1 ตอน [โบจัง x มุซาเอะ] ความลับของโบจัง
โดย Fenria
ความลับของโบจัง
ผมมีความลับ
อันที่จริงก็ไม่ใช่ความลับสักเท่าไหร่หรอก แค่ผมยังไม่คิดจะบอกใครก็เท่านั้นเอง
“โบจัง~ พรุ่งนี้ไปบ้านชินจังกันมั้ย?”
มาซาโอะคุงที่อยู่ห้องเดียวกับผมถามมาในช่วงพักกลางวัน พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์สินะ... หลังจากเหม่ออยู่นิดหน่อยผมก็ตอบกลับไปอย่างไม่ต้องคิดอะไรมากนัก
“ไม่ละ ฉันมีนัดแล้วน่ะ”
“เอ๋ มีนัดอีกแล้วเหรอ?” เพื่อนหัวเกรียนทำหน้าเสียดายก่อนพูดต่ออย่างสงสัย “จะว่าไป โบจังไปไหนเกือบทุกอาทิตย์เลยนะ...”
ผมได้แต่เงียบให้กับคำถามนั้น ดีที่ออดหมดเวลาพักดังขึ้นพอดีผมเลยไม่จำเป็นต้องตอบ
จริง ๆ มันก็ไม่ใช่นัดเสียทีเดียว เพียงแต่ผมไปหาคนคนนั้นตลอดจนกลายเป็นกิจวัตรไปซะแล้วน่ะสิ
วันนี้ผมตื่นแต่เช้า ลุกมาเตรียมข้าวของต่าง ๆ ให้พร้อมอย่างทุกที เมื่อเรียบร้อยแล้วก็ออกจากบ้านตรงไปยังจุดหมายทันที
ออด~
หลังจากกดออดแล้วยืนรอไม่นาน เสียงฝีเท้าก็ดังออกมาจากในห้องพร้อมเสียงที่คุ้นเคย
“ค่า~ มาแล้วค่า”
แล้วประตูห้องก็เปิดออกโดยหญิงสาวเจ้าของห้องนั่นเอง รอยยิ้มถูกส่งมาให้ทันทีที่เจ้าตัวเห็นว่าใครมา
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
“อ่าว โบจัง มาแล้วเหรอ เข้ามาเลย ๆ”
มุซาเอะซังเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยให้ผมหิ้วของพะรุงพะรังในมือเข้าไปข้างในได้ก่อนปิดประตูตามหลัง
ผมเดินเอาถุงของสดไปวางที่โต๊ะตรงครัวอย่างคุ้นเคย ก็แหงละ ในเมื่อตั้งแต่มุซาเอะซังย้ายมาอยู่ที่นี่ผมก็มาเกือบทุกอาทิตย์เลยนี่นา
นอกจากของที่จะใช้ทำอาหารกลางวันแล้ว ผมก็เก็บทุกอย่างเข้าตู้เย็นที่แทบจะว่างเปล่าจนหมด เท่าที่ผมเห็น เหมือนว่ามันจะเหลือแต่น้ำดื่มกับชาอู่หลงครึ่งขวด ถึงการเงินจะดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนแต่มุซาเอะซังก็ยังไม่ค่อยมีอะไรติดตู้เย็นเหมือนเดิมอยู่ดี
“วันนี้จะทำอะไรกินเหรอ?”
เจ้าของห้องเดินเข้ามาดูวัตถุดิบที่วางกองอยู่บนโต๊ะอย่างสนอกสนใจ แต่ไม่มีวี่แววว่าจะแตะต้องมันเลยสักนิด
มุซาเอะซังตอนยี่สิบหกเกลียดการทำครัวยังไง มุซาเอะซังในวัยสามสิบเก้าก็ยังคงเกลียดการทำครัวอย่างนั้น แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ผมจะเป็นคนทำอาหารให้มุซาเอะซังกินเอง
“โคร็อกเกะครับ”
หลังจัดของในตู้เย็นเรียบร้อยแล้วผมก็หันไปมองหน้าอีกฝ่ายที่ทำตาเป็นประกายเมื่อได้ยินชื่อเมนูมื้อเย็น เมื่อคราวก่อนผมได้ยินมุซาเอะซังบ่นว่าอยากกินโคร็อกเกะแต่เงินยังไม่ออกก็เลยไม่ได้ซื้ออะไรที่อยากกินเลย ผมก็เลยกะจะทำให้กินสักหน่อย ส่วนของกลางวันนี้ก็เอาเป็นข้าวปั้นง่าย ๆ ไปก่อนแล้วกัน
จากนั้นผมก็หุงข้าวทิ้งไว้ ส่วนมุซาเอะซังกลับไปนั่งทำงานของตัวเองต่อ
ตอนที่รอข้าวสุก ผมก็เริ่มทำความสะอาดห้อง เก็บขยะทั้งหลายที่ถูกสะสมระหว่างสัปดาห์ลงถุงดำให้เรียบร้อย ทั้งถ้วยบะหมี่สำเร็จรูป กระป๋องเครื่องดื่ม ถุงต่าง ๆ ส่วนพวกจากชามในอ่างนั่นเดี๋ยวค่อยล้างตอนทำมื้อกลางวันเสร็จแล้วกัน
หลังจากทำทุกอย่างเรียบร้อย ผมก็ยกข้าวปั้นที่เพิ่งทำเสร็จร้อน ๆ มาให้มุซาเอะซังที่กำลังทำอะไรบางอย่างในโน้ตบุ๊คอยู่
มุซาเอะซังเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ และกำลังนั่งทำอยู่นั่นก็น่าจะกำลังแต่งรูปที่ถ่ายมาอยู่นั่นละ ไม่รู้ว่าคราวนี้เป็นรูปเกี่ยวกับอะไรกันนะ
พอได้ของกินไปแล้ว มุซาเอะซังก็นั่งทำงานไปกินไปด้วย ส่วนผมเองก็มานั่งพิงผนังอยู่ที่มุมหนึ่งพร้อมสมุดสเก็ตช์กับดินสอที่พกมาด้วย เปิดไปหน้าว่างแล้ววาดสิ่งที่อยู่ในหัวลงไป ครูที่ปรึกษาชมรมแนะนำให้ผมลงประกวดภาพวาดในครั้งนี้ด้วย ผมเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยกะจะเข้าร่วมด้วย
หลังจากสเก็ตช์ภาพคร่าว ๆ ไปแล้วผมก็เงยขึ้นมองคนที่กำลังนั่งทำงานอย่างตั้งใจอยู่
ชินจังบอกว่าแม่ชอบบ่นน้องสาวตัวเองไม่ได้เรื่อง แต่จริง ๆ แล้วมุซาเอะซังน่ะเป็นคนที่จริงจังกับงานของตัวเองมากนะ ต่อให้เป็นงานที่ได้ค่าตอบแทนเล็กน้อยแค่ไหนก็ยังตั้งใจทำเต็มที่เสมอเลย
พอรู้ตัวอีกที ผมก็กำลังวาดรูปมุซาเอะซังลงในสมุดสเก็ตช์ซะแล้ว ให้ตาย เผลอวาดไปอีกแล้วจนได้ ไม่รู้ว่าในสมุดเล่มนี้มีรูปมุซาเอะซังไปตั้งกี่รูปแล้วเนี่ย จะให้ใครเห็นไม่ได้ ไม่งั้นความลับแตกแน่ ๆ
กว่ามุซาเอะซังจะพักก็เป็นตอนที่ผมกำลังเริ่มทำอาหารสำหรับมื้อเย็นแล้ว
“หอมจัง”
เธอเดินเข้ามาพร้อมทำจมูกฟุดฟิด ดูเหมือนจะโดนกลิ่นหมูที่ผมกำลังผัดอยู่นี่ดึงดูดมาสินะ
“ผัดอีกนิดก็ได้ที่แล้วละครับ”
เสร็จแล้วก็เอาไปผสมกับมันต้มที่บดรอไว้เรียบร้อยแล้ว
“ถึงจะเคยพูดไปแล้ว แต่โบจังนี่ทำอาหารเก่งจังเลยน้า”
อยู่ ๆ มุซาเอะซังก็พูดมาตอนที่นั่งมองดูผมปั้นมันเป็นลูกทรงรีเรียงไว้บนถาด ผมยิ้มบาง ๆ ส่งไปให้ก่อนตอบด้วยประโยคที่เคยพูดเมื่อนานมาแล้ว
“คุณยายสอนมาว่าผู้ชายที่ทำอาหารได้จะมีเสน่ห์นะ”
มุซาเอะซังหัวเราะกับคำตอบของผมพลางพยักหน้าเห็นด้วย
“ผู้ชายทำอาหารเก่งนี่ดีจังน้า~ โบจังต้องเป็นสามีที่ดีแน่ ๆ เลย”
“แล้วมุซาเอะซังล่ะ อยากได้สามีทำอาหารเป็นมั้ย?”
