ฆาตกร ‘แจ็ค-เดอะริปเปอร์’ หายตัวไปจากเกมเอาชีวิตรอด

ดั่งประชด ผู้ที่สังเกตถึงความผิดปกตินี้เป็นคนแรกคือหนึ่งในผู้ถูกเชิญมายังคฤหาสน์แห่งความตาย ขณะที่เหล่าผู้ล่าด้วยกันมัวแต่ง่วนกับการล่าแต้ม เล่นสนุก หรืออะไรก็ช่างที่สรุปแล้วคือการไล่ฆ่าผู้พยายามมีชีวิตรอด กว่าจะรู้ตัวกันก็ปาเป็นสัปดาห์แล้ว

คนพูดขึ้นมาคนแรกเป็นมิจิโกะ แต่คนที่รู้ตัวคนแรกเป็นโจเซฟ

โจเซฟ ผู้ล่าลำดับที่ 9 ของเกม เขาเป็นหนุ่มฝรั่งเศสรูปงาม ผมยาวสีขาวสว่างไสวตัดกับความมืด ดวงตาสีฟ้าสวยดั่งลูกแก้ว มีเสน่ห์น่าหลงไหลราวกับตุ๊กตา

ขณะที่คนอื่นๆ มีท่าทางประหลาดใจ เขาเป็นคนเดียวที่สงบนิ่ง สำหรับเขา แจ็คเป็นบุคคลที่จำกัดความได้ว่า ‘ชอบยุแหย่ ปั่นหัว หลอกล่อ’ มันจึงเป็นการดีที่คนกวนประสาทแบบนั้นหายไปซะ…

โจเซฟไม่สุงสิงกับผู้ล่าคนอื่นเท่าไหร่ แต่เขาช่างสังเกตอยู่สองเรื่อง

ช่วงแรกๆ ที่เจอกัน แจ็คชอบ ‘สอดรู้สอดเห็นอย่างขยันขันแข็ง’ เรื่องพี่ชายฝาแฝดของโจเซฟ ทั้งคำพูดตลกขบขัน เสียดสี ย้ำเรื่องโอกาสของการชุบชีวิตคนตายว่ามันเป็นไปไม่… โอกาสสำเร็จต่ำ

จนกระทั่งวันหนึ่ง

หลังจบการไล่ล่าแบบ 2 ต่อ 8 ชายผมดำในชุดสูทที่ทุกๆ คนเรียกเขาว่า ‘แจ็ค’ ได้พูดบางอย่างขึ้นมาขณะเช็ดเลือดจากเหยื่อคนสุดท้ายบนกรงเล็บโลหะ

“โจเซฟ คุณรักพี่ชายแบบพี่น้อง รึกรักต้องห้า---”

แกร๊ง!

เสียงปะทะจากกงเล็บแจ็คดังขึ้นเพราะยกมากันคมดาบที่หมายไปยังคออย่างชัดเจนของโจเซฟ สุภาพบุรุษอังกฤษหัวเราะเบาๆ หลังหน้ากาก ส่วนช่างถ่ายรูปชักดาบเก็บใส่ฝัก ดวงตาสีแซฟไฟร์หม่นสบกับดวงตาสีเหลืองอำพัน

“อย่าพูดถึงพี่ของฉันเสียๆ หายๆ อีก ไม่อย่างนั้น.. มันจะฆ่าแกซะ”

ไม่มีท่าทีล้อเล่นผสมอยู่ในแววตาของโจเซฟ เขาเดินกลับคฤหาสน์ทันทีที่จบประโยค โดยหารู้ไม่ว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้ทั้งสองได้เจอกันบ่อยขึ้น

ถึงบุรุษแดนน้ำหอมจะไม่สุงสิงกับใครนอกจากเหล่ารูปภาพของตัวเอง แต่แจ็คพอรู้เรื่องของเจ้าตัวมาบ้าง.. เพราะวงการศิลปะนั้นเป็นวงแคบ และยิ่งแคบลงเมื่อจำกัดลงมาให้เหลือเพียงแค่ในลอนดอน

