0

บทนำ

 

“ความขี้เสือก จะนํามาซึ่งความฉิบหาย” คำพูดนี่ไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงเลยสักนิด ก็เพราะความขี้เสือกของผมนั่นเเหละมันเลยทำให้ผมต้องมาอยู่ในสภาพนี้!!!

ย้อนกลับไปเมื่อสองอาทิตย์ที่เเล้ว

ณฟ้า โชติวัฒน์ โอเมก้าหนุ่มไฟแรงที่พึ่งเรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังทางภาคเหนือ ที่ตอนนี้ได้มาสมัครทำงานบัญชีที่บริษัทเเห่งหนึ่งในเมืองหลวง

ตั้งเเต่ยังเล็ก ผมนั้นได้วาดฝันเอาไว้ว่าอยากจะใช้ชีวิตเป็นคนในเมืองหลวงมาตลอด เพราะอย่างนั้นผมที่เป็นเพียงเด็กคนหนึ่งจากชนบทจึงได้พยายามอย่างเต็มที่ ตั้งใจเรียนจนได้รับทุนการศึกษาจากผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่งที่ไม่ประสงค์จะออกนามและเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง เมื่อเรียนจบ สิ่งเเรกที่ทำจึงเป็นการส่งใบสมัครงานไปทั่วบริษัทในเมืองหลวงตามคำแนะนําของอาจารย์ โดยเฉพาะบริษัทเครื่องสำอางเเห่งหนึ่งที่อาจารย์นั้นคะยั้นคะยอเป็นอย่างมากที่จะให้ตนส่งใบสมัคร และเมื่อผมนั้นได้ส่งไปตามคำคะยั้นคะยอของผู้เป็นอาจารย์ ผมนั้นก็ได้รับงานนี้ตามที่อาจารย์บอกเอาไว้จริง ๆ

‘เชื่ออาจารย์สิ เขารับเธอทำงานที่นั่นแน่’

ไม่รอช้าแต่อย่างไรเมื่อผมได้รับการตอบรับจากบริษัทเครื่องสำอางเเห่งนั้น ด้วยความดีใจเพราะที่นั่นเป็นถึงบริษัทระดับต้น ๆ ของประเทศ ผมและครอบครัวจึงแทบจะปิดซอยเลี้ยงฉลองกับครอบครัวของตน และในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่เขาจะได้ใช้ชีวิตในเมืองหลวงดังเช่นในฝันที่เคยวาดไว้ของตัวเอง ผมหยิบเบอร์โทรศัพท์เบอร์หนึ่งที่ได้จากอาจารย์ เขาบอกว่าเบอร์นี้คือเบอร์ของนายหน้าหาหอพัก เมื่อหยิบมันขึ้นมาได้แล้ว ผมก็จัดการกดเบอร์นั้นลงไปในโทรศัพท์อย่างรวดเร็วก่อนจะกดโทรออก ไม่นานนักอีกฝ่ายก็รับสาย

“สวัสดีครับ คุณปภาวี ใช่มั้ยครับ คือตอนนี้ผมต้องการห้องพักแถวๆ x หน่อยครับ คุณปภาวีพอจะหาให้ผมได้หรือเปล่าครับ” ผมกล่าวออกพร้อมทั้งสายตาที่สอดส่องออกไปข้างหน้า เมื่อได้ยินสิ่งที่ปลายสายกล่าวออกมา ตนจึงค่อยได้ตอบกลับไป

“อ๋อครับ”

“มีเป็นเเต่ห้องเช่าเหรอครับ ราคาประมาณหนึ่งหมื่นถึงหมื่นห้าพันพอจะมีมั้ยครับ”

“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะลองไปดูก่อน” ผมวางสายลงก่อนจะหันไปหาเพื่อนสนิทที่วันนี้รับหน้าที่ขับรถมาส่งผมไปหาที่พัก

ระพี หลี่ เป็นเพื่อนจากตัวเมืองหลวงที่ดันหลงไปเลือกมหาวิทยาลัยไกลจึงแดนเหนือ เขาเรียนคณะและสาขาเดียวกันกับผม และแน่นอนว่าเขาเป็นคนจากในเมืองหลวงเเต่เพราะสอบติดที่มหาวิทยาลัยทางภาคเหนือ จึงทำให้ได้ไปเรียนที่นั้น อีกอย่าง เขาเป็นเบต้านะไม่ใช่โอเมก้าหรืออัลฟ่าแต่อย่างใด เขาจึงไม่ค่อยมีปัญหากับอาการฮีทของผมสักเท่าไหร่ เเต่เห็นเเบบนี้ อีกทั้งเขาเป็นถึงทายาทตระกูลหลี่ ที่เป็นถึงเจ้าของโรงงานอาหารกระป๋องเลยนะจะบอกให้

และถ้าถามว่าเราทั้งสองคนนั้นรู้จักกันได้ยังไงนะเหรอ ก็เพราะว่าตอนนั้นเขาพึ่งจะเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก ตอนที่กลับจากมหาลัยดันหลงไปถึงแถวหอพักของผม พอผมเจอผมเข้าก็เลยพาเขากลับไปที่พักได้ หลังจากนั้นก็มารู้ว่าเขานั้นเป็นคนในสาขาเดียวกันและที่ผมไม่เห็นเขาเพราะเขานั่งทางด้านหลัง ต่อจากนั้นเป็นต้นมาเขาก็ตามติดผมแจ้เลยจนเราสนิทกัน จนมารู้ทีหลังว่าเขานั้นเป็นลูกชายของตระกูลดังก็เล่นเอาผมนั้นเกรงไปหลายวันเลยเหมือนกัน

“เอาไง จะไปนอนกับฉันก่อนมั้ย หรือจะไปเช่าโรงเเรมนอน” เขากล่าวออกมาในขณะที่กำลังจะสตาร์ทรถ เมื่อเห็นว่าผมนั้นได้วางสายโทรศัพท์แล้ว

“ขอไปดูห้องพักก่อนเเล้วค่อยคิดล่ะกัน”

“เเล้วเเต่ เเล้วต้องไปที่ไหน”

“ไปตามนี้เลย” ผมพิมพ์ที่อยู่ที่คุณปภาวีให้มาลงใน Earth map ที่เป็นแอปพลิเคชันแผนที่ที่นิยามใช้กันก่อนจะส่งให้ระพีเพื่อให้เขานั้นขับรถไปยังที่อยู่ใหม่ที่พวกเราทั้งสองกำลังจะไปดู พวกเราสองคนขับรถมากันเกือบจะครึ่งชั่วโมงกว่าก็มาถึงที่หมาย การจราจรที่นี่ไม่ได้ติดขัดมาก เเต่ถ้าเทียบกันกับที่บ้านของผมเเล้ว ก็ถือว่าที่นี่มีรถเยอะมากเช่นกัน

ระพีเลี้ยวรถเข้ามายังซอยซอยหนึ่งก่อนจะขับรถขึ้นเนินไปจอดอยู่บนที่จอดรถของที่อยู่ใหม่ ผมเปิดประตูก่อนจะลงมาจากรถหรูสีดำคลาสสิคพร้อมกับระพี ด้านหน้ามีคุณปภาวีกำลังยืนยิ้มรอพวกเราอยู่

“สวัสดีค่ะ คุณณฟ้าใช่มั้ยคะ”

“ครับ เเล้วห้องพักผม”

“เชิญทางนี้เลยค่ะ”

เธอเดินนำเราสองคนไปเข้าไปยังทางเข้าด้านหลังที่จอดรถ ที่ตรงนั้นเป็นกำแพงอิฐที่มีต้นตีนตุ๊กแกเลื้อยเกาะพนังสวยงามร่มรื่น มีตรงกลางที่ถูกตัดออกเป็นช่องทางเข้า มีซุ้มประตูเหล็กสีขาวห้อยด้วยต้นโบลิเวีย บีโกเนีย สีแดงสดตัดกันอย่างสวยงาม เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปทางซุ้มประตูก็เจอกับบ้านหลังหนึ่ง ใช่ มันคือบ้านสองชั้นไม่ใช่ตึกแถวหรือคอนโดที่มีห้องพักตามที่เขาคิดไว้ตอนเเรก

“เอ่อ คุณปภาวีครับ มันเป็นบ้านนิครับ”

“คือว่า บ้านหลังนี้เขาปล่อยเป็นห้องเช่าค่ะ ลองเข้าไปดูก่อนนะคะ ถ้าไม่ถูกใจค่อยเปลี่ยนที่ใหม่ให้นะคะ”

“โอเคครับ” บ้านหลังนี้เป็นบ้านสองชั้น รอบๆ มีต้นไม้ประดับอยู่อย่างร่มรื่น แม้ชั้นเเรกจะเป็นโครงสร้างบ้านธรรมดาเเต่พอมองขึ้นไปข้างบนกลับถูกเเบ่งออกเป็นระเบียบสองห้องอย่างชัดเจน ผมกับระพีเดินตามหลังเธอเข้ามาในตัวบ้านและมองสำรวจไปทั่วพื้นที่บริเวรบ้าน “ที่นี่เป็นบ้านอย่างที่คุณณฟ้าเห็นเลยค่า เเต่ชั้นบนถูกสร้างเเบ่งเป็นสองห้องค่ะ เหมือนห้องพักทั่วไป”

“ส่วนชั้นล่างจะเป็น ที่นั่งพักค่า มีโซฟาสี่ตัวตรงนี้ เเล้วก็ทีวี เหมือนห้องรับแขกเลยค่ะ ส่วนตรงนั้นเป็นโต๊ะกินข้าว ส่วนทางห้องนั้น” เธอเดินตรงไปยังประตูที่อยู่ข้างบันไดทางขึ้น

“ตรงนี้เป็นส่วนของห้องครัวรวมค่ะ สามารถมาใช้ร่วมกันได้ มีเตาไฟฟ้า ไมโครเวฟ ตู้อบ มีตู้เย็น โต๊ะหนึ่งตัวกับเก้าอี้สี่ตัวค่ะ เเต่ภายในห้องจะมีครัวส่วนตัวอยู่เเล้วค่ะ เเต่อุปกรณ์ทำครัวอาจจะไม่มีครบเท่าด้านล่างนี้” เธอเปิดประตูหลังห้องครัว ผมกับระพีพากันตามออกไป เมื่อพ้นประตูบ้าน สิ่งปรากฏอยู่ตรงหน้าเราทั้งสองคนนั้นราวกับเป็นฉากในนิยายแฟนตาซี สวนหย่อมขนาดย่อม ๆ ที่ถูกจัดขึ้นมาอย่างสวยงามทั้งพันธุ์ไม้ประหลาดหลากสี โต๊ะเก้าอี้และของตกแต่งต่าง ๆ แต่ที่ดูจะเด่นที่สุดก็คงจะเป็นต้นดอกการะเวกที่มีชุดโต๊ะเก้าอี้สีขาวถูกจัดวางอยู่ด้านล่าง

ต้นดอกการะเวกต้นนี้แม้ในทีแรกดูเหมือนจะไม่เข้ากันกับฉากตรงหน้าเท่าไหร่นัก แต่พอมอง ๆ ไปก็สวยดีเหมือนกัน ดอกสีเหลืองสวยราวกับตะเกียงส่องแสงให้กับเหล่านางฟ้าในเทพนิยายที่ตนเคยอ่าน

“ด้านหลังนี้เป็นสวนหย่อมค่ะ ส่วนตรงนี้เป็นต้นดอกการะเวกค่ะ มันจะส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ตรงนี้เป็นโต๊ะเหล็กดัดค่ะ”

“สวยดีนะ นายว่ามั้ย” ระพีที่เมื่อเดินเข้ามาก็ราวกับต้องมนต์วิเศษกล่าวออกมาด้วยความชื่นชม

“ใช่ สวยมากเลย ราวกับอยู่ในโลกแฟนตาซี” ผมตอบกลับระพีไปในขณะที่กำลังเดินสำรวจรอบ ๆ สวน คุณปภาวีที่ได้ยินผมพูดออกมาก็กล่าวเสริมจากที่ผมพูดอีกอย่างเป็นธรรมชาติ

“ใช่แล้วค่ะ สวนหย่อมตรงหลังบ้านนี้คุณเจ้าของบ้านตั้งใจจัดให้เหมือนอยู่ในโลกแฟนตาซีค่ะ และต้นดอกการะเวกต้นนี้ก็เป็นต้นที่คุณเจ้าของบ้านตั้งใจปลูกขึ้นมาตั้งแต่เด็กๆ เลยค่ะ” เมื่อได้ฟังเรื่องราวและที่มาของสิ่งต่าง ๆ ก็ยิ่งทำให้ผมนั้นสนใจบ้านหลังนี้เข้าไปอีก สำรวจได้ไม่นานนักคุณปภาวีที่คิดว่าได้เวลาที่ควรจะขึ้นไปดูชั้นบนแล้วจึงได้เอ่ยขึ้น

"ไปดูข้างบนต่อเลยมั้ยคะ"

“ครับ ไปกันเลยครับ” เมื่อเธอได้ยินผมตอบกลับไป เธอก็เดินนําผมกับระพีขึ้นไปยังชั้นสองบริเวณข้าง ๆ ทางขึ้นบันไดก็ถูกประดับไปด้วยแจกันใบใหญ่และแจกันดอกไม้ขนาดเล็ก ทางด้านบนชั้นสองนี้ด้านหน้าก็เหมือน ๆ กันกับบ้านทั่วไปที่เป็นเหมือนโถงโล่ง ๆ เมื่อเดินมาถึงก็จะถูกเเบ่งออกเป็นสองห้องติดกัน คุณปภาวีเดินนำเข้าไปตรงหน้าห้องทางขวามือก่อนจะล้วงหยิบเอากุญแจออกมาจากกระเป๋า พร้อมกับกล่าวออกมา

“ห้องข้าง ๆ นี้มีคนอยู่เเล้วค่ะ ห้องที่ว่างคือห้องนี้”

เธอเปิดประตูออกมานำพวกผมเข้าไป ภายในห้องมีขนาดไม่กว้างมาก เเต่ก็ไม่เล็กจนเกินไปเหมาะสำหรับอยู่อาศัยกันประมาณหนึ่งถึงสองคน เมื่อเข้าไปจะเจอกับห้องนั่งเล่นเลย ด้านข้างทางซ้ายมือเมื่อเข้าประตูมาก็จะเป็นห้องนอน ถัดไปเป็นห้องน้ำ ด้านขวามือ ถัดจากโซฟามีห้องครัวที่ มีเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ อยู่ ด้านนอกตรงหน้าเป็นระเบียบบ้านที่สามารถมองออกไปนอกรั้วอิฐได้ วิวถือว่าสวยใช้ได้ ห้องนอนมีเตียงนอนเเล้วก็ตู้เสื้อผ้าและยังไม่พอแค่นั้นเพราะภายในห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำด้วย

“ที่นี่มีอ่างอาบน้ำด้วยนะคะ พอดีเจ้าของบ้านเขาชอบน่ะค่ะ เเล้วก็ห้องนี้มีเครื่องปรับอากาศด้วยค่ะ”

ณฟ้า “อ่าครับ”

“ถูกใจมั้ยค่ะ หรือว่า”

“ถูกใจมากครับ ชอบมากเลย เเต่ผมขอคุยกับเพื่อนสักครู่นะครับ”

“ได้ค่ะ” เธอตอบอย่างยิ้มๆ ก่อนผมจะแยกตัวออกมา เดินไปหาระพีที่กำลังสำรวจระเบียงอยู่

