12 ตอน ตอนที่ 11 ชาบูกับพี่ปลื้ม
โดย อัญมณีสีน้ำเงิน
ตอนที่ 11 ชาบูกับพี่ปลื้ม
วันนี้เป็นวันที่พี่ปลื้มนัดผมให้ไปกินชาบูด้วยกัน ซึ่งผมก็มากินกับพี่ปลื้มตามสัญญา ร้านที่พี่ปลื้มพามาเป็นร้านชาบูแบบพรีเมียม เอาจริงมันก็ไม่บ่อยนักที่ผมจะกินอะไรแพงขนาดนี้ เพราะช่วงหลายปีที่ผ่านมาผมพยายามเก็บเงิน มีหาความสุขให้ตัวเองบ้าง แต่ก็ไม่ใช่มื้อละหลักพันแบบนี้
“ไอ้โด้มันยังอวยฉากเมื่อวานไม่จบเลย ดูท่าทางมันจะปลื้มน่าดู มันบอกว่าจะเป็นฉากขายดีของเรา”
ระหว่างที่กินไป ผมกับพี่ปลื้มก็พูดคุยกันไปด้วย ผมสังเกตว่าเดี๋ยวนี้พี่ปลื้มพูดกับผมเยอะขึ้น แถมผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าพี่ปลื้มดุมากเหมือนที่รู้สึกเมื่อก่อนแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะเราคุ้นเคยกันมากขึ้นผมเลยเลิกกลัวเขา หรือเพราะเขาเองที่เลิกทำท่าทีขึงขังใส่ผม
“พี่โด้เขาจะรู้ไหมครับ ว่าเราทำกันจริง ๆ”
“ไม่รู้สิ แต่มันไม่สนใจหรอก ต่อให้ทำจริง แต่ถ้างานออกมาดี มันก็ไม่ว่า”
“เอ่อ มันทำกันได้เหรอครับ”
“เราก็ทำไปแล้ว”
ผมไปต่อไม่ถูก เราทำกันไปแล้วจริง ๆ เราเล่นฉากเซ็กซ์แบบมีเซ็กซ์จริง ๆ ต่อหน้าทุกคนไปแล้ว
“ไม่ต้องกังวล คนที่อยู่ในตอนถ่ายทำมีไม่กี่คนเอง แล้วทุกคนก็ไว้ใจได้ ส่วนเรื่องภาพที่ออกมา ถ้าโด้มันจะอยากให้สมจริง แต่มันจะถ่ายทอดออกมาในมุมของหนังอีโรติก คนดูดูไม่ออกหรอกว่าเราทำกันจริง ๆ”
“อ่า ถ้าแบบนั้นก็โอเคครับ”
“แต่ถ้ารู้ว่าทำจริง เผลอ ๆ คนดูคงฟินกว่าเดิม”
“ได้ที่ไหนล่ะครับ”
“ฮ่า ๆ ๆ”
ผมทำหน้างอ ทำเอาพี่ปลื้มหลุดขำออกมา รอยยิ้มกับการขำของพี่ปลื้มทำเอาผมชะงัก และเมื่อเห็นผมชะงัก เขาก็ชะงักตาม
“ทำไม”
“พี่ปลื้มขำเป็นด้วย”
“คนที่ไหนจะขำไม่เป็น”
“อ่า นั่นสินะครับ”
ผมก็มัวแต่ตกใจจนลืมคิดไป คงเพราะพี่ปลื้มในมุมมองของผมดูดุมาก ๆ พอเห็นเขาขำแบบนี้ผมเลยไม่ชิน แล้วมันยังเป็นการขำที่เกิดจากผมอีก ผมยิ่งไม่ชินไปกันใหญ่เลย
“แล้วนี่ กะว่าเล่นเรื่องนี้จบ คิดจะเล่นอย่างอื่นอีกไหม” พี่ปลื้มชวนผมคุยต่อ นี่เรียกว่าแทบจะเป็นครั้งแรก ๆ ที่เราคุยกันเรื่องส่วนตัว เพราะปกติเราสองคนจะคุยกันแค่เรื่องงานเท่านั้น
“ไม่แล้วละครับ จริง ๆ ความฝันผมไม่ใช่นักแสดงหรอกครับ ผมอยากเป็นผู้กำกับแบบพี่ปลื้ม แต่ก่อนจะเป็นผู้กำกับ ความฝันที่ใกล้สุดที่ผมอยากทำตอนนี้คือเรียนต่อครับ”
“จะต่อโทเหรอ”
