1

สายด่วน, อุปกรณ์ล็อกขนมปังบาเกล

 

 

            เวลากลางดึกอาจเป็นช่วงเวลาไพร์มไทม์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตยามค่ำคืน เหล่านักท่องราตรี มนุษย์จำพวกหมาป่าและโลมา 1 หรือแม้แต่นักคิดหลายแขนงรวมถึงนักเขียนคนอื่นๆ ด้วย แต่ไม่ใช่สำหรับฉัน ในคืนที่แสนสาหัสจากการปิดต้นฉบับงานเขียนชิ้นใหม่ฉันไม่ต้องการใช้ชีวิต ฉันต้องการพักผ่อน

            กริ๊ง... 

            แต่เสียงริงโทนของโทรศัพท์ดังขึ้นในเวลาเกือบจะเที่ยงคืน ฉันคว้าโทรศัพท์เพ่งมองรายชื่อของบุคคลที่ทำลายการนอนอันมีค่าของตัวเองแล้วถอนหายใจ

            “ฮัลโหลค่ะพี่...” ฉันขานรับด้วยน้ำเสียงอู้อี้และแหบพร่า ปลายสายคือ พี่จา ไกด์สาวคนสนิทที่นับถือ

            ใบบัวแกนอนแล้วเหรอ ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงเลิ่กลั่ก

            “ค่ะ...”

            กวนหรือเปล่าเนี่ย ปกติเห็นปิดโทรศัพท์เวลานอน 

         “วันนี้เหนื่อยจนลืม... ว่าแต่พี่มีอะไรหรือเปล่า”

            ทริปเกาะเชจู ว่างหนึ่งที่นะบัวยังสนใจอยู่ไหม 

         ฉันตั้งสติทบทวนคำพูดของพี่จาอยู่เพียงครู่ถึงได้ปะติดปะต่อเรื่องราวก่อนหน้านี้ก่อนลุกขึ้นมองนาฬิกาดิจิทัลที่ระบุวันที่ไว้อย่างชัดเจน

            “แต่บัวไม่อยากจ่ายค่าโรงแรมเพิ่ม”

            ที่โทรมาก็เพราะจะบอกแกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น

         “พี่จาจะมานอนกับบัวเหรอ” ฉันถาม

            เปล่า...พอดีมีคนที่มาคนเดียวเหมือนกัน

         “ใครเหรอ ไว้ใจได้หรือเปล่า” ฉันเลิกคิ้วพาสายตาที่ปิดอยู่เปิดขึ้นเพียงน้อย

            ไว้ใจได้ค่ะ เป็นพวกไกด์ด้วยกันนี่แหละ รับรองว่าปลอดภัย

         “ผู้ช่วยไกด์พี่เหรอ”

            ไม่ใช่ แต่ทำงานอยู่บริษัทเดียวกัน

         “ยังไง” กลางดึกแบบนี้ฉันคิดตามเธอไม่ทันนัก โดยปกติทัวร์ของพี่จะมีผู้ช่วยไกด์อย่างน้อยสองคนและที่ฉันรู้มาคือผู้ช่วยไกด์หรือตัวไกด์ไม่สามารถมานอนกับลูกทัวร์ได้

            เป็นรุ่นน้องไกด์ที่อยู่อีกกลุ่มหนึ่งปลอดภัยแน่นอน คนปลายสายอธิบาย

            “อ่า...” ฉันนิ่งคิด แม้จะยังไม่เข้าใจก็ตามว่าไกด์จะเสียเงินไปเที่ยวในสถานที่ทำงานของตัวเองไปทำไมแต่ด้วยความง่วงทำให้ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก ถ้าพี่จาบอกว่าปลอดภัยก็คงปลอดภัย 

            สรุปยังจะไปอยู่ไหม

         “อืม...ไปก็ไป...”

            แต่กรุปนี้เดินทางอีกสี่วันนะ

         “สี่วันเหรอ”

            ใช่ อีกสี่วันแต่ระยะกลับพี่คุยให้ได้นะ ถ้าจะอยู่สักอาทิตย์พี่จัดการเรื่องตั๋วให้เหมือนเดิมได้

         “งั้นขอสักอาทิตย์แล้วกัน”

            ไม่มีปัญหาจ้า... เหมือนเดิมเนอะ

         “เหมือนเดิมเลยพี่” ฉันยกยิ้มผ่านสายโทรศัพท์ “พาสปอร์ตบัวพี่ก็มีแล้วเนอะ” 

            มีแล้วค่ะน้องสาว คนปลายสายทำเสียงเหน็บแนม เพราะคำว่าเหมือนเดิมที่ว่านี้คือการออกเงินให้ก่อน 

            “เจอกันนะคะพี่สาว ขอไปนอนต่อก่อนนะคะบัวเพิ่งปิดต้นฉบับไปไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา” จากนั้นฉันก็ขอตัวไปนอน

 

.

 

            เอาล่ะ ตอนนี้ฉันตื่นทั้งร่างกายไปจนถึงเซลล์ประสาท สติสัมปชัญญะ ประสาทสัมผัสทั้งห้าก็ใช้ได้อย่างแม่นยำ เหตุการณ์เมื่อคืนอาจพาให้ตกใจและงงงวยเหมือนที่ฉันตกใจเสียงโทรศัพท์จากไกด์สาวรุ่นพี่ หลายครั้งที่ฉันต้องการเดินทางออกนอกประเทศเพื่อไปในสถานที่แปลกหรือสถานที่ที่ยากลำบากเกินกว่าจะไปคนเดียวได้ฉันจะถามหาแพ็กเกจทัวร์ดีๆ จากพี่จาเป็นคนแรกเสมอ 

            การเดินทางแต่ละครั้งของฉันไม่ได้มีเหตุผลอะไรมากไปกว่าไปหาประสบการณ์และข้อมูลนำมาเขียนนิยาย สถานที่ล่าสุดที่ฉันอยากไปเป็นเกาะใหญ่ในเกาหลีใต้ สถานที่แห่งความโรแมนติกชวนฝันที่ฉันไม่เคยศึกษาข้อมูลมาก่อน ฉันรู้จักเกาะนี้ผ่านรูปภาพที่กราฟฟิกดีไซเนอร์ผู้ออกแบบปกหนังสือให้ฉันลงผ่านอินสตราแกรมเท่านั้น และในช่วงที่ว่างหลังปิดต้นฉบับทำให้ไม่ลังเลใจที่จะติดต่อพี่จาไป ทว่ากลับติดปัญหาเรื่องที่พักที่ต้องจ่ายเงินมากกว่าปกติเท่าตัวหากไม่มีคนนอนด้วย ฉันเลยยุติทริปนี้ไปโดยปริยายซึ่งสุดท้ายเรื่องนี้ก็ถูกแก้ไขโดยไกด์สาวปริศนาที่เพิ่มเข้ามา

            ช่วงบ่ายวันนี้ฉันเดินทางมาพูดคุยเรื่องต้นฉบับกับรุ่นพี่บรรณาธิการที่ดูแลงานเขียนของฉันมาโดยตลอด ฉันตั้งใจมาฝากฝังงานที่เหลือให้เธอเพื่อที่จะได้ลาจากการทวงงานสักหนึ่งอาทิตย์สำหรับการออกไปหาแรงบันดาลใจครั้งใหม่

            “เที่ยวอีกแล้วนะ” พี่ไก๋ บรรณาธิการสาวเอ่ย

            “ก็ไปเอาแรงบันดาลใจมาเขียนงานใหม่ให้พี่นั่นแหละ” ฉันตอบ

            “สนใจลองเขียนงานรักใสๆ บ้างไหมบัว” นี่เป็นคำชวนเดิมๆ ที่พี่ไก๋หยิบยื่นให้เสมอ

            “หึ” ฉันส่ายศีรษะ “ไม่อินเท่าไหร่” 

            “ไม่ลองล่ะ” เธอเริ่มตะล่อม 

            “มันไม่อินเรื่องรักหวานๆ มันไม่ใช่ทางบัว”

            “ไม่ได้หมายถึงในนามปากกานี้ ตอนนี้สำนักพิมพ์จะเปิดหัวสำนักพิมพ์ลูกเป็นนิยายอ่านสบายๆ อยู่ด้วย”

            “จะมาจีบให้บัวไปเขียนแนวนั้นว่างั้นเหอะ”

            “ท้าทายออก เขียนงานซีเรียสมาเยอะแล้ว เปลี่ยนมาลองแนวนี้อาจช่วยให้เจออะไรใหม่ๆ ก็ได้” พี่ไก๋อธิบายพลางจิบกาแฟไปด้วย

            “ไว้จะลองเอากลับไปคิดดู”

            “คิดตั้งแต่เป็นโปรเจกต์จนตอนนี้โปรเจกต์จะคลอดแล้วแก”

            “ถ้าไปทริปครั้งนี้แล้วได้อะไรใสๆ มาจะกลับมาเขียนให้เลย” 

            “เอ้อ จะคอยดู” เธอว่า “พี่ไม่ได้บังคับนะ”

            “แหม ชวนตั้งแต่โปรเจกต์ยังไม่คลอด ไม่บังคับบัวเลยมั้ง” ฉันเบะปาก 

            “อย่าไปซีเรียสมาก เดี๋ยวเที่ยวไม่สนุก มองหาแรงบันดาลใจอย่างที่แกชอบทำไปนั่นแหละ กลับมาถ้ามันจะเกิดเดี๋ยวมันก็เกิดขึ้นเอง ตามนี้นะ” 

