เสียงร้องเชียร์ที่เรียกชื่อตัวเองอยู่ทำให้ ‘โอม’ ตื่นเต้นจนมือชุ่มเหงื่อ เขาควบคุมลมหายใจไม่ให้เร็วเกินไปจนใจสั่นพาทำเสียสมาธิ เหมือนว่าความพยายามทั้งหมดที่เคยพยายามมากลายเป็นความจริง สิ่งที่เคยอยากได้อยู่ใกล้แค่ก้าวเดินขึ้นเวที

วันที่เขาได้เป็น ‘ศิลปินเกาหลี’ 

เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะอธิบายยากอยู่เหมือนกันว่าทำไมเกิดเป็นคนไทยแท้ๆถึงจะต้องกระเสือกกระสนมาเดบิวต์เป็นศิลปินเกาหลีทั้ง ๆ ที่การแข่งขันสูงมาก แต่ก็ต้องเข้าใจว่าปัจจุบันวงการบันเทิงไทยซบเซาจนไม่สามารถจะแบกรับอนาคตของนักล่าความฝันได้ วงการบันเทิงเกาหลีใต้ที่รัฐบาลของทางนั้นสนับสนุนอุตสาหกรรมบันเทิงเต็มที่จึงเป็นที่ที่เด็กหนุ่มสาวตั้งแต่วัยสิบขวบจนถึงยี่สิบต้น ๆ ต่างเลือกตระกายเข้ามาหาความสำเร็จ ซึ่งน่าเศร้าว่ามันไม่มีที่พอสำหรับทุกคน และผู้แพ้ไม่เคยถูกจดจำ พวกเขาต้องชนะเท่านั้นถึงจะได้มีแสงสปอร์ตไลท์ส่องเข้ามา

และตอนนี้ โอมชนะแล้ว

โอมมองหน้าเพื่อนหน้าตาหล่อเหลาอีกสี่คนแล้วพยักหน้า ทั้งห้าคนก้าวขึ้นเวทีที่ปิดแสงไฟมืดแล้วเดินไปจัดท่าตามบล็อกกิ้งที่เคยฝึกซ้อมกันไว้ ผ่อนลมหายใจออกมาให้หมดปอด ก่อนที่แสงสปอร์ตไลท์จะสว่างขึ้นเผยเห็นศิลปินหน้าใหม่วง ‘Lule-sifer’ ที่ยิ้มร่าเผยความหล่อเหลาและการแสดงครั้งแรกอันยอดเยี่ยม 

เพลงอีดีเอ็มผสมกับเสียงไวโอลินสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการเพลงเกาหลีใต้ที่การแข่งขันสูงลิบลิ่ว และท่าเต้นที่แม้แข็งแรงแต่ก็เสี่ยงอันตรายกับสุขภาพแต่ก็เป็นเรื่องปรกติสำหรับแวดวงนี้ไปแล้ว ไม่ยากไม่เกิด... ทั้งหมดทั้งมวลยังไม่เสี่ยงเท่ากับเนื้อเพลงภาษาเกาหลีพูดถึงความเจ็บร้าวของปีศาจยามได้หลงรักชายหนุ่มรูปงาม โดยที่คนร้องทุกคนก็เป็นผู้ชาย มันสร้างกระแสในเว็บบอร์ดต่าง ๆ ทั้งไทยและเทศไม่น้อย

และความพยายามจะแสดงผลชัดเจนขึ้นภายในวันนี้...วันที่เขารอคอยมาทั้งชีวิต และมันก็จะพลาดไม่ได้ ท่าเต้นสุดท้ายนั้นสมาชิกอีกสี่คนต้องก้มลงต่ำเป็นขั้นบันไดเพื่อให้โอมก้าวขึ้นไปร้องท่อนจบที่เป็นท่อนโน้ตสูงราวกับเสียงกรีดร้องและกระโดดลงมาใช้ท่าเต้นบัลเล่ต์ที่โอมชำนาญเป็นอย่างดีเพื่อสร้างความอลังการและน่าจดจำ เขาพยายามทำทุกอย่างไม่ให้ความกังวลออกผ่านอณูร่างกายใด ๆ แม้เพียงเสี้ยวอารมณ์กลัว และเขาทำสำเร็จ

โอมที่หอบเหนื่อยส่งรอยยิ้มให้ทุกคนในสตูดิโอ สายตาของเขาพร่าเลือนจนไม่เห็นใครเป็นใครด้วยความตื่นเต้น พลันสายตาเห็นหญิงสาวหน้าตางดงามนั่งอยู่หน้าเวทีด้วยสีหน้าเรียบเฉย


 

เสียงปรบมือและเสียงกรีดร้องของแฟนคลับทำให้โอมใจฟูจนแทบจะร้องไห้ ทุก ๆ อย่างลงตัวและดูง่ายไปหมด แสงสปอร์ตไลท์หรี่ลงทำให้สมาชิกวงทุกคนลุกขึ้นมากอดกันแสดงความยินดีกับการแสดงสดครั้งแรกของตนเอง 

“เราทำได้แล้วทุกคน เราทำได้แล้ว” สมาชิกวง Lule-sifer คนเกาหลีชื่อ ‘คังยูจิน’ กอดคอและพูดกับทุกคน ยูจินเป็นสมาชิกที่เป็นพี่ใหญ่และตัวสูงที่สุดในวง บางคนที่ดีใจมาก ๆ ถึงกับน้ำตาไหลเลยก็มี โอมผละออกจากกอดของทุกคนแล้วหันหลังกลับไป มีทีมงานของค่ายเดินเข้ามาพอดี

“คุณโอมคะ คุณ ‘จินฮยอก’ ฝากดอกไม้มาให้ค่ะ” ทีมงานสาวยื่นช่อดอกกุหลาบสีส้มให้กับโอม โอมกล่าวขอบคุณเป็นภาษาเกาหลีแล้วรับมาด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ จินฮยอกเป็นนักแสดงชาวเกาหลีที่มีชื่อเสียงมากหากเทียบกับนักแสดงชายชาวเกาหลีใต้รุ่นราวคราวเดียวกัน ด้วยใบหน้าหวานที่ขัดแย้งกับผิวสีแทนสุดเซ็กซี่และรูปร่างที่มีกล้ามเนื้อสมบูรณ์แบบ ทำให้บ่อยครั้งที่จินฮยอกเป็นที่พูดถึงในอินเทอร์เน็ตยามที่เขาจะต้องแสดงฉากอาบน้ำแล้วต้องถอดเสื้อ ถึงว่าอาจจะเป็นเรื่องปรกติที่ดาราหรือนักร้องจะเป็นกระแสในอินเทอร์เน็ต แต่ลึก ๆ แล้วโอมก็อดที่จะ ‘หึง’ ไม่ได้เมื่อรูปร่างของอีกฝ่ายถูกโชว์หราอยู่ในกระทู้เว็บ ‘เนเวอร์’ เว็บบอร์ดชื่อดังของเกาหลีอย่างนั้น

จะไม่ให้หึงได้ไง ก็ใคร ๆ ที่ทำงานด้วยกันก็รู้ ว่าจินฮยอกกับโอมเป็นแฟนกัน!

ใช่ อ่านไม่ผิดหรอก หลายคนอาจจะทราบ แต่หลายคนก็อาจจะไม่ทราบว่าที่ประเทศเกาหลีใต้นั้น กลุ่มคนหลากหลายทางเพศหรือที่เรียกว่า LGBTQ+ นั้นยังไม่เป็นที่ยอมรับ ไม่เป็นที่ยอมรับในขนาดที่หากสังคมรู้หน้าที่การงานและชื่อเสียงอาจจะป่นปี้ แม้ในปัจจุบันนั้นคนเกาหลีอาจจะยอมรับการมีอยู่ของพวกเขา แต่ไม่ได้แปลว่าจะ ‘ยอมรับ’ พวกเขา ว่าความหลากหลายทางเพศสภาพนั้นมีอยู่จริงและเป็นเรื่องธรรมชาติ ที่สำคัญ ยังไม่ค่อยจะมีใครในวงการบันเทิงเกาหลีใต้กล้าที่จะเปิดเผยรสนิยมของตนเองให้สังคมรู้นัก 

บางทีอาจจะถูกยอมรับก็ได้ แต่หากผลลัพธ์ตรงกันข้ามก็ได้ไม่คุ้มเสีย ว่าแต่จะลองมั้ยล่ะ ?

โอมเมื่อได้รับช่อดอกไม้มาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เขาเปิดดูการ์ดรูปแมวที่ผูกไว้กับดอกไม้เผยเห็นลายมือหวัด ๆ ที่โอมคุ้นเคยพยายามเขียนเป็นภาษาไทยว่า ‘ยินดีด้วยนะครับ ที่รักของผม’ ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรต่อ จู่ ๆ ไฟในห้องก็ดับพรึ่บ ! เสียงพูดคุยจอแจของสมาชิกวงลูซิเฟอร์กับทีมงานก็พลันเงียบไปด้วย เงียบเหมือนไม่เคยมีอยู่...โอมตกใจเล็กน้อยแต่ก็ยังมีอารมณ์ขัน

“นี่สตูดิโอลืมจ่ายค่าไฟใช่มั้ยเนี่ย” โอมหัวเราะแห้ง ๆ แต่ไร้เสียงคนตอบกลับมา ทุกอย่างมันเงียบและดูมืดผิดปรกติ เงียบจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ...เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของใครบางคนดังข้างหู...

“ไม่สนุกนะทุกคน นี่เล่นซ่อนกล้องกันใช่มั้ยเนี่ย” โอมถามแล้ววางช่อดอกไม้ลงที่โต๊ะขณะที่ยังยืนอยู่กับที่ ใครบางคนคืบคลานเข้ามาใกล้ ๆ ยิ่งโอมกลัวเท่าไหร่ มันยิ่งเคลื่อนไหวเร็วเท่านั้นและแล้วใบหน้าขาวซีดที่เปื้อนเลือดชุ่มของใครบางคนก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าโอม!

“อ้าก! ช่วยด้วย” โอมร้องลั่นแล้วกระโดดกอดร่างของใครบางคนในความมืด เป็นจังหวะเดียวกับที่ไฟในห้องพลันสว่างพร้อมกับทุกคนที่ยังอยู่กันครบ โอมมึนงงเป็นไก่ตาแตก แล้วคนที่เขากระโดดกอดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน จินฮยอก แฟนหนุ่มสุดแสบของเขานี่เอง!

“โอ้ย ไอ้พวกบ้าเอ้ย!” โอมต่อว่าทุกคนอย่างไม่จริงจังนักแล้วตีแผงอกแน่น ๆ ของจินฮยอกเบา ๆ เสียงโห่แซวของทุกคนดังขึ้นแล้วเสียงจอแจก็กลับมาปรกติดังเคย โอมจะผละออกจากกอดของอีกฝ่ายแต่ไม่ไวเท่าจินฮยอกที่ใช้แขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแรงรัดโอมไว้แน่นขึ้น เขาเอื้อมมือมาดีดนิ้วเสียงดังเป๊าะที่ข้างหูของโอมแล้วแบมือออกมา ในมือของเขามีแหวนทองอยู่วงใหญ่ ทุกคนในห้องที่พร้อมจะแซวอยู่แล้วก็ยิ่งเรียกเสียงฮือฮาขึ้นมาอีก “แต่งงานกับพี่นะครับ”

โอมเบิกตากว้าง ที่จริงแล้วเขาตกใจมากกว่าดีใจ จินฮยอกนั้นเป็นดาราที่เขาชื่นชอบมานานตั้งแต่ยังไม่ได้เข้ามาเป็นเด็กฝึกด้วยซ้ำ ใช่ เขาอยากแต่งงานกับอีกฝ่าย แต่ถ้าสังคมเกาหลีไม่ยอมรับเขาล่ะ...

“แต่งเลย แต่งเลย แต่งเลย” เหมือนรู้ใจ ทีมงานและเมมเบอร์ทุกคนที่เป็นชาวเกาหลีใต้ต่างกล่าวเชียร์ให้โอมตอบรับคำขอแต่งงานของอีกฝ่าย และมันทำให้เขาไม่กลัวอะไรอีกแล้ว โอมพยักหน้าแล้วยิ้มให้กับจินฮยอก 

“ครับ แต่งงานกันนะ”

จินฮยอกยิ้มกว้างจนตาหวาน ๆ กลายเป็นสระอิ เขาอุ้มโอมขึ้นมากอดแล้วหมุนไปรอบ ๆ ทีมงานและเมมเบอร์วงลูซิเฟอร์ปรบมือให้กับทั้งสองคน โอมหัวเราะแล้วปล่อยน้ำตาที่กลั้นมานานออกมา ถึงมันจะเสี่ยงมากที่เขาทั้งสองจะแต่งงานกันในสถานการณ์ที่โอมยังเป็นศิลปินหน้าใหม่ และเกย์ยังไม่เป็นที่ยอมรับของคนเกาหลี แต่เขามั่นใจว่าเขาทั้งสองจะเป็นผู้ปลุกกระแสการยอมรับในกลุ่มคนหลากหลายทางเพศในเกาหลีให้มีตัวตนได้อย่างแน่นอน

