มันช่างหอมเสียเหลือเกิน

 

 

 

นั่นเป็นสิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในห้วงสำนึกของมิดไนท์ ทันทีที่ท่อนขาอวบอั๋นนั่นถูกบาดด้วยเศษแก้ว

 

แวมไพร์กลืนน้ำลายอย่างยากเย็น มันช่างลำบากเสียเหลือเกินที่ต้องฉุดรั้งตนเองเอาไว้ไม่ให้ทำสิ่งที่อยากทำ ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ตนอยากจะเข้าไปลิ้มรสของเลือดที่ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลนั้นจะแย่

 

 

 

ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งยากจะทานทน ขณะที่สองมือประคองร่างที่บาดเจ็บนั้น ใจก็ต้องคอยสะกดกลั้นไม่ให้ทิ้งร่างของหญิงสาวผมดำแล้วก้มลองไปเลียเลือดที่เปรอะอยู่ตามพื้นแทน

 

ไม่เอาน่า เธอทำได้ มิดไนท์บอกตัวเอง

 

 

 

"เราไปล้างแผลกันก่อนเถอะค่ะ" มิดไนท์พยุงร่างของอีกคนไปยังห้องน้ำ ตอนที่ชายเลือดร้อนและผองเพื่อนจากไปแล้ว

 

น้ำไหลผ่านขาสีนวล เลือดแดงไหลซึมออกมาจากปากแผล มิดไนท์กลืนน้ำลายลงคออีกครั้ง ทำไมมันหอมขนาดนี้กันนะ

 

 

 

ขณะที่หญิงสาวปริศนากำลังตรวจดูข้าวของของตนเอง มิดไนท์ก็ก้มลงมองมือของตน

 

 

 

มีเลือดติดมือเราด้วย

 

 

 

หยดน้ำสีแดงติดอยู่ปลายนิ้วชี้ข้างขวา หญิงสาวรีบแตะปลายนิ้วนั้นเข้ากับริมฝีปากตน กลืนหยาดน้ำนั้นเข้าไปในลำคอทันที

 

 

 

หวานปานน้ำผึ้ง

 

 

 

นั่นคือสิ่งที่แวมไพร์สัมผัสได้ผ่านหยดเลือดเพียงแค่หยดเดียว

 

 

 

เราต้องการมันอีก

 

 

 

ยังดีที่ตอนนี้มีกลิ่นยากลบไปบ้างแล้ว กลิ่นของเลือดเลยไม่แรงเท่าตอนแรก ทว่าหลังจากได้รับรสอันหวานล้ำนั้น ความละโมบก็พลันเกิดขึ้น

 

 

 

กลิ่นหอมหวานของเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในกายแพรวนั้นหอมทะลุเนื้อหนังของเธอออกมา จนเหมือนเป็นกลิ่นประจำตัวอันเป็นเอกลักษณ์ จมูกของมนุษย์สามัญคงไม่สามารถสัมผัสกลิ่นที่ละเอียดอ่อนปานนี้ได้ มีเพียงแค่จมูกของผีดูดเลือด  เฉกเช่นแวมไพร์อย่างพวกเธอเท่านั้น

 

 

 

ถ้าแวมไพร์หรือผีดูดเลือดตนอื่นได้กลิ่นของเธอเข้าชีวิตของเธอจะตกอยู่ในอันตราย เมื่อคิดได้เช่นนั้นความกังวลก็ก่อเกิดขึ้นในใจ นี่ก็เช้าแล้ว แสงอาทิตย์ส่องผ่านช่องว่างระหว่างม่านทึบจนต้องหรี่ตาและเดินไปดึงม่านสีเทาเข้มให้ปิดสนิท มิดไนท์ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา คิดคำนึงถึงกลิ่นและรสสัมผัสที่ตนได้รับเมื่อคืน

 

 

 

 

 

เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงดังขึ้น อาการงัวเงียของแพรวหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอสี่เหลี่ยม

 

K.มิดไนท์

 

 

 

"สวัสดีค่ะ" แพรวกดรับสาย

 

"เป็นไงบ้างคะ" เสียงที่ปลายสายยังคงหวานเหมือนที่ได้ยินเมื่อคืนวาน

 

"ดีขึ้นมากแล้วค่ะ" แพรวตอบ

 

"ดีแล้วค่ะ ถ้าต้องการอะไรบอกได้เลยนะคะ" ปลายสายบอกแบบนั้น

 

 

 

ช่างเป็นคนที่จิตใจดีเสียจริง

 

 

 

"ขอบคุณนะคะ" หญิงสาวเอ่ยด้วยความซาบซึ้งใจ ที่บนโลกนี้ยังมีคนน้ำใจงามแบบนี้อยู่

 

"งั้น ไว้ค่อยคุยกันนะคะ เดี๋ยวต้องไปทำงานแล้วค่ะ" แพรวบอกแบบนั้น

 

"โอเคค่ะ" มิดไนท์ตอบกลับ ก่อนจะวางสายไป

 

 

 

 

 

มิดไนท์เอนตัวลงนอนบนโซฟาสีเทาเข้ม ดวงตาสีน้ำตาลทองเหม่อมองหน้าจอมือถือ

 

อยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้จัง

 

 

 

 

 

"คุณมิดไนท์ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้นะคะ" แพรวพูดขณะที่ปิดประตูรถ เธอรู้สึกเกรงใจผู้หญิงคนนี้เสียเหลือเกิน

 

"คุณยังไม่ปลอดภัยค่ะ พวกนั้นอาจจะตามมาเอาเรื่องคุณก็ได้" มิดไนท์ที่ตอนนี้แต่งกายมิดชิดราวกับอยู่เมืองอันหนาวเหน็บให้เหตุผล

 

"ขอบคุณนะคะ" แพรวตอบพลางดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด มิดไนท์ออกรถแล้ว

 

"คุณแพรวแพ้อาหารอะไรไหมคะ?" มิดไนท์ที่สายตายังคงจดจ้องไปยังทางข้างหน้าถาม

 

"เท่าที่เคยกิน ๆ มาก็ยังไม่แพ้อะไรนะคะ" แพรวตอบพลางหัวเราะ

 

ริมฝีปากของมิดไนท์ที่ทาทับด้วยลิปกลอสสีแดงสดโค้งเป็นรอยยิ้ม

 

"งั้นเราไปร้านอาหารริมทะเลกันไหมคะ? ฉันพอจะรู้จักร้านอร่อย ๆ อยู่"

 

 

 

เรื่องมันเริ่มจากว่ามิดไนท์ตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาแพรวอีกครั้ง และยังโชคดีอยู่ที่ยังไม่ถึงเวลาทำงาน จึงยังพอพูดคุยกันได้

 

"คุณแพรวคะ" มิดไนท์กำลังคิดว่าสิ่งที่ตนจะพูดต่อไปนี้ควรเอ่ยดีหรือเปล่า

 

"คะ?"

 

"หลังเลิกงานให้ฉันไปรับคุณเถอะนะคะ"

 

 

 

ที่ทำงานของแพรวนั้นถือว่าผิดคาดไปมากโข ในตอนแรกมิดไนท์เดาเอาไว้ในใจว่าต้องเป็นสำนักงานสักที่แน่ ๆ ทว่าความจริงที่ปรากฏคือแพรวนั้นทำงานเป็นครูสอนดนตรีที่สถาบันดนตรีเอกชนแห่งหนึ่ง

 

 

 

"คุณสอนอะไรเหรอคะ?" มิดไนท์ถาม

 

"เชลโลค่ะ" คิ้วที่ถูกกันมาอย่างดีเลิกขึ้น นึกว่าจะเป็นเปียโนหรือไวโอลินเสียอีก แต่กลับเป็นเครื่องดนตรีเสียงทุ้มขนาดใหญ่อย่างเชลโลเนี่ยนะ

 

"คุณชอบดนตรีคลาสสิกเหรอคะ?" มิดไนท์เริ่มสนอกสนใจในตัวแพรวมากขึ้น

 

"ชอบมากเลยค่ะ จริง ๆ ฉันชอบดนตรีทุกประเภทเลยค่ะ" ดวงตาภายใต้แว่นกันแดดเป็นประกาย หญิงสาวข้างตนคงรักในเสียงดนตรีมากจริง ๆ ฟังจากน้ำเสียงที่กระตือรือร้นยามถูกถามนั้นแล้ว

 

"ถึงแล้วค่ะ" รถยนต์แล่นมาจอดยังลานจอดรถของร้านอาหารริมทะเล ดูจากปริมาณรถในลานจอดแล้ว อาหารที่นี่น่าจะถูกปากหลายคนพอดู

 

"ฉันได้ยินชื่อร้านนี้มานานแล้ว แต่ไม่เคยลองสักทีค่ะ" แพรวเอ่ย

 

"งั้นต้องลองแล้วล่ะค่ะ" มิดไนท์บอก เดินนำแพรวเข้าไปในตัวร้าน

 

 

 

 

 

ทั้งสองเลือกนั่งซุ้มมุงจากซุ้มหนึ่งที่ยังว่างอยู่ มิดไนท์ถอดแว่นกันแดดออกแล้ว และครานี้แพรวก็ได้มองดวงตาของเธอชัด ๆ อีกครั้งหลังจากเคยเห็นมาแล้วที่โรงพยาบาลและสถานีตำรวจ

 

 

 

มันเป็นสีน้ำตาลทอง

 

 

 

ดูเหมือนเธอจะจ้องดวงตาคู่สวยนั้นนานไปสักหน่อย เมื่อคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเริ่มมีปฏิกิริยาบางอย่าง ริมฝีปากสีแดงโค้งเป็นรอยยิ้มอีกครั้ง ทำให้ดวงตาที่กลายเป็นทรงจันทร์เสี้ยวยิ่งดูน่ามองเข้าไปอีก

 

แต่เธอจะมองนานกว่านี้ไม่ได้แล้วสินะ

 

คิดได้ดังนั้นแพรวก็เบนสายตาไปมองดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าแทน แสงตะวันอาบย้อมน้ำทะเลจนกลายเป็นสีส้ม เกลียวคลื่นแวะมาทักทายชายฝั่งเป็นระยะ ส่งเสียงครืน ๆ ดูเหมือนจะเชิญชวนให้ลงไปแหย่เท้าเล่น

 

"จริง ๆ ฉันก็ไม่ได้ลงเล่นน้ำทะเลนานแล้วค่ะ" มิดไนท์เอ่ยขึ้นมา

 

"ครั้งล่าสุดตอนไหนเหรอคะ?" แพรวละสายตาจากทิวทัศน์ยามอาทิตย์อัสดงไปสบดวงตาสีน้ำตาลเหลือบทองคู่นั้น

 

"นานมากแล้วค่ะ" มิดไนท์ตอบ เธอรับเล่มรายการอาหารจากบริกรสาวมาส่งให้แพรว

 

"ตามสบายเลยค่ะ" ก่อนที่จะเปิดเล่มเมนูของเธอเช่นกัน

 

 

 

ระหว่างลิ้มรสอาหารทะเลแสนอร่อย แพรวอดที่จะตั้งคำถามในใจไม่ได้ว่าทำไมคุณมิดไนท์กินน้อยเหลือเกิน เธอไม่ได้สั่งข้าวมาด้วยซ้ำ มีเพียงแค่หอยแครงลวกเท่านั้นและน้ำอัดลม

 

 

 

"ขอถามอะไรได้ไหมคะ?" แพรวเอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นมิดไนท์เพิ่งวางแก้วน้ำอัดแก๊สสีใสลง

 

"ว่ามาเลยค่ะ" มิดไนท์ตอบอย่างร่าเริง

 

"อยากรู้ที่มาชื่อคุณน่ะค่ะ ฉันรู้สึกว่ามันเท่ดี" แพรวถามสิ่งที่ตนสงสัยตั้งแต่แรกพบออกไป

 

"เห็นคุณบอกว่ามีอีกชื่อคือวันใหม่ด้วย คุณเกิดตอนเที่ยงคืนเหรอคะ?"

 

คำถามนั้นทำให้มิดไนท์หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะเฉลยคำตอบ

 

"ไม่ใช่หรอกค่ะ ทั้งสองชื่อเป็นชื่อที่ฉันคิดขึ้นเอง ตอนเกิดฉันไม่ได้ชื่อนี้ อันที่จริง ฉันจำเวลาเกิดตัวเองแทบไม่ได้แล้วค่ะ"

 

"เจ๋งเลยค่ะ ใช้ชีวิตแบบที่เลือกเอง คุณเป็นคนที่เท่มากเลย" แพรวเอ่ยชมจากใจจริง

 

"ขอบคุณนะคะ" มิดไนท์ยิ้มกว้าง หันไปสนใจกับหอยแครงลวกกึ่งสุกกึ่งดิบของตนต่อ

 

 

 

แพรวหันไปมองทะเลอีกครั้ง บัดนี้น้ำทะเลกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มเรียบร้อยแล้ว แสงไฟจากร้านอาหารส่องให้เห็นหาดทรายและฟองคลื่นสีขาว เสียงดนตรีสดจากเวทีที่อยู่ไกลออกไปดังคลอกับเสียงคลื่นกระทบฝั่ง สายลมที่มาปะทะกับร่างกาย ช่วยพัดพาความตึงเครียดที่ผ่านเข้ามาได้เป็นอย่างดี

 

"อยากลงไปข้างล่างไหมคะ?" มิดไนท์ที่จัดการอาหารทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้วเชิญชวนราวกับรู้ใจแพรว

 

"ก็ดีนะคะ" เพราะตอบแบบนั้น ทั้งสองจึงลุกจากที่นั่งแล้วออกไปเดินเล่นริมหาด เม็ดทรายละเอียดให้ความรู้สึกนุ่มยามย่างเดิน แพรวถอดรองเท้าหุ้มส้นออกเพื่อยื่นเท้าเปล่าไปหยอกเอินกับคลื่นทะเล

 

"คุณชอบทะเลเหรอคะ?" มิดไนท์ถามขณะที่มองแพรวถกขากางเกงขึ้นเพื่อที่จะได้เดินลุยน้ำเล่นได้สะดวก

 

"ชอบค่ะ แต่เสียดายที่ไม่ค่อยได้มาบ่อย ๆ" หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้มสดใส ที่ถึงแม้แสงไฟจะสลัว แต่ก็ยังมองเห็นได้แจ่มชัด

 

"งั้นเรามาทะเลกันให้บ่อยขึ้นดีไหมคะ?" มิดไนท์ถาม คำถามซึ่งทำให้แพรวที่กำลังเดินอย่างเพลิดเพลินพลันหยุดกึก

 

"เกรงใจจังเลยค่ะ" แพรวบอก แค่คุณมิดไนท์ต้องมารับถึงที่ทำงานแล้วต้องพาไปส่งที่คอนโดฯอีกก็เกรงอกเกรงใจจะแย่แล้ว ถ้าต้องคอยพาเธอมาที่ทะเลแบบนี้อีกล่ะก็คุณมิดไนท์คงไม่ต้องทำงานทำการกันพอดี

 

มิดไนท์หัวเราะอย่างแผ่วเบาอีกครั้งหนึ่ง

 

"ฉันทำงานฟรีแลนซ์ค่ะ มีเวลาให้คุณได้เสมอแหละ" เธอเอ่ยหวังให้แพรวคลายกังวล

 

"แล้วเรื่องค่าอาหาร ถ้าคุณไม่สบายใจ ครั้งต่อ ๆ ไปเราหารกันก็ได้นะคะ" มิดไนท์เอ่ยขณะที่ถอดรองเท้าส้นสูงสีชมพูอ่อนออกแล้วใช้เท้าเปล่าแตะผืนน้ำเค็ม

 

"รู้สึกดีใช่ไหมคะ? ได้เล่นน้ำทะเลแบบนี้" แพรวถาม

 

"มากเลยค่ะ" มิดไนท์ยิ้มตอบ เธอหลับตาลง กางแขนทั้งสองข้างเพื่อรับสายลมที่พัดผ่านมา แพรวเห็นดังนั้นจึงทำตามบ้าง

 

 

 

หอมจัง

 

 

 

นั่นเป็นสิ่งที่มิดไนท์รู้สึกยามลมพัดกลิ่นกายของแพรวมา ยังดีที่มีกลิ่นน้ำหอมคอยกลบและเธอก็ทานมื้อเย็นมาแล้วจึงพอจะยับยั้งความอยากอาหารได้อยู่บ้าง

 

 

 

"เดี๋ยวจะดึกเอา เรากลับกันดีไหมคะ?" มิดไนท์แสร้งมองนาฬิกาที่ข้อมือขวา

 

"ก็ดีค่ะ พรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงาน" แพรวเห็นด้วย

 

 

 

โชคดีที่วันนี้การจราจรไม่แย่นัก มิดไนท์จึงขับรถมาส่งแพรวที่คอนโดมิเนียมได้ไม่ดึกมาก

 

"ขอบคุณนะคะ คุณมิดไนท์" แพรวส่งยิ้มหวานให้

 

"ยินดีค่ะ คุณแพรว" มิดไนท์ยิ้มรับไมตรีจิตนั้น