            “ค่ะพี่ บัวรู้อยู่แล้วน่า” ฉันยิ้มรับในความหวังดีของพี่สาว 

 

 

            ปัญหาที่นักเขียนทุกคนไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ต้องเจอคงเป็นสภาวะตีบตันทางความคิด ความเครียดต่างๆ นานาที่ชวนให้เข็นข้อความจากสมองลงมาไว้บนหน้ากระดาษไม่ได้ ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้นแม้จะเขียนมาได้ไม่นานนักก็มักพบเจอปัญหานี้บ่อยๆ หากไม่ได้เดินทางแล้วคงไม่สามารถเติมเต็มสิ่งใหม่ได้ 

            ฉันแวะมาเลือกซื้ออุปกรณ์ล็อกกระเป๋าเพื่อความปลอดภัย ความปลอดภัยถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด แม้จะรู้ว่าคนที่ไปด้วยจะเป็นผู้หญิงเหมือนกันแต่ยังไงความปลอดภัยมันก็ต้องมาก่อน ระหว่างมองหาอุปกรณ์ล็อกกระเป๋าอยู่นั้นฉันได้เจอของที่ฉันตามหาอยู่พอดี ตัวสุดท้ายพอดีแฮะ พอกำลังจะเอื้อมมือหยิบกลับมีคนมาตัดหน้าไปเสียก่อน หญิงสาวร่างสูงผมสีควันบุหรี่เด่นสะดุดตา

            “อ๊ะ...” ฉันอุทานโดยไม่ได้ตั้งใจจนเธอคนนั้นหันมา

            “ขอโทษค่ะ...” เธอทำท่าเหมือนจะเก็บอุปกรณ์ล็อกตัวดังกล่าวไว้ที่เดิม “ไม่เห็นว่าคุณกำลังจะหยิบ”

            “อ๋อ ไม่เป็นอะไรค่ะ...คุณเอาไปเถอะเรามาช้ากว่าคุณตั้งหลายก้าว” ฉันตอบพร้อมยิ้มให้แต่ในใจคิดว่าถ้าเร็วกว่านี้คงได้ไปแล้ว แต่ไม่ได้ซีเรียสถึงขนาดที่จะต้องใช้แบรนด์นี้เลยตัดสินใจยกให้เธอไป

            “ไม่เป็นอะไรค่ะ คุณเอาไปดีกว่า” สาวผมสีควันบุหรี่ยื่นอุปกรณ์ล็อกมาให้ “แบรด์นี้ดีมากเลยนะคะ” 

            “อ่ะ อ๋อ... ขอบคุณค่ะ” ฉันพยักหน้าและรับมันไว้อย่างงงๆ ส่วนหญิงสาวผมสีควันบุหรี่ยิ้มให้และเดินออกไปที่มุมขายอุปกรณ์เดินป่า แปลกคน... ทำท่าเหมือนจะหยิบแต่ก็ไม่หยิบ ช่างมัน ถึงอย่างไรฉันก็ได้ของที่ดีที่สุดมาแล้ว กลับไปพักเอาแรงที่ห้องดีกว่า

 

.

 

            ห้าทุ่มของวันเดินทาง พี่ไก๋อาสามาส่งฉันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เก็บเกี่ยวเรื่องน่าเล่ามาให้ได้เยอะๆ นะ เธอทิ้งท้ายไว้หลังจากที่ฉันลากกระเป๋าเดินทางลงจากรถ

            ฉันหยิบพาสปอร์ตขึ้นมาใส่ไว้ที่กระเป๋ากางเกงรวมถึงอ่านแชตที่พี่จาทิ้งไว้เมื่อวานก่อนเพื่อเช็คสถานที่นัดพบ หน้าทางเข้าประตูสามเป็นสถานที่ที่เธอนัดแนะไว้ดูจากเวลาเธอคงมารออยู่ก่อนแล้ว พอเดินมาถึงก็เห็นเพื่อนร่วมทัวร์จำนวนไม่มากนัก 

            “สวัสดีพี่จา” ฉันยกมือขึ้นไหว้ไกด์สาว เธอพยักหน้ารับทักทายฉันเรื่องทรงผมสั้นตัดหน้าม้า(ที่ตัดมานานเกือบจะครึ่งปีได้แล้ว)ก่อนจะแจกโปรแกรมให้ลูกทัวร์ที่พูดคุยด้วยอยู่ก่อนหน้านี้ ไม่นานนักไกด์ผู้ช่วยก็เดินมาถามชื่อพร้อมทั้งให้เขียนใบรายละเอียดเพื่อให้ง่ายต่อการขึ้นเครื่องรวมถึงแจกโปรแกรมการเที่ยวในซองใส ฉันรับไว้แล้วยิ้มรับ พอกรอกเอกสารต่างๆ จนเรียบร้อย