กล่าวได้ว่าแจ็คพอรู้ประวัติคร่าวๆ ของอีกฝ่ายก่อนมาเป็นฆาตกร.. ช่างภาพผู้โด่งดังเพราะถ่ายภาพออกมาสีสดงดงามราวกับมีชีวิต ก่อนจะหายตัวไปเพราะลูกค้าชุดสุดท้ายที่มาถ่ายรูปแสนวิเศษเหล่านั้นหายตัวไป อีกนัยหนึ่ง... ถูกกล้องดูดวิญญาณเข้าไป

...และด้วยการสืบค้น ‘เล็กๆ น้อยๆ ’ ทำให้รู้ว่าแม้จะเป็นทั้งศิลปินและฆาตการเหมือนกัน แต่จุดประสงค์ของอีกฝ่ายนั้นต่างออกไป

วินาทีที่ก้าวเท้าเข้ามา โจเซฟได้กลายเป็นเป้าหมายที่ฆาตกรแห่งลอนดอนอยากจะปั่นประสาทแทนเหล่าผู้เอาชีวิตรอด

บี้มดทุกวันมันก็น่าเบื่อ แต่การค่อยๆ เจาะลงไปในจิตใจของใครสักคนนั้นเป็นงานที่ท้าทายและน่าสนุก และเมื่อหาแก่นกลางจนเจอ.. จะสามารถฆ่าได้ทั้งเป็น

นั่นคือจุดประสงค์.. ไม่ใช่สงสารหรืออยากสานสัมพันธ์ แต่เป็นการอยากทำลายอย่างช้าๆ

ทางด้านโจเซฟ เขาจำได้ลางๆ เพียงแค่แจ็คเป็นจิตรกรอันมีชื่อเสียงสุภาพและเป็นมิตร มีอีกโฉมหน้านึงในยามกลางคืน… เดอะริปเปอร์

รู้เพียงเท่านี้เพราะไม่ได้สนใจคดีสะเทือนขวัญประจำลอนดอน ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นถ้ามันไม่เกี่ยวกับการพัฒนากล้อง หรือการพาพี่คนสำคัญกลับคืนมา

 

 

เพราะไม่แยแส จึงไม่รู้ตัวว่าตกเป็นเป้าหมาย

 

 

คืนใดที่หมอกลงเป็นพิเศษ คืนนั้นจะมีตัวทำลายความเงียบยามค่ำคืน… แจ็คคอยเตือนความจำอย่างไร้มารยาทเรื่องพี่ชายที่จากไปของโจเซฟ แต่นอกจาก ‘วันนั้น’ หนุ่มผมขาวไม่มีท่าทีโกรธเกรี้ยวอีกต่อไป

มีเพียงสายตานิ่งๆ และการถามกลับ

“เหยื่อรายสุดท้ายของนายล่ะ ฆ่าได้รึยัง? ”

 

 

คืนไหนที่โจเซฟกำลังง่วนกับการพัฒนากล้องเงียบๆ คนเดียว กว่าจะรู้ตัวก็มีร่างสูงเฝ้ามองอยู่ใกล้ๆ ไม่สามารถตอบได้ว่ามาตอบไหน แต่โจเซฟยังไม่เอ่ยปากไล่ตราบที่แจ็คยังไม่ทำเขาเสียงานเสียการ

แต่ยามที่ชายในชุดสูทเริ่มมือบอนอยากจะจับชิ้นส่วนอันละเอียดอ่อนของกล้อมถ่ายรูปเล่น คนสูงน้อยกว่าต้องเอ่ยปากห้ามอย่างเสียไม่ได้

และมันจะตามมาด้วยคำถาม

“อันนี้เอาไว้ทำอะไรเหรอครับ คุณโจเซฟ ช่างถ่ายรูปผู้โด่งดัง? ”

...ถึงจะน่ารำคาญ แต่แจ็คจะเลิกพยายามหยิบหากอธิบายให้ฟังอย่างละเอียด

 

 

คืนไหนที่บุรุษผมขาวออกมาดูดาวเงียบๆ คนเดียว คืนนั้นจะมีคนโผล่ออกมาจากเงามืด และเรื่องนี้เริ่มรบกวนจิตใจของโจเซฟ

“ฟ้าโปร่งดีนะครับ ว่าไหม?”

