2 ตอน Arc I-1 โลกที่ไร้สวัสดิการจากรัฐ
โดย Ohsepin
ARC I โลกที่ไร้สวัสดิการจากรัฐ
-1-
‘ระบบ’ บอกว่าโลกที่เขาถูกส่งมาอยู่คือโลกระดับ D— เป็นโลกระดับล่างสุดสำหรับเอาