So you come to live with me?

อเล็กซ์ลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของอีกวันเมื่อแสงแดดลอดผ่านม่านสีแดงอ่อนมากระทบใบหน้า ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งพลางบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบที่เกิดจากการที่เขานอนดิ้นผิดท่าส่งผลให้ร่างกายรู้สึกเมื่อยล้ามากกว่าสบายตัว ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองอีกครึ่งของเตียงที่ว่างเปล่าไร้ร่างของฆาตกรโรคจิต มือสีขาววางลงบนพื้นที่ที่กายสมส่วนนอนทับเมื่อคืน

ยังอุ่นอยู่...คงพึ่งตื่นก่อนไม่นาน

แล้วเขาหายไปไหน?

อเล็กซ์ตั้งคำถามหาอีกคนด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงมีดกระทบกับเขียงดังมาจากข้างล่าง ในหัวของเขาคิดไปต่าง ๆ นานาเพราะภาพของเหตุการณ์เมื่อคืนยังคงติดตา ฆาตกรกดมีดลงบนผิวของผู้หญิงคนหนึ่งจนเธอคนนั้นตายคาเตียงที่ตั้งเด่นอยู่กลางห้อง

หรือว่า...เขาจะกำลังเอาคนเมื่อคืนมากิน!?

แค่คิดขนของอเล็กซ์ก็พร้อมใจกันลุกซู่ ฆาตกร ฆาตกรกินคน นี่เขาพาตัวเองมาอยู่กับคนอันตรายแบบนี้ได้ไงเนี่ย!!? อเล็กซ์เอ๋ย ยังไม่ถูกจับชำแหละก็นับว่าเป็นบุญหัวของเขาเท่าไหร่แล้ว นับว่าพระเจ้ายังเข้าข้างเขาอยู่บ้างที่ฆาตกรคนนี้รักษาสัญญาที่ให้ไว้

ร่างเล็กผุดลุกขึ้นจากเตียง เดินลงไปยังห้องครัวด้วยสีหน้างัวเงียเพื่อหวังสังเกตการกระทำของฆาตกรก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงน้ำมันร้อน ๆ ปะทุเพราะของที่นำลงไปทอด

"ตื่นแล้วหรอ" ฆาตกรหันมาถามเขาก่อนหันไปสนใจของในกระทะต่อ

"ครับ" อเล็กซ์พยักหน้าตอบอย่างว่าง่ายเพราะกลัวทำให้คนตรงหน้าหงุดหงิดและเปลี่ยนใจฆ่าเขาขึ้นมา

ใจของฆาตกร...ใครกันจะรู้

"ไปอาบน้ำสิ อาหารยังไม่เสร็จ"

อเล็กซ์รู้สึกแปลกใจ ทำไมชายคนนี้ถึงทำดีกับเขาผิดคาดได้ขนาดนี้ ทั้งให้ที่ซุกหัวนอน ทั้งพาไปซื้อเสื้อผ้า ทั้งน้ำทั้งอาหารก็มีให้ ทำไม…?

อเล็กซ์พยายามคิดหาคำตอบพลางใส่เสื้อผ้าที่ฆาตกรเตรียมไว้ให้ก่อนลงไปข้างล่างเพื่อกินอาหารเช้าที่ฆาตกรทำไว้ให้

นัยน์ตาสีฟ้าสกายบลูจ้องมองอาหารมื้อเช้าง่าย ๆ ที่ประกอบด้วยไข่ดาว ไส้กรอก และเบค่อน อยู่เนิ่นนานแต่ไม่มีวี่แววว่าจะหยิบส้อมที่วางอยู่ข้างจานมาจิ้มมันเข้าปาก แม้เขาจะหิวจนไส้กิ่วแต่ในใจของเขาก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับอาหารข้างหน้า

"ไม่หิวหรอ"

"ผม..."

"กินสิ ถึงมันจะเป็นอาหารง่าย ๆ แต่กินแล้วท้องไม่เสียแน่นอน"

"ครับ"อเล็กซ์พยักหน้ารับ แต่ยังคงไม่กล้ากิน

ฆาตกรหนุ่มมองคนเด็กกว่าด้วยสายตาเบื่อหน่ายก่อนแกล้งดึงจานอีกฝ่ายเข้ามาหาตัวเอง

"อ๊ะ!? ของผม..."

"ก็เห็นไม่กินสักที ฉันนึกว่านายแค่มองก็อิ่มแล้วซะอีก"เขาประชด อเล็กซ์ทำสีหน้าไม่พอใจชัดเจนจนคนแกล้งหัวเราะร่วนและดันจานกลับมาหาอเล็กซ์ตามเดิม

"ฉันไม่วางยาลงไปหรอก"

"ผมจะรู้ได้ไงครับ"

"ถ้าฉันจะฆ่านายตั้งแต่แรก นายคิดว่านายจะยังมีโอกาสได้มองอาหารฝีมือฉันในจานหรือไง"เขาตอบกลับด้วยคำถาม และนั่นก็ทำให้อเล็กซ์คิดได้ว่ามันจริงอย่างที่คนตรงหน้าพูด ถ้าจะฆ่าเขาคงทำไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่อเล็กซ์ยังคงไม่ไว้ใจฆาตกรตรงหน้าอยู่ดี ไม่มีใครรู้ใจของฆาตกร แต่เขาก็หิวเหลือเกิน ถ้าเขาทำอาหารกินเองได้เขาคงไม่ต้องกังวลและนั่งทำใจเกี่ยวกับอาหารง่าย ๆ ข้างหน้าหรอก

ทั้งชีวิตของเขาอย่าว่าแต่ตอกไข่ใส่กระทะ แค่เดินเข้าครัวเขายังไม่เคยเลยเพราะเกิดในตระกูลของขุนนาง ชีวิตอยู่สุขสบายมาตลอดจนกระทั่ง…

คิดมาถึงตรงนี้อเล็กซ์ก็ส่ายหน้ารัว ๆ ไหน ๆ ก็ไม่มีใครคนคอยห่วงเขาอยู่แล้วนี่ เขาวิ่งหนีมาแบบนี้ทางนั้นจะตามหาบ้างไหมเขานี่แทบไม่อยากจะคิด ยังไงก็คงมัวแต่เอาเวลาไปอวยพี่ชายที่แสนดีของเขาอยู่นั่นแหละ เรียนก็ดี กีฬาก็ได้ ดนตรีก็เป็น ผิดกับเขาที่ไม่เก่งอะไรเลยนอกจากศิลปะ ทั้ง ๆ ที่ยอมอดหลับอดนอนฝึกซ้อมเพื่อไปแข่งแต่กลับถูกมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ มันน่า…

อเล็กซ์ใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกเข้าปากอย่างเกรี้ยวกราดหลังความแค้นในอดีตผุดขึ้นมาเขาก็สลัดสิ่งที่กังวลในหัวทิ้งไปและกินเพื่อระบายอารมณ์

แต่ถึงอย่างนั้นความน้อยใจก็ยังคงตีตื้นขึ้นมาในอกและเอ่อล้นเป็นน้ำที่ดวงตา ที่ผ่านมาเขาแอบร้องไห้คนเดียวมาตลอด แม้จะพบเจอกับความลำเอียงมาตั้งแต่เด็กแต่เขาก็รู้สึกน้อยใจทุกครั้งที่พี่ชายได้รับคำเยินยอและสิ่งที่ดีกว่าเขาเสมอ

ทำไม?

อเล็กซ์ตั้งคำถามในใจ ใบหน้าของเขาเริ่มไม่น่ารัก ปากที่เคี้ยวอาหารอยู่ค่อย ๆ เบะออกก่อนที่น้ำตาจะไหลลงมา รสของอาหารมื้อนี้เต็มไปด้วยความขมขื่น ความจุกในอก ก้อนสะอื้นในลำคอส่งผลให้เขาไม่อยากอาหารอีกต่อไป อเล็กซ์วางส้อมลงก่อนยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาต่อหน้าฆาตกรเป็นครั้งที่สอง

ฆาตกรหนุ่มยกแขนขึ้นเท้าคางมองคนเด็กกว่าที่ร้องไห้ให้เขาดูอีกครั้ง หลังจากปาดน้ำตาไปแล้วอเล็กซ์ก็พยายามกลับมากินอาหารอีกครั้งแต่รสชาติของมันขมขื่นไม่ต่างจากความรู้สึกของเขาในตอนนี้ หลังจากกลั้นใจกินต่อไปด้วยสีหน้าพะอืดพะอมสุดท้ายอาหารก็พร่องไปได้แค่ครึ่งจาน น้ำตาที่คลออยู่เนิ่นนานเริ่มไหลลงมาอาบแก้มสีขาวอีกครั้ง

น่าอาย…

มาร้องไห้ต่อหน้าฆาตกรมันน่าอาย

แต่เขาก็ไม่อาจห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลลงมาได้

"มีอะไรอยากระบายให้ฉันฟังมั้ย" เขาเอ่ยถามเสียงเรียบ อยากรู้ถึงเหตุผลของน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาจากคนตรงหน้า

อเล็กซ์ส่ายหัวแทนคำตอบ เขาไม่รู้ว่าควรเริ่มระบายให้คนตรงหน้าฟังจากตรงไหนดีในเมื่อชีวิตของเขามันย่ำแย่มาตลอด

"ส่ายหัวนี่คืออะไร ไม่อยากเล่า? "

"เปล่าครับ..." อเล็กซ์ส่ายหัว ตอบเสียงสั่น

"ผมไม่รู้ว่าควรเริ่มเล่าจากตรงไหนดี..."

นึกแล้วเชียว

"งั้นฉันขอถามอะไรหน่อย ทำไมนายถึงไปอยู่ที่บ้านร้างนั่น"

"ผม...ผมหนีมา"

"หนีออกจากบ้าน? " เขาถามขยายความอย่างไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ ดูมีเชื้อผู้ดีขนาดนี้จะมีเหตุผลอะไรให้หนีออกมา...ถ้าไม่ใช่ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับคนในบ้าน

"ครับ..."

"หนีออกมาตัวเปล่าเนี่ยนะ"

"ตอนนั้นผมตกใจ...เลยวิ่งหนีออกมา" เสียงของอเล็กซ์เริ่มสั่นน้อยลงและน้ำตาเริ่มหยุดไหล

"เล่าให้ฟังได้มั้ย" อเล็กซ์พยักหน้ารับ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าควรเริ่มระบายจากตรงไหนดี

"ผมเป็นเกย์ พอพ่อเห็นผมนอนกับผู้ชายเขาก็ด่าผม...ผมรู้ว่าเขาพูดเพราะโกรธแต่ผมก็หนีออกมาอยู่ดี"

".................."

"ตอนนั้นผมตกใจมาก ผมวิ่งออกจากบ้านทันทีที่ตั้งสติได้และทิ้งทุกอย่างไว้ที่บ้าน ระเห็จอยู่ข้างนอกนานสองนานฝนก็เริ่มตกผมเลยไปอยู่ที่บ้านหลังนั้น เพื่อหาที่นอนและที่หลบฝน"

"อืม..." ฆาตกรครางรับหลังฟังเรื่องราวจากเด็กตรงหน้าก่อนจะถามกลับไป

"แล้วนายอยากกลับไปมั้ย ฉันไปส่งได้นะ แค่นายบอกมา..." เขาคิดว่าคนตรงหน้าอารมณ์เย็นลงแล้วและอาจจะอยากกลับไปปรับความเข้าใจกับพ่อก็ได้ แต่คนเด็กกว่ากลับตอบปฏิเสธเสียงแข็ง

"ไม่ครับ ผมจะไม่กลับไปที่นั่นอีกแล้ว"

"ทำไมล่ะ"

"ผมไม่ชอบที่นั่น พวกเขาไม่เคยรักผมเลย รักแต่พี่ นอกจากความสุขสบายแล้วที่นั่นก็ไม่มีอะไรดีเลย ผมไม่อยากอยู่ที่นั่นอีกแล้ว" อเล็กซ์ตอบด้วยสายตาแน่วแน่ เขาตัดสินใจแล้ว และเขาเชื่อว่าเขาจะไม่เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปเด็ดขาด

ฆาตกรพยักหน้ารับ เข้าใจความรู้สึกของอเล็กซ์เพราะเขาเองก็เคยเจอเรื่องแบบนี้มาเหมือนกัน เรื่องที่แสนโหดร้ายที่เกิดจากคนในบ้าน การอยู่ที่บ้านแล้วไม่มีความสุขสมัยก่อนเขาก็เป็น บ้านไม่ใช่คอมฟอร์ทโซนของทุกคน เขาเคยรู้สึกแบบนั้นจนกระทั่ง...ค่ำคืนแห่งโศกนาฏกรรมเกิดขึ้น

"ฉันเข้าใจความรู้สึกของนายนะ แต่จากนี้นายจะทำยังไงต่อไปล่ะ"

"ผมไม่รู้..." อเล็กซ์ตอบเสียงแผ่ว แผนการดำเนินชีวิตต่อจากนี้เขายังไม่คิด เอาแค่หนีออกจากนรกนั่นได้ก่อนเป็นพอ

"งั้นนายมาอยู่กับฉันมั้ยล่ะ" ฆาตกรหนุ่มเอ่ยชวน ไหน ๆ คนตรงหน้าคนตรงหน้าก็ไม่มีที่ไป หากเขาจะหยิบยื่นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ก็คงไม่เป็นไร อีกอย่างเขาก็เคยผ่านจุดที่เดียวกับอเล็กซ์มาเหมือนกัน เขารู้ดีว่าสิ่งที่ต้องการที่สุดในตอนนี้คือที่พักพิงที่ไว้ใจได้...แม้เขาจะเปิดตัวด้วยการฆ่าคนก็ตาม

"ได้หรอครับ..."

"ได้สิ...ถ้านายไม่กลัวถูกฉันฆ่าอ่ะนะ ฮ่า ๆ ๆ " เขาแกล้งว่า

"งั้นผมขออยู่กับคุณนะ" อเล็กซ์ตอบก่อนที่เขาจะได้ยินประโยคหลังที่ตามมาหลังฆาตกรเว้นช่วง เขาหุบปากฉับทันทีแต่มันไม่ทันเสียแล้ว ฆาตกรหยุดหัวเราะ จ้องตาคนตรงหน้าแล้วเอ่ยคำถามลองใจ

"ไม่กลัวถูกฉันฆ่าตายหรือไง"

"ผม..."พอถูกถามจี้จุดอีกครั้งเด็กน้อยก็เริ่มลังเล ไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง บ้านก็ไม่อยากกลับ ตายก็ไม่อยากตาย เงินที่จะซื้อห้องเช่าเล็ก ๆ ก็ไม่มี จะไปทำงานก็ไม่ได้เพราะไม่มีสำเนาจำเป็นต่าง ๆ ทางรอดเดียวของเขาคือต้องอยู่กับฆาตกร ทำไมชีวิตมันบัดซบได้ขนาดนี้วะ

อเล็กซ์แทบจะทึ้งหัวของตัวเองก่อนที่ประโยคที่คุยกันก่อนหน้านี้จะย้อนกลับเข้ามาในหัว

"ถ้าคุณจะฆ่าผมคุณทำไปนานแล้ว" อเล็กซ์ย้อนคำพูดด้วยน้ำเสียงและสายตาแน่วแน่ ฆาตกรหนุ่มแสยะยิ้มถูกใจ ยื่นมือออกไปหาคนเด็กกว่าที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะและเอ่ยแนะนำตัว

"อาเธอร์ โคลว"

"อเล็กซ์ ฮาแวน"อเล็กซ์ยืนมือไปจับกับอีกฝ่าย ไม่สนใจว่าฝ่ามือนี้เคยเปื้อนเลือดผู้คนมามากมายขนาดไหน

"เอาล่ะฮาแวน ถ้าจะอยู่ด้วยกันเราต้องมีเงื่อนไขสองสามข้อ"

"เรียกผมอเล็กซ์ก็ได้"

"โอเค งั้นมาที่ข้อแรกเลยนะอเล็กซ์ นายห้ามออกไปไหนโดยที่ไม่มีฉัน ห้ามติดต่อกับใคร ห้ามมีปฏิสัมพันธ์กับคนภายนอกโดยที่ไม่จำเป็น ห้ามพูดคุยกับตำรวจ ห้ามบอกใครว่านายรู้จักฉัน ห้ามบอกใครว่าฉันฆ่าคน และเล่นหมากรุกกับฉันทุกครั้งที่ฉันอยาก"

อเล็กซ์พยักหน้ารับเงื่อนไขที่ยาวเป็นหางว่าว เดิมทีเขาก็ไม่คิดจะทำอะไรแบบนั้นอยู่แล้วเพราะเขาต้องพึ่งคนตรงหน้า แต่อีกฝ่ายยังไม่ไว้ใจเขา เขาเข้าใจ เพราะเขาเองก็ไม่ได้ไว้ใจอีกฝ่ายเช่นกัน

"งั้นมาที่เงื่อนไขของผมบ้างนะ"

"อย่าเยอะนะเพราะฉันคือเจ้าของบ้าน"อเล็กซ์ที่กำลังอ้าปากบอกเงื่อนไขแรกถึงกับอ้าปากค้างไว้แบบนั้น จริงของอาเธอร์ เขาไม่มีสิทธิ์แบบนั้นเพราะนี่คือบ้านของอาเธอร์ ชีวิตของเขาอยู่ในกำมือของอาเธอร์เช่นกัน

อาเธอร์เห็นเด็กกว่ามีสีหน้าหงอลงก็หัวเราะร่วนอีกครั้ง รู้สึกมีความสุขที่แกล้งคนตรงหน้าได้สำเร็จ

"ฉันล้อเล่นน่า นายพูดมาเหอะแล้วฉันจะบอกเองว่าได้หรือไม่ได้" สายตาของอเล็กซ์เริ่มมีความหวังอีกครั้งว่าเขาจะไม่ได้พบเจอเรื่องสยองที่บ้านหลังนี้เพราะเงื่อนไขที่มีร่วมกัน

"คุณห้ามชำแหละศพในบ้านหลังนี้ ไปไหนคุณต้องบอกผม อย่าฆ่าผมและอย่าทำให้ผมกลัวก็พอ" พอได้ยินเงื่อนไขข้อสุดท้ายฆาตกรก็หัวเราะหึในลำคอ

"นี่แสดงว่านายไม่กลัวฉันแล้วสินะ"

"กลัวสิ แต่ผมไม่อยากใช้ชีวิตในบ้านหลังนี้ทั้ง ๆ ที่กลัวตลอดไปหรอกนะ"

"ฉันจะพยายามก็แล้วกัน"อาเธอร์ตอบกลั้วหัวเราะ

ในทีแรกอเล็กซ์คิดว่าอาเธอร์เป็นคนโรคจิตที่ฆ่าคนไม่เลือกหน้า คุยยาก เอาแต่ใจ และซาดิสม์ แต่พอได้คุยกันแบบนี้ความคิดของอเล็กซ์ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป เขารู้ว่าเขาอาจจะด่วนตัดสินใจไปหน่อยแต่ก็นั่นแหละ มุมมองของเขาที่มีต่อคนอื่นไม่เคยแน่นอน ครั้งหนึ่งเขาเคยมองว่าพี่ชายของเขาคือผู้ชายที่แสนดีโตมาเขาจึงมองว่าเป็นปีศาจร้าย คนเราเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาและไม่แน่นอนนั่นจึงทำให้อเล็กซ์ไม่เคยไว้ใจคาร์แรคเตอร์ของคนเท่าไหร่นัก เพราะเขารู้ว่ายังไงสักวันหนึ่งก็ต้องเปลี่ยนไป…

"ฉันต้องไปแล้ว"อาเธอร์ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้หลังคนตรงหน้ากินอาหารเข้าไปจนหมด

"ไปไหนหรอครับ"อเล็กซ์เอ่ยถามพลางเก็บจานไปใส่ซิงก์น้ำ

"ไปทำธุรกิจ"อาเธอร์ยิ้มตอบ เป็นรอยยิ้มที่แพรวพราวแสนเจ้าเล่ห์จนอเล็กซ์ไม่อยากจะถามต่อว่าธุรกิจนั่นคืออะไร ยังไงก็คงไม่พ้นเครื่องในที่ถูกเก็บไว้ในตู้แน่ ๆ แค่คิด...ขนของเขาก็ลุกขึ้นมาอีกแล้ว

"อเล็กซ์ นายขึ้นไปบนห้อง"

"ขึ้นไปทำไมครับ"

"ตามมาเถอะน่า ถ้าไม่ตามมาดี ๆ นายก็เตรียมหาที่อยู่ใหม่ได้เลย"

"..............."

ฆาตกรโรคจิตที่เป็นเผด็จการ

ชาติที่แล้วเขาทำอะไรไว้นะชีวิตถึงได้บัดซบขนาดนี้

"จะมามั้ย"

"ไปครับ ไป ๆ " อเล็กซ์รีบกุลีกุจอลุกขึ้นตามอาเธอร์ไปแต่โดยดี ถึงภายนอกเขาจะดูสงบเสงี่ยมแต่ภายในหัวของเขากลับมีความคิดตบตีกันให้ยุ่งไปหมด อาเธอร์จะให้เขาขึ้นมาทำไม จะจับเขาขังไว้กันเขาหนีไปหาตำรวจหรอ หรือจะฆ่าปิดปาก ไม่สิ ไม่ ๆ ๆ ถ้าจะฆ่าอาเธอร์คงไม่ยื่นความช่วยหรือมาให้เขาหรอก... หรือมันเป็นแค่สิ่งที่หลอกล่อให้เขาตายใจแล้วฆ่าเขาทีหลัง

ยิ่งคิดอเล็กซ์ยิ่งรู้สึกฟุ้งซ่านจนกลัวตัวเองเป็นบ้าเข้าสักวัน ทันทีที่ประตูห้องเปิดออกอาเธอร์ก็พาเขาไปนั่งบนเตียงก่อนกดเปิดโทรทัศน์ หยิบรีโมทมาวางแหมะใส่มือสีขาว จากนั้นหยิบกล่องที่อยู่บนตู้เสื้อผ้าลงมาแล้วเปิดหยิบของข้างในออกมาให้คนตรงหน้าดู มันคือตรวนข้อเท้า ดูจากความยาวของโซ่ไม่น่าจะพ้นรัศมีของตู้หนังสือที่อยู่ติดกับเตียง

"ฉันจะล่ามนายไว้กันนายหนีก็แล้วกัน"

มันไม่เหนือความคาดหมายของเขาเท่าไหร่เลย

อเล็กซ์ก้มมองดูฆาตกรหนุ่มที่กำลังใช้โซ่ตรวนข้อเท้าของเขาไว้ แม้อยากจะขัดขืนแต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าทำแบบนั้นอาเธอร์จะหงุดหงิดหรือเปล่า การกระทำของคนตรงหน้า อเล็กซ์คิดว่าเขาไม่อาจคาดเดาได้ ถ้าอาเธอร์ไม่พลั้งมือฆ่าเขา เขาก็อาจจะต้องเตรียมหาที่ซุกหัวนอนใหม่ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ลองไว้ใจอาเธอร์ดูคงไม่เสียหายอะไร ถ้าอาเธอร์ฆ่าเขาอย่างน้อยเขาก็แค่ตายเท่านั้นเอง

บางที...การตายไปมันอาจจะดีซะกว่า

แต่ตายโดยที่ยังไม่ได้รักใครสักคนก็ดูน่าสงสารเช่นกัน

แต่อาเธอร์ก็บอกแล้วว่าจะทำตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ เขาคิดว่าควรเชื่อใจอาเธอร์ดู...แม้อาเธอร์จะไม่เชื่อใจเขาก็ตาม

แต่พอมาคิดดูอีกที...อาเธอร์ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ฆ่าเขา บอกแค่ว่าจะพยายามไม่ทำให้เขากลัวเท่านั้นเอง

ฉิบหายละ

"ขอโทษนะ"อาเธอร์เอ่ยหลังล็อกข้อเท้าของเล็กซ์ไว้ ส่วนปลายของโซ่ติดอยู่กับขาเตียงพันธนาการไม่ให้เด็กหนุ่มได้ไปไหนไกลกว่าตู้หนังสือในห้องนอน

"ฉันยังไม่ไว้ใจนาย"

"ผมเข้าใจ" อเล็กซ์เอ่ยเสียงเรียบ

"คุณจะกลับมาเมื่อไหร่"

"น่าจะเที่ยง ๆ ไม่เกินนี้"

"ผมอ่านหนังสือได้มั้ย"อาเธอร์มองหนังสือบนชั้นของตัวเองก่อนย้ายสายตากลับมามองอเล็กซ์ที่จ้องเขาตาแป๋ว

"แน่ใจหรอว่าจะอ่าน"

"ครับ"

"งั้นก็ได้ ห้ามยับ ห้ามขาด ห้ามให้ปกเลอะคราบเหงื่อ ถ้ากลัวก็เอาปกใสในลิ้นชักมาใส่ก่อนอ่าน"

"ครับ"อเล็กซ์พยักหน้ารับก่อนที่อาเธอร์จะปิดประตูห้องและไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงสตาร์ทรถ เขาถอนหายใจ มองข้อเท้าตัวเองที่ถูกตรวนเหล็กพันธนาการก่อนหมุนมันไปมา อาเธอร์ไม่ไว้ใจเขาพอ ๆ กับที่เขาไม่ใจอาเธอร์ แต่เมื่อได้อยู่ร่วมกันนานกว่านี้ทุกอย่างมันจะดีขึ้น เขาคิดแบบนั้น

หรือถ้าท้ายที่สุดอาเธอร์ยังคงไม่ไว้ใจเขาและอยากฆ่าเขาขึ้นมาเขาคงพอขอร้องให้อีกฝ่ายฆ่าเขาให้ทรมานน้อยที่สุดน่าจะได้ อาเธอร์เองก็ดูไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำขนาดนั้นไม่งั้นอาเธอร์คงไม่ฟังคำร้องขอของเขาจนได้มานอนด้วยกันในห้องนี้หรอก…

พอคิดมาถึงตรงนี้ความคิดของอเล็กซ์ก็สะดุดอีกครั้ง ทำไมอาเธอร์ถึงให้เขามานอนด้วย แถมยังเป็นนอนเฉย ๆ ด้วยนะ ทำไมอาเธอร์ไม่ฆ่าเขาซะเลยถ้ากลัวเขาจะบอกคนอื่นขนาดนั้น จะเก็บเขาไว้ให้กลายเป็นบ่วงรัดคอตนเองเพื่ออะไร

ยิ่งคิดอเล็กซ์ยิ่งไม่เข้าใจ บางครั้งอาเธอร์ก็ดูเข้าถึงง่าย และบางครั้งอาเธอร์ก็ดูคาดเดาอะไรไม่ได้เลย

อเล็กซ์ทิ้งตัวนอนแผ่หลาบนเตียง ฟังเพลงของ Ariana จากช่องในเน็ตที่รันมาให้ หลังจากที่อาเธอร์เลือกเพลงมั่ว ๆ เปิดทิ้งไว้ ก่อนลุกไปหยิบหนังสือที่วางเรียงรายอยู่บนชั้น ถ้านับจากสายตาน่าจะราว ๆ เกือบสามร้อยเล่ม ทุกเล่มเป็นชื่อที่อ่านแล้วน่ากลัว น่าจะเป็นแนวฆาตกรรม ระทึกขวัญ อะไรเทือกนี้แต่ก็ดูสมกับเป็นอาเธอร์ดีจนกระทั่งดวงตาสีฟ้าเหลือบไปเห็นหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อหนังสือเล่มนี้เขาจำมันได้ดีเพราะเคยอ่านเรื่องย่อและตัดสินใจที่จะซื้อหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้ซื้อ

นิยาย Boy Love ที่เกี่ยวกับเรื่องราวของฆาตกรกับนักสืบที่บทสรุปของเรื่องราวแทบไม่ต่างจากโศกนาฏกรรมของโรมิโอและจูเลียตเลยแม้แต่น้อย

ไม่รู้ว่าอาเธอร์หยิบมันมาโดยไม่อ่านคำโปรยหรือจงใจซื้อมากันแน่ แต่ที่แน่ ๆ เขาจะอ่านมัน เอาให้สาสมกับที่จับ ๆ วาง ๆ อยู่หลายครั้งในร้านหนังสือ

รถยุโรปสีดำเงางามขับผ่านป่าไม้รกร้างไปตามทางลูกรังขรุขระ ในหัวของอาเธอร์ขบคิดอยู่แต่เรื่องของอเล็กซ์ เขารู้ว่าตัวเองทำถูกแล้วที่ล่ามอเล็กซ์ไว้แบบนั้นเพื่อเซฟตัวเองแต่นัยน์ตาเศร้าสร้อยเสียใจระคนน้อยใจทั้ง ๆ ที่ปากบอกว่าเข้าใจยังคงรบกวนเขาไม่หยุดตั้งแต่พาลูกรักทะยานไปตามท้องถนน มันทำให้เขาไม่มีสมาธิในการขับรถเอาซะเลย อาเธอร์ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเขาถึงเป็นแบบนี้ ทำไมถึงสลัดภาพที่อเล็กซ์ทำหน้าแบบนั้นออกจากหัวไม่ได้ บางที...มันอาจจะเป็นเพราะเขาไม่เคยทำให้ใครทำสีหน้าแบบนั้นมาก่อน พอเห็นครั้งแรกเขาเลยรู้สึกแปลก ๆ ก็ได้