บันทึกโบราณระบุไว้ว่า ดินแดนทั้งหมดบนโลกนี้แทบจะต่อกันเป็นผืนเดียวบนมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล

เขตแดนของเทพีเอรูซานั้นกางบริเวณรอบเมืองมนุษย์ซึ่งอยู่ทางขวาสุดของแผนที่ หรือก็คือซีกโลกตะวันออก โดยเขตแดนมีรูปร่างเป็นเส้นสีฟ้าโปร่งใส ส่องผ่านตั้งแต่ใต้ผืนดินทะลุขึ้นไปถึงบนฟากฟ้า

มันจะไม่ทำลายสิ่งใดนอกจากปีศาจที่หมายรุกล้ำดินแดนมนุษย์

ดังนั้นเหล่าผู้คนในสามอาณาจักรจึงอยู่อย่างสงบสุข ห่างไกลจากพวกปีศาจเรื่อยมาตั้งแต่เอรูซาถือกำเนิดขึ้นเป็นเทพ พวกเขาไม่ทำการส่งคนออกสำรวจนอกพื้นที่ให้ไปเสี่ยงอันตราย

ความปลอดภัยและสบายใจเติบโตมาจนถึงขั้นขยายอาณาจักรเต็มเขตแดน…

และด้วยว่าทรัพยากรภายในเริ่มไม่พอใช้ ผู้คนค่อยๆ ถามหาหลายสิ่งจากภายนอก ทั้งถ่านหิน เหมืองแร่ ไม้เนื้อดี สมุนไพรหายาก รวมทั้งสิ่งอื่นอีกมากมาย

อาชีพนักผจญภัยที่ถูกหมางเมินมาหลายต่อหลายรุ่นเพราะความสงบสุข ก็ได้กลับมาถูกเรียกหาอีกครั้ง

งานของนักผจญภัยมีหลากรูปแบบ ไม่ว่าจะคุ้มกันคนงานจากเหล่าปีศาจ ตามหาวัตถุดิบปรุงยารักษาโรค แล้วยังมีความต้องการตลาดให้ตามหาชิ้นส่วนปีศาจบางชนิดไปสะสมหรือใช้ประดิษฐ์อุปกรณ์ต่างๆ

เพราะเงินดีจึงได้มีผู้สนใจเข้ามาทำอาชีพนี้เป็นจำนวนมาก ทว่าบางครั้งก็ประมาณตนสูงเกินไปจนถูกปีศาจสังหารนอกเขตแดน…

เมื่อเหล่านักผจญภัยเริ่มเยอะขึ้น ทั้งสามอาณาจักรจึงตกลงสร้างส่วนกลางที่เรียกว่า กิลด์ ขึ้นมาเพื่อจัดระเบียบอาชีพนักผจญภัย กำหนดระดับภารกิจตามความสามารถ และลดอัตราการเสียชีวิตลงเป็นอย่างมาก

หากนักผจญภัยคนใดไม่ขึ้นทะเบียนกับกิลด์ ก็จะไม่สามารถใช้ประตูของแต่ละเมืองออกนอกเขตแดนได้

ส่วนที่สำคัญสำหรับนอสก็คือ… กฎการขึ้นทะเบียนนั้นระบุไว้ว่า นักผจญภัยต้องมีส่วนสูงเกินกว่าหรือเท่ากับท่อนไม้ที่ปักอยู่หน้าอาคารกิลด์ ซึ่งนั่นเป็นขนาดมาตรฐานของเด็กอายุราวสิบสองสิบสามปี

ซึ่งเธอยังขาดไปอีกนิดหน่อย

…ท่านเทพเอรูซาเก็บเธอมาตอนอายุแปดขวบ คอยซื้อหนังสือราคาแพงมาให้เด็กหญิงขัดเกลาเพิ่มพูนทักษะด้วยตัวเอง และเมื่อมีเวลาก็จะตรวจดูความสามารถอยู่เป็นระยะ

ช่วงหลังเธอถูกจับฝึกหนักกว่าเดิมมาก เพราะท่านเทพเห็นว่าก่อนหน้านี้นอสมีเวลาไปแอบตามดูกิจวัตรของอีกฝ่ายได้ เลยให้รายการสิ่งที่ต้องทำมาเพิ่ม ทำเอาเด็กหญิงเหนื่อยขึ้นทุกวันและไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องอะไรนอกจากการทะลุขีดจำกัดร่างกายไปเรื่อยๆ

เพื่อเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมที่สุด

บางครั้งนอสก็คิดว่าท่านเทพเกลียดเธอหรือเปล่า… เธอกังวลจนพยายามทำให้ผลลัพธ์ทุกอย่างออกมาเกินกว่าที่ท่านเทพคาดหวังเอาไว้

อยากให้ท่านเทพสนใจเธอ …มากกว่าสตรีใดที่ท่านเทพส่งยิ้มให้

หากท่านเทพให้อ่านตำรากระบวนท่า นอสก็จะทวนซ้ำไปมาและหาเล่มอื่นที่มีมาเสริมโยงข้อมูลจุดอ่อนจุดแข็งและนึกสถานการณ์ที่ควรใช้

หากท่านเทพให้ฝึกฟันดาบ นอสก็จะเหวี่ยงอาวุธซ้ำๆ และจินตนาการตัวเองขึ้นมาอีกคนหนึ่งเพื่อจำลองรูปแบบการเคลื่อนไหว หลบการโจมตีและหาช่องว่างของศัตรูไปพร้อมกัน

หากท่านเทพให้เรียนรู้การทำอาหารด้วยวัตถุดิบจำกัดเพื่ออยู่อาศัยนอกเขตแดน นอสก็จะหาวิธีทำออกมาอย่างฉับไวและคงสารอาหารครบถ้วนเท่าที่จะทำได้

ทุกอย่างอยู่ในการควบคุม ท่านเทพจะภูมิใจในตัวเธอ…

แต่วันหนึ่งนอสก็เหนื่อยล้าจนสลบไป…

เมื่อตื่นขึ้นมาบนเตียงอุ่น ร่างกายของนอสเบาลงกว่าตอนแรก

เด็กหญิงรู้สึกเหมือนตนเองล่องลอยและสบายตัวขึ้นมาก ราวกับมีใครสักคนคอยดูแลตอนเธอไม่ได้สติ…

“ฟื้นแล้วหรือ” น้ำเสียงเรียบกล่าวพลางใช้ฝ่ามือเรียวสัมผัสหน้าผากอย่างแผ่วเบา “เด็กน้อย เจ้าป่วยเพราะหักโหมร่างกาย… นี่ไม่ใช่การป่วยเพียงเล็กน้อย แต่เป็นระดับที่พรของผู้กล้ายังทำให้เหลืออาการมาถึงขนาดนี้”

ร่างเล็กกะพริบตาสองครั้ง

เธอป่วย…

การป่วยหมายถึงความอ่อนแอ หากไปอยู่นอกเขตแดนก็เท่ากับความตาย ถ้าอย่างนั้นแล้วเธอไม่อาจเป็นเครื่องมือสังหารจอมมารอย่างที่ท่านเทพคาดหวังไว้ได้สินะ…

“ท่านเทพ… เช่นนั้น… ข้าหมดประโยชน์แล้วหรือ” เด็กหญิงสัมผัสได้ว่าเสียงที่ตัวเองเปล่งออกไปสั่นไหวเป็นอย่างมาก “ข้าจะพยายามมากกว่านี้อีก… ข้าจะเก่งขึ้นกว่านี้…”

เธอพยายามยันตัวลุกขึ้น

“...” ดวงตาสีฟ้ากระจ่างใสหลุบลง และดันสัมผัสบริเวณหน้าผากให้ผู้ขัดขืนหยุดนิ่ง “สิ่งที่เจ้าต้องทำคือการพักรักษาตัวเอง”

คนฟังเม้มริมฝีปาก ศอกที่ตั้งอยู่จำต้องกลับไปวางราบบนเตียง

“เด็กน้อย เจ้าเป็นเครื่องมือของข้า” ท่านเทพย้ำเรื่องเดิม “ข้าไม่ต้องการให้เครื่องมือของข้าเสียหายก่อนพบกับจอมมาร ดังนั้นเจ้าต้องรู้จักประเมินตัวเองมากกว่านี้”

“ท่านเทพ…” นอสรู้สึกเหมือนตัวเองได้รับความห่วงใยอีกครั้ง “ข้าจะรีบพักผ่อน แล้วจะสู้กับปีศาจให้จงได้… ข้าจะไม่พ่ายแพ้ให้ปีศาจใด…”

