตอบตามความจริง “แต่ดูเหมือนคำสาปที่นี่จะโดนบางอย่างกระตุ้นเข้าเลยออกอะลาวาดหนัก ฉันเลยกะจะกำจัดซักตัวสองตัว-”
“เดี๋ยว? เธอคือฟุบูกิ อากาเนะไม่ใช่เหรอ” ในตอนนั้นเองอิตาโดริ ยูจิก็ชะโงกหน้ามาทักเธอพอดี
“รู้จักเหรอ อิตาโดริ?”
“ก็ไม่เชิงหรอกฟุชิงุโระ ก็เคยเห็นหน้าเห็นตาบ้างน่ะ” อิตาโดริตอบกลับชายที่ชื่อฟุชิงุโระ
“แล้วเมื่อกี้เธอบอกว่ากำจัดซักตัวสองตัว อย่าบอกนะว่าเธอเห็นคำสาป?” ฟุชิงุโระถามอีกครั้ง
“ตามนั้นแหละ รวมถึงชิกิงามิของนายด้วยนะ” อากาเนะชี้ไปที่สุนัขสองตัวที่กินคำสาป “อันที่จริงฉันเห็นพวกคำสาปมาตั้งแต่เด็ก-ข้างบน?!!”
แต่ในตอนนั้นเองก็มีคำสาปโผล่ออกจากเพดาน ฟุชิงุโระจึงผลักอิตาโดริออกพร้อมกับอาคารที่ร่วงลงมาพอดี
“ฟุชิงุโระ!” ยูจิเรียกชื่ออีกฝ่ายทันทีที่เห็นว่ามีคำสาปจับฟุชิงุโระไว้แล้วคำสาปก็เขวี้ยงฟุชิงุโระเข้ากำแพงอย่างจัง ทำให้ชิกิงามิของเขาหายไป อากาเนะเห็นว่าต้องรีบกำจัดโดยเร็วจึงล้วงหาของในกระเป๋ากางเกงต่อ
แต่ว่า
“เอ๊ะ? ไม่ได้เอาไฟแช็กมาเหรอ!!”
“ฟุบูกิ ระวัง!!”
“?!!” อิตาโดริตะโกนเตือนเพราะเจ้าคำสาปตัวเดิมเข้ามาทำร้ายทั้งเธอและฟุชิงุโระถึงขั้นกระเด็นไปที่ดาดฟ้าเลย
“บ้าเอ๊ย…มาตั้งแต่ตอนไหนวะ”
‘อากาเนะ!! นี่เจ้าไม่ได้เอาไฟแช็กมาเหรอ!!’ เสียงของเรียวตะดังขึ้นในหัวของอากาเนะ ตัวเขาในตอนนี้อยากจะออกไปสู้เต็มแก่แต่เพราะมีมนุษย์คนอื่นอย่างฟุชิงุโระและอิตาโดริด้วย เขาเลยไม่ออกมาเพราะเกรงว่าจะไม่ดีถ้าคนอื่นรู้ว่ามียมทูตอยู่ด้วย
“มีไอ้นั่นแต่ไม่มีไฟแช็ค…เวรมาก” เด็กสาวกัดฟันกรอดและพยุงร่างของตัวให้ลุกขึ้นเพื่อสู้กับคำสาปแต่ก็ล้มเหลวเพราะการโจมตีเมื่อครู่เล่นเอาหนักอยู่พอสมควร
“เธอน่ะหนีไปซะ!!”
“แล้วจะปล่อยให้พวกนายสู้กันทั้งๆ ที่บาดเจ็บแบบนี้เหรอ ฉันไม่เอาด้วยหรอก!!” อากาเนะตวาดกลับหลังที่ฟุชิงุโระบอกให้เธอหนีทั้งๆ ที่ตัวเขาเองก็ไม่ต่างกับเธอเลย
‘ปัดโถ่!! จะใช้ชิกิงามิตอนนี้มันก็ไม่ทันอีก-!’