“เป็นไงบ้าน นายว่าดีมั้ย” เมื่อผมเดินมาถึงผมก้ถามกับระพีที่กำลังยืมกวาดสายตาไปทั่วห้องอย่างสำรวจอยู่

“อืม ดีนะ ชอบชอบ นายล่ะว่าไง” เขาตอบกลับมาอย่างจริงใจ ก่อนจะถามหาความเห็นจากผมที่กำลังเป็นผู้อยู่อาศัย

“ถูกใจเลยเเหละ ฮ่าฮ่าฮ่า”

ระพี “เเล้ว... เรื่องค่าเช่าล่ะ เท่าไหร่”

“เดี๋ยวไปถามก่อน”

“งั้นก็ไปด้วยกันเลยนี้เเหละ” ผมกับระพีเดินเข้ามาในห้องก่อนจะเดินไปหาคุณปภาวีที่กำลังยืนยิ้มรอผมอยู่

“ถูกใจมั้ยคะ คุณณฟ้า”

“ครับ ชอบมากเลย แล้วเรื่องราคาค่าเช่านี้เท่าไหร่ครับ”

“เดือนละ หนึ่งหมื่นสองพันค่ะ ค่ามัดจำก่อนเก้าพันค่ะ”

“หนึ่งหมื่นสองพันฉันว่าไม่แพงนะ ถ้าให้เทียบกับที่อื่น ที่นี้อยู่ใกล้รถไฟใต้ดินด้วย มีห้างอยู่ไม่ไกล สถานีตำรวจก็อยู่ไม่ค่อยห่างเท่าไหร่ ทั้งในบ้านก็ยังมีทั้งทีวี มีอ่างอาบน้ำด้วย เครื่องครัวอีก นายว่าไง”

“อืม ฉันก็คิดงั้นเเหละ”

ระพี “ว่าเเต่ข้างห้องนี้มีคนอยู่ด้วยเหรอครับ”

“มีค่ะ” เธอตอบกลับระพีมาไปเพื่อคลายข้อสงสัยของเขา

“เป็น อัลฟ่า โอเมก้าหรือเบต้าครับ”

“เป็นอัลฟ่าค่ะ” เมื่อคุณปภาวีกล่าวจบทั้งผมและระพีทำสีหน้าไม่สู้ดีนักขึ้นมาพร้อมกันอย่างไม่อาจเก็บเอาไว้ได้ เมื่อเธอเห็นเช่นนั้นก็ทำเอาเธอถึงกับชะงักไปเล็กน้อย เริ่มไม่แน่ใจว่าตนนั้นกล่าวอะไรผิดไปหรือไม่ แต่แล้วก็ต้องกลับมานึกได้อีกครั้งภายหลังจากนั้นไม่นาน

‘อ้าว ถ้าเขานั้นเป็นอัลฟ่าแล้วอยู่ด้วยกันสองคนเเบบนี้ก็อันตรายกับผมสิงั้น!!!’ ผมได้แต่คิดอยู่ในใจอย่างอดไม่ได้

“เเต่ไม่ต้องห่วงค่ะ ที่นี่ประตูกับระเบียงมีระบบกันกลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้ากับอัลฟ่าค่ะ ปลอดภัยแน่นอนค่ะ” คุณปภาวีเริ่มบอกเล่ากล่าวถึงนวัตกรรมที่ห้องห้องนี้นั้นมีขึ้นมาเพื่อเพิ่มความสบายใจให้กับโอเมก้าน้อยอย่างผม เมื่อได้ยินเช่นนั้นผมจึงได้แต่หันไปหาเพื่อนสนิทอย่างระพีอีกครั้งเพื่อขอความคิดเห็น “นายว่าไงระพี”

“ฉันว่ามันเสี่ยงไปนะ ถึงจะมีระบบกันกลิ่นอะไรนั้นก็เถอะ เเต่นายอยู่กับเขากันสองคนแบบนี้ อะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่รู้” ระพีกล่าวออกมาตามความคิดในใจจริงของระพี เอาตามตรง เขานั้นไม่ไว้ใจที่จะให้เพื่อนโอเมก้าอยู่กับอัลฟ่าอย่างเด็ดขาด แต่ถึงอย่างไรตนก็ต้องรอดูความเห็นจากผู้อยู่อาศัยอีกที