“แน่นอนอยู่แล้วสิ เธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบทำอาหารขนาดไหน”
ผมเหลือบตามองมุซาเอะซังที่ตอบด้วยท่าทางไม่คิดอะไรก่อนหลุบตาลงกลับมามองสิ่งที่ทำอยู่ ขั้นตอนต่อไปก็เอาไปชุบแป้ง ชุบไข่แล้วก็เกล็ดขนมปัง
“ถ้าได้แต่งงานกับผู้ชายที่ทำอาหารเป็นละก็ คงจะเยี่ยมไปเลยละ”
“นั่นสินะครับ”
ผมยิ้มให้กับคำพูดนั้น ผมจะไม่บอกมุซาเอะซังหรอกว่าที่ผมหัดทำอาหารจริงจังน่ะ ส่วนหนึ่งก็เพื่อที่จะได้ทำให้เธอกินนี่แหละ
“กินละนะค้า~”
มุซาเอะซังพูดก่อนคีบโคร็อกเกะขึ้นมากัดเข้าไปคำหนึ่งก่อนทำท่าทางมีความสุข
“อื้ม~ อร่อยจัง~ สมกับเป็นฝีมือโบจังเลยน้า~”
“ถ้าชอบก็กินเยอะ ๆ ครับ”
เห็นมุซาเอะซังกินอย่างอร่อยแบบนี้ผมก็พอใจแล้วละ นอกจากโคร็อกเกะแล้วผมยังทำสลัดแล้วก็ซุปมิโซะให้ด้วย จะได้ไม่เลี่ยนเกินไป
“มีอะไรรึเปล่าครับ?”
หลังจากนั่งกินข้าวกันมาพักหนึ่ง ผมก็สังเกตว่ามุซาเอะซังเอาแต่จ้องหน้าผมไม่หยุดเลยถามออกไป แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตกใจหรือเขินที่โดนจับได้เลยสักนิด
“อ๋อ ฉันแค่กำลังคิดว่าโบจังนี่โตขึ้นเยอะเลยนะ ไม่นานมานี้ยังเป็นเด็กน้ำมูกย้อยอยู่เลย”
ได้ยินอย่างนั้นผมก็หัวเราะออกมานิดหน่อย
“นั่นมันตั้งเป็นสิบกว่าปีมาแล้วนะครับ ผมโตแล้วนะ”
ปีนี้อยู่มัธยมปลายปีสุดท้าย ปีหน้าก็เข้ามหาวิทยาลัย ใกล้จะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว
“เวลาผ่านไปเร็วจัง ไม่อยากแก่เลยนะเนี่ย”
พูดแล้วมุซาเอะซังก็ถอนหายใจออกมา
“มุซาเอะซังยังไม่แก่สักหน่อย”
“แหม ปากหวานจริง ๆ เลยนะ โบจังเนี่ย”
“ผมพูดจริงนะ”
ถ้าดูแค่ภายนอก ต่อให้บอกใครว่ามุซาเอะซังยังเป็นนักศึกษาอยู่ก็คงจะมีแต่คนเชื่อกันทั้งนั้น และสำหรับผมแล้ว อายุแค่สามสิบเก้าน่ะไม่นับว่าแก่หรอกนะ
“จ้า ๆ โบจังเนี่ย ที่โรงเรียนต้องเนื้อหอมมากแน่เลยนะเนี่ย”
ผมเลิกคิ้วนิดหน่อยกับคำพูดนี้ เนื้อหอมเหรอ ไม่เลยสักนิด ผมไม่ได้โดดเด่นขนาดนั้น
“ไม่มีใครมาชอบผมหรอกครับ”
“อะไรกัน ทั้งที่โบจังทั้งเก่ง หัวดี หน้าตาดี หุ่นก็ดีออกขนาดนี้เนี่ยนะ”
มุซาเอะซังทำหน้าตกใจเหมือนคาดไม่ถึงมาก่อนยังไงอย่างนั้น
“ถ้าพูดถึงคนที่เนื้อหอมน่ะ คาซาม่าคุงกับชินจังต่างหากละ”
สองคนนั้นน่ะเนื้อหอมมากนะ คนหนึ่งก็ประธานนักเรียน อีกคนหนึ่งเฟรนด์ลี่ขี้เล่น ส่วนผมน่ะออกจะธรรมดาจะตายไป
แล้วถึงจะเนื้อหอมไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะเพราะผมน่ะ...