แม้มีหน้ากากปกปิด แต่น้ำเสียงนั้นทำให้รับรู้ได้ว่าแจ็คกำลังยิ้มอยู่

อดีตช่างภาพไม่ตอบ เขาหันไปมองชายชาวอังกฤษคนนั้นแว้บหนึ่งก่อนรีบเดินกลับห้อง สาวเท้าไวกว่าทุกๆ วัน

มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่แจ็คจะชวนโจเซฟคุยในคืนเงียบๆ ฟ้าโปร่งเช่นนี้

 

 

 

 

- เกมได้เริ่มขึ้นแล้ว -

 

 

 

 

ทั้งหมดที่แจ็คทำคือการ ‘ดึงความสนใจ’ จากเหยื่อ ไม่ว่าจะเป็นคนสายเฮอาปาร์ตี้หรือมนุษย์ผู้ปิดกั้นใจตัวเองอย่างโจเซฟ หากหา ‘กุญแจ’ เจอ จะเปิดประตูเข้าไปหาได้ และเมื่อถึงเวลานั้น คนๆ นั้นจะลดความระวังตัวลง

ได้ความสนใจมาบางส่วนแล้ว ยังมีสิ่งที่ขาดไป

มันคือการ ‘ฉวยโอกาส’ ในจังหวะที่คนๆ นั้นอ่อนแอ หากใครสักคนได้รับการปลอบประโลมจะเปิดใจออกมาไม่มากก็น้อย

แต่โจเซฟนั้นระแวดระวังตัว ทุกครั้งที่กำลังเผยจุดอ่อนจะรีบกลับห้องของตน

ไม่มีใครเคยเห็นโจเซฟร้องไห้ และเจ้าตัวไม่คิดจะให้ใครเห็น

การต่อต่อเถียงกันด้วยภาษาดอกไม้ การง่วนกับการพัฒนากล้องและอธิบายสรรพคุณของมันทำให้ห้วงความคิดของโจเซฟไม่คิดวกวน แต่การดูดาวเงียบๆ คนเดียวทำให้สมองโล่ง.. จนความรู้สึกแย่ๆ แทรกแทรงเข้ามาในหัวใจ ดวงตาสีฟ้าสั่นไหว

โจเซฟคิดถึงพี่ คนสำคัญเพียงหนึ่งเดียวในชีวิต

ไม่ว่าจะพัฒนากล้องมากแค่ไหน สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงดึงวิญญาณมาเก็บไว้ในภาพ การเข้าไปในอดีตเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ยังไม่มีฟิล์มอันไหนที่ชุบชีวิตคนได้

รูปถ่ายโจเซฟกับพี่ซีดลงตามกาลเวลาที่ไหลไป โอกาสกำลังน้อยลงเรื่อยๆ โจเซฟกลัวว่าวันที่สร้างกล้องและฟิล์มสำเร็จจะเป็นวันที่ภาพของพี่เลือนลางจนหายไป

เขารู้สึกนัยน์ตาร้อนผ่าว

แต่เพราะมี ‘แขก’ มาร่วมดูดาวด้วย บุรุษผมขาวจึงต้องหนีกลับห้องของตัวเอง โจเซฟไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าใคร คนที่เห็นเขาร้องไห้มีแค่พี่คนเดียวก็พอแล้ว

 

 

คืนใดที่หมอกลงเป็นพิเศษ คืนนั้นจะมีตัวทำลายความเงียบยามค่ำคืน ตามปกติแล้วแจ็คจะคอยเตือนความจำอย่างไร้มารยาทเรื่องพี่ชายที่จากไปของโจเซฟ แต่คราวนี้ต่างออกไป.. แม้หายตัวอยู่ แต่ฝ่ามือที่ลูบเส้นผมสีสว่างอย่างแผ่วเบาทำให้เจ้าตัวปัดมือออกด้วยสีหน้านิ่งๆ