‘อากาเนะ อย่าให้อิตาโดริกินนิ้วนั่นเด็ดขาด!!!’ ในระหว่างที่เด็กสาวคิดหนัก เรียวตะก็บอกบางอย่าง ทำให้เธอต้องมองหานิ้วที่ว่า ซึ่งเป็นนิ้วมือคนที่เน่าแล้ว และอิตาโดริก็คาบมันอยู่ในระหว่างที่เขาใช้เท้ายันปากคำสาปเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนกิน
‘ถ้ากินแล้วจะเกิดอะไรขึ้น’
‘กินแล้วซวยไง สั้นๆ เลย!!!’
“เจ้าบ้า!! เอามาให้ฉัน นายเองก็จะถูกกลืนลงไปด้วยนะ!!”
“อิตาโดริคุง อย่ากินเด็ดขาดเชียว!!” คนเจ็บทั้งสองร้องห้าม
แต่อิตาโดริก็กินมันเข้าไปแล้ว และทำให้เขามีเกิดอาการแปลกๆ และจัดการกับคำสาปได้ด้วยการปล่อยพลังไปเพียงครั้งเดียว
‘…อากาเนะ’
‘ว่า?’
‘ถอดผ้าปิดตาออก’
‘ห้ะ? ทำไมล่ะ’
‘เจ้าสุคุนะ…มันได้ร่างสถิตแล้ว’ เรียวตะกัดฟันกรอดเพราะเขาสัมผัสได้ว่าเรียวเมน สุคุนะนั้นได้ร่างกายของอิตาโดริ ยูจิเป็นร่างสถิตของตนไปเรียบร้อยแล้ว
“ฮ่าๆๆๆ!! แสงจันทร์ต้องออกมารับด้วยร่างกายตัวเองนี่แหละถึงจะยอดเยี่ยมที่สุด!!!” สุคุนะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เนื้อของปีศาจมันไม่ได้อารมณ์เอาซะเลย มนุษย์ล่ะ ผู้หญิงล่ะ อยู่ที่ไหน!!”
เขามองซ้ายมองขวาแล้วสบตากับอากาเนะพอดี ทำให้เขาแสยะยิ้มน่ากลัวกว่าเดิมและเข้าไปหาเธอทันที
“อยู่ตรงนั้นเองหรอกเหรอ~”
“ซวยแล้ว!!”
‘อากาเนะ!! ถอดผ้าปิดตาออกเดี๋ยวนี้-!!’ ฟุชิงุโระถึงกับสบถ ส่วนยมทูตหนุ่มก็สั่งเด็กสาวเสียงแข็ง
แต่ทว่า
“แกจะเอาร่างกายคนอื่นไปทำอะไรน่ะ เอาคืนมานะ”
‘เอ๊ะ?’ อากาเนะที่ไม่ทันจะได้ถอดผ้าปิดตาออกตามคำสั่งของเรียวตะก็เห็นว่าอิตาโดริถอยหลังออกมาห้ามสุคุนะที่อยู่ในร่างตัวเอง
“ทำไมแกยังขยับได้อยู่อีก”
“ก็นี่มันร่างกายฉันนี่”
‘วิญญาณของสุคุนะกำลังโดนกดลง…เจ้าอิตาโดริ ยูจินี่มันไม่ธรรมดาแล้ว’ เรียวตะมองดวงวิญญาณของสุคุนะที่ถูกกดลงด้วยความงงงวย
ในฐานะเขาที่เป็นยมทูตมาไม่รู้กี่ปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นมนุษย์สามารถเอาชนะวัตถุต้องคำสาปได้ ยิ่งเป็นวัตถุต้องคำสาประดับพิเศษอย่างนิ้วของเรียวเมน สุคุนะอีกนี่มันหายากมาก
‘ดูเหมือนจะมีเรื่องน่าสนุกไปรายงานที่ยมโลกแล้วแฮะ’
“อย่าขยับ นายไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว”
“ห้ะ?” ฟุชิโระว่าและเตรียมทำพิธีปัดเป่าคำสาป ทั้งอิตาโดริและอากาเนะถึงกับร้องห้ะพร้อมกันเลยทีเดียว
“ตามกฎข้อบังคับของไสยเวท อิตาโดริ ยูจิ ฉันจะกำจัดนายในฐานะที่เป็นคำสาป!!”
‘พ่อคะ แม่คะ!!ปล่อยหนูไปเถอะ!!’
‘ไม่ได้!!แกเป็นตัวซวย แกไม่ควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไป!!’
‘ขอร้องล่ะ จะพระเจ้า จะภูตผียมทูตหรืออะไรก็เถอะ…’
ใครก็ได้…ช่วยด้วย
‘ไม่เป็นไร ตอนนี้เจ้าปลอดภัยแล้ว’
“?!!!” ณ ดาดฟ้าของโรงเรียน ที่นั่นมีร่างของเด็กสาวเรือนผมสีแดง ดวงตาสีม่วงและที่ตาข้างซ้ายมีผ้าปิดตาปิดอยู่ ตอนนี้เธอตื่นจากการงีบหลับจึงลุกขึ้นมาบิดตัวและเอาโทรศัพท์มาดูเวลา
‘จะ 5 โมงแล้วเหรอ…ดีนะที่ลาคนในชมรมไว้ก่อน’
“อากาเนะ ฝันเรื่องนั้นอีกแล้วเหรอ” ในตอนนั้นเอง ก็มีชายหนุ่มเรือนผมสีหมึกจีน ตาซ้ายสีม่วง ตาขวาสีทองยืนก้มหน้ามองเด็กสาว แต่เธอไม่ได้มีอาการตกใจกับการปรากฎตัวของเขาแต่อย่างใด
“ก็ตามนั้นนะ” เธอยักไหล่ “ว่าแต่จะกลับบ้านเลยมั้ย”
“ดูเหมือนข้างล่างจะมีอะไรน่าสนุกอยู่นะ ข้าอยากไปดูซักหน่อย”
“งั้นเหรอ…เอางั้นก็ได้” แล้วเด็กสาวก็เดินลงไปข้างล่างพร้อมกับร่างของชายปริศนาดำลงไปในเงาของเธอ
ฟุบูกิ อากาเนะ เด็กสาวที่ได้รับการเลี้ยงดูจากคนในศาลเจ้า เหตุเพราะที่บ้านต้องการฆ่าเธอเป็นเครื่องสังเวยแก่คำสาปเพียงเพราะเธอเป็นตัวซวยสำหรับตระกูล แต่เธอก็ได้บางสิ่งบางอย่างมาช่วยไว้ ทำให้เธอเสียดวงตาข้างซ้ายไปเพียงอย่างเดียวในการสังเวยพร้อมซมซานหนีมาที่ศาลเจ้า โชคดีที่มีมิโกะมาเจอเข้าและรับมาอุปการะเลี้ยงดูจนถึงปัจจุบัน
.
.
“นี่อากาเนะ คนๆ นั้นเค้าไปสนามรักบี้ทำไม ที่นั่นมีคำสาปนะ”
ตอนนี้เธอมาอยู่ที่สนามบอลและข้างๆ เป็นสนามรักบี้ที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้มานาน ที่นั่นมีชายแปลกหน้าคนหนึ่งอยู่ที่นั่นและยืนมองสำรวจอยู่ อากาเนะจึงยกโทรศัพท์มาแนบหูแล้วเอ็ดเหมือนคุยกับใครในสาย
“ฉันจะไปรู้มั้ยล่ะเรียวตะ” แต่แท้ที่จริงแล้วเธอกำลังคุยกับชายที่อยู่กับเธอบนดาดฟ้าซึ่งในสายตาคนปกติแล้วจะไม่มีใครเห็นเขาเลย
“ตอบดีๆ ก็ได้มั้ง…” เรียวตะ ยมทูตที่เคยช่วยชีวิตอากาเนะไว้จากการถูกสังเวยบ่นอุบอิบ
ใช่ คุณฟังไม่ผิดหรอก
ยมทูต
เรียวตะเป็นยมทูตที่ประหลาดมาก เพราะนอกจากจะมาช่วยเธอจากการถูกสังเวยแล้ว เขายังเป็นคนแนะนำให้เธอหนีไปที่ศาลเจ้าที่เธออาศัยอยู่ในปัจจุบัน เพราะเขารู้จักกับมิโกะที่นั่น อีกทั้งยังชี้แนะว่าบนโลกนี้มีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคำสาปอยู่ เป็นสัตว์ประหลาดที่เกิดจากพลังงานด้านลบของมนุษย์ และแหล่งรวมคำสาปส่วนใหญ่มักจะเป็นโรงเรียนหรือไม่ก็โรงพยาบาล
เออ รู้จักกับมิโกะแถมรู้เรื่องคำสาปด้วย
ประหลาดสุดๆ
“ดูเหมือนเจ้าคำสาปจะไม่ทำอะไร-โว้ว…” เรียวตะเห็นว่าชายคนนั้นแค่มาสำรวจสนามรักบี้เฉยๆ เขาก็หันไปสนใจกับสนามฟุตบอลต่อ และเขาก็ได้เห็นเด็กนักเรียนคนหนึ่งขว้างลูกเปตองในระยะที่ไกลมากจนเขาต้องอ้าปากค้าง
“เอ่อ ประมาณ30 เมตร”
“…มนุษย์ธรรมดาไม่มีทางทำแบบนั้นได้หรอก เจ้านั่นเป็นใครกัน” ยมทูตหนุ่มถึงกับหันมาถามหลังจากที่ได้ยินคนวัดระยะทางบอก
“อิตาโดริ ยูจิ ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะอยู่ชมรมวิจัยเรื่องลึกลับนะ”
“เห~ อย่างงั้นเองหรอกเหรอ”
“สนใจ?”
“ตามนั้นแหละ”
“ให้ตายเถอะ…” เด็กสาวส่ายหัวเอือมระอา และในตอนนั้นเองอิตาโดริ ยูจิก็วิ่งสวนเธอไปพอดี
“?!” แต่ในจังหวะที่สวนกัน ทั้งเธอและเรียวตะก็สัมผัสได้ถึงไอคำสาปที่รุนแรงมาก อากาเนะถึงกับเอามือกำผ้าปิดตาแน่นเลยทีเดียว
‘เมื่อกี้มันอะไรกันน่ะ’
“อากาเนะ ตามหมอนั่นไป!!” สิ้นเสียงของยมทูต เด็กสาวก็ไล่ตามอิตาโดริไปแต่ก็ไม่ทันเพราะเขาวิ่งเร็วมาก
“ไวเป็นบ้า…”
“เจ้าอิตาโดริ ยูจิมันเป็นใครกันแน่ถึงได้มีไอคำสาปที่รุนแรงติดตัวมาเนี่ย…” เรียวตะบ่นด้วยความหัวเสีย
“ช่างเถอะ เดี๋ยวค่อยไปถามทีหลังก็แล้วกัน” อากาเนะเห็นว่าคงไม่ได้ถามแน่เลยเดินออกจากโรงเรียนเพื่อกลับบ้าน
.
.
.
กลางคืน
“ฉันไม่น่าลืมหนังสือไว้ที่ห้องเลย”
“ได้แล้วก็รีบๆ กลับเลย ยิ่งกลางคืนแบบนี้คำสาปยิ่งชอบออกมาป้วนเปี้ยนอยู่ด้วย” เวลากลางคืนที่โรงเรียน อากาเนะดันลืมหนังสือที่เป็นการบ้านไว้ที่ห้องเรียน เธอจึงต้องกลับมาที่โรงเรียนเพื่อเอามัน และด้วยความที่เวลากลางคืนแบบนี้ เรียวตะจึงแสดงตัวออกมาเพราะไม่ชอบแสงแดด
“จ้าๆ รู้แล้ว-?!”
“!?” แต่ในระหว่างที่อากาเนะกำลังจะเปิดประตูห้องนั้น ทั้งคู่ก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลจึงหยุดชะงักไป
“เรียวตะ”
“คำสาป…มันรุนแรงขึ้น”
จนกระทั่ง
“แฮ่!!!!”
“เผ่น!!!” จู่ๆ ก็มีสัตว์ประหลาดหรือเรียกอีกอย่างว่าคำสาปบุกเข้ามาในห้องเรียนจากทางหน้าต่าง เรียวตะรีบคว้าข้อมือของเด็กสาวแล้วเปิดประตูวิ่งหนีมัน
“เดี๋ยวเรียวตะ!! ฉันว่าฉันน่าจะจัดการได้!!”
“หา?! อย่าบอกนะเอาไอ้นั่นมาด้วยเหรอ!?!”
“ก็เออน่ะสิ!!” แล้วอากาเนะก็หยุดวิ่งแล้วล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อหาอะไรบางอย่าง ซึ่งก็คือลูกแก้วจากนั้นเธอก็ปาลงพื้นทันที
“จัดการเจ้านั่นซะ อินุงามิ!!!!” ทันทีที่ลูกแก้วแตกลงพื้น ก็มีสุนัขยืนสองขาออกมาใช้ดาบฟันไปที่คำสาปเพียงครั้งเดียว ร่างคำสาปนั้นก็แยกออกเป็นสองส่วนและสลายหายไป ส่วนสุนัขที่เพิ่งจัดการคำสาปไปก็กลายเป็นลูกแก้วดั่งเดิมแล้วพุ่งกลับเข้ามือเด็กสาว
“ยังโหดไม่เปลี่ยนเลยแฮะ…” ยมทูตหนุ่มยิ้มแห้ง เพราะสิ่งที่อากาเนะเรียกออกมานั้นคือชิกิงามิของเธอ
อากาเนะมีความสามารถในการเรียกชิกิงามิออกมาได้จากการสอนของมิโกะรวมถึงเรียวตะ โชคดีที่เธอเอาลูกแก้วชิกิงามิติดตัวมาด้วยเพราะปกติเธอไม่ค่อยพกไปไหนมาไหนซักเท่าไหร่
“ท่าจะอยากออกมา-หือ?” ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงตึงตังจากชั้นบนและรู้สึกถึงแรงกดดันที่มากยิ่งขึ้น
“แรงกดดันมันเพิ่ม-เหวอ?!!” เด็กสาวขมวดคิ้ว แต่จู่ๆ เธอก็ถูกยมทูตคว้าข้อมืออีกครั้งแล้วรีบขึ้นไปที่ชั้นบนของอาคาร
“เรียวตะ!! นายรู้อะไรใช่มั้ย?!!”
“เรียวเมน สุคุนะ!!” เรียวตะเอ่ยเสียงเดือด “ข้าไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมคำสาปพวกนี้ถึงได้อะลาวาด!!”
“เดี๋ยวก่อน สุคุนะนี่ใคร?!”
“ไว้ข้าจะอธิบายทีหลัง ตอนนี้เจ้ารีบไปช่วยมนุษย์พวกนั้นก่อน!!” ยมทูตหนุ่มปัดคำถามของเด็กสาวแล้วจมหายเข้าไปในเงาของเธอ
“นี่เรียว-!? โอ๊ยช่างเถอะ!!!” เด็กสาวสบถอย่างหัวเสียแล้ววิ่งไปที่ชั้นบน แต่พอไปถึงก็พบว่าคำสาปได้ถูกกำจัดไปแล้ว และยังมีสุนัขสองตัวกำลังกินคำสาปอีก
แต่เดี๋ยวนะ สุนัขกินคำสาปนี่…
“ชิกิงามิ?”
“ใครน่ะ?!” ชายคนหนึ่งหันมาด้วยความตกใจ ปรากฎว่าเป็นชายคนเดียวกันกับที่มาสนามรักบี้ก่อนหน้านี้
“โอยะ? นี่นาย-”
“เธอมาทำอะไรที่นี่” ชายผมดำถามเสียงเครียด
“ตอนแรกตั้งใจมาเอาหนังสือที่ลืมน่ะ” อากาเนะตอบตามความจริง “แต่ดูเหมือนคำสาปที่นี่จะโดนบางอย่างกระตุ้นเข้าเลยออกอะลาวาดหนัก ฉันเลยกะจะกำจัดซักตัวสองตัว-”
“เดี๋ยว? เธอคือฟุบูกิ อากาเนะไม่ใช่เหรอ” ในตอนนั้นเองอิตาโดริ ยูจิก็ชะโงกหน้ามาทักเธอพอดี
“รู้จักเหรอ อิตาโดริ?”
“ก็ไม่เชิงหรอกฟุชิงุโระ ก็เคยเห็นหน้าเห็นตาบ้างน่ะ” อิตาโดริตอบกลับชายที่ชื่อฟุชิงุโระ
“แล้วเมื่อกี้เธอบอกว่ากำจัดซักตัวสองตัว อย่าบอกนะว่าเธอเห็นคำสาป?” ฟุชิงุโระถามอีกครั้ง
“ตามนั้นแหละ รวมถึงชิกิงามิของนายด้วยนะ” อากาเนะชี้ไปที่สุนัขสองตัวที่กินคำสาป “อันที่จริงฉันเห็นพวกคำสาปมาตั้งแต่เด็ก-ข้างบน?!!”
แต่ในตอนนั้นเองก็มีคำสาปโผล่ออกจากเพดาน ฟุชิงุโระจึงผลักอิตาโดริออกพร้อมกับอาคารที่ร่วงลงมาพอดี
“ฟุชิงุโระ!” ยูจิเรียกชื่ออีกฝ่ายทันทีที่เห็นว่ามีคำสาปจับฟุชิงุโระไว้แล้วคำสาปก็เขวี้ยงฟุชิงุโระเข้ากำแพงอย่างจัง ทำให้ชิกิงามิของเขาหายไป อากาเนะเห็นว่าต้องรีบกำจัดโดยเร็วจึงล้วงหาของในกระเป๋ากางเกงต่อ
แต่ว่า
“เอ๊ะ? ไม่ได้เอาไฟแช็กมาเหรอ!!”
“ฟุบูกิ ระวัง!!”
“?!!” อิตาโดริตะโกนเตือนเพราะเจ้าคำสาปตัวเดิมเข้ามาทำร้ายทั้งเธอและฟุชิงุโระถึงขั้นกระเด็นไปที่ดาดฟ้าเลย
“บ้าเอ๊ย…มาตั้งแต่ตอนไหนวะ”
‘อากาเนะ!! นี่เจ้าไม่ได้เอาไฟแช็กมาเหรอ!!’ เสียงของเรียวตะดังขึ้นในหัวของอากาเนะ ตัวเขาในตอนนี้อยากจะออกไปสู้เต็มแก่แต่เพราะมีมนุษย์คนอื่นอย่างฟุชิงุโระและอิตาโดริด้วย เขาเลยไม่ออกมาเพราะเกรงว่าจะไม่ดีถ้าคนอื่นรู้ว่ามียมทูตอยู่ด้วย
“มีไอ้นั่นแต่ไม่มีไฟแช็ค…เวรมาก” เด็กสาวกัดฟันกรอดและพยุงร่างของตัวให้ลุกขึ้นเพื่อสู้กับคำสาปแต่ก็ล้มเหลวเพราะการโจมตีเมื่อครู่เล่นเอาหนักอยู่พอสมควร
“เธอน่ะหนีไปซะ!!”
“แล้วจะปล่อยให้พวกนายสู้กันทั้งๆ ที่บาดเจ็บแบบนี้เหรอ ฉันไม่เอาด้วยหรอก!!” อากาเนะตวาดกลับหลังที่ฟุชิงุโระบอกให้เธอหนีทั้งๆ ที่ตัวเขาเองก็ไม่ต่างกับเธอเลย
‘ปัดโถ่!! จะใช้ชิกิงามิตอนนี้มันก็ไม่ทันอีก-!’
‘อากาเนะ อย่าให้อิตาโดริกินนิ้วนั่นเด็ดขาด!!!’ ในระหว่างที่เด็กสาวคิดหนัก เรียวตะก็บอกบางอย่าง ทำให้เธอต้องมองหานิ้วที่ว่า ซึ่งเป็นนิ้วมือคนที่เน่าแล้ว และอิตาโดริก็คาบมันอยู่ในระหว่างที่เขาใช้เท้ายันปากคำสาปเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนกิน
‘ถ้ากินแล้วจะเกิดอะไรขึ้น’
‘กินแล้วซวยไง สั้นๆ เลย!!!’
“เจ้าบ้า!! เอามาให้ฉัน นายเองก็จะถูกกลืนลงไปด้วยนะ!!”
“อิตาโดริคุง อย่ากินเด็ดขาดเชียว!!” คนเจ็บทั้งสองร้องห้าม
แต่อิตาโดริก็กินมันเข้าไปแล้ว และทำให้เขามีเกิดอาการแปลกๆ และจัดการกับคำสาปได้ด้วยการปล่อยพลังไปเพียงครั้งเดียว
‘…อากาเนะ’
‘ว่า?’
‘ถอดผ้าปิดตาออก’
‘ห้ะ? ทำไมล่ะ’
‘เจ้าสุคุนะ…มันได้ร่างสถิตแล้ว’ เรียวตะกัดฟันกรอดเพราะเขาสัมผัสได้ว่าเรียวเมน สุคุนะนั้นได้ร่างกายของอิตาโดริ ยูจิเป็นร่างสถิตของตนไปเรียบร้อยแล้ว
“ฮ่าๆๆๆ!! แสงจันทร์ต้องออกมารับด้วยร่างกายตัวเองนี่แหละถึงจะยอดเยี่ยมที่สุด!!!” สุคุนะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เนื้อของปีศาจมันไม่ได้อารมณ์เอาซะเลย มนุษย์ล่ะ ผู้หญิงล่ะ อยู่ที่ไหน!!”
เขามองซ้ายมองขวาแล้วสบตากับอากาเนะพอดี ทำให้เขาแสยะยิ้มน่ากลัวกว่าเดิมและเข้าไปหาเธอทันที
“อยู่ตรงนั้นเองหรอกเหรอ~”
“ซวยแล้ว!!”
‘อากาเนะ!! ถอดผ้าปิดตาออกเดี๋ยวนี้-!!’ ฟุชิงุโระถึงกับสบถ ส่วนยมทูตหนุ่มก็สั่งเด็กสาวเสียงแข็ง
แต่ทว่า
“แกจะเอาร่างกายคนอื่นไปทำอะไรน่ะ เอาคืนมานะ”
‘เอ๊ะ?’ อากาเนะที่ไม่ทันจะได้ถอดผ้าปิดตาออกตามคำสั่งของเรียวตะก็เห็นว่าอิตาโดริถอยหลังออกมาห้ามสุคุนะที่อยู่ในร่างตัวเอง
“ทำไมแกยังขยับได้อยู่อีก”
“ก็นี่มันร่างกายฉันนี่”
‘วิญญาณของสุคุนะกำลังโดนกดลง…เจ้าอิตาโดริ ยูจินี่มันไม่ธรรมดาแล้ว’ เรียวตะมองดวงวิญญาณของสุคุนะที่ถูกกดลงด้วยความงงงวย
ในฐานะเขาที่เป็นยมทูตมาไม่รู้กี่ปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นมนุษย์สามารถเอาชนะวัตถุต้องคำสาปได้ ยิ่งเป็นวัตถุต้องคำสาประดับพิเศษอย่างนิ้วของเรียวเมน สุคุนะอีกนี่มันหายากมาก
‘ดูเหมือนจะมีเรื่องน่าสนุกไปรายงานที่ยมโลกแล้วแฮะ’
“อย่าขยับ นายไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว”
“ห้ะ?” ฟุชิโระว่าและเตรียมทำพิธีปัดเป่าคำสาป ทั้งอิตาโดริและอากาเนะถึงกับร้องห้ะพร้อมกันเลยทีเดียว
“ตามกฎข้อบังคับของไสยเวท อิตาโดริ ยูจิ ฉันจะกำจัดนายในฐานะที่เป็นคำสาป!!”
.
.
.
ต็อกๆ : กราบสวัสดีรีดเดอร์ทุกท่าน ขออนุญาตแนะนำตัวเองก่อน ไรต์ชื่อบูมนะคะ นี่เป็นฟิคเรื่องแรกที่มาลงRAW แต่เป็นเรื่องที่สองในDek-d เรื่องเก่าก็คือตันไปแล้วและน่าจะไม่ได้มาเขียนซักพักใหญ่เพราะอารมณ์มันไม่มา ต้องขอโทษด้วยนะคะ
ถ้ามีข้อผิดพลาดอะไรยังไงก็เม้นท์ติชมกันมาได้เลยนะคะ ขอบคุณค่าาาาาาาาาาาา
.
.
.
ต็อกๆ : กราบสวัสดีรีดเดอร์ทุกท่าน ขออนุญาตแนะนำตัวเองก่อน ไรต์ชื่อบูมนะคะ เราเห็นว่ามีเว็บนี้มันน่าสนใจเราเลยลองเอาแฟนฟิคอนิเมะมาลงที่นี่
ถ้ามีข้อผิดพลาดอะไรยังไงก็เม้นท์ติชมกันมาได้เลยนะคะ ขอบคุณค่าาาาาาาาาาาา
twitter : @bdm1228
Comments (0)