“ครับ เลยมาเล่นเรื่องนี้ เพราะอยากได้เงินค่าเทอม”
“แล้วระหว่างเรียนยังจะทำงานเขียนบทกับทำสวัสดิการกองเหมือนเดิมไหม”
“อยากทำครับ อยากได้เงิน ชอบบรรยากาศในกองด้วย แต่ก็ต้องดูอีกทีว่าเรียนหนักมากไหม แต่ยังไงก็ต้องหางานทำไปด้วยแหละครับ ไม่คิดว่าพี่ปลื้มจะรู้ด้วยว่าผมทำงานอะไรมาก่อน”
ผมแปลกใจเหมือนกันที่พี่ปลื้มรู้ ผมเองก็เคยทำงานในกองที่พี่ปลื้มเป็นผู้กำกับ แต่ตอนนั้นผมก็ทำตำแหน่งเล็ก ๆ ไม่คิดว่าพี่ปลื้มจะเคยเห็นผม แล้วก่อนหน้านั้นผมก็ไม่รู้ว่าพี่ปลื้มเคยรู้จักผมเป็นการส่วนตัวรึเปล่า
“ไอ้โด้บอก แล้วก็เคยเห็นเราในกองบ้าง”
“เคยเห็นด้วยเหรอครับ”
“อื้ม กองเราก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น แล้วก็พอจำได้ว่าเป็นน้องรหัสไอ้โด้”
“อ่อ ดีใจจังที่พี่ปลื้มจำผมได้ด้วย”
“แล้วเรารู้จักพี่มาตลอดเลยเหรอ”
ผมสังเกตว่าพี่ปลื้มกลับมาคุยกับผมด้วยคำว่าพี่กับเราเหมือนตอนนั้นที่เคยหลุดพูดมา พอพี่ปลื้มไม่ตั้งท่าทำตัวโหด คำพูดของเขาก็น่ารักไปด้วยโดยอัตโนมัติเลยแฮะ
“รู้จักครับ รู้จักตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว พี่ปลื้มดังจะตาย”
“ทำไมไม่เคยเห็นมาทักเลย”
“ไม่กล้าหรอกครับ ตอนนั้นพี่ปลื้มดูดุ จริง ๆ ก็ตอนนี้ด้วย ไม่สิ ๆ ตอนนี้ดูไม่ดุแล้วครับ”
“ถ้าไม่ดุแล้วก็ทักได้ ต่อไปเจอที่ไหนก็ทักได้”
“ขอบคุณครับ” ผมตอบรับด้วยรอยยิ้ม รู้สึกใจฟูขึ้นมาที่ได้ยินแบบนี้
ปกติพี่ปลื้มก็ดูมีเสน่ห์มาก ๆ ในสายตาผม แต่พอเขาใจดี พูดดีแบบนี้แล้วเขายิ่งดูมีเสน่ห์กว่าเดิมเป็นล้านเท่า ผมรู้สึกปลื้มเขาจัง
“แล้วเล่นเรื่องนี้จบ พี่ปลื้มจะเล่นอีกไหมครับ” ผมถามกลับบ้าง แต่ก็แอบสังเกตพี่ปลื้มไปด้วยว่าเขาดูอึดอัดไหมที่ผมถาม ซึ่งพี่ปลื้มก็ดูไม่อึดอัด แถมยังตอบกลับโดยทันที
“ไม่ละ ไม่ได้อยากเป็นนักแสดงเหมือนกัน แค่เรื่องนี้มันน่าสนใจเลยลองดู แล้วพี่จะเปลี่ยนสายไปกำกับหนังอาร์เต็มตัว เลยอยากลองแสดงดูสักเรื่อง”
“ต่อจากนี้จะทำหนังอาร์รัว ๆ เลยเหรอครับ”
“อื้ม ค่ายย่อยที่ TFC เปิดขึ้นมาก็เพื่อทำหนังอาร์โดยเฉพาะเลยละ ต่อไปก็คงได้เห็นผลงานพี่กับไอ้โด้รัว ๆ”
“แบบนี้ถ้านักแสดงแอบทำกันก็รู้หมดเลยสิครับ เพราะเคยทำมาแล้ว ฮ่า ๆ ๆ อุ้ย ขอโทษครับ”
ผมแกล้งหยอกพี่ปลื้ม ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าพี่เขาไม่ใช่เพื่อนเล่น แต่พี่ปลื้มก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังยิ้มเอ็นดู แล้วคีบคานิมิโซะที่เฝ้าย่างอยู่นานมาให้ผม
