1 ตอน ตอนที่ 1
โดย ดวงดาหลา
ตะวันกลมโตเคลื่อนคล้อยลอยเด่นขึ้นเหนือเมฆา ยามเช้าจึงเป็นเวลาที่หมู่นกกาโผผินบินออกจากรัง
สายลมเย็นอวลกลิ่นไม้หอมพัดโชยเข้ามาในเคหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่อย่างรโหฐาน
“กริ๊ง” เสียงนาฬิกาปลุกร้องดังลั่นห้องบ่งบอกว่าเรือนกายที่นอนคุดคู้อยู่พลิกไปมาอย่างกระสับกระส่าย
เรือนกายที่นอนคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มหนาลายสีน้ำเงินเอาเรียวขาพาดหมอนข้างลายตุ๊กตาหมีใบนั้น
เสียงนาฬิกาปลุกร้องดังระงม มือเรียวสวยเอื้อมปิดทันที
ชรัญญาควานหาสวิตซ์ไฟในห้อง หญิงสาวลูบ มือไปมาแล้วกดเปิดปุ่มเล็กบนหัวเตียง
ไม่นานนักทั่วทั้งห้องก็พลันสว่างวาบด้วยหลอดไฟ
หญิงสาวหายใจเหนื่อยหอบเล็กน้อย…มือเรียวสวยเอื้อมปาดเหงื่อเม็ดใหญ่ที่ซึมบนหน้าผาก
หญิงสาวผุดลุกขึ้นแล้วเอื้อมมือกดปิดเจ้านาฬิกาปลุกเจ้าปัญหาที่เวลานี้ร้องดังลั่นราวกับคนขวัญเสีย
ชรัญญาได้แต่คิดในใจเป็นเวลานานเท่าใดที่ไม่ได้ฝันแบบนี้
คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างใช้ความคิด ดวงตาคู่สดใสหากแต่ฉายรอยหมองเศร้าหลับตาลงอย่างอ่อนล้า
เนิ่นนานเท่าใดกันนะที่ไม่ได้ฝันเห็นดวงตาคู่คมเปล่งประกายสีดำสนิทราวดวงดาวบนฟากนภากะพริบระยิบสาดแสง
แล้วเหตุไฉนชรัญญาถึงกลับมาฝันถึงคนใจร้ายคนนั้นแบบนั้นได้อีก
หรือจะเป็นตั้งแต่ที่หมอดูผู้หญิงคนนั้นได้ทำนายทายทักว่า เขากำลังจะกลับมา..
แต่ใครกันนะที่กำลังจะกลับมา คนที่หญิงสาวรอคอยคนที่เธอแอบรักมาตลอดอย่างงั้นหรอกเหรอ…
วูบหนึ่งที่หญิงสาวแค่นยิ้มกับตัวเอง หยาดน้ำใสไหลคลอดวงตาคู่หม่นหมอง
หากเป็นจริงตามคำทำนายที่คนทรงเจ้าว่า ชรัญญาก็คงเจ็บปวดกว่าเดิมอีกพันเท่า...หรือแสนเท่า
ชรัญญาสะบัดไล่ความคิดในหัวออกไปอย่างรวดเร็วแล้วยกมือปาดน้ำตาที่อาบนองแก้ม
หญิงสาวจะไม่ยอมให้ภาพในหัวมาบังคับจิตใจของเธอได้อีกต่อไป
วันนี้เป็นวันดีที่ชรัญญาได้เริ่มงานที่ใหม่หญิงสาวไม่ควรปล่อยให้ใจเศร้าหมอง
บริษัทใหม่ที่นัดเรียกตัวชรัญญาเป็นบริษัทเครื่องสำอางแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมืองหลวงของประเทศ
หนังสือพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ฉบับใหม่ล่าสุดได้ลงข่าวอย่างครึกโครมและพาดหัวข่าวถึงบริษัทที่นัดเรียกตัวชรัญญาว่าเป็นบริษัทที่มีเด็กจบใหม่อยากเข้ามากที่สุดของโลก
...ความจริงชรัญญาควรลืมเรื่องราวเก่าๆเสียที
“อาบน้ำได้แล้วเจ้แอมป์” เสียงหวานใสเอ่ยปลุกชรัญญาให้ตื่นจากห้วงความคิด
หญิงสาวผู้พี่เงยหน้ามองดวงหน้าหวานแฉล้ม คิ้วเรียวโก่งดังคันธนู จมูกโด่งรั้นได้รูปสวย ทำให้ชลลดามีเสน่ห์อย่างแปลกประหลาด
ชลลดาน้องสาวเพียงคนเดียวของชรัญญาสวมชุดเสื้อคอบัวสีขาวใหม่เอี่ยม กับกระโปรงสีน้ำเงินเข้มยาวเลยเข่า ดรุณีวัยเยาว์สวมถุงเท้านักเรียนสีขาวสะอาดตาถึงข้อเข่า
น้องสาวสุดรักสุดหวงแหนเพียงคนเดียวของชรัญญากำลังจะไปเรียนดังเช่นทุกเทอมที่ผ่านมา
“อิมกี่โมงแล้ว” ชรัญญาผู้เป็นพี่สาวถามด้วยน้ำเสียงอ่อนเบา
ชลลดามองพี่สาวด้วยแววตาแปลกประหลาดกว่าเดิมจนชรัญญาอดแปลกใจไม่ได้
“เจ็ดโมงสิบห้า” ดรุณีวัยเยาว์เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจมากนัก แม้ปีนี้พี่สาวเธออายุยี่สิบสี่พอดี
“อะไรนะจริงเหรอ” ชรัญญาเอ่ยเสียงสูงแล้วรีบคว้าผ้าขนหนูสีน้ำเงินเข้มเดินเข้าไปที่ห้องน้ำ
ห้องน้ำสว่างวาบด้วยหลอดไฟสีส้มอ่อน
เสียงน้ำจากฝักบัวดังซู่ซ่า สายน้ำไหลผ่านร่างอรชร ความเย็นของกระแสน้ำทำให้หญิงสาวอดรู้สึกผ่อนคลายไม่ได้
ชรัญญาสะบัดไล่ความคิดในหัวออกไป...ภาพในความฝันเหมือนจริงเสียจนหญิงสาวอดนึกหวั่นในใจไม่ได้สภาพของรุ่นพี่วรุณภพทำให้เธออดผวาไม่ได้จริงๆ
มือเรียวบางเอื้อมบิดฝาขวดสบู่ ของเหลวสีชมพูไหลลงบนฝ่ามือ
ชรัญญาอาบน้ำได้เพียงไม่นานก็พลันได้ยินเสียงของชลลดาตะโกนดังลั่นเข้ามาในห้องน้ำ
“เจ้ข้าวอยู่ในตู้ อิมไปเรียนแล้ว” เสียงของชลลดาดังแว่วเข้ามาในหูของหญิงสาว
“เอ้อ ปิดบ้านด้วย” ชรัญญาเอ่ยเสียงแหลม เธอขานรับคำสั้นๆ แล้วหันไปสนใจภาพในความฝันต่อ
“หากว่าความฝันนั่นเป็นความจริงล่ะ เราจะทำอย่างไรดี” ชรัญญาเอ่ยเสียงแผ่วเบากับตนเอง
ในความฝันหญิงสาวฝันถึงชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังจะถูกรถชน หากแต่ชรัญญาเข้ากันบุรุษผู้นั้นได้ทันท่วงที ร่างบางของหญิงสาวผู้รับเคราะห์นั้นกระเด็นออกไปจากเส้นทางถนนที่มีรถราสัญจรแล่นกันขวักไขว่แต่ไม่มีคันไหนหยุดรถหรือชะลอแม้สักคันเดียว
แต่นั่นคือความฝัน และความฝันคงจะไม่มีทางเป็นจริงไปได้...หากว่าวันนั้นกนก หนึ่งในเพื่อนสนิทสมัยประถมไม่ได้ชวนชรัญญาไปดูดวงที่สำนักแห่งหนึ่ง
“เจ้า….” เสียงแหบพร่าของสตรีวัยชรากำลังเอ่ยตวาดดังลั่นตำหนักทรงเจ้า
ผ้าส่าหรีสีแดงสะบัดพลิ้วไหวตามจังหวะการสะบัดมือเรียวยาวข้างนั้น
ชรัญญานั่งด้านหน้าสุด ไหล่บางไหวระริกเล็กน้อย ท่ามกลางผู้คนนับสิบที่รอการทำพิธีกรรมจากเจ้าแม่ร่างทรง
ตำหนักอารตรีโอม สำนักร่างทรงที่ผู้คนจำนวนมากมายหลั่งไหลไปดูดวงกันมากที่สุดแห่งหนึ่ง...ตำหนักอารตรีโอมเลื่องชื่อด้านความแม่นยำในการทำนายทายทักจนออกข่าวช่องหลายสีโครมใหญ่