            “เป็นไงลูกทัวร์มีแต่รุ่นแม่” หญิงสาวหัวเราะ

            “พี่ก็ไปแซวลูกทัวร์” 

            “กรอกเอกสารครบยัง เข้าเกตก่อนได้เลยนะนี่พี่รอเข้าพร้อมลูกทัวร์”

            “อ่า... ว่าจะเข้าแล้วล่ะ ว่าแต่คนไหนเหรอที่บัวต้องนอนด้วยใช่คนนั้นหรือเปล่า” ฉันชี้ไปที่หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างผู้ช่วยไกด์

            “ไม่ใช่ คนนั้นผู้ช่วยไกด์อีกคน” พี่จามองซ้ายขวารวมถึงรอบบริเวณที่นั่งรับรอง “สงสัยมันเข้าไปข้างในแล้ว เดี๋ยวคงเจอกันเองแหละเพราะมันคงนั่งใกล้ๆ บัว”

            “อ๋อ... โอเคค่ะ ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ใช่ไหม” ฉันถาม

            “อายุใกล้เคียงกับบัวเลย ไว้ใจได้ นิสัยดี อัธยาศัยดี อีกอย่างเป็นไกด์เหมือนกันถ้าอยากรู้ข้อมูลอะไรบนเกาะก็ไปถามได้เลย”

            “ค่ะพี่ งั้นเดี๋ยวบัวเข้าไปรอข้างในละ เจอกันข้างในเกตนะคะ” 

            

 

            ฉันแวะมานั่งฆ่าเวลารอที่ร้านกาแฟสตาร์บัคส์รอให้ใกล้เวลากว่านี้อีกสักหน่อยค่อยไปหน้าเกต

            สมุดโน้ตเล่มเล็กขนาด A6 สำหรับจดบันทึกวางไว้ข้างจานขนมปังบาเกล 3 น้ำแร่หนึ่งขวดนมร้อนหนึ่งแก้วสำหรับรองท้องช่วงดึก ฉันสูดหายใจรับกลิ่นขนมปังและจิบนมร้อนพลางมองไปรอบตัวเพื่อมองหาสิ่งน่าสนใจ 

            สิ่งน่าสนใจ ในที่นี้หมายถึง ผู้คนรอบตัว ฉันชอบนั่งมองพนักงานร้านกาแฟที่ขะมักเขม้นกับการทำงานไปจนถึงลักษณะท่าทางการคุยโทรศัพท์ของผู้คน เวลาที่เราคุยโทรศัพท์นั้นคนเราจะแสดงสีหน้าและท่าทางออกมาชัดเจนกว่าเวลาที่เราพูดคุยกันต่อหน้า การแสดงออกทางสีหน้าชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อเราไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายและอีกฝ่ายก็ไม่สามารถรับรู้ด้วยว่าเราทำสีหน้าอย่างไร แววตาของเราปลดปล่อยสิ่งที่เป็นเราออกมาโดยไม่รู้ตัว มันเป็นช่วงเวลาที่ตัวเองได้ปลดปล่อยความคิดออกมาอย่างเต็มที่ การเฝ้ามองคนคุยโทรศัพท์ช่วยให้ฉันเข้าใจลักษณะของคนคนนั้นได้อย่างง่ายดายและแม่นยำมากขึ้น ทว่าวันนี้ฉันไม่ได้สนใจคนที่คุยโทรศัพท์แต่อย่างใด มันเป็นเพราะสายตายของฉันไปจับจ้องอยู่กับสีผมอันโดดเด่นของคนที่อยู่ตรงหน้า หญิงสาวผมสีควันบุหรี่ เธอเป็นคนเดียวกับที่ฉันเจอเมื่อสองวันก่อนไม่ผิดแน่

 

 

 

 

  1. Chronotype  การแบ่งประเภทการใช้ชีวิตของมนุษย์ตามทฤษฎีของ ไมเคิล เบรอัส(Michael Breus) ว่าด้วยประเภทการใช้ชีวิต การตื่นและนอนของมนุษย์แบ่งออกเป็นสี่แบบโดยใช้สัตว์สี่ชนิดเป็นตัวจำแนกได้แก่ หมี สิงโต หมาป่าและโลมา สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในหนังสือ The Power of When (Michael Breus)
  2. Jeju Island  จังหวัดปกครองตนเองในประเทศเกาหลีใต้ มีลักษณะเป็นเกาะตั้งอยู่บริเวณช่องแคบเกาหลีใต้
  3. Bagel  ขนมปังที่มีลักษณะเป็นรูปวงแหวนคล้ายโดนัททำจากแป้งสาลี เบเกลมีต้นกำเนิดในประเทศโปแลนด์และได้แพร่หลายไปทั่วโลก การรับประทานได้ทั้งคาวและหวานขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมประเทศนั้นๆ