ตอนผมเจ็ดขวบผมเคยโดนหมากัดจนเลือดอาบแขนเลยต้องเย็บไป 10 เข็ม วันนั้นผมร้องไห้ไม่หยุด อนามัยก็ไม่ยอมฉีดยาชาให้เพราะเราอยู่บ้านนอกและยาชามีไว้สำหรับแผลฉกรรจ์เท่านั้น ให้บาดแผลทรมานแค่ไหนผมก็ต้องทน

แผลวันนั้นมันใหญ่มากชนิดที่ว่าเอามือมาลูบทุกวันนี้ผมก็ยังรู้สึกเสียวๆ เจ็บๆ จนอยากจะร้องไห้อยู่เลย

 

ถามว่าทำไมผมถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา

 

เจ้านายที่ตะครุบผมลงพื้นจนล้มตึงแม่งเสือกกัดเข้าแขนกูจุดเดียวกับที่โดนหมากัดตอนเจ็ดขวบไงไอ้ห่านี่ ปฏิกิริยารีเฟล็กซ์กูก็ทำงานดี๊ดี เอาแขนมาป้องซะเต็มปากแม่งเลย

 

"ไอ้เหี้ยยยยยยยยย แขนกูววววววววววว มึงกัดกูจุดเดียวกับหมากูเลยไอ้เหี้ยยยยยยย" ผมตะโกนออกมาด้วยเสียงที่โคตรโหยหวน แม่ง เจ็บกูก็เจ็บ แต่กูก็ต้องด่าด้วย เจ้านายอะไรนั่นทิ้งไปตั้งแต่ตอนเรียกแม่งว่าไอ้กิตติ์แล้ว ลดความเป็นนายบ่าวเพิ่มความเป็นคนก่อน "อ๊ากกกกก ปล่อยยยยยยย"

 

"อ๊ะ เอื้ออี้อู้ดไออะ" ก่อนจะพูดภาษาอู้อี้อ่ะ ปล่อยแขนกูก่อนมั๊ย เลือดซึมแล้วไอ้เหี้ย ฮัลโหล นี่ไดเร็คเตอร์เบต้า ไม่ใช่โอเมก้าบนเตียงมึงนะครับ

 

"กูบอกให้ปล่อย!" เอ๊ ปั๊วะหัวแม่งสักทีเลยไอ้นี่ ขอตบเหม่งซักทีดิ๊

 

แป๊ะ หนึ่งที

 

แป๊ะ สองที

 

แป๊ะ สามที

 

อ้าวไอ้เหี้ย ปล่อยกู กูหน้าซีดเป็นสก๊อยแถวบ้านแล้ว ไม่ต้องรีดเลือดกูเพิ่ม มึงเป็นแวมไพร์อ้อ

 

วินาทีนั้นผมรู้ว่าตัวเองนองเพราะแผลเก่า กรังเกรอะทุเรศฉิบหายเลย

 

"กิตติ์ ปล่อย" ผมบอกเสียงแข็ง อีกมือก็ดันหน้าผากแม่งไปด้วย เจ็บฉิบหายเลย เลือดซึมด้วย โอย..

 

แล้วสุดท้ายกิตติ์ก็ปล่อย "เชี่ยมึง ไอ้ปรัชญ์รวี"

"อะไร"

"กูเพิ่งรู้ว่ากัดคนแม่งรู้สึกแบบนี้"

"ห๊ะ โอเมก้าสามหกเก้าคุณเกริกศิลป์ไม่เคยกัดเหรอครับ เห็นพาขึ้นเตียงบ๊อยบ่อย"

"ไม่เคย เคยแต่ดูด โห แต่กัดแม่งโคตรดี คันเหงือกอยากกัดอีก"

"มึงเป็นเด็กเหรอครับ"

"ขออีกได้มั๊ยอ่ะไดเร็คเตอร์"

"ไอ้เชี่ยนี่ กูท้าเล่นพอได้ทีก็เอาใหญ่เลยนะมึงนี่ กูขอสิทธิ์นอนโรง'บาลสักคืนดูอาการก่อนได้มะ แดกกูจนเลือดซึมเลยนะไอ้อัลฟ่าหมาขี้เรื้อน"


พอเราด่ากันเสร็จผมก็กลับเข้าโหมดไดเร็คเตอร์เบต้าหน้าติ๋ม คุณกิตติ์พาผมไปโรงพยาบาลแบบงงๆ ปริยาที่เดินผ่านจะมาหาผมก็งง คุณแทคที่จะหาเจ้านายก็งง คุณชัยที่กำลังนั่งกินกาแฟอยู่ใต้ตึกก็งง

 

สรุปไดเร็คเตอร์สี่คน+เจ้านายงง ทำไมอิปรัชญ์เลือดซึมแขนเหมือนหมากัด ทำไมอิเจ้านายถือแขนอิปรัชญ์ แล้วทำไมมึงสองตัวถึงออกมาพร้อมๆ กัน

 

สรุปหมอบอกผมว่าแผลไม่ได้ลึกแต่มึงเป็นเบต้าไปเสร่ออะไรให้อัลฟ่ากัด

 

ฮอร์โมนแห่งความเป็นนักเลงมันพลุ่งพล่านครับหมอ...

 

โอ้โห ไอ้กิตติ์แม่งปกป้องผมด้วยความว่าอยากแดกคอโอเมก้าขึ้นผมเลยเอาแขนไปรับแทนไม่ให้โอเมก้าตัวนั้นโดนกัด

 

โถ หล่อเนอะพ่อคุณ

 

หมอจับไหล่ผมหลังกิตติ์ออกไปจ่ายเงิน(เพราะเขากัด เขาต้องจ่าย)แล้วบอกผมว่า

"เอ้อ เป็นเบต้าที่ทำประโยชน์ไม่เบานะหนู อัลฟ่าแม่งก็ไร้สมองแบบนี้แหละ พอถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ก็ทำตัวยังกับเป็นสัตว์"

 

หมอ หมอเป็นโอเมก้านะครับ ใจเย้น

.

.

.

ระหว่างทางกลับบริษัทไอ้กิตติ์ก็ขับรถมาส่ง ผมเลยโทรบอกน้องชายว่าให้กลับบ้านเองเพราะผมไปรับที่โรงเรียนไม่ได้

 

เออ ผมมีน้องชายที่อายุห่างกันเกือบยี่สิบปี จะเป็นพ่อมันได้อยู่แล้วเนี่ย พ่อแม่ผมเขาใจเริงครับ อยากได้ลูกสาวสักคน ตู้ม น้องชายอีกหนึ่งคน

 

"ฮืออออ เฮียโดนหมากัดดด"

"เจ้านายกัด!"

"เฮียยยย เฮียโดนหมาเจ้านายกัด แง่มๆๆๆ ฮือออออออ" เออ น้องผมมันกวนตีนเหมือนผมนี่แหละ มันรู้ว่าเจ้านายกัดผมแต่แม่งก็เล่นไปเรื่อย "แล้วเฮียกลับไงอ่ะ จะกลับมาบ้านมั๊ย"

"กลับสิ แต่จะค่อยๆ ขับกลับเพราะเจ็บแขน"

"อ๋อ เคๆ เฮีย" น้องผมขาน "แค่นี้นะเฮีย ผมไปเดินกับประภาต่อละ"

 

เอ้อ ประภานี่น้องสาวปริยา คืออายุงานเราเท่ากันก็จริงแต่ปริยานี่เป็นน้องผมเยอะอยู่เหมือนกัน ที่ได้เป็นไดเร็คเตอร์เพราะเก่งแล้วก็ไดเร็คเตอร์คนเก่าเขาวางมือพอดีปริยาเลยรับโชคไปนั่งตำแหน่งแทนไปโดยปริยาย

 

กิตติ์อาสาจะขับรถส่งผมจนถึงบริษัท 

 

จริงๆ มึงไม่ต้องอาสาก็ได้นะ

 

มัน เป็น หน้า ที่ ที่ มึง ต้อง ทำ แต่ แรก ไอ้ สัตว์!

 

รับผิดชอบกุด้วยอิคว๊าย

 

"แล้วสรุป"

"อะไร"

"มึงจะเอามุจลินท์หรือภุชงค์ไปทำไมวะ"

"กูว่ากูเจอว่ะ"

"เจอผี?"

"ผีพ่อมึงเป็นโอเมก้าเหรอ"

"พ่อกูเป็นเบต้าไอ้หน้า*"

"กูสร้อยคำ"

"อ๋อ แล้วไป ถุย!" ผมตอบกลับ เอ๊ มึงนี่น๊า เจ้านายหรือสามช่า "คู่แห่งโชคชะตา?"

"เออ"

"ห๊ะ"

 

นาทีนั้นผมอึ้งครับ อึ้ง อึ้ง อึ้งอ่าง อึ้งย้ง

 

โอ้ย ฟังแล้วไมเกรนจะแดก แม่งยังมีคนเชื่อเรื่องนี้อยู่อีกเร้อ ทำตัวเป็นอยู่ในวรรณกรรมเด็กมัธยมสองไปได้

 

"เพ้อแล้วครับคุณเกริกศิลป์"


"เฮียตัวเหม็นจัง ไปทำไรมา โรง'บาลไม่ฆ่าเชื้อให้เหรอ" ปริญที่เป็นน้องชายผมทักขึ้นมาขณะที่เรากำลังนั่งกินลอดช่องและเฉาก๊วยกันบนโต๊ะอาหาร

 

ผมดมตัวเอง "เอ๊ะ ไม่มีกลิ่นนี่"

 

"เหม็นอ่ะ กลิ่นเหมือนสาบหมา อี๋" คราวนี้มันฟืดฟาดจมูกใหญ่เลย เหม็นอะไรวะ เหม็นให้กูรับรู้บ้างดิ "เนี่ยย เหม็นจากแผลเฮียเลยตัวดี กลิ่นเชี่ยไรเนี่ยยังกับสาบหมาใน dog expo เจ้านายกัดไม่ใช่อ้อ"

 

"ห๊ะ" จังหวะนั้นเราสองคนเอะใจขึ้นมาได้อย่าง

 

"เฮียจำได้ใช่ไหมว่าผมจมูกดี.."

 

"เออ จำได้.."

 

"งั้นนี่ก็.." หนุ่มแว่นหนาฟื้ดจมูกพลางชี้ที่แผลบนแขนผม

 

"เออ เฮียก็ว่า"

 

"อี๋!!!! ฟีโรโมนเจ้านายเฮียแม่งโคตรผิดผี! เป็นกลิ่นฟีโรโมนที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ลุงเริงขายไก่ทอดหน้าโรงเรียน!!!!"

 

ผมเท้าความก่อน พ่อแม่ผมเป็นเบต้า ผมเป็นเบต้า น้องผมก็เป็นเบต้า

เออ แล้วทำไมน้องผมได้กลิ่นฟีโรโมน?

 

คือมันเป็นโอกาสหนึ่งในสิบล้านคนมั้งถ้าจำไม่ผิด เป็นการกลายพันธุ์ของตัวอ่อนเบต้าที่จะพัฒนาไปเป็นอัลฟ่าหรือโอเมก้าช่วงสามสี่เดือนแรกแต่ฝ่อซะก่อนเลยเหลือแค่ต่อมรับรู้ฟีโรโมนให้มาดมเล่นๆ เฉยๆ

 

"แล้วเฮียต้องล้างออกยังไง!"

 

"เอาไว้นานๆ เดี๋ยวก็จาง แต่แบบ อ้อ--" 

ฉิบหาย น้องผมลงไปอ้วกข้างโต๊ะแล้ว..

 

มึงไม่น่าเป็นหนึ่งในสิบล้านที่เสือกจมูกไวเลยไอ้น้องเอ้ย..