ซึ่งก็ไม่ได้เป็นอย่างที่โอมกลัวเมื่อข่าวการแต่งงานระหว่างนักแสดงชายดาวรุ่งกับไอดอลหน้าใหม่ถูกปล่อยออกไปในสื่อต่าง ๆ มีแฟนคลับของทั้งทางจินฮยอกและโอมมาให้กำลังใจพวกเขาทั้งสองและสัญญาว่าจะติดตามผลงานของคู่รักผู้กล้าหาญอย่างเหนียวแน่นดังเดิม เป็นเรื่องที่ทำให้โอมซาบซึ้งใจอย่างมาก และแน่นอนว่ามีกลุ่มคนที่ต่อต้านคนหลากหลายทางเพศมาโจมตีเขาทั้งสอง แต่กลุ่มแฟนคลับที่น่ารักก็ช่วยตอบโต้ อย่างรุนแรงบ้าง และอย่างเบาบ้าง แต่มันก็ทำให้เขาอุ่นใจว่ายังมีคนที่รักเขาจากตัวตนจริง ๆ ไม่ว่าเขาจะดีร้ายแค่ไหนก็ตาม

ทุกอย่างมันดูเรียบง่าย ได้ดั่งใจโอมไปเสียทุกอย่างราวกับเสกได้

“อ่านอะไรอยู่เหรอครับคนดี” จินฮยอกเดินมาจากข้างหลังแล้วโอบกอดโอมแน่น ๆ จากบนเตียง ตอนนี้โอมอยู่ในชุดนอนสีเทาตัวบาง ส่วนผู้เป็นสามีนั้นเขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายถอดเสื้อและอยู่ในผ้าขนหนูปิดท่อนล่าง โอมชอบถูกกอดจากข้างหลัง มันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นจากกอดแน่น ๆ ของคนรัก 

“อ่านเรื่องของเราอยู่ครับ พี่อะ ไปเช็ดผมให้แห้งก่อนเลยไป ตัวเปียกไปหมดแล้ว” โอมแสร้งทำเป็นดันอีกฝ่ายออกอย่างไม่จริงจังแต่จินฮยอกก็ยิ่งกอดเขาแน่นขึ้น 

“ว้า ตัวเปียกแล้วกอดหนูไม่ได้แล้วเหรอครับ แย่จัง” จินฮยอกทำเป็นยู่ปากแล้วหันหลังหนี เป็นโอมเองที่หัวเราะแล้วรีบโอบกอดร่างของจินฮยอกแล้วซุกหน้ากับแผ่นหลังแกร่งไว้

“จะตัวเปียกตัวแห้งโอมก็ให้พี่กอดอยู่คนเดียวแหละ” โอมพูดแล้วกระชับกอดแน่นขึ้น ยืดตัวขึ้นเอาคางเกยไหล่ของจินฮยอกเอาไว้ เขารักอีกฝ่ายเหลือเกิน รักจนกลัวว่าจินฮยอกจะหายไป “พี่ครับ พี่อย่าไปไหนนะ พี่ต้องอยู่กับโอมนะ”

มือใหญ่นุ่ม ๆ ของจินฮยอกเอื้อมมาจับใบหน้าของโอมเอาไว้ “พี่สัญญาค่ะ พี่จะไม่หายไปไหนแน่นอน”

ริมฝีปากอุ่น ๆ แตะเข้ากับโอมจนกลายเป็นจุมพิตที่รสชาติสัมผัสจืดชื่น แต่หวานล้ำราวกับน้ำผึ้งในความรู้สึก ชุดนอนที่ตั้งใจจะใส่นอนไม่ได้อยู่เรือนร่างของโอมอีก ณ คืนนี้

งานวิวาห์ของทั้งสองถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่อบอุ่น มีสื่อมวลชนมาทำข่าวคู่รักผู้โด่งดังมากมาย โอมยิ้มกว้างอย่างมีความสุขที่สุดในชีวิต มือของทั้งสองกระชับกันแน่นขึ้น เขารู้สึกว่าจุมพิตของจินฮยอกที่ประทับริมฝีปากเขาต่อหน้าบาทหลวงนั้นหวานชื่นยิ่งกว่าจุมพิตครั้งไหน ๆ ของเขาทั้งสอง ไม่ว่าคำสัตย์สาบานในของจินฮยอก เขาเชื่อมันทุกคำ