“อีกอย่าง ผมก็มีคนที่ชอบแล้วด้วย”
พูดไปแล้วก็มองมุซาเอะซังที่ทำหน้าตกใจยิ่งกว่าเดิมอีก ตาโตจนแทบจะถลนอยู่แล้วนั่น แถมยังอ้าปากหวออีกต่างหาก
“เอ๊~! โบจังมีคนที่ชอบแล้วเหรอ!?” พอหายอึ้งแล้วมุซาเอะซังถึงตะโกนออกมาเสียงไม่เบาเลย “คาดไม่ถึงเลยนะเนี่ย”
ผมมองสบตาที่กะพริบถี่เหมือนไม่อยากจะเชื่อยิ้ม ๆ
“ใครเหรอ บอกหน่อยสิ”
หลังจากหายตกใจแล้วมุซาเอะซังก็ถามอย่างอยากรู้แต่ว่าเรื่องนี้น่ะนะ
“ความลับครับ”
“เอ๊~ มาบอกให้อยากรู้แล้วไม่เฉลยเนี่ย ใจร้ายจังเลยนะโบจัง”
ผมหัวเราะรับคำแต่ก็ยังไม่คิดจะตอบอยู่ดี ไม่ได้ใจร้ายอย่างที่มุซาเอะซังพูดหรอกนะ แค่มันยังไม่ถึงเวลาก็เท่านั้นเอง
ระหว่างกินข้าวกันต่อจากนั้น มุซาเอะซังก็ยังคงพยายามถามอยู่เรื่อย ๆ อยู่ดี
“มุซาเอะซัง เรื่องนั้นน่ะ...”
ไม่รู้ว่ากินข้าวยังไงถึงได้ติดอยู่ที่แก้มอย่างนั้น ผมเลยยื่นมือไปหยิบออกให้
“รออีกสักหน่อยแล้วผมจะบอกนะ”
ผมไม่รู้ตัวเลยว่าสายตาที่มองอีกฝ่ายนั้นเป็นยังไง มุซาเอะซังถึงได้นิ่งไปอย่างนั้น ไม่รู้ว่าผมตาฝาดไปเองรึเปล่า แต่ดูเหมือนหน้ามุซาเอะซังจะแดงขึ้นมานิดหน่อยด้วย
ผมกลับไปนั่งกินต่อดี ๆ ก่อนจะได้ยินมุซาเอะซังพูดงึมงำแล้วกลับไปก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ
“...ไม่อยากรู้แล้วก็ได้”
ผมยิ้มรับแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ ถึงมุซาเอะซังจะไม่อยากรู้แล้วแต่ผมอยากบอกนะ แม้จะไม่ใช่ตอนนี้ก็เถอะ
รออีกหน่อยนะมุซาเอะซัง แล้วผมจะบอกคุณเป็นคนแรกเลย
ความลับของผมน่ะ
-------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะ ปกติเราไม่ค่อยเขียนแฟนฟิคเท่าไหร่ แต่ไปดูชินจังมาตอนนึงแล้วมันอดเขียนไม่ได้ โบจังเป็นตัวละครที่เราชอบมากที่สุดในเรื่องเลยละค่ะ ก็เลยลำเอียงเอามาแซงคู่ชิปหลักอย่างชินจังกับคาซาม่าไปก่อนซะอย่างนั้น
ส่วนตอนที่เราพูดถึงคือตอนนี้เลยค่ะ ตามไปดูความน่ารักของโบจังกันได้นะคะ >> https://youtu.be/TR2Vh4_9lfM
Comments (0)