1 ตอน พัดสี อิส เดอะ ซัน ออฟ มนัสแอนด์กลอย
โดย yellowly
1. พัดสี อิส เดอะ ซัน ออฟ มนัสแอนด์กลอย
อากาศหน้าร้อนหลังจากปิดเครื่องปรับอากาศไปแล้วเกือบชั่วโมงทำเอาคนที่ยังนอนอยู่บนเตียงต้องดีดเอาผ้านวมผืนหนาที่หุ้มห่อตัวเองเป็นดักแด้มาทั้งคืนออก
พัดสีนอนแผ่อยู่ยนเตียงควีนไซซ์ของตน แม้ว่าจะรู้สึกตัวว่าต้องตื่นนอนเพราะเหงื่อชื้นที่หลังคอและตามข้อพับทำให้ไม่สบายตัว แต่เปลือกตาก็ยังคงปิดสนิทอยู่เพราะความง่วงปนเปไปความขี้เกียจ
"ฮือ ฮื่อ ฮือ งือ อือ ร้อนว่ะ" ชายหนุ่มร้องคราง บ่นอย่างไม่สบายตัวด้วยเสียงแหบในลำคอของคนยังไม่ตื่นนอนดี
เขาพลิกตัวนอนคว่ำลงกับเตียง ก่อนจะกลิ้งไปทางขวาหนึ่งทีเพื่อให้สามารถยันตัวลุกขึ้นนั่งและวางเท้าลงกับพื้นได้
ผ้าม่านหนาสีเข้มตรงหน้าช่วยกันไม่ให้แสงสว่างยามเช้าสอดส่องผ่านหน้าต่างข้างเตียงเข้ามาทำลายการนอนหลับอันไร้คุณภาพของพัดสีได้
ตาคู่กลมค่อยๆ หรื่ปรือมองผ้าม่านตรงหน้า กระพริบตาปริบๆ อีกหลายที ก่อนยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจจนได้ยินเสียงกระดูกลั่นกร๊อบแกร๊บให้รู้สึกสบายตัว หายใจเข้าออกลึกๆ อีกสามที กลายเป็นพัดสีผู้มีสติเกือบเต็มร้อย
เข็มนาฬิกาที่แขวนไว้ในห้องบอกเวลาใกล้จะเก้าโมง แม้พัดสีจะนอนใกล้ตีสองเช่นหลายๆ คืนที่ผ่านมา แต่การนอนเกือบครบแปดชั่วโมงก็นับว่าครบถ้วนในทางปริมาณ ส่วนทางคุณภาพก็ให้ฝากไว้ในมือหมอเมื่อปัญหาทางสุขภาพในอนาคตมาถึง
พัดสีลุกขึ้นเดินไปเปิดผ้าม่านและหน้าต่างห้องออกเป็นอย่างแรก บ้านของเขาเป็นบ้านชั้นเดียว ส่วนห้องนอนอยู่ทางหน้าบ้าน เมื่อเปิดหน้าต่างออกมาก็จะได้พบกันสนามหญ้าและสวนหน้าบ้าน และสายลมอุ่นๆ ของหน้าร้อนที่พัดเอากลิ่นชื้นของต้นไม้ใบหญ้าที่เพิ่งถูกรดน้ำมาด้วย
ปนเปไปทั้งความหอมสดชื่นและขื่นเขียว
โอเมก้าหนุ่มสูดกลิ่นหอมแปลกๆ ที่ว่านั่นเข้าเต็มปอด แคะขี้ตาตัวเองที่แทงหัวตาทำเอาคันอยู่ยิบๆ ก่อนหันไปหยิบเอาปลอกคอหนังเส้นเล็กที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งติดมือไปพร้อมกับผ้าเช็ดตัวที่ผึ่งตากอยู่บนหลังเก้าอี้ และเข้าไปอาบน้ำเพื่อลดความเหนอะหนะตัว
ไม่นานนักพัดสีก็ก้าวออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวพัดรอบเอว ในมือมีปลอกคอที่ถือติดมือเข้าไปแต่ไม่ได้ใส่ออกมา เพราะลืมคิดไปว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ และเขาจะอยู่แต่บ้านทั้งวัน นอกจากพ่อและแม่แล้วจะไม่มีใครได้เห็นหน้าพัดสีอีกในวันนี้
เนื้อตัวแห้งสนิทเพราะเช็ดแห้งออกมาก่อนแล้ว เขาก้าวเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบสุ่มๆ ชุดชั้นใน เสื้อยืดและกางเกงวอร์มขาสั้นออกมาใส่
พอแต่งตัวเสร็จก็ได้เวลาท้องร้อง
พัดสีหยิบโทรศัพท์มือถือที่ชาร์จไว้บนโต๊ะทำงานปลายเตียงเหน็บไว้กับขอบยางยืดของกางเกง เดินออกจากห้องนอนของตัวเองไปยังห้องครัวที่ในตู้กับข้าวน่าจะมีบางอย่างที่เขาสามารถยัดลงท้องได้ ได้ยินเสียงทีวีดังแว่วมาจากห้องนั่งเล่นที่พ่อกับแม่คงจะนั่งอยู่ด้วยกัน เขาจึงตักข้าวและราดกับข้าวมื้อเช้าที่เป็นแกงเขียวหวาน กุนเชียงทอดและน้ำพริกปลาทูใส่จานมาตามปริมาณที่อยากกิน ก่อนจะเดินถือจานข้าวไปนั่งกินที่ห้องนั่งเล่นกับพ่อและแม่
พ่อกับแม่เพียงแต่เปิดทีวีที่กำลังฉายข่าวเช้าอยู่ ส่วนตัวคนก็นั่งกันคนละมุมของโซฟารูปตัวแอล สายตาก็จดจ่ออยู่กับแท็บเลตคนละเครื่อง
สังคมก้มหน้าของผู้สูงวัยที่แท้
พัดสีหยิบรีโมททีวีขึ้นมากะว่าจะเปลี่ยนช่องไปดูการ์ตูนหรือช่องที่ฉายภาพยนตร์ยามเช้า แต่พอเขาจับรีโมท พ่อกับแม่ก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกันและเอ่ยห้ามเปลี่ยนช่อง
คนเป็นลูกชายถอนหายใจ วางรีโทลงที่เดิมและหยิบเอาโทรศัพท์มือถือที่เหน็บกางเกงออกมาวางไว้ข้างกันบนโต๊ะ และนั่งลงกินข้าวเช้าไปพร้อมกับข่าวช้างป่าถูกช็อตจากไฟที่รั่วจากเสาไฟฟ้า ตามมาด้วยข่าวสั้นๆ ว่ามีคนเจอฟูกที่นอนขนาดหกฟุตในแม่น้ำ และเล่าว่าก่อนหน้านี้เคยมีคนเจอตู้เย็น จักรยาน ด้วย
แม้จะเข้าช่วงโฆษณาแล้ว พัดสีก็ไม่สามารถจับรีโมทเปี่ยนช่องได้
"ก็มีแท็บเลตกันคนละจอแล้ว ทำไมพัดจะเปลี่ยนช่องทีวีไม่ได้เนี่ย" คนอาวุโสน้อยสุดในบ้านเอ่ยประท้วง
"แม่ฟังข่าวอยู่ไง" คุณกลอย ยอดคุณแม่เบต้าเอ่ยตอบเจ้าลูกชายโอเมก้า
"แม่ฟังที่ไหน เห็นก้มหน้าดูแต่ในจอ พ่อก็ด้วย"
"พ่อก็ฟังข่าว ตาดูจอ หูฟังทีวีไง" คุณมนัสเสริมทัพ แม้จะเอ่ยปากพูดกับลูก แต่อัลฟ่าวัย 55 ปีก็ยังไม่ละสายตาจากจอ ปลายนิ้วขีดเขี่ยเปะปะเหมือนเล่นเกมฟรุ๊ตนินจาแบบปิดเสียงไว้
พัดสีแกล้งถอนหายใจฟึดฟัด ตักข้าวคำโตที่มีทั้งหมูจากแกงเขียวหวาน กุนเชียงทอดหอมๆ และน้ำพริกปลาทูเข้าปากในคำเดียว ได้ยินเสียงพ่อกับแม่หัวเราะหึหึที่ชนะในศึกครั้งนี้ไปก็ยิ่งเคี้ยวข้าวในปากให้เสียงดังเป็ฯการประชด
ไม่รู้ทำไมตัวเองก็ไม่กล้าขัดใจพ่อกับแม่ แม้รู้ดีว่าสามารถทำได้ และพ่อกับแม่ก็คงทำได้แค่บ่นเมื่อเขาเปลี่ยนช่องไปดูรายการอื่นที่บันเทิงใจกว่า