“ความดื้อดึงของเจ้าจะเป็นปัญหาในอนาคต” ร่างงามดึงชามที่วางบนโต๊ะหัวเตียงเข้ามาใกล้ขึ้นอีกระดับ “นิสัยเช่นนั้นควรเป็นของอัศวินผู้มีเกียรติ หาใช่นักผจญภัยไม่… ดังนั้นในอนาคตหากเจ้าเห็นว่าจะแพ้ให้กับปีศาจนอกเขตแดน การถอยหลังย่อมไม่ใช่เรื่องที่ผิด… เด็กน้อย เพียงเจ้ามีชีวิตรอดก็เท่ากับชัยชนะของข้า จากนั้นก็ฝึกฝนให้แข็งแกร่งขึ้นเพื่อกลับไปสังหารปีศาจตนที่เจ้าพ่ายแพ้ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว”

นอสหดคอลงเล็กน้อย แต่พอเห็นว่าท่านเทพจะป้อนซุปให้ก็รีบยื่นหน้ากลับมา

อุณหภูมิอุ่นร้อนไหลผ่านจากโพรงปากลงสู่ร่างกาย พร้อมกันนั้นหัวใจของเด็กหญิงก็รู้สึกพองโตขึ้นหลายเท่านัก

ชีวิตของเธอคือชัยชนะของท่านเทพ…

“ข้าจะจดจำคำพูดของท่านเทพเอาไว้ จะไม่ดื้อดึงอย่างแน่นอน… เพื่อที่ข้าจะเป็นเครื่องมือของท่านเทพอย่างสมบูรณ์แบบ”

เทพีเอรูซาเป็นห่วงจนมาดูแลเธอด้วยตนเองเช่นนี้ เด็กหญิงไม่เคยคาดคิดมาก่อน

ความรู้สึกตื้นตันหลั่งไหลออกมาจนขอบตาร้อนผ่าว

“กินเสร็จแล้วก็นอนเถอะ หากเจ้าป่วยแล้วร่างกายเติบโตขึ้นช้ากว่าเดิมก็ไม่ได้เป็นนักผจญภัยเสียที” นั่นคือเสียงอันแสนอ่อนโยนที่นอสรับรู้ได้จากใจ

 

…เอรูซามักจะคอยเทียบความสูงของนอสด้วยเสากลางบ้าน เนื่องด้วยการจดจำที่แม่นยำทำให้สัดส่วนซึ่งกะเกณฑ์ไว้อยู่ในระดับตรงเผง

กว่านอสจะโตพอดีกับเส้นขีดวัด ซึ่งเป็นความสูงของท่อนไม้หน้ากิลด์ด้วยนั้น เธอก็เข้าวัยสิบสอง

“ข้าจะได้เป็นนักผจญภัยแล้ว…” เด็กหญิงตื่นเต้นจนอดพูดออกมาไม่ได้

แผ่นหลังของนอสละออกมาจากเสา เธอยิ้มกว้างรับแสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาอย่างอารมณ์ดี

แม้ปกติจะชอบยิ้มอยู่แล้วเพราะได้มองเห็นสิ่งต่างๆ ด้วยสองตา ทว่าครั้งนี้มีความสุขยิ่งกว่า…

“อืม” เอรูซาเพียงตอบรับในลำคอ “เช้านี้ข้าจะทำอาหารให้”

ท่านเทพนั้นไม่จำเป็นต้องกินดื่ม เพราะมีตัวตนอยู่ด้วยความเชื่อจึงไร้ซึ่งความหิวโหย วัตถุดิบทำอาหารทั้งหมดที่เอรูซาซื้อเข้าบ้านล้วนแต่เป็นความเอาใจใส่อันไม่เคยขาด

แม้พอนอสเริ่มทำอะไรกินได้แล้วเอรูซาจะให้เด็กหญิงจัดการเอาเอง แต่อย่างตอนที่เธอป่วยอยู่ก็ทำอาหารมาให้เป็นพิเศษ

ส่วนครั้งนี้… นับว่าเป็นการฉลองหรือเปล่านะ

พอสังเกตดูดีๆ แล้ว ตรงมุมปากของท่านเทพซึ่งกำลังอยู่หน้าหม้อต้มคล้ายจะแต้มรอยยิ้มบางไว้เล็กน้อย