ปรกติแล้วเมื่อนักร้องไอดอลเกาหลีจะแต่งงานนั้นจะต้องออกจากวง หรืออาจจะกระแสไม่ดีเท่าที่เคย กลับกันกับโอม แม้เขาจะเข้าพิธีวิวาห์กับจินฮยอก แต่เขาและสมาชิกวงลูซิเฟอร์กลับพาวงไปในจุดสูงสุดของวง วงลูซิเฟอร์โด่งดังและเป็นที่รักของทุกคน เขาทำผลงานเพลงระดับตำนานได้ติดต่อกันถึงห้าเพลงในเวลาห้าปี เรียกได้ว่าแม้โอมจะแต่งงานตั้งแต่เดบิวต์ แต่เขาไม่เคยทำให้เป็นอุปสรรคของลูซิเฟอร์เลยสักนิดเดียว

และการที่โอมประกาศตัวว่าเป็นเกย์ยิ่งทำให้ได้ใจกลุ่มคนหลากหลายทางเพศและผู้สนับสนุนมากขึ้นไปอีก มีไอดอลและนักแสดงทั้งชายหญิงที่กล้าเปิดเผยรสนิยมทางเพศของตนเองมากขึ้น ซึ่งเป็นอีกผลลัพธ์อีกหนึ่งอย่างที่โอมหวังให้เกิดขึ้นมากที่สุด แล้วมันก็เกิดขึ้นจริง ๆ เพราะโอม ความโด่งดังทำให้โอมได้ยินเสียงแฟลชกล้องจนชิน ยิ่งเคลื่อนไหวมากเท่าไหร่ คนก็ให้ความสนใจในทุก ๆ ก้าวของโอมมากเท่านั้น

วันนี้โอมมาออกรายการที่ประเทศบ้านเกิดที่สัมภาษณ์คนในวงการบันเทิงทั่วไป โอมโบกมือทักทายแฟนคลับและพิธีกรสาวสวยเก่ง ‘แมลงปอ’ ด้วยความร่าเริง

“เรียกได้ว่าตอนนี้ ทั้งวงลูซิเฟอร์และคุณโอมก็กำลังทำผลงานเพลงใหม่อยู่ ขอแง้ม ๆ ให้พวกเราทราบหน่อยได้มั้ยคะ ว่าเพลงที่กำลังจะออกมันเกี่ยวกับอะไร” แมลงปอเอ่ยถามตามสคริปต์ที่เตรียมไว้ โอมพยักหน้าแล้วตอบคำถามอีกฝ่าย

“ก็ตอนนี้อย่างที่ทุกคนรู้กันนะครับว่า เพลงครบรอบหกปีของลูซิเฟอร์เนี่ย ก็มีคุณชาร์ลี จอห์นสัน มาร่วมผลงานด้วย” พูดถึงนักร้องชาวอเมริกาชื่อดัง แฟนคลับก็กรีดร้องขึ้นมาดัง ๆ โอมหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อ “ก็อยากจะฝากผลงานเพลง ‘Not forgive , Not forget’ ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะครับ”

เสียงปรบมือดังขึ้น แมลงปอถามคำถามต่อไป

“แค่ได้ฟังก็ตื่นเต้นแล้วใช่มั้ยทุกคน” แทนคำตอบ ทุกคนกรี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง “คำถามต่อไปเนี่ย เป็นอีกคำถามที่ทุกคนอยากรู้มาก ๆ เลย ทั้งคุณโอมและทั้งวงลูซิเฟอร์ตอนนี้ก็มีผลงานมากมายนะคะ และเป็นที่รักของพวกเราทุกคนเลย คุณโอมมีทั้งความรักที่ดี มีหน้าที่การงานที่ดี อยากรู้ว่า คุณโอมมีเคล็ดลับอะไรที่ทำให้คุณโอมประสบความสำเร็จในทุก ๆ ด้านอย่างนี้คะ” 

ถ้าจำไม่ผิด คำถามนี้ไม่ได้อยู่ในสคริปต์...