หากแต่ชรัญญากลับรู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่เป็นพิเศษเพราะตำหนักอารตรีโอมนี้เปิดโดยสตรีคนหนึ่งชื่อช่อบัว ซึ่งเป็นญาติห่างของกนก เพื่อนวัยประถมของชรัญญา
คุณอาช่อบัวเป็นร่างทรง กนกเคยเล่าให้ชรัญญาและเพื่อนๆฟังว่า เมื่อตอนอายุสิบห้าอาช่อบัวได้ประสบอุบัติเหตุรถชนแต่เดชะบุญที่รอดมาได้ด้วยบารมีองค์เทพองค์หนึ่งที่ได้ช่วยเหลือไว้
นับแต่นั้นคุณอาช่อบัวก็ได้สวดมนต์และนั่งสมาธิจนสื่อสารกับวิญญาณได้
ครอบครัวของกนกสนิทสนมกับครอบครัวของชรัญญามากนั่น ก็ด้วยน้องสาวของทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน น้องกวินตา
กนกและกวินตามีดวงหน้าที่ละม้ายคล้ายใกล้เคียงกันมากเพราะเป็นพี่น้องสืบเชื้อสายกันมา หรือที่เขาเรียกว่าเป็นพี่น้องแท้ๆกัน หากแต่กนกสวยหวาน แต่อีกคนกลับสวยแก่นแก้วแก่แดดแก่ลมนั่นเอง
ครั้งหนึ่งกนกเคยเล่าให้ชรัญญาฟังว่ากวินตาแอบไปเชียร์ศิลปินเกาหลีที่กำลังโด่งดัง แถมเอาเงินที่เก็บไว้ไปซื้อ ‘บ้ง’ หรือป้ายไฟสำหรับแฟนคลับที่เอาไว้เชียร์ศิลปินอปป้านั่นเอง
‘แอบไปคอนเสิร์ตมาเหรอน้องตา’ ชรัญญาที่บังเอิญไปเดินแถวร้านขายขนมเบอร์เกอร์รี่ละแวกบ้านเอ่ยทักน้องสาวของเพื่อนสนิท
‘ใช่ค่ะ พี่เขาน่าตาหล่อมาก งานดีเลยค่ะ’ กวินตาเอ่ยแล้วทำหน้าทำตาปลาบปลื้มศิลปินที่ตนคลั่งไคล้อย่างที่ชรัญญาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
‘ด้อมไหนล่ะ วันหลังไป…ชวนพี่ด้วยนะ’ ชรัญญาเอ่ยทิ้งท้ายแล้วรีบสาวเท้าออกจากร้านเพื่อไปให้ทันร้านกับข้าวที่ตนถูกมารดาฝากซื้อไว้
โดยไม่ลืมฝากขนมของโปรดไปให้กนกเพื่อนรักของเธอ
คิดเพียงแค่นั้น ชรัญญาก็พลันสะดุ้งสุดตัวเมื่อสายตาเจ้ากรรมมองทอดไปยังกระจกบานใหญ่เบื้องหน้าของเธอ
แปลกดีที่รู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังจับจ้องมองอยู่ตลอดเวลา แต่ทว่าเมื่อมองกลับไปกลับไร้ซึ่งวี่แวว…
หญิงสาวกดหมุนฝักบัวให้ปิด ปลายเท้าเรียวขาวสะอาดทั้งสองข้างสืบไปใกล้กับผ้าขนหนูเนื้อดีที่แขวนไว้
ความอ่อนละมุนของผ้าขนหนูทำให้หญิงสาวลืมความเหนื่อยล้าไปได้ชั่วขณะ
ชรัญญาห่อผ้าขนหนูด้วยความหนาว สายลมเย็นจากหน้าต่างบานใหญ่ที่ไม่ได้ปิดตั้งแต่เมื่อวานโชยเข้ามาพร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกกุหลาบมอญและดอกมะลิ
หญิงสาวมองสำรวจตนเองในกระจกอย่างละเอียดลออ เมื่อแน่ใจว่าแต่งหน้าทำผมเรียบร้อยแล้ว เธอก็คว้ากระเป๋าเป้ใบใหญ่สำหรับเริ่มงานที่บริษัทใหม่วันแรกเลย