สุดท้ายพัดสีก็นั่งกินข้าวไปดูโฆษณาไป จนกลับเข้ารายการข่าวอีกครั้ง เป็นข่าวโปรโมทการเปิดรับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือสัตว์จรจัดให้กับองค์กรหนึ่ง โดยมีการเอ่ยชื่อบริษัทมหาชนชื่อดังที่ขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับของใช้ทั่วไปที่ได้บริจาคเงินก้อนใหญ่ไปแล้วและมีโครงการที่จะแบ่งปันผลกำไรที่ได้มาบริจาคอีกในทุกๆ ปีด้วย เน้นย้ำเสียจนเขาคิดว่านี่คงเป็นการโฆษณาบริษัทมากกว่าชวนให้คนมาบริจาคเงิน
หลังจากนักข่าวพูดรายละเอียดในการบริจาคเงินแล้ว ก็พูดส่งเข้าสู่การให้สัมภาษณ์ของตัวแทนบริษัท ที่จู่ๆ พ่อและแม่ของเขาก็เงยหน้าขึ้นมาตั้งใจดูและฟังขึ้นมาเสียอย่างนั้น
พัดสีมองคนในจอที่อยู่ในเสื้อโปโลพอดีตัว เห็นยันแผงอกตึงแน่นพอดีเสื้อที่ทำให้โลโก้แบรนด์เสื้อเล็กๆ นั้นโดดเด่นขึ้นมาได้ กล้ามแขนแน่นจนแขนเสื้อตึง ใบหน้าคมคร้าม ดวงตาเปี่ยมด้วยประกายความมั่นใจ
มองจากปากซอยก็รู้ว่าปะยี่ห้ออัลฟ่าเอาไว้
ธรรม ธนภัคตรีการกุล คือชื่อของอัลฟ่าคนนั้นที่สำนักข่าวเขียนเอาไว้บนจอ ข้างล่างของชื่อมีตำแหน่งกรรมการผู้จัดการอะไรสักอย่างที่พัดสีอ่านไม่ทัน
"โครงการ John not Just นี้เกิดขึ้นเพราะว่าเราเห็นความสำคัญในการให้ความช่วยเหลือสัตว์จรจัดครับ โดยทาง Brilliant B ได้ให้เงินสนับสนุนองค์กรที่ให้ความ่วยเหลือดูแลสัตว์จรจัด และก็มีการจัดกิจกรรมจิตอาสา โดยมีพนักงานบริษัทหรือว่าแฟนคลับของพรีเซนเตอร์ในแต่ละผลิตภัณฑ์ของเราได้มาร่วมทำกิจกรรมอาสาด้วยกัน เช่น ทำความสะอาดศูนย์พักพิงของสัตว์ ให้อาหารสัตว์ หรือว่าการมาเล่นกับน้องๆ สัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะสุนัขหรือแมวก็เป็นกิจกรรมอาสาอย่างหนึ่งนะครับ ไม่ใช่แค่สัตว์ที่ให้ความสุขและกำลังใจกับเรา เราเองก็เป็นความสุขและกำลังใจของน้องๆ สัตว์ที่ไม่มีเจ้าของด้วยเหมือนกัน ผมก็เลยอยากจะขอฝากโครงการนี้เอาไว้สำหรับทุกท่านที่สนใจนะครับ สามารถบริจาคเงินโดยตรงให้กับองค์กรได้เลย หรือว่าจะซื้อผลิตภัณฑ์ของใช้ในบ้านของ Brilliant B ก็ได้เ่นกันครับ เพราะเราจะมีการแบ่งปันผลกำไรให้กับทางองค์กรทุกปี สามารถติดตามข่าวสารได้จากเพจของเราได้เลย หรือถ้าหากอยากมาเป็นจิตอาสาก็สามารถติดต่อมาที่องค์กรโดยตรงได้เช่นกันครับ และแน่นอนว่าจะมากับเราพร้อมดาราที่คุณชื่นชอบก็ได้ Billiant B จะจัดกิจกรรมบ่อยๆ ครับ"
"ไม่เจอนาน โตขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย" คุณมนัสพึมพำ
"นั่นสิ แต่เราก็เห็นแค่ตอนเล็กๆ เองนะ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปเจอกันแล้ว"
แม้คุณมนัสจะไม่ได้ตั้งใจจะสนทนากับใครเป็นพิเศษ แต่คุณกลอยก็ต่อบทสนทนานั้น ท่ามกลางความงุนงงของพัดสีว่าบ้านเรารู้จักคนในจอตอนนี้ด้วยเหรอ คนที่มีตำแหน่งดูใหญ่โตของบริษัทที่ขายของจิปาถะตั้งแต่แปป้งเด็กไปจนถึงน้ำยาล้างห้องน้ำ ทุกบ้านต้องมีผลิตภัณฑ์ของBrilliant B ในห้องน้ำ หรือห้องครัวไว้สักชิ้น น่ะนะ
"แล้วแม่กับพ่อไปรู้จักเขาได้ไงอะ พูดซะสนิท"
พูดตามตรง แม้ว่าบ้านพัดสีจะไม่ได้ขัดสน แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยมากมาย พวกเขาเป็นชนชั้นกลางค่อนไปทางบน แน่นอนว่าคอนเนคชั่นที่มีคงไม่ถึงระดับที่จะไปรู้จักคนแบบนั้นได้ ยิ่งกว่าคนละมิติ เจอผียังง่ายกว่าได้เดินเฉียดคนแบบนั้น
"ลูกเพื่อนเก่า" คุณมนัสคลายความสงสัยให้ลูกชายได้รู้ "แต่จริงๆ จะเรียกอย่างนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียว แม่เขาเป็นคู่หมั้นเก่าพ่อ" เมื่อได้ฟังคำตอบ ลูกชายก็เลิกคิ้วทำตาโตหันไปหาแม่ให้ช่วยยืนยัน คุณกลอยก็พยักหน้า คราวนี้พัดสีอ้าปากค้าง ยกมือขึ้นพนม
"บุญของคุณเขาแล้ว"
"อ้าว ไอ้นี่" คุณมนัสเอาหมอนที่รองหลังอยู่มาตีลงบนตักพัดสี ทำเอาคนโดนตีหัวเราะร่วน
"โม้อะ พ่อพูดงี้เขาเสียหายนะ" คราวนี้พัดสีทำหน้าจริงจัง ยังไม่อยากจะเชื่ออะไรมาก แม้ว่าฟังแล้วก็คงไม่มีใครเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น เพราะฟังดูเป็นการไม่ให้เกียรติคนที่แต่งงานไปแล้วเท่าไหร่
"จริง ไม่เชื่อลองเสิร์ชหานามสกุลเขา จะได้เห็นทั้งสาแหรก แม่ชื่อกรกุล เป็นโอเมก้า ส่วนพ่อเขาชื่ออมร หน้าตาหล่อน้อยกว่าพ่อหน่อย"
พัดสียังทำหน้าไม่เชื่อ แต่แม่ของเขาก็ยื่นแท็บเลตที่ค้นหาข้อมูลมาให้เสร็จสรรพมาให้อ่าน และพบว่าไม่ได้ต่างจากที่พ่อพูดเลย ยกเว้นเรื่องหล่อน้อยกว่าพ่อ อย่างน้อยผู้บริหารสูงวัยในรูปก็ยังดูดีในชดสูท ผมปาดเจลจัดทรงอย่างดี ต่างจากคุณมนัสที่ตอนนี้ลงพุงนิดหน่อย ใบหน้ามีกระประปรายเพราะชอบรดน้ำต้นไม้รับแดดยามสาย ผมเผ้ายุ่งเหยิงถ้าไม่ออกไปไหนก็ไม่หวี
"แล้วทำไมเขาถอนหมั้นพ่ออะ" จากที่ไม่เคยสนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของรุ่นพ่อกับแม่เพราะคิดว่ามันจั๊กจี้ พัดสีก็อดที่จะสอบสวนไม่ได้ "แล้วพ่อมาเจอกับแม่ได้ไง หนูเกิดมาจากความรักหรือเปล่า" คราวนี้เจ้าโอเมก้าตัวเล็กของบ้านเบะปากทำเศร้าไปด้วย
คุณกลอยหมั่นเขี้ยวนักแสดงเจ้าบทบาทจนต้องคว้ามากอดเอาไว้แน่นๆ "เปล่าจ้า แม่พลาดท้องก็เลยต้องแต่ง"
แล้วพ่อกับแม่ของพัดสีก็หัวเราะ ทำเจ้าลูกชายยิ่งหน้าบึ้งไปใหญ่
"กับแม่ก้เริ่มไม่ค่อยดีหรอก แต่พัดสีคนเก่งเกิดมาจากความรักแน่นอน" คุณมนัสขยับตัวเข้ามาใกล้และโอบกอดครอบครัวของตนเอาไว้ เขาสบตากับคู่ชีวิตที่อยู่ด้วยกันมามากกว่าอายุของพัดสีพยานรักของพวกเขาไม่กี่ปี