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา โอมบีบมือเข้าหากันเบา ๆ หนึ่งครั้งแล้วตอบคำถามอีกฝ่ายอย่างมั่นใจ “ก็ต้องบอกคุณแมลงปอก่อนว่า ผมอยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ ผมร้องเพลงไปประกวดที่ไหนก็ชนะรางวัลที่หนึ่งทั้งนั้นเลย แต่พอจะเอาดีทางด้านนี้พ่อแม่เขาก็ไม่ได้สนับสนุนครับ ครอบครัวเรามีพี่น้องสี่คน แต่เราอยู่ในบ้านทาวน์เฮ้าส์หลังเล็ก ๆ เนี่ยแหละครับ ไม่ได้มีเงินทองพอจะส่งเสียเรียนร้องเพลงจริงจังด้วยซ้ำ แต่พอโอมโตมาลองไปออดิชั่นเรื่อย ๆ จนค่ายเพลง KK Ent. สังกัดปัจจุบันของลูซิเฟอร์ให้โอกาสโอมครับ”

โอมพักหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

“ส่วนเรื่องคุณจินฮยอก อันนี้เป็นผลพลอยได้จริง ๆ ครับ” โอมพูดแล้วหัวเราะกับแมลงปอและคนในห้องส่ง “โอมว่า ถ้าเราจริงจัง มุ่งมั่นตั้งใจ และกล้าที่จะทำตาม เอ่อ...”

จากที่พูดเป็นน้ำไหลไฟดับ จู่ ๆ ก็เหมือนหัวสมองของโอมหมุนตื้อกะทันหัน เขากุมศีรษะทีปวดจี๊ดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย มันเหมือนกับคำ ๆ หนึ่งมันขาดหายไป...ว่าแต่มันเป็นคำว่าอะไรนะ ?

โอมรู้สึกปวดที่หน้าอก ปวดร้าวทรมานเหมือนหัวใจถูกค้อนทุบเหลวแหลกไม่มีชิ้นดี มือเย็น ๆ ของใครสักคนแตะที่แขนของโอม แม้ว่าสมองของเขาจะยังคงปวดจี๊ด แต่เขาก็นึกคำนั้นออกแล้ว

“กล้าที่จะทำตาม...เอ่อ ความฝัน!”

ทันทีที่พูด ‘คำนั้น’ ออกมา พลันทุก ๆ สิ่งที่เห็นข้างหน้าถูกใครบางคนทุบให้แตก มือใหญ่ของใครคนนั้นฉีกภาพที่โอมเห็นเป็นสองส่วนต่อหน้าต่อตาท่ามกลางน้ำตาที่ไหลริน โอมจำทุกอย่างได้แล้ว จำได้ทุก ๆ อย่าง! 

เหมือนมีพายุที่มองไม่เห็นดูดโอมขึ้นไปบนฟ้า เขาร้องสุดเสียงจนแทบจะกรีดร้อง เขารู้สึกปวดร้าวทั้งกายและใจ ใครก็ได้ช่วยเขาด้วย ยูจิน ... แมลงปอก็ได้ หรือจินฮยอก พี่ช่วยผมด้วย!

และความเจ็บทั่วร่างกายก็พลันสลายไป…

เมื่อโอมสะดุ้งตื่น!

เขายังรู้สึกปวดหนึบศีรษะอยู่เล็กน้อยและอ่อนเพลีย ทันทีที่ได้สติ เขาหันซ้ายขวาหาจินฮยอกด้วยน้ำตาที่ไหลมาจากตอนไหนไม่ทราบได้ และแล้วเขาก็เจอจินฮยอก แต่เมื่อพบเจอจินฮยอกกลับทำให้โอมปวดร้าวหัวใจขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่าย

จินฮยอกอยู่บนโปสเตอร์ที่แปะฝาผนังห้องนอนห้องเดิมของเขา…

ห้องนอนเก่า ๆ ที่เขาเกลียดนักหนา ห้องนอนที่เขาต้องนอนบนฟูกเก่า ๆ แข็ง ๆ จนเจ็บหลัง จินฮยอกยังเป็นผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่โอมรัก ผู้ชายที่เป็นนักแสดงชื่อดังที่มีหน้าหวาน ๆ ขัดกับรูปร่างเซ็กซี่ ผู้ชายที่ทำให้โอมหึงยามเห็นชาวเน็ตพูดถึงเรือนร่างชวนฝัน แต่ต่างกันที่จินฮยอกไม่ได้รักโอม ไม่เคยแต่งงานกับโอม เขาทั้งสองไม่เคยเจอกัน เขาไม่เคยเจอโอมด้วยซ้ำ!