โจเซฟรู้แล้วว่าแจ็คมา

และแจ็ค ก็ออกจากโหมดหายตัวแล้ว

“ตอนคุณเศร้า พี่ชาย ‘แสนรัก’ ของคุณทำแบบนี้รึเปล่าครับ? ”

ไม่ต้องถอดหน้ากากก็รับรู้ได้ว่าแจ็คเดอะริปเปอร์กำลังยิ้มอย่างสนุกสนานอยู่ เพราะช่วงนี้ ‘ระยะห่าง’ ของทั้งสองลดลงเรื่อยๆ ไม่ว่าเป้าหมายของเขาจะรู้ตัวรึไม่

ทางด้านโจเซฟ สีหน้าเย็นชาเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้ว ทั้งลูบหัว ทั้งกวนประสาทใต้คำพูดสุภาพๆ หนักที่สุดคือการล้อเลียนความสัมพันธ์ของเขากับพี่ อดคิดไม่ได้ว่าทำไมไม่ไปยุ่งกับสองแฝดขาวเดานั่น?

“ทำไมฉันต้องตอบล่ะ? ”

แต่โจเซฟต้องยอมรับว่าหลายปีที่ผ่านมามันทำให้เขาสับสน

‘รัก’ แบบไหน? ...คำตอบจากปากคือแบบครอบครัว แต่จิตใจนั้นสับสนตั้งแต่ช่วงที่ย้ายมาลอนดอนเพียงลำพังสองพี่น้องแล้ว เพราะว่าเป็นคนสำคัญ เพราะว่าเป็นคนที่คอยปกป้อง ก็เพราะว่าทั้งชีวิตมีแค่พี่ชายถึงอยากชุบชีวิตคืนมา…

ความคิดเหล่านี้สะท้อนบนดวงตาครู่เพียงหนึ่งก่อนเรียบเย็นดั่งทะเลสาบในฤดูหนาว แต่นั่นมากพอให้แจ็คสังเกต นั่นยิ่งชวนให้อารมณ์ดีจนฮัมเพลงออกมา

“งั้นผมควรเปลี่ยนคำถามเป็น ‘คุณกำลังเศร้าอยู่ใช่ไหม’ มากกว่าล่ะมั้ง? ”

อีกคนหนึ่งกำลังสนุก ส่วนอีกคนกำลังรู้สึกถูกคุกคามกำแพงที่สร้างขึ้นมา

“เอาเวลาว่างของนายไปหาวิธีฆ่าเหยื่อคนสุดท้ายดีกว่าไหม แจ็ค? ”

คลี่รอยยิ้มจอมปลอมออกมา นั่งไขวห้างพร้อมหรี่ตามองคนตัวสูงกว่า

“แค่สุภาพสตรีคนเดียวยังฆ่าไม่ได้ หึ”

ทุกคืนที่สนทนากันเช่นนี้ มักจบที่ทั้งสองมีแผลเปิดจากคมอาวุธของอีกฝ่าย แต่คราวนี้แจ็คทำสิ่งที่โจเซฟคาดไม่ถึง ร่างสูงก้มตัวลงมากอดคนเตรียมรับกรงเล็บ ไม่ใช่อ้อมแขนแบบนี้

“นานแค่ไหนแล้วล่ะครับที่พยายามชุบชีวิตพี่ชาย เหนื่อยรึเปล่า? ”

เปิดใจให้ผมสักทีสิครับ… คนเจ้าเล่ห์ฉีกยิ้มในใจ

“........”

โจเซฟเงียบลง หลายปี เลขสองหลัก นานจนไม่ได้นับแล้ว… ทำไมต้องถามว่าเหนื่อยไหม? ถีบอีกฝ่ายให้ปล่อยก่อนจะวนนึกถึงอดีตอีก รีบสาวเท้าเดินฉับๆ กลับห้องนอน ได้ยินเสียงแผ่วเบาแต่ดังพอจับความไล่หลังก่อนปิดประตูลง

“แย่ จัง เลย นะ ♪”