"เรื่องเป็นนิยายรักแบบน้ำเน่ายุงชุมเลยป้ะ" เจ้าเด็กถามเสียงอู้อี้เพราะซุกหน้าเข้ากับแขนพ่อที่โอบพวกเขาไว้เป็ฯก้อนๆ
พ่อกับแม่ไม่ได้ตอบ เพียงแต่หัวเราะหึในลำคอเท่านั้นน สมกับคูู่ชีวิตเกือบสามสิบปี จะทำอะไรก็คล้ายกันไปหมด
"แล้วตกลงทำไมคุณคนนั้นเขาไม่ได้หมั้นกับพ่อแล้วล่ะ ไม่สิ ไปหมั้นกันได้ยังไง แฟนเก่าเหรอ" พัดสีถามถึงคำถามที่คาใจ
คุณมนัสคลายวงแขนออก และเริ่มเล่าเรื่องราวในอดีตของเขา
"ก็รู้จักกันเมื่อสมัยเรียนมัธยม คบกันช่วงมหาวิทยาลัยจนทำงานได้สามสี่ปี พ่อก็คิดว่าคงจะได้แต่งกันแน่ๆ เลยอยากขอหมั้นไว้ก่อน เขาก็ตกลงหมั้นด้วย พาผู้ใหญ่ไปคุยกันเรียบร้อยเลย แลกแหวนกันเฉยๆ คนละวง แต่สุดท้ายก็เลิกกันนั่นแหละ เขายอมรับหมั้นเพราะว่าเกรงใจด้วย เสียดายเวลาที่คบกันมาเกือบสิบปีด้วย จนได้ไปเจอไอ้อมร แต่ตอนนั้นเขาไม่ได้จีบกันนะ พ่อรู้ เขาไม่ได้นอกใจอะไรเลย มันก็แค่มีคนเข้ามาช่วยเบิกเนตรว่าระหว่างเขากับพ่อมันเหลือแต่แหวนหมั้นที่ผูกมัดกันไว้ เท่านั้นแหละ ก็จบ แค่คืนแหวนกัน แต่พ่อก็เป๋ไปหน่อย เพราะตั้งแต่เป็นหนุ่มก็มีแค่เขาไง ใช้วัยทีนไปด้วยกัน เสียดาย รู้งี้ไปจีบคุณกลอยสาวสวยโบน้ำเงินแต่แรกดีกว่า" อัลฟ่าแก่ไม่วายหันมาหยอกภรรยา
"อย่าเถอะ ถ้าตอนนั้นคุณมาจีบกลอยก็ไม่เอา สเปคดิฉันสูงค่ะ" คนสวยในวัยใกล้เคียงกับอัลฟ่าแก่เชิดหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจ
พัดสีมองพ่อและแม่แล้วก็ยิ้มออกมา ทั้งสามหัวเราะไปพร้อมกันคลอเคล้าไปกับเสียงจาากทีวีที่เข้าสู่ช่วงเล่าข่าวบันเทิง
"แล้วทำไม่พ่อกับแม่ได้ไปเจอเขาตอนคลอดลูกด้วยอะ"
"แม่ไปฝากท้องพัดสีไง ตอนนั้นพัดได้เดือนกว่าๆ เองมั้ง นอนตุ๊บป่องอยู่ในท้องแม่ แล้วก็เจอคุณอมรวิ่งหน้าตั้งอุ้มลูกชายผ่านไป พ่อก็เลยชวนแม่เดินตามไปดู เลยได้ช่วยดูน้องไทม์ตอนคุณอมรเขาไปดูคุณกุลคลอดลูกสาวคนเล็ก ตอนนั้นน้องไทม์น่าจะสักสี่ห้าขวบได้ล่ะมั้ง"
"อ้อ" พัดสีพยักหน้าหงึกหงัก หันไปมองที่จอทีวีก็เห็นว่าข่าวบันเทิงได้ไปสัมภาษณ์ดาราชื่อดังที่ไปร่วมงาน John not Just และมีคนที่เกิดก่อนพัดสีสักสี่ห้าปีในชุดเดิมกับที่ออกข่าวทั่วไปกำลังดูดน้ำจากหลอดและเอาทิชชู่ซับเหงื่ออยู่ด้านหลังดาราคนนั้นอยู่ไกลๆ
ไกลแค่ไหนก็ยังมีออร่าเจิดจ้าของอัลฟ่ามาแย่งความสนใจของพัดสีไปจากดาราหนุ่มหล่อหน้าตาดีที่กำลังให้สัมภาษณ์ได้
เฮ้อ ลูกชายแฟนเก่าพ่อช่างหล่อเหลา
---------------
//ถ้าเขียนได้เรื่อยๆ น่าจะมีรีไรท์ 5555 เหมือนเรียงประโยคงงๆ
Comments (0)