เรื่องทั้งหมดที่ผ่านมาหกปี...เขาฝันไปทั้งหมด!

โอมรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าจนชา เขาน้ำตาไหลออกมาหนักกว่าเดิม ก่อนที่เขาจะสะอื้นไห้ เขากรีดร้องแล้วฉีกโปสเตอร์จินฮยอกด้วยความเจ็บปวด สิ่งที่เขาหวงแหน สิ่งที่เขาสร้างมาตลอดห้าปี มันไม่เคยเกิดขึ้นด้วยซ้ำ

“ไม่จริง ไม่จริง! พี่จินฮยอกพี่อยู่ไหน พี่อยู่ไหน! ฮือ” โอมทรุดลงกับพื้นพร้อมกับทุบตีตัวเองเหมือนคนบ้า เขาไม่ได้สติอะไรแล้วด้วยซ้ำในตอนนั้น ได้ยินเสียงพ่อแม่ของเขาดังขึ้นพร้อมกับจับตัวเขาแต่โอมไม่ได้ยินอะไรแล้ว เขาดิ้นรนขัดขืนเหมือนคนบ้า ก่อนที่ภาพทั้งหมดจะดับไปราวกับทีวีที่ถูกชักปลั๊ก


 

คนหลายคนเกลียดฝันร้าย

แต่โอมเกลียดฝันดี...เกลียดที่ต้องตื่นมาแล้วรู้ว่ามันเป็นเพียงความฝัน

เวลาห้าเกือบจะหกปีที่โอมใช้ชีวิตในความฝันแสนหวาน แท้จริงแล้วเวลาผันผ่านไปเพียงสองวันเท่านั้นเอง พ่อแม่และพี่ชายทั้งสามของเขาคิดว่าโอมเพียงจะแค่นอนหลับพักผ่อนเหมือนเดิม แต่แท้จริงแล้วโอมนั้นกำลังใช้ชีวิตอยู่อีกโลกใบหนึ่งต่างหาก...โลกที่ไม่มีจริง

ในขณะที่โอมกำลังนอนเหม่อลอยอยู่บนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาลจิตเวชของรัฐ ใครบางคนก็ปรากฎตัวขึ้นในเงามืด โอมรู้สึกได้ถึงคนคนนั้น คนที่ทำให้เขาต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้

“คุณทำอย่างนี้ทำไม” เป็นครั้งแรกที่โอมยอมพูดกับใครสักคนตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลมาสามวัน ร่างของหญิงสาวตาสีเหลืองอำพันสว่างเดินเข้ามาในชุดนางพยาบาลขาวบริสุทธิ์ หล่อนลูบหัวโอมแล้วยิ้มมุมปาก

เธอคนที่โอมเห็นหน้าเวทีแสดงสดครั้งแรก...

“ฉันเคยเตือนเธอแล้ว ตั้งแต่ที่เราทำข้อเสนอกัน เธอนั่นแหละที่เป็นคนทำลายทุกอย่างเอง” หญิงสาวที่โอมไม่รู้จักชื่อพูดแล้วหัวเราะเบา ๆ โอมบีบมือแน่นด้วยความแค้นใจแล้วนึกถึงเรื่องราววันนั้น

“แลกได้ไหมล่ะ ความจริงทุกอย่าง แลกกับความสุขจำแลงที่ไม่จีรัง” หญิงสาวในชุดดำรัดรูปเน้นเรือนร่างเย้ายวน หล่อนยิ้มหวานให้โอมที่กำลังมองดวงตาสีอำพันของเธอด้วยความสนใจ ตั้งแต่ที่เจอเด็กหนุ่มคนนี้ หล่อนเห็นสิ่งที่หล่อนต้องการในดวงตาโอมที่โกรธแค้นต่อโชคชะตาของตัวเอง เธอชอบมองแววตาของมนุษย์ที่ค้นพบเส้นทางแห่งความหวัง ยิ่งพวกเขาเดิมพันความฝันของตัวเองไว้สูงเท่าไหร่ ดวงตาของพวกเขายิ่งน่ามองมากขึ้นเท่านั้น

“ระหว่างความจริงที่ไม่มีความสุข กับความสุขที่ไม่ใช่ความจริง ยังไงผมก็ขอมีความสุขดีกว่า”