ใบหน้าของนอสมีอุณหภูมิสูงขึ้น รู้สึกขัดเขินจนต้องยกมือขึ้นปิดบังไปชั่วขณะ

“กินเสร็จแล้วค่อยเตรียมตัวไปที่กิลด์” เสียงของท่านเทพดังขึ้นในระยะใกล้

เมื่อเลื่อนแขนลงก็พบมันบดราดซอสที่นำมาวางไว้ในระยะประชิด

กลิ่นหอมอ่อนๆ จากสตรีผมเปียทำเอาเด็กหญิงต้องรีบเบี่ยงความสนใจของตัวเองไปที่อาหารอุ่นร้อน และตะครุบกินอย่างรีบเร่ง

“เดี๋ยวก็ติดคอเอาหรอก” ท่านเทพเอ่ยเตือนครั้งหนึ่ง แล้วจัดเสื้อสีน้ำตาลดำของตนเองให้เรียบร้อย “ข้าจะล่วงหน้าไปก่อน เจ้าคงจำทางไปกิลด์ได้อยู่แล้วสินะ เด็กน้อย”

นอสพยักหน้ารัวเร็วทั้งที่อาหารเต็มกระพุ้งแก้ม เธอมองส่งร่างสูงจนกระทั่งประตูบ้านถูกปิดลง

ท่านเทพนั้นทำงานในเมือง ซึ่งสถานที่ทำงานก็คือกิลด์…

นี่เป็นเหตุผลหนึ่งให้เธออยากขึ้นทะเบียนนักผจญภัยเร็วที่สุด เพื่อจะได้เห็นท่านเทพในมุมอื่นๆ และมองใบหน้าดวงนั้นนานขึ้นอีกสักนิด

พอคิดแบบนี้แล้วนอสก็รีบเติมอาหารเข้าไปในกระเพาะให้หมด แล้วมองตัวเองสะท้อนกับเงาน้ำ

ใบหน้าขาวนวลผ่องใส ผมดำยาวที่รวบสูงเป็นหางม้า ดวงตาสีฟ้าซึ่งโทนใกล้เคียงกับท่านเทพ… โดยรวมแล้วก็ไม่นับว่าน่าเกลียด

ร่างเล็กดึงผ้าสีน้ำเงินให้สวมเข้าไปในกางเกงอย่างเรียบร้อยอีกนิด

เมื่อเสริมความมั่นใจแล้วเธอก็ลุกออกจากที่พัก

ระยะห่างระหว่างบ้านของท่านเทพกับอาคารกิลด์นั้นอยู่ถัดไปราวสองตรอก เธอสวนกับเหล่าเพื่อนบ้านซึ่งไม่เคยคุยด้วย และผู้คนที่ไม่รู้จัก ทว่าใบหน้าของนอสแจกรอยยิ้มยินดีตลอดทาง

…สิ่งก่อสร้างตรงหน้าประกอบขึ้นด้วยหินและร้อยเรียงยึดติดกันไว้เป็นรูปทรง มันมีขนาดกว้างเป็นพิเศษ มองจากภายนอกมีหน้าต่างเรียงสูงถึงสามชั้น

เด็กหญิงเทียบตัวเองกับขนาดท่อนไม้หน้ากิลด์เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ จากนั้นก็ก้าวสองขาเข้าไปในห้องโถงใหญ่อันมีโคมระย้าห้อยลงมาจากเพดาน

เธอเคยแอบมองท่านเทพที่ข้างหน้าต่างกิลด์ แต่พอได้เหยียบเข้ามาด้วยตนเองแล้วรู้สึกต่างออกไปอย่างลิบลับ

มันไม่ได้หรูหราถึงขั้นแปลกประหลาดใจ ทว่าบรรยากาศของสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยผู้ใหญ่มากหน้าหลายตานั้นชวนให้คิดว่าตนเองกำลังจะเป็นส่วนหนึ่ง… และเติบโตขึ้นไปอีกขั้น

รวมถึง… ท่านเทพที่ยืนอยู่หลังโต๊ะยาวทางขวา

ดวงหน้าเรียวสวยอันไร้ซึ่งการแสดงออกกำลังเหม่อลอย ช่างเป็นดวงตาที่ราวกับมองอยู่เหนือโลกทั้งใบ… เหมือนอยู่ไกลจนมิอาจแตะต้องทว่าขณะเดียวกันก็ใกล้เพียงแค่นี้เอง

“ว้าว น่ารักจัง” เสียงหนึ่งแทรกขึ้นระหว่างที่นอสอยู่ในห้วงภวังค์

“...” เมื่อเหลือบมองก็พบกับพนักงานในชุดเครื่องแบบสีน้ำตาลดำเช่นเดียวกับเอรูซา

ทีแรกเธอสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายเดินเข้าใกล้ แต่เพียงคิดว่าจะเดินผ่านไปคุยกับคนอื่นเท่านั้น กลับกลายเป็นว่าเข้ามาชวนเธอเสวนาด้วย…

แถมยังบอกว่า น่ารัก…?

ทั้งที่เธอเคยถูกนินทาเรื่องอัปลักษณ์มาตลอดแท้ๆ

หรือเพราะดวงตาไม่ปูดโปนเหมือนแต่เก่าจึงได้มีใบหน้าที่พอดูได้มากขึ้นกันนะ

“ดูมีความสุขนะคะ มารอใครงั้นหรือ” อีกฝ่ายยังคงอยากมีปฏิสัมพันธ์ด้วยแม้ไม่ได้รับการตอบกลับ

นอสชินกับการยกมุมปากตลอดเวลาไปแล้ว เพราะอย่างนั้นจึงคล้ายอารมณ์ดีอยู่เสมอ

แต่ขณะนี้เด็กหญิงไม่อยากคุยกับคนอื่นเลยแม้แต่น้อย…

เมื่อมองไปที่เอรูซา อีกฝ่ายกำลังพูดกับผู้ใหญ่ผมสั้นอีกคน ซึ่งดูจะเป็นหัวหน้างานในกิลด์ ทำให้ไม่มีช่องว่างในการเข้าแทรกเลยสักนิด

“ข้าต้องการขึ้นทะเบียนนักผจญภัย” นอสยอมแพ้แล้วหันกลับมาตอบพนักงานกิลด์คนเดิม แม้ประสาทการรับรู้จะจดจ่อบริเวณที่ท่านเทพยืนอยู่ก็ตาม

“เอ๊ะ” หญิงสาวชะงักไปชั่วอึดใจ “เธอยังเป็นเด็กอยู่เลยนะคะ”

“สูงเท่าท่อนไม้ด้านหน้าแล้ว” การยกเกณฑ์ของกิลด์ที่ระบุไว้ชัดเจนมาพูด ทำให้คู่สนทนาอ้ำอึ้ง

นอสถอนหายใจ ไม่อยากเสียเวลากับคนคนนี้มากนักแต่จำต้องละความสนใจจากท่านเทพแล้วเดินนำหญิงสาวไปยืนเทียบให้ดูแบบชัดเจน

“จริงด้วยค่ะ… ถ้าอย่างนั้นจะขึ้นทะเบียนกิลด์ให้โดยมีค่าบริการห้าเหรียญทองแดงนะคะ”

ถึงตอนแรกจะดูอิดออด แต่พอยื่นความประสงค์พนักงานกิลด์ก็ทำหน้าที่อย่างจริงจัง

...ในห้องโถงแห่งนี้มีโต๊ะขนาดยาวเป็นพิเศษเรียงหน้ากระดานเพื่อแยกระหว่างเหล่าพนักงานกิลด์ที่พร้อมให้บริการ กับพวกนักผจญภัยซึ่งเข้ามาสอบถามดำเนินเรื่องต่างๆ ส่วนด้านหลังเป็นกระดานภารกิจขนาดใหญ่ซึ่งแบ่งเป็นสองฝั่ง และตรงกลางมีที่นั่งสำหรับพักคุยกัน

“เช่นนั้นก็ช่วยบอกรายละเอียดชื่อ ที่อยู่อาศัย อายุ แล้วก็ศาสนาที่นับถือมาด้วยค่ะ”

เอรูซาเคยบอกว่าไม่ใช่มนุษย์ทุกคนในสามอาณาจักรจะรู้จักการอ่านเขียน พวกเขาสามารถพูดได้แต่ใช่จะรู้อักษร เพราะอย่างนั้นพนักงานกิลด์จึงมีหน้าที่เดินเอกสารแทนเหล่านักผจญภัยบางส่วนซึ่งไม่มีโอกาสรับการศึกษาด้านภาษาไปด้วย

นอสให้รายละเอียดทั้งหมด และลงท้ายด้วยการตอบว่านับถือเทพีเอรูซา

“เทพีเอรูซาหรือคะ…” อีกฝ่ายอมยิ้มเล็กน้อย “หายากพอสมควรเลยนะคะ ที่นักผจญภัยจะนับถือเทพีเอรูซาน่ะ”

เด็กหญิงกะพริบตาด้วยความอยากรู้ “หายากหรือ”

“อืม… คนส่วนใหญ่มักจะนับถือเทพเนิร์จ ซึ่งถือเป็นเทพแห่งการผจญภัยน่ะ”

ระหว่างที่หญิงสาวพูดตอบ พนักงานหนุ่มอีกคนก็โผล่หน้าเข้ามา เหมือนว่าไม่ค่อยเจอเด็กวัยนอสในกิลด์จึงทำท่าสนอกสนใจ

“เพราะเทพเนิร์จให้พรมนุษย์ง่ายน่ะสิ” ชายในชุดเครื่องแบบลูบคาง “เพื่อนข้ากล่าวว่าแค่สวดภาวนาครั้งสองครั้ง เทพเนิร์จก็ให้พรแห่งสายลมแล้ว”

พรจากเหล่าทวยเทพ… นั่นเป็นสิ่งที่คล้ายกับเวทมนตร์ในนิทาน

เทพทั้งสี่สามารถให้พรได้องค์ละสองอย่าง สี่สิ่งแรกคือพลังในการควบคุมธาตุ ดิน น้ำ ลม และไฟตามแต่ธาตุของเทพ… ส่วนพรที่เหลือจะเป็นพรพิเศษ ซึ่งมอบให้กับผู้ศรัทธาระดับสูงเท่านั้น

เหล่าสาวกในลัทธิต่างๆ จึงสร้างวิหารเพื่อบูชา สวดภาวนาขอพร และการคุ้มครองจากทวยเทพ

…นอสได้รับพรแห่งผู้กล้ามาแล้ว แต่เอรูซาเคยกล่าวไว้ว่าให้เริ่มต้นอย่างพื้นฐานที่สุดเพื่อความมั่นคงในการผจญภัยนอกเขตแดน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดเรื่องความสามารถของตนเองออกไป

“กลับกันแล้วเทพีเอรูซาน่ะ กว่าจะให้พรแต่ละหนนับคนได้ ผู้ใช้พรแห่งน้ำมีน้อยมาก แถมลือกันว่าไม่เคยมีใครเคยได้พรพิเศษของเทพีเอรูซาเลยสักครั้งเดียว” พนักงานหนุ่มว่าต่อ “เป็นเทพีที่ไม่สนใจมนุษย์เลยสักนิด”

ท่านเทพไม่สนใจมนุษย์… จากท่าทางที่ผ่านมาก็คงจะเป็นเช่นนั้น

เรื่องนี้ทำให้นอสแอบดีใจที่ตนเองเป็น ‘คนพิเศษ’ ของท่านเทพ… ผู้เดียวที่ได้พรผู้กล้าภายใต้นามเทพีเอรูซา

“พูดถึงทวยเทพแบบนั้นเดี๋ยวได้ถูกสาปเอาหรอกค่ะ” หญิงสาวดันตัวเขาออกไปอีกทาง “ช่างคนคนนั้นไปนะคะ ผู้ที่นับถือเทพีเอรูซาส่วนใหญ่ก็เพียงรักในความสงบ ไม่ได้ฝักใฝ่พลังเพื่อการต่อสู้อยู่แล้ว”

นอสพยักหน้าให้แล้วมองคู่สนทนาดำเนินเอกสารต่อ

เธอเข้าใจอยู่แล้วว่าเทพีเอรูซาคือเทพแห่งเขตแดน ซึ่งหมายถึงเหล่าสาวกส่วนใหญ่มักจะมีอุปนิสัยรักสันติ และบางส่วนก็เข้าลัทธิเพราะหลงใหลในโฉมหน้าของรูปปั้น ซึ่งยอดประติมากรพยายามสลักให้ใกล้เคียงกับตัวจริงมากที่สุด

แม้จะไม่เหมือนกับท่านเทพเสียทีเดียว แต่นอสที่เคยผ่านวิหารดอกลิลลี่ของเทพีเอรูซาในเมือง ก็เจอรูปปั้นที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงไม่น้อย… ไม่รู้ว่าประติมากรใดที่แกะสลักรูปปั้นของท่านเทพ และวิหารของเมืองอื่นจะเป็นเฉกเช่นเดียวกันหรือเปล่า… แต่มันก็ช่างดูสูงส่งและยั่วเย้าไปในคราวเดียวกัน

เมื่อทุกคนรู้ว่าทวยเทพมีตัวตนอยู่จริงแล้ว บวกกับข่าวลือเรื่องการเสพสมในทุกเจ็ดวันอีก เช่นนั้นจะมีใครบ้างที่เก็บท่านเทพไปจินตนาการ…

เพียงแค่คิดนอสก็รู้สึกขุ่นเคืองจนมุมปากลดระดับลง

“ไม่ต้องคิดมากหรอกนะคะ นักผจญภัยที่เชื่อในหลายศาสนา หรือไม่บูชาเทพเลยก็มี… ในกิลด์มีหลายภารกิจให้เลือกทำอยู่แล้ว ไม่ได้มีแค่ผู้ที่มีพรแห่งเทพเท่านั้น” ผู้สวมชุดเครื่องแบบเรียกความสนใจนอสกลับมา แล้วยื่นแถบทองแดงขนาดเท่านิ้วโป้งมาให้ “เอาล่ะ นักผจญภัยทุกคนจะเริ่มจากทองแดงระดับห้านะคะ เวลาเลือกงานบนแผ่นป้ายก็ดูระดับที่สามารถทำได้ก่อนยื่นเรื่องทำภารกิจ… ถ้าทำภารกิจครบจำนวนและเงื่อนไขจะได้เลื่อนระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ค่ะ”

บนแผ่นทองแดงที่เด็กหญิงรับมามีรอยขีดเป็นตัวเลขระดับห้า หากไต่อันดับให้สูงขึ้นจะกลายเป็น สี่ สาม สอง หนึ่ง… และจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นระดับเงิน

“พอขึ้นเป็นนักผจญภัยระดับเงินแล้วจะได้รับการสลักชื่อไว้ด้านหลังแผ่นป้ายค่ะ” พนักงานสาวยิ้มหวาน “แต่น่าจะอีกพักใหญ่กว่าจะถึง ระดับเงินกับระดับทองค่อยเก็บไว้อธิบายทีหลังแล้วกันนะคะ”

แถบทองแดงนี้เป็นหลักฐานว่านอสได้กลายเป็นนักผจญภัยเต็มตัวแล้ว แม้จะเริ่มจากขั้นที่เล็กที่สุดก็ตาม

เมื่อลงทะเบียนเสร็จสิ้น ร่างเล็กก็หันไปมองเอรูซาที่อยู่มุมด้านขวา

ดวงตาสีฟ้าของนอสเบิกกว้างขึ้นและสะท้อนภาพรอยยิ้มของท่านเทพซึ่งส่งให้เธออย่างกะทันหัน

งดงาม… เสียจนอยากเก็บรอยยิ้มนี้ไว้เพียงผู้เดียว

“เอล ข้านำสมุนไพรมาขายให้แล้วนะ” เสียงหวานดังขึ้นจากด้านหลัง

นอสถึงกับชะงักค้างเมื่อรอยยิ้มของท่านเทพไม่ได้มีให้ตนเอง แต่กลับเป็นพี่สาวนักผจญภัยอีกคนที่เดินผ่านเด็กหญิงเข้าไปหาเอรูซา

ความคิดของเธอสรุปอย่างรวดเร็วว่าคนคนนี้คือเหยื่อรายใหม่… ผู้ที่จะได้เห็นท่านเทพเปลือยเปล่าและตกลงสู่ความเสื่อมในอีกไม่นาน…

บริเวณอกของเธอรู้สึกเหมือนถูกบีบแน่นขึ้นอย่างไรอย่างนั้น

“เอลเอาอีกแล้ว” เสียงกระซิบของพนักงานลอยเข้าหูของนอสที่ประสาทการได้ยินฉับไวกว่าผู้อื่น “ใช้หน้าตาล่อลวงนักผจญภัยหญิงคนใหม่ทุกที… ข้าเตือนแม่นางคนนั้นแล้วนะว่าอย่าหลงกลรอยยิ้มนั่น”

“เจ้าคิดว่าห้ามได้หรือ ลองให้เอลยิ้มกับเจ้าสักหนสิ ใครจะมีสติไม่คล้อยตามบ้างเล่า”

“อย่างกับเทพีเอรูซาเลยนะ ที่เก่งเรื่องการหลอก แล้วล่อลวงได้แม้แต่จอมมารน่ะ”

“เทพีเอรูซาจะมาอยู่ในกิลด์เราไปทำไมกันล่ะ เจ้าเพ้อฝันแล้ว” พวกเขาคุยกันอย่างสนุกปากเมื่อไม่มีนักผจญภัยมาให้ช่วยงาน

คนพวกนี้ช่างดูหมิ่นท่านเทพเหลือเกิน…

ท่านเทพของนางจำใจต้องเป็นเช่นนี้เพราะคำสาปต่างหากเล่า

“นอส” เสียงใสของเอรูซาดังขึ้น

เด็กหญิงเงยหน้าด้วยดวงตาเป็นประกายวาววับแล้วตรงดิ่งเข้าไปหาผู้เรียกนามทันที

“ท่าน… เอล” นอสนึกขึ้นได้ว่าไม่มีผู้ใดล่วงรู้ตัวตนของท่านเทพตอนนี้จึงรีบเปลี่ยนคำเรียกเสียใหม่

“คนผู้นี้เป็นเพื่อนใหม่ของข้า นางมาจากเมืองหลวงและมีความสามารถด้านการหาสมุนไพร” ท่านเทพกล่าวไปส่งยิ้มให้ผู้ถูกแนะนำตัวไปด้วย “นางอาสาจะช่วยให้เจ้าได้เรียนรู้ทักษะการหาสมุนไพร เพื่อทำภารกิจระดับล่างแล้วเลื่อนขั้นได้โดยง่าย”

“...” คราแรกนอสคิ้วกระตุกกับคำว่า เพื่อน

ท่านเทพไม่เคยยิ้มให้ใครพร่ำเพรื่อ

อย่างที่เพื่อนร่วมงานของ เอล กระซิบกระซาบกันไว้…

ทุกครั้งที่ท่านเทพยิ้มให้สตรีอื่น นั่นคงเป็นการเล็งเป้าหมายสำหรับใช้งาน และตอนนี้ก็เช่นกัน

“ส่วนนี่คือน้องสาวของข้า นอส ฝากเจ้าช่วยดูแลด้วยนะ” ท่านเทพยังคงคุยกับร่างสูงผ่านโต๊ะยาวที่ขวางกั้นเอาไว้

น้องสาว…

“ถึงว่าสิ หน้าตาน่ารักไม่เบา น้องสาวของเอลนี่เอง” นักผจญภัยหญิงหันมามองนอส “ยินดีที่ได้รู้จักนะ ข้าเป็นเพื่อนของเอล”

ไม่รู้ว่าคำชมเรื่อง น่ารัก นี่มันจะมาจากใจจริง หรือแค่เอาอกเอาใจท่านเทพเพราะเธออยู่ในฐานะน้องสาว

นอสเม้มริมฝีปากมองมือที่ถูกยื่นออกมาค้างเอาไว้

“นอส” ท่านเทพเรียกชื่อนางเหมือนเอ่ยดุที่ไม่มีมารยาทตอบ

“...” เธอจำต้องรับความหวังดีด้วยการจับมือนั้น อย่าง-เป็น-มิตร

แล้วนี่ก็หมายความว่า เธอต้องฝึกฝนเรื่องสมุนไพรกับผู้หญิงคนใหม่ของท่านเทพ… อย่างนั้นหรือ…

ให้ตายเถอะ ท่านเทพเอรูซาช่างเย็นชาเสียเหลือเกิน

 

 

++++++++++

[TALK]

เราจะโฆษณาขายของทุกตอนค่ะ เชื่อมือนักขายตรงได้เลย ?

sds

meb 249.- >> https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk0NDUwMiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjE4NjQzNyI7fQ