“ขอบคุณครับ พี่ปลื้มไม่กินเหรอครับ ย่างตั้งนาน”
“ไม่เป็นไร กินเลย”
แล้วจากนั้นพี่ปลื้มก็ย่างนั่น ต้มนี่ให้ผมอีกเยอะแยะมากมายจนผมแอบเกรงใจ แต่ในความเกรงใจก็รู้สึกดีจนใจมันฟูไปหมด
ผมกินชาบูกับพี่ปลื้มจนเสร็จ พี่ปลื้มก็พาผมมานั่งเล่นที่ห้อง ห้องที่คุ้นเคยทำเอาภาพที่เราเคยมีเซ็กซ์กันในหลาย ๆ ครั้งผุดขึ้นมาในหัวผม แค่นึกถึง ร่างกายและจิตใจมันก็ปั่นป่วนขึ้นมาแบบดื้อ ๆ
“เหม็นควันจัง พี่อาบน้ำก่อนนะ จะอาบด้วยไหม”
“ผมไม่ได้เอาอะไรมาเลยครับ”
“มีชุดที่ซื้อวันนั้น”
พี่ปลื้มหมายถึงชุดที่เอาไปลองในห้องลองชุด พอนึกถึงวันนั้นผมก็เขินขึ้นมาอีก สรุปแล้วไม่ว่าจะนึกถึงเหตุการณ์ไหน มันก็จะมีภาพที่ผมเคยมีเซ็กซ์กับพี่ปลื้มผุดขึ้นมาตลอดเลยสินะ เพราะเราเคยทำกันมาแล้วทุกที่
“ผมใส่ได้เหรอครับ”
“มีแต่ไซซ์เรา จริง ๆ จะให้เราเอากลับไปด้วย เอาไง ตกลงจะอาบไหม”
“อาบก็ได้ครับ พี่ปลื้มจะได้ไม่เหม็นด้วย”
ผมพูดจบ พี่ปลื้มก็หายเข้าไปในห้องน้ำ ตอนแรกผมก็เข้าใจว่าพี่ปลื้มเข้าไปอาบน้ำ แต่แล้วเขาก็เดินออกมาในสภาพที่มีผ้าขนหนูพันช่วงล่างเหมือนตอนเข้าไปเป๊ะ
“เตรียมอ่างเสร็จแล้ว จะแช่ด้วยกันไหม”
“เอ่อ”
ผมเลิ่กลั่ก ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะไม่คิดว่าพี่ปลื้มจะมาชวนแช่อ่าง แต่แน่นอนว่าเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว ผมก็คงไม่คิดจะปฏิเสธครับ
“ว่าไง”
“แช่ครับแช่”
ผมกำลังนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ โดยมีพี่ปลื้มนั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง นี่เป็นสถานที่ที่ทำให้เกิดการฝึกครั้งแรก ผมจำได้วันนั้นเรานั่งแช่น้ำด้วยกันแบบนี้ แล้วพี่ปลื้มก็เข้ามาลูบไล้ร่างกายของผมจนผมมีอารมณ์ เหตุการณ์วันนั้นจบลงที่พี่ปลื้มใช้มือให้ผม แล้วครั้งต่อ ๆ ไปหลังจากนั้นเราก็ฝึกกันมากขึ้น มากขึ้น จนเลยเถิดไปไกล
“คิดอะไรอยู่”
“เปล่าครับ”
“จำที่เราแช่น้ำด้วยกันตอนนั้นได้ไหม”
ผมอุตส่าห์หลีกเลี่ยงที่จะพูด แต่พี่ปลื้มก็ดันพูดขึ้นมาซะงั้น คราวนี้ผมจะหนียังไงล่ะเนี่ย
“จำได้ครับ”
“ที่เราฝึกกัน นั่นใช่จูบแรกของเราไหม”
“ครับ ผมไม่เคยจูบ”
ผมสารภาพตามตรง พี่ปลื้มเองก็ดูไม่แปลกใจ เขาคงเดาได้จากการตอบกลับและท่าทีเงอะงะของผม ผมไม่รู้ว่าสำหรับพี่ปลื้มมันแปลกไหม ที่หนุ่มวัยยี่สิบห้าไม่เคยจูบเลย แต่ผมก็ไม่เคยจริง ๆ
“ไม่เคยมีแฟนเลยเหรอ”
“ไม่เคยเลยครับ”
“คนที่ชอบอยู่ด้วยกันตอนมหา’ ลัยล่ะ คนนั้นไม่ใช่แฟนเหรอ”
“ไม่ครับ ผมไม่เคยมีแฟนเลย ส่วนที่ชอบอยู่ด้วยกันคงจะเป็นเพื่อนมั้งครับ”
ผมไม่รู้ว่าพี่ปลื้มหมายถึงใคร อาจจะหมายถึงเพื่อนผมคนใดคนนึง เพราะผมไม่เคยมีแฟน แล้วถ้าจะนึกถึงคนที่ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย ๆ มันก็คงมีแต่เพื่อนนั่นแหละ
“อ่อ”
“ตอนมหา’ ลัยพี่ปลื้มรู้จักผมด้วยเหรอครับ อ่อ สงสัยจำได้ว่าผมเป็นน้องรหัสพี่โด้” ผมเดาคำตอบเอาเอง ซึ่งพี่ปลื้มก็เออออไปด้วย
เรานั่งแช่น้ำเล่นด้วยกันสักพัก มองออกไปที่หน้าต่างพบว่าตอนนี้ก็เริ่มใกล้เย็นแล้ว ปล่อยไว้นานกว่านี้รถคงติด ถ้าผมจะกลับก็ควรรีบกลับตอนนี้เลย แต่ผมยังไม่รู้สึกอยากกลับเท่าไรเลยแฮะ
“มองอะไร”
“เริ่มเย็นแล้วน่ะครับ ผมกลัวรถติด”
“งั้นจะกลับเลยเหรอ”
“อ่า...”
“หรือจะนอนที่นี่”
คำถามต่อมาของพี่ปลื้มทำเอาผมชะงักไป ผมหันไปมองพี่ปลื้มประมาณว่าผมทำแบบนั้นได้เหรอครับ ซึ่งพี่ปลื้มก็ตอบกลับด้วยการอุ้มผมขึ้นไปนั่งบนตัก ซึ่งมันทับแก่นกายของเขาพอดี ผมสัมผัสได้ว่ามันเริ่มแข็งขึ้นมาแล้ว
“เอาไง จะกลับหรืออยู่ต่อ”
พี่ปลื้มถาม ทั้ง ๆ ที่กำลังเอาแก่นกายถูร่องก้นผม เป็นการให้เลือกทางเลือกสองทางที่ต่างกันชัดเจน คือ กลับตอนนี้เพื่อหนีรถติด กับอยู่ต่อคืนนี้ แต่ก็น่าจะรู้ ๆ อยู่ว่าต้องทำอะไร เพราะมันมาจ่อที่ด้านหลังผมแล้วเรียบร้อย
“ผม อ่า อยู่ซ้อมบทกับพี่ปลื้มต่อได้ไหมครับ จริง ๆ มันก็ยังมีฉากที่ผมไม่มั่นใจ”
ผมตอบอ้อม ๆ โดยใช้งานมาอ้าง ซึ่งก็เป็นอันรู้กัน ว่าถ้าจะซ้อมงานต่อ มันก็หมายถึงต้องทำแบบนั้นกัน แล้วพอผมตอบไปแบบนี้ พี่ปลื้มก็ยกยิ้ม ก่อนจะกดเอวผมให้นั่งทับลงบนแก่นกายของตนเองทันที
“อ๊า”
“ถ้างั้นวันนี้คงต้องซ้อมเยอะหน่อยนะ เริ่มจากตอนนี้เลย”
“ครับ อ๊ะ พี่ปลื้ม ผม อื้อ”
แล้วผมก็ได้อยู่ซ้อมบทกับพี่ปลื้มต่อ แต่บทที่ซ้อมมันก็มีทั้งที่มีในหนัง แล้วก็ไม่มีในหนังด้วย เช่นที่โซฟา บนโต๊ะอาหาร หรือแม้กระทั่งริมระเบียง พวกนี้ในหนังมันไม่มีนะ ทำไมผมได้ซ้อมเยอะจังล่ะเนี่ย
แต่ตอนนี้จะบ่นก็ไม่ได้แล้วละ ก็ผมเองเนี่ยแหละ เป็นคนอยากจะซ้อมบทแล้วขออยู่ต่อเอง ตอนนี้ผมกลายเป็นคนใช้งานในทางมิชอบเต็มตัวแล้วละครับ
----------------------------------------------------
แต่งแล้วก็หิวนะ อยากซัดชาบู เฮ้อ
#ไหนว่าจะไม่เสียบกัน
Comments (0)