หญิงสาวไร้นามยิ้มอีกครั้ง เธอใช้นิ้ววนขอบแก้วใสที่บรรจุน้ำสีม่วงที่เรืองแสงได้ เธอยื่นแก้วน้ำให้กับโอมก่อนจะมองนัยน์ตาเปี่ยมความหวังของเขา

“จำคำฉันไว้ให้ดี เวลาคนเราฝันแล้วรู้ตัวเมื่อไหร่ว่าเราฝัน เมื่อนั้นเราจะตื่น”

อีกรอบที่โอมน้ำตาไหลรินออกมา แต่คราวนี้เป็นการยอมรับความพ่ายแพ้ของตน “ผมขอโอกาสให้ได้ฝันอีกครั้งได้ไหม ขอความสุขแบบเดิม จะเอาชีวิตผมไปเลยก็ได้”

หญิงสาวลึกลับส่ายหน้า ปิดประตูแห่งความสุขของโอมไปชั่วกาล โอมสะอื้นไห้เบา ๆ อย่างเดียวดายบนเตียงดังเคย หวังเล็ก ๆ ว่าจะมีผู้ชายที่ตนรักกลับมากอดเขา แต่ไม่มี...


 

โอมเลือกที่จะหลับฝันไปตลอดกาล ทิ้งไว้เพียงสเตตัสไว้อาลัยจากคนใกล้ตัวในเฟซบุ๊ค

หญิงสาวคนนั้นฉายแววตาเศร้า เธอไม่เคยรู้สึกดีใจที่ต้องเป็นคนยื่นความหวังที่ดับได้ทุกเมื่อให้กับมนุษย์ เธอคิดว่าความฝันของมนุษย์สวยงามเสมอ แม้มนุษย์จะโหดร้าย แต่มีบางกลุ่มที่จิตใจงดงามเฉกเช่นแววตาที่ประกายไปด้วยความหวัง เธอเองก็หวังไว้ในใจว่าขอให้เด็กหนุ่มคนนี้เป็นเหยื่อรายสุดท้าย...

แต่เธอก็ทำได้เพียงหวัง มันเป็นหน้าที่ของเธอที่ต้องหยิบยื่นความหวังอันตรายให้กับหญิงวัยกลางคนที่เธอเข้าไปคุย เธอคนนั้นมีบุตรไม่ได้และฝันอยากจะมีบุตรเป็นของตนเอง หญิงสาวไร้นามกล่อมให้เธอหลับ เธอเฝ้ามองหญิงสาวคนนั้นจนเธอหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข หญิงสาวไร้นามและที่มาเบือนหน้าหนี เธอรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เหยื่อคนสุดท้ายของเธออย่างแน่นอน ก่อนที่ร่างของเธอจะหายไปในความมืด

ใครบางคนเคยบอกว่า ฝันเป็นจริงได้หากเราพยายามมากพอ

หารู้ไม่ว่าฝันของบางคนราคาแพง ไม่ผิดเลยที่พวกเขาจะฝัน ไม่ผิดที่คนเราพยายามทำฝันให้เป็นจริง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถมีความฝันที่เป็นจริงได้ ยิ่งแล้วใหญ่กับประเทศที่ไม่มีพื้นที่ให้กับผู้มีเรื่องราวอีกหลายอย่างที่เล่าได้เพียงการถ่ายทอดมันลงบนงานศิลปะ

ก่อนที่จะหายไปในมุมมืด หล่อนพึ่งตระหนักได้อย่างหนึ่ง

หากความฝันและความหวังทำให้มนุษย์ดำรงอยู่ ก็ยังคงมีผู้ถูกความฝันและความหวังทำร้ายเช่นกัน

ความจริง...ความฝัน แท้จริงแล้วสิ่งใดกันที่ทำร้ายเรา ?


 

...... จบ .......

 

สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นที่เราแต่งส่งอาจารย์ในรายวิชานวนิยายและเรื่องสั้น

รวมถึงเป็นหนึ่งในเรื่องสั้นในหนังสือรวมเรื่องสั้นเรื่อง

นาฏกรรมโบขาวกับระบำดอกไม้บานบนถนนสายหิ่งห้อย ในปี 2020 ด้วย

ก็หวังว่าจะเป็นเรื่องที่สร้างความสนุกสนานให้กับทุกคนได้นะครับ

ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนเลย