Sunzu Haruchiyo x Hanagaki Takemichi

 

 

 

ฮารุจิโระพูดไม่เก่ง ไม่เคยยิ้ม ไม่เคยหัวเราะ บางทีผมอาจจะเป็นคนไร้ความรู้สึกหรือเปล่านะ ก็ไม่แน่ใจ ผมไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องแปลกอะไร แต่มันก็ไม่มีปัญหากับการใช้ชีวิตหรอกนะ ใครสนกันล่ะ จนผมได้เจอกับใครคนหนึ่งที่ทำให้ผมยิ้มได้ครั้งแรก เขาชื่อทาเคมิจิ

ทาเคมิจิเป็นสมาชิกหนึ่งในแก๊งโตมันที่เข้ามาได้ไม่นาน ผมไม่ได้พูดคุยอะไรกับเขาเท่าไหร่นักในช่วงแรก เขาเหมือนคนทั่วไปที่เป็นธาตุอากาศสำหรับผม ไม่ได้ให้ความสนใจ

จนวันนั้นศึกกับแก๊งบารุฮาระ เจ้าตัวพยายามที่จะช่วยบาจิ และเป็นตัวช่วยให้ทุกคนฮึดสู้ในช่วงสุดท้าย ผมได้มองเขาเปลี่ยนไป ผู้ชายตัวเล็กคนนั้นทั้งที่ไม่เก่งเรื่องการต่อยตี มีจิตใจแข็งเกร่งมาก น่าประทับใจจริงๆ เลยนะ

ตั้งแต่วันนั้นมาผมก็รู้สึกสนใจเขา คอยเฝ้ามอง การเปลี่ยนแปลงของอีกคน

ผมไปโรงเรียนตามปกติ เป็นเด็กก็ยังต้องไปเรียนล่ะนะ ผมเบื่อการไปโรงเรียนมาก ไม่ใช่เพราะการเรียนหนังสือ แต่เป็นพวกคนแก่ที่ยัดเหยียดค่านิยมตัวเองให้คนอื่น มันน่ารำคาญ

ผมเพิ่งย้ายเข้ามาโรงเรียนนี้ได้ไม่นาน ยังต้องปรับตัวหลายๆ อย่าง

“ซันสุ อาจารย์เรียกพบนาย”

ใครสักคนในห้องพูดกับเขา ผมพยักหน้าก่อนจะเดินออกไป

“ขอบใจสักคำก็ไม่มี นิสัยแบบนี้ใครจะอยากไปคบด้วย” น้ำเสียงแดกดัน

“ไม่เอาน่า เดี๋ยวเพื่อนได้ยินนะ”

เพื่อนอีกคนพูด เห่อะ แล้วยังไงล่ะ ใครเขาสนพวกนายกัน ไม่มีเพื่อนก็ชั่งหัวมันสิ ผมเดินไปหาอาจารย์ที่หน้าห้อง

“มาแล้วเหรอ ฉันไม่รู้จะเอายังไงกับนายดี เรียนก็พอได้ แต่มนุษย์สัมพันธ์แย่แบบนี้จะไม่มีเพื่อนเอานะ แล้วก็ไปฝึกยิ้มมาด้วย เพื่อนจะได้เข้าหา”

“ชื่อเพื่อนในห้องก็จำไม่ได้ ไปจำเพื่อนในห้องมาแล้วมารายงานด้วย ไม่ไหวจริงๆ เลยนะ”

ฮารุจิโยะนิ่งเงียบก่อนจะพยักหน้าไปส่งๆ ไม่ได้ใส่ใจ ก็เขาเป็นแบบนี้ จะให้ทำไงได้ ทำไมพวกตาแก่ต้องจู้จี้นัก

“ไปได้แล้ว” ผมกำลังเดินกลับไปห้องแต่ก็ต้องชะงักเท้า เมื่อเห็นทาเคมิจิกำลังเดินสวนกัน

อยู่โรงเรียนเดียวกันด้วยเหรอ ทำไมไม่เห็นรู้

“อ่าว ซันสุคุง สวัสดีครับ” ทาเคมิจิเอ่ยทักทาย

“อือ”

“เพิ่งเคยทักครั้งแรกเลย เห็นซันสุคุงเมื่อไม่นานนี้เอง เพิ่งย้ายเข้ามาสินะครับ”

 

ติ๊งต๊อง~

 

เสียงคาบเรียนกำลังจะเริ่มดังขึ้น “อ่าา ผมไปก่อนนะค้าบ” ผมมองอีกคนโบกมือยิ้มสดใสก่อนจะวิ่งไป

เขายังไม่ทันได้พูดลาเลย ชั่งมันเถอะ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าอยู่โรงเรียนเดียวกัน แถมถัดไปแค่สองห้องเอง บังเอิญจริงๆ เลยนะ

วันๆ หนึ่งการมาเรียนไม่ได้มีอะไรมาก จนเลิกเรียนแล้ว ผมกำลังจะกลับหอพักก็เจอเข้ากับทาเคมิจิอีกครั้ง