คืนนี้โจเซฟไม่ได้หยิบรูปของพี่มาดูเหมือนทุกที บุรุษผมขาวนอนล้มตัวลงบนเตียง มือแตะอกอย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมมันเจ็บกว่าทุกที เขาล้มเหลวเรื่องกล้องมาเป็นพันๆ ครั้ง นึกถึงพี่ใจจะขาดทุกวัน แต่ทำไมวันนี้มันเจ็บแปล๊บ

 

 

คืนไหนที่โจเซฟกำลังง่วนกับการพัฒนากล้องเงียบๆ คนเดียว กว่าจะรู้ตัวก็มีร่างสูงเฝ้ามองอยู่ใกล้ๆ ไม่สามารถตอบได้ว่ามาตอบไหน แต่โจเซฟยังไม่เอ่ยปากไล่ตราบที่แจ็คยังไม่ทำเขาเสียงานเสียการ

ยกเว้นวันนี้

“แจ็ค ออกไป”

ผู้กำลังเช็คกล้องอย่างละเอียดพูดขึ้นแทบจะทันทีที่รู้สึกถึงบรรยากาศของห้องที่เปลี่ยนไป และเมื่อจบประโยค แจ็คก็ปรากฏตัวขึ้นมาเสียดื้อๆ จากหมอก

“วันนี้รีบไล่กันจังเลยนะครับ หรือว่า.. ใกล้จะทำสำเร็จแล้วเหรอ? ”

แจ็คทำตรงข้ามกับคำสั่งด้วยการเดินเข้าไปดูใกล้ๆ

“เปล่า นายรบกวนสมาธิฉัน”

ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“วันอื่นยังไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ครับ? ”

“......”

“ว่าแต่อันนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ ผมจำไม่ได้ซะแล้---”

แช้ะ!

โจเซฟชิงกดถ่ายรูปก่อนก่อนที่มือซีดจะได้แตะแผ่นฟิล์ม แม้ไม่ได้อยู่ในสนามล่าแต่ทั้งคู่ได้เข้าสู่โลกของโจเซฟเสียแล้ว โลกขาวดำที่ฉายภาพในอดีต โลกที่โจเซฟอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด

‘การโจมตี’ ทุกๆ อย่างจะส่งผลเพียงครึ่งเดียวเมื่อออกจากมิตินี้

“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”

ไม่ต้องหมิ่นพี่เป็นครั้งที่สองก็จะฆ่าซะ คมดาบสะท้อนกับแสงจันทร์ก่อนปักเข้ากลางอกแจ็ค-เดอะริปเปอร์ แน่นอนว่ามันทะลุหัวใจ เลือดกระฉูดจนพื้นเป็นสีแดงฉานอย่างที่ควรจะเป็นเมื่อโจเซฟดึงดาบออก

คำถามคือ ทำไมบุรุษในชุดสูทถึงไม่ยกกงเล็บขึ้นมากันเหมือนทุกที?

โจเซฟไม่รู้ แต่แจ็ครู้

อยากเห็นปฏิกิริยาของตุ๊กตาตัวนี้ว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าเขาปล่อยให้ดาบนั่นมันทะลุร่างตัวเอง ผลลัพธ์นั่นเป็นที่น่าพอใจ ถึงจะสวมความเย่อหยิ่งบนใบหน้าแต่มันก็ปิดความรู้สึกที่แท้จริงจากแจ็คที่ดูคนเก่งไม่มิด เขาเห็นความสับสน… แม้เพียงชั่วครู่ก็ตามที

หากเป็นเมื่อก่อนคงฆ่าแจ็คนอกมิตินี้

“อย่ามารบกวนเวลางานของฉันอีก”

สิ้นคำพูด สีสันหม่นๆ ได้กลับคืนสู่คฤหาสน์ พร้อมกับทั้งคู่ออกมาจากมิติขาวดำ บาดแผลถึงชีวิตบนอกของแจ็คกลายเป็นแผลสาหัส แต่ไม่ถึงชีวิต

ไม่มีกฏห้ามนักล่าฆ่ากันเอง แต่โจเซฟก็ยังเลือกวิธีนี้

ทำไมกันนะ?