“อืม อย่างที่นายว่าก็ใช่ เเต่ว่า ที่นี่ถูกใจฉันมากเลยนะ ทั้งราคาถูกกว่าที่อื่นแล้วก็สะดวกที่สุดด้วย” ผมพูดออกไปพลางทำหน้าตาอย่างงอแง แม้ตนจะรู้ว่ามันเสี่ยงเเต่ก็มีระบบรักษาความปลอดภัยอยู่ มันก็คงจะไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง

“ห้องที่นี่ประตูเป็นประตูแบบระบบรักษาความปลอดภัยค่ะ ใช้การใส่รหัสเพื่อเปิดประตู เเล้วก็ ถึงข้างห้องเขาจะเป็นอัลฟ่าเเต่ว่าน้องเขาเป็นเด็กดีมากเลยนะคะ ไม่ทำเรื่องไม่ดีแน่นอนค่ะ” คุณปภาวีนั้นก็ยังคงทำหน้าที่เป็นผู้ขายอย่างดีเยี่ยม ยกเหตุและผลสารพัดมาเพื่อที่ตนเองนั้นจะได้ขายห้องเช่านี้

“งั้นเหรอ ว่าไง เอาไงล่ะ ฉันเเล้วเเต่นาย” แม้ใจจริงระพีนั้นไม่อยากที่จะให้เพื่อนของตนอยู่ที่นี่เท่าไหร่นัก แต่ยังไงเขาก็ไม่ใช่ผู้ที่อยู่อาศัย เขามีหน้าที่เพียงแค่ออกความคิดเห็นเท่านั้น เขาจึงได้กล่าวความเช่นนั้นออกมาเพื่อให้เพื่อนของตนได้ตัดสินใจ

“ฮือออ ฉันอยากอยู่ที่นี่อ่า” ผมหันไปงอแงใส่ระพีเพื่ออีกครั้งเพื่อความสบายใจที่ตนนั้นจะตัดสินใจอยู่ที่นี่

“ฉันก็บอกว่าเเล้วเเต่นายไง!!!” ระพีขึ้นเสียงใส่ผมเล็กน้อยอย่างเหลืออด เพราะตนนั้นพึ่งจะบอกไปว่าแล้วแต่ผม ผมจึงได้แต่ ยกยิ้มออกมาอย่างน่าเอ็นดูพร้อมกับหันไปหาคุณปภาวี

“งั้นเอาที่นี่เเหละ”

“ค่ะ งั้นเราลงไปเซ็นสัญญาเช่ากันข้างล่างกันเลยนะคะ” กล่าวจบเธอก็เดินนำพวกเราทั้งสองคนออกมาจากห้องนอน เมื่อลงมาจากชั้นสองของตัวบ้านแล้ว ตอนนี้พวกเราทั้งสามคนก็กำลังนั่งอยู่กลางบ้านที่เป็นโซฟารับแขกเพื่อที่จะได้ทำสัญญาเช่า ผมไล่อ่านสัญญาการเช่าจนครบถ้วนอย่างละเอียดก่อน จึงค่อยเซ็นชื่อลงบนช่องสำหรับชื่อผู้เช่าอยู่อาศัย

และในขณะนั้นเอง ที่ประตูบ้านก็เปิดขึ้น

คนที่ปรากฏตัวเป็นผู้ชายอายุประมาณ ยี่สิบ นิด ๆ บนร่างกายของเขาสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตา ช่วงล่างสวมเพียงกางเกงสีดำเรียบร้อย จากลักษณะการแต่งตัวเช่นนี้ เดาได้ว่าเขานั้นน่าจะกำลังเป็นนักศึกษาอยู่ และเมื่อเปิดประตูเข้าบ้านมาเขาทำท่าทางตกใจนิดหน่อยเมื่อเห็นคนแปลกหน้าอย่างผมกับระพี จนทำให้ทั้งผมและคุณปภาวีนึกเอ็นดูกับท่าทางเช่นนั้นไปตาม ๆ กัน