“แม่คะ น้องแอมป์ไปทำงานแล้วนะคะ” ชรัญญาเอ่ยเสียงหวานกับสตรีวัยกลางคนเลยเลขห้า
มารดาของชรัญญา หรือคุณนายชลณี เธอมีธุรกิจเครือโรงแรมที่ร่วมลงทุนกับมารดาของกนกเพื่อนสนิทสมัยประถมของชรัญญา
คุณนายชลณีเป็นสตรีที่มีใบหน้ารูปไข่ ดวงหน้าหวานสวยแม้ไม่แต้มเครื่องสำอาง หากแต่กลับสดใสกว่าชรัญญาเสียอีก…คนข้างบ้านมักจะทักว่ามารดาของเธอเป็นพี่สาวของเธอเสมอ
คุณนายชลณีเข้าพิธีวิวาห์กับดาบตำรวจบวรกต บิดาแท้ของชรัญญา…หากแต่บวรกตรับราชการเป็นตำรวจนครบาล การเลื่อนยศสัญญาบัตรครั้งนี้ทำให้บวรกตกลายเป็นสารวัตรบวรกตขึ้นมา
ครอบครัวของชรัญญา จงเลิศจิตรากุล เป็นครอบครัวขนาดเล็กที่ประกอบไปด้วย คุณนายชลณีผู้เป็นมารดา ชลลดาน้องสาวที่ชอบทำขนม และสารวัตรบวรกต บิดาผู้เข้มงวดกับกฎของบ้านเป็นที่สุด
“เดินทางดีๆ” คุณนายชลณีกล่าวอย่างรักใคร่บุตรสาวคนโตพลางสวมกอดเธอไว้อย่างแนบแน่น
“ค่ะคุณแม่” ชรัญญาตอบรับความห่วงใยด้วยเสียงหวาน เธอสวมกอดมารดาเธอเช่นกัน
“เดี๋ยวแอมป์กลับมานะแม่ รักแม่นะคะ” หญิงสาวเอ่ยบอกรักอย่างละเมียด ดวงหน้างดงามเจือไปด้วยรอยยิ้มจนเห็นฟันขาวที่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบสวยงาม
“ไปเถอะสายแล้ว” คุณนายชลณีเอ่ยแล้วผละออกจากอ้อมกอดของบุตรสาวคนโตของตระกูลจงเลิศจิตรากุล สกุลเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงด้านอสังหาริมทรัพย์
ชรัญญาหมุนตัวกลับไป มือเรียวสวยเอื้อมหยิบกระเป๋าแล้วยกสายขึ้นพาดบ่าทั้งสองข้าง หญิงสาวสะพายกระเป๋า
ไม่นานนักราชรถก็มาถึงหน้าบ้าน รถมอเตอร์ไซค์คันใหม่เอี่ยมที่สารวัตรบวรกตใช้เงินที่เขาเก็บไว้เองนั้นมาจอดแทบเท้าของบุตรีคนโตของตระกูล
“ช้าจัง” สารวัตรบวรกตเอ่ยอย่างหัวเสียเล็กน้อย
ชรัญญาเดาไม่ออกว่าเวลานี้ดวงหน้าของบิดาของหล่อนเป็นเช่นไร แต่หากให้เดาหญิงสาวคิดว่าน่าจะหัวเสียไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะเธอปล่อยบิดาให้รอเงกเสียครึ่งค่อนชั่วโมง
หญิงสาวไม่รอช้าก้าวขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ในท่าเดียวกันกับบิดาผู้ขับ มือเรียวสวยเอื้อมจับบ่าบิดาเธอ
“พร้อมนะ” เสียงเรียกของบิดาดังลอดผ่านหมวกกันนิรภัยสีดำสนิท
“พร้อมค่ะ” ชรัญญาเพียงแค่ตอบออกไปสั้นๆ
เพียงแค่นั้นรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ก็แล่นผ่านเคหาสน์หลังใหญ่ที่มีคุณนายชลณีโบกมือหย็อยๆทันที
“โชคดีลูกแม่” เสียงตะโกนของสตรีวัยเข้าสู่เลขห้าดังขึ้นแล้วประตูรั้วบ้านจงเลิศจิตรากุลก็พลันปิดลงอัตโนมัติ
+++
Comments (0)