“มาแล้วเหรอซันสุคุง ผมกำลังรออยู่เลย”

รอเขาเหรอ รอทำไมกันล่ะ

“มีอะไร” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยถามบุคคลตรงหน้า

“ผมรอกลับพร้อมซันสุคุงน่ะ”

เมื่อทาเคมิจิเห็นซันสุนิ่งเงียบก็ใจแป้ว อ่า คงไม่อยากเป็นเพื่อนกับคนห่วยๆ แบบเขาสินะ

“อ เอ่อ งั้นผมกลับก่อนดีกว่า ไว้เจอกันที่แก๊งนะ”

คนตัวเล็กหน้าเสียเล็กน้อย

“กลับด้วยกัน”

ดวงตากลมฟ้าหันมามอง รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“อื้อ!”

เขาก็ไม่รู้ทำไมถึงพูดไปแบบนั้น ท่าทีหงอยๆ นั้น ทำเอาดูน่าสงสาร ใครจะไปปฏิเสธได้

“นี่ๆ ซันสุคุงนั่งรถไฟฟ้ากลับใช่ไหม วันนั้นผมเห็นแต่ว่าผมลงป้ายก่อนซันสุคุงอดเข้าไปทักเลย ไว้มาโรงเรียนด้วยกันนะ”

อีกฝ่ายพูดจ้อไม่หยุด แต่ก็ไม่ได้รำคาญหรอกนะ

 

 

จากวันนั้นพวกเขาก็ไปกลับโรงเรียนด้วยกันบ่อยขึ้น จนเริ่มเป็นความเคยชิน เมื่อเจอกันที่แก๊งก็ทักทายบ้างนิดหน่อย ไม่ค่อยได้คุยเท่าไหร่

เนื่องจากอีกฝ่ายอยู่กับพวกหัวหน้าหน่วยเสียเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะไมกี้หัวหน้าของพวกเขา

งานประชุมแก๊งจบลง คนแต่ละหน่วยแยกย้ายสลายการชุมนุม ซันสุเดินไปยังรถมอไซค์คู่ใจของตน ก้าวขาคร่อมสตาร์ทรถ สายตามองไปยังคนตัวเล็กที่ก้มหัวโค้งไมกี้ และกำลังวิ่งมาทางผม

“ซันสุคุงง ผมกลับด้วยสิ่”

“ปกติกลับๆ ไมกี้ไม่ใช่รึไง”

“อือ วันนี้ไม่ได้กลับ ผมไปด้วยได้หรือเปล่า”

เขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่ด้วย ยังไงก็ทางเดียวกัน

“จะกลับก็ขึ้นมา”

“ขอบคุณค้าบ ผมไปแล้วน้า” ทาเคมิจิโบกมือลาพวกท็อปโตมัน

“ขับกลับกันดีๆ นะเว้ย” ดราเค่นคุงตะโกนบอก

“แกใส่หมวกกันน็อกด้วย อ่ะ เอาไป”

ซันสุถอดหมวกกันน็อกตัวเองโยนใส่มือทาเคมิจิอีกฝ่ายใจหายวูบ เกือบรับไม่ทัน

“ผมไม่ใส่ก็ได้นะ ซันสุคุงใส่เถอะ”

คนตัวเล็กพูดตามความคิด มาขอติดรถกลับแล้วยังให้อีกคนให้หมวกอีก เกรงใจอะ

“เรื่องมาก ใส่ไป”

ซันสุมองทาเคมิจิบุยปาก มันน่าหมั่นไส้จริงๆ แค่ใส่มันจะอะไรนักหนา

“ใส่ก็ด้าย” เมื่อใส่เรียบร้อยทาเคมิจิก็นั่งซ้อนท้ายก่อนที่รถจะออกตัว

 

ทางด้านท็อปโตมันที่เห็นทั้งสองคนออกไปแล้วก็พูดขึ้น

“ให้ไปกับซันสุจะดีเหรอ ปกติแกก็ไปส่งไม่ใช่หรือไง” เป็นมิทสึยะที่พูดขึ้นมา

“ก็เจ้าตัวไม่อยากให้ไปส่งนิ่หว่า ทำไงได้” ไมกี้พูด

“พักนี้สองคนนั้นดูสนิทกันนะ” ดราเค่นพูดตามที่เห็น

“อือ สนิทมากเกินไป”

ไมกี้น่ะเป็นคนหวงเพื่อนอะไรที่เป็นของตนเองก็ไม่ยอมแบ่งคนอื่น ยิ่งเป็นคนในครอบครัวหรือคนสำคัญยิ่งไม่ชอบใจ แต่ครั้งนี้ก็ทำไรไม่ได้ล่ะนะ เป็นความต้องการของทาเคมิจิเอง

“เห้อ เราก็ไปกันเถอะ”

 

ท้องถนนตอนนี้โล่งมาก อาจจะเพราะดึกมากแล้วไม่มีรถคันไหนผ่านมาเท่าไหร่ มีเพียงรถของพวกเขา

“บรรยากาศดีจัง” สองแขนเล็กยกขึ้นรับลม

“…”

“ผมว่านะ ก่อนกลับเราไปสะพานดาวกันไหม ที่นั่นสวยนะผมชอบมากเลย”

“…”

ซันสุไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ผมว่าจริงๆ เขาก็ได้ยินหละ รถเลี้ยวเส้นทางไปไปยังสะพานดาว ผมยกยิ้มเบาๆ ซันสุคุงเนี่ยใจดีจริงๆ เลยน้า

ซันสุคุงมักจะเป็นแบบนี้เสมอเลย พูดน้อย ท่าทีเหมือนไม่สนใจใคร แต่ว่าชอบตามใจใส่ใจเก่งมากเลยล่ะ สองล้อหมุนมุงไปยังสถานที่ปลายทาง เส้นทางนี้ค่อนข้างสลัวเนื่องจากมีไฟน้อย

 

เอี๊ยดด!!

 

เสียงรถเบรกกระทันหันเสียงดังรอบบริเวณ ทาเคมิจิตกใจแขนกอดรอบเอวซันสุแน่นกลัวตกจากรถ

 

ฟู่วว

 

เกือบไปแล้วเรา เมื่อกี้ยกมือรับลม

“เป็นอะไรไหม”

“ตกใจนิดหน่อย ทำไมเบรกละครับ” ทาเคมิจิถามข้อข้องใจ

“หมาจรจัดน่ะ โทษที”

“ไม่เป็นไรครับ” หมาเหรอ อันตรายนะเนี่ย ทางมืดซะด้วย แต่โชคดีที่ไม่ได้ขับไวมาก โชคดีกันจริงนะเราทั้งคนทั้งหมา

“ไปต่อแล้วนะ”

“ค้าบผม”

“จะปล่อยฉันได้แล้วยัง” หืมม ผมเอียงคองง เอ๊ะ..ผมกอดซันสุคุงซะแน่นเลย ตึก ตึก ตึก

“ผ ผมขอโทษครับ!” ผมรีบปล่อยแขนจากเอวซันสุคุง ก่อนอีกฝ่ายจะขับรถต่อ

 

ตึก ตึก

 

เสียงหัวใจมันไม่สงบเลย ไม่รู้เพราะตกใจหรือเพราะอีกคนกันแน่ หยุดเดี๋ยวนี้นะ ใจเย็นทาเคมิจิ เมื่อกี้ผมกอดซันสุคุงอะ

“ถึงแล้ว”

เอ๊ะ ถึงแล้วเหรอไม่รู้ตัวเลยแหะ ทั้งสองลงก่อนจะนั่งพิงรถ

“สวยจังเลยครับ”

ทาเคมิจิมองไปยังดาวบนท้องฟ้าที่สว่างไสวก่อนจะยิ้มออกมา ผมน่ะอยากมากับคนที่ชอบนานแล้ว

“อืม สวยจริงๆ”

เสียงซันสุคุงพูดอยู่ใกล้จนทำให้ผมต้องหันไปมอง ก็เห็นเขามองผมอยู่ก่อนแล้ว อีกฝ่ายไม่ได้ใส่ผ้าปิดปากแล้ว รอยแผลเป็นตรงมุมปากนั้นเท่จริงๆ สำหรับผม และซันสุคุงกำลังยิ้มให้ผมครั้งแรก

 

และผมก็ได้ตกหลุมรักเขาอีกครั้ง

 

ผมมองคนตัวเล็กกว่าผมเล็กน้อยที่อยู่ตรงหน้า

 

“อืม สวยจริงๆ”

 

หมายถึงนายน่ะ สวยจริงๆ ทาเคมิจิเป็นเหมือนดวงดาวจริงๆ นั่นหละ เป็นแสงสว่าง ช่างงดงาม ยิ่งได้อยู่ใกล้ ยิ่งรู้สึกหวั่นไหว อยากครอบครอง

ซันสุมองคนข้างๆ ที่อยู่ก็หน้าแดง ก็อดเอ็นดูไม่ได้ น่ารักจังว่ะ

“นี่ทาเคมิจิ”

“ค ครับ”

“พรุ่งนี้ขอไปรับแกที่บ้านนะ” คนตัวเล็กทำหน้าแมวงง

“ได้ไหมได้ครับ จะจีบครับ” ซันสุทำหน้าจริงจัง

“อื้ออ ก็มาสิครับ!” ทาเคมิจิเขินมุดหน้ากับแขนไปแล้ว

 

 

 

 

แถม

“มึงว่าซันสุมันพูดมากกว่าเดิมปะวะ”

“อืม ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอวะ”

“แค่กับแฟนมันไง กับพวกเรายังเหมือนเดิม” เสียงคนในหน่วยพูดนินทาคู่รักข้าวใหม่ปลามันของแก๊ง

“ไม่ใช่ทาเคมิจิก็เหนื่อยหน่อยนะ” ซันสุพูดเย้ยก่อนจะโดนปาของใส่ด้วยความหมั่นไส้

 

 

end