“เอ่อ สวัสดีครับ คุณใช่คนที่จะมาอยู่ใหม่ใช่มั้ยครับ” เขาค่อย ๆ เดินเข้าบ้านมาก่อนจะเอ่ยถามอย่างมีมารยาท

“ครับ ผมณฟ้านะครับ” ผมยิ้มตอบกลับไป

“ครับ ผมวศินนะครับ” เขาตอบกลับมาก่อนจะเเสดงสีหน้าตื่นตระหนกเล็กน้อย

“งั้นผมขอตัวนะครับ” เขาพูดจบก็รีบเดินขึ้นไปข้างบนทันที ส่วนผมที่นั่งอยู่ด้านล่างได้แต่คิดอยูในใจว่า ท่าทางเช่นนี้เป็นอัลฟ่าจริงๆ เหรอเนี่ย น่ารักน่าเอ็นดูชะมัด

วศิน เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีหน้าตาหล่อเหลาตามเเบบฉบับอัลฟ่า บนใบของเขานั้นสวมแว่นตาหนาสีดำประดับเอาไว้ เเต่ก็ไม่อาจปกปิดความหล่อเหลาของใบหน้านั้นได้ ส่วนสูงของเขาดู ๆ แล้วน่าจะประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบได้ ถ้าเทียบกับส่วนสูงของผมที่สูงเเค่หนึ่งร้อยหกสิบห้า ถือว่าห่างกันมาเลยเเหละ แต่ก็เป็นไปตามมาตรฐานอัลฟ่าและโอเมก้า ส่วนสูงที่ต่างกันมากเช่นนี้ไม่ได้แปลกอะไรมากนัก ส่วนท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูเหล่านั้นถึงแม้จะทำตัวน่าเอ็นดูเเค่ไหนเเต่ก็แฝงไปด้วยกลิ่นไอของอัลฟ่าล้อมรอบตัวอยู่ดี

หลังจากที่วศินนั้นเดินขึ้นไปชั้นบนแล้ว พวกเราทั้งสามใช้เวลาไม่นานนักก็ทำสัญญาเช่าเสร็จ

“ผมสามารถย้ายเข้ามาอยู่ได้เลยใช่มั้ยครับ”

“ค่ะ คุณณฟ้าสามารถย้ายเข้ามาอยู่ได้ตั้งเเต่วันนี้เลยค่ะ” เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อย คุณปภาวีก็ขอตัวกลับก่อน ส่วนผมกับระพีก็นั่งคุยกันอยู่สักพักจึงค่อยเดินออกมาจากตัวบ้านไปยังรถที่จอดไว้ข้างนอก

“สรุปแล้วนายจะย้ายมาอยู่นี้เมื่อไหร่” ระพีถามกับผม ในขณะที่เขานั้นกำลังหันพวงมาลัย ขับรถออกไปยังถนนใหญ่

“น่าจะพรุ่งนี้มั้ง คืนนี้ขอไปนอนกับนายก่อน อีกอย่างนะ ของใช้ส่วนตัวฉันก็อยู่ที่คอนโดนายหมดเลย”

“โอเค งั้นคืนนี้ก็ไปนอนห้องฉันก่อนเเล้วกัน”

พูดจบเขาก็เร่งรถขับพาผมไปยังคอนโดมิเนียมของระพีทันที่ ตกดึกคืนนั้นเองในบ้านพักที่ผมนั้นกำลังจะเข้าไปเช่าอยู่อาศัย ก็ได้มีเสียงปริศนา กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เสียงนั้นไม่อาจรู้ได้ว่ามาจากที่ไหนในบ้านกันแน่ แต่เสียงนั้นต้องดังออกมาจากภายในตัวบ้านอย่างแน่นอน

อัพ 31/03/2022