คำคื่นนี้จบลงที่แจ็คเป็นฝ่ายล่าถอย แต่โจเซฟก็ไม่มีสมาธิทำงานอีก

 

 

คืนไหนที่บุรุษผมขาวออกมาดูดาวเงียบๆ คนเดียว คืนนั้นจะมีคนโผล่ออกมาจากเงามืด คนๆ นั้นคือแจ็ค แจ็คเดอะริปเปอร์ คนที่คอยย้ำเรื่องพี่ที่ตายไปแล้วของโจเซฟ ฆาตกรที่หลายๆ คนให้คำนิยามว่า ‘กวนประสาท’

วันนี้บุรุษชุดสีน้ำเงินไม่รีบกลับห้องแต่ก็ไม่หันไปมองผู้มาเยือนเช่นกัน ปล่อยสายตาล่องลอยไปกับหมู่ดาวบนท้องฟ้า ไม่แม้แต่จะอ้าปากไล่

ความเงียบเข้าครอบงำทั้งคู่

แจ็คพอจะเดาสาเหตุที่อีกฝ่ายยังนิ่งทั้งๆ ที่รู้ตัวออก มันคงจะถึงเวลาเดินเกมต่อแล้ว.. มือสีขาวซีดถอดหน้ากาก เผยให้เห็นใบหน้าที่แม้แต่ผู้ล่าคนอื่นๆ ยังไม่เคยเห็นมาก่อน

“โจเซฟ คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงใส่หน้ากาก? ”

ถามด้วยเสียงทุ้มนุ่มนวล และเพราะอีกฝ่ายยังยืนนิ่งจึงกระชากไหล่ให้หันมา โจเซฟดูจะแปลกใจ.. และตกใจยิ่งขึ้นเมื่อริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกัน เป็นจูบธรรมดาๆที่ไม่ได้เร้าร้อนรุนแรง แต่มันไม่ถูกต้อง

แค่แปปเดียวคนตัวสูงกว่าก็ผละออก ทิ้งไว้แต่ตะกอนความแคลงใจให้โจเซฟ

“ทำ..ไม? ”

แน่นอนว่าพูดถึงจูบครั้งนี้ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหน้าของแจ็ค ในระยะประชิดเสียด้วย… ผมสีดำยุ่งๆ ดวงตาสีเหลืองมีบรรยากาศลึกลับ ผิวขาวจางจนเหมือนไม่มีเลือด เครื่องหน้าหล่อเหล่าคมคายจนไม่แปลกใจที่โสเภณีพวกนั้นจะไม่ทันระวังตัว

“เพราะว่าผมหน้าตาดีจนทุกคนที่ได้เห็นจะตกหลุมรักน่ะ ฮ่ะๆ ”

แต่คำตอบกลับเป็นเรื่องหน้ากาก นั่นทำให้โจเซฟปวดหัวเป็นอย่างมาก

“ฉันหมายถึง นายจูบฉั--”

“แล้วจูบของผม บรรเทาความเศร้าของคุณไหมล่ะครับ? ”

ถามพร้อมรอยยิ้มบาง แค่ทำคนสูงน้อยชะงัก

“..เป็นประสบการณ์สยองขวัญมากกว่า”

เหตุการณ์นี้เกินคาด ‘สำหรับทั้งคู่’

ตอนแรกโจเซฟคิดจะทำตัวเงียบๆ ให้อีกฝ่ายเบื่อแล้วกลับไป ส่วนแจ็คคิดแค่เรื่องถอดหน้ากากดึงความสนใจ

ทำไมกันนะ?

“ไม่ใช่ว่าหลงเสน่ห์ผมไปแล้วหรอกเหรอ? ”

หัวเราะเบาๆ ชายคนนี้ยังคงไม่ทิ้งลายกวนประสาทใต้คราบสุภาพบุรุษ และนี่ยิ่งทำให้โจเซฟปวดหัว

“เหอะ.. นายต่างหากที่เอาแต่ไล่ตามฉัน”

ถึงจะไม่ทุกวันแต่ช่วงนี้แจ็คมาคุยกับเขาบ่อยขึ้น บ่อยขึ้น... และนั่นให้โจเซฟปวดหัว

ปวดจนอยากรีบกลับไปนอน สันมือกระแทกกลางอกที่คงยังหลงเหลือรอยช้ำจากดาบของเขา อาศัยจังหวะที่แจ็คเจ็บแผลเดินกลับห้อง ปวดหัวจนผลอยหลับทันทีที่หัวแตะหมอน

คืนนี้เงียบแต่ไม่สงบเอาเสียเลย

 

 

 

 

- Draw or Lost -

 

 

 

 

เหตุการณ์เดิมๆ วนกลับมาอีกครั้ง ทั้งคู่บังเอิญได้จับคู่กันไล่ล่าผู้เอาชีวิตรอดทั้ง 8 ในสวนสนุกเพราะผู้ล่าคนอื่นๆ เหลือเหนื่อยแล้ว เบื่อแล้ว รึไม่ก็ได้จัดการเหยื่อของตัวเองจนสาแก่ใจแล้ว

ควรเปลี่ยนจากคำว่าเกมเอาชีวิตรอดเป็นเกมหนีตายเสียมากกว่า

คนหนึ่งสร้างมิติไปทำร้ายคุณในอดีตได้ อีกคนหนึ่งหายตัวได้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรอดจากเกมครั้งนี้ เหยื่อทั้งหมดถูกจับนั่งเก้าอี้ส่งกลับคฤหาสน์ในเวลาไม่นาน

แช้ะ!

เสียงจากกล้องของโจเซฟทำให้แจ็คเลิกคิ้วใต้หน้ากาก

“นั่นคนสุดท้ายแล้วครับ”

“ฉันจะตรวจดูให้มั่นใจ”

หรือก็คือ ‘ฉันไม่ไว้ใจนาย’ โจเซฟทิ้งท้ายอย่างนั้นก่อนหายเข้าไปในมิติสีขาวดำ ปล่อยให้แจ็คล่วงหน้ากลับคฤหาสน์ไปก่อน

และนี่คือวันสุดท้ายที่โจเซฟเห็นแจ็ค

 

 

ฆาตกร ‘แจ็ค-เดอะริปเปอร์’ หายตัวไปจากเกมเอาชีวิตรอด

ดั่งประชด ผู้ที่สังเกตถึงความผิดปกตินี้เป็นคนแรกคือหนึ่งในผู้ถูกเชิญมายังคฤหาสน์แห่งความตาย ขณะที่เหล่าผู้ล่าด้วยกันมัวแต่ง่วนกับการล่าแต้ม เล่นสนุก หรืออะไรก็ช่างที่สรุปแล้วคือการไล่ฆ่าผู้พยายามมีชีวิตรอด กว่าจะรู้ตัวกันก็ปาเป็นสัปดาห์แล้ว

คนพูดขึ้นมาคนแรกเป็นมิจิโกะ แต่คนที่รู้ตัวคนแรกเป็นโจเซฟ

ขณะที่คนอื่นๆ มีท่าทางประหลาดใจ เขาเป็นคนเดียวที่สงบนิ่ง สำหรับเขา แจ็คเป็นบุคคลที่จำกัดความได้ว่า ‘ชอบยุแหย่ ปั่นหัว หลอกล่อ’ มันจึงเป็นการดีที่คนกวนประสาทแบบนั้นหายไปซะ…

โจเซฟไม่สุงสิงกับผู้ล่าคนอื่นเท่าไหร่ แต่เขาช่างสังเกตอยู่สองเรื่อง

เรื่องแรกคือ ‘ทุกๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายรูป’

บุรุษในชุดผู้ดีแดนน้ำหอมเดินกลับห้องของตนเพราะยังไม่ถึงคิวออกล่าของตน และไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับคนอื่น พาตัวเองไปนั่งหน้ากระจกที่มีรูปสองใบแปะอยู่

เรื่องที่สองคือ ‘ทุกๆ อย่างเกี่ยวกับคนสำคัญ’

รูปใบแรกเป็นเขากับพี่ชายฝาแฝดที่กอดคอและยิ้มมาทางกล้อง ช่วงเวลานั้นถึงจะไม่สวยงามแต่ก็มีความสุขจนเขาอยากย้อนกลับไป กลับไปเล่นกับพี่ กลับไปยังเวลาที่พี่ยังไม่ตาย

รูปใบนี้ซีดลงตามกาลเวลา สัมผัสนิดหน่อยก็ทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้ เพราะเหตุนั้นโจเซฟจริงเลือกแปะไว้หน้ากระจกแทนที่จะใส่ลิ้นชักเพื่อหยิบขึ้นมาดู

ส่วนอีกใบหนึ่ง.. รูปของแจ็ค

ไร้หน้ากากซ่อนเร้นโฉมหน้าที่แท้จริง กำลังผายรอยยิ้มวิปลาสตามประสานักฆ่า พื้นหลังคือสวนสนุกร้าง สถานที่ที่เป็นเวทีของเกมเอาชีวิตรอดในวันนั้น

รูปใบนี้ทำให้คนถ่ายแปลกใจที่มันเป็นรูปสีแทนที่จะเป็นสีขาวดำ

โจเซฟอาศัยช่วงเวลาที่อยู่ในมิติรูปภาพถอดหน้ากากของแจ็คในอดีตออก เปลี่ยนฟิล์มกล้องตัวหนึ่งและถ่ายรูปคนๆ นี้เอาไว้

โดยที่ไม่รู้ทำไปทำไม… การฆ่าแจ็คนั้นมีหลายวิธี และปกติแล้วเขาจะทำลายรูปที่ถ่ายได้จากในเกมทิ้ง แต่รูปใบนี้กลับเอามาแปะหน้ากระจก

ทำไมกันนะ?

...รัก?

น่าเสียดายที่ดวงวิญญาณของแจ็คถูกกักขังไว้ในรูปภาพ หากเขาได้อยู่เห็นผลลัพธ์ของ ‘เกม’ นี้คงจะมีความสุข

เพราะน้ำตาร้อนผ่าวไหลรินจากดวงตาสีฟ้า

เพราะโจเซฟตระหนักแล้วว่าความเจ็บในอก ความปวดหัวก่อนหน้านี้มันคืออะไร เพราะว่าแจ็ค ‘ชอบยุแหย่ ปั่นหัว หลอกล่อ’ มันจึงทำให้เขาไม่กล้า.. ไม่กล้ายอมรับความรู้สึกลึกๆ ของตัวเอง

โจเซฟแพ้

แพ้ตั้งแต่วินาทีที่ถ่ายรูปแจ็คในวันนั้น เอามาแปะที่ขอบกระจกเป็นอย่างดีพอๆ กับรูปพี่ชาย แพ้ราบคาบเพราะไม่กล้าแม้แต่จะใช้ดาบแทงทะลุรูปใบนี้

เขา รัก แจ็ค

แต่ก็หยิ่งทะนงเกินกว่าจะยอมเป็นของเล่นของใคร กลัวว่าจะเสียสิ่งสำคัญไปเกินกว่าจะยอมปล่อยแจ็คออกจากรูปภาพ

นั่นคือผลลัพธ์ของเกมนี้

แต่ไม่เหมือนกรณีของพี่ชาย รูปของแจ็คจะสีสดงดงามแบบนี้ตลอดไป ไม่ซีดจากไปตามกาลเวลา ไม่ถูกทำลายยกเว้นเขาจะฉีกมันทิ้งเอง

ณ ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป

ทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกัน… ตลอดไป

แต่สิ่งที่โจเซฟไม่รู้คือแจ็คไม่ได้ชนะ

ความระแวดระวังของผู้เขย่าขวัญชาวลอนดอนลดลง ถ้าเป็นแจ็คเดอะริปเปอร์ยามปกติคงไม่กลับคฤหาสน์ก่อนง่ายๆ แบบนั้น เขาคงรอจนมั่นใจว่าจะไม่โดนลอบแทงข้างหลัง

ทำไมกันนะ?

รัก?

คงมีแค่พระเจ้าที่ตอบได้ เพราะแจ็คไม่อยู่ให้ถามอีกต่อไปแล้ว

 

 

 

 

GAME END

(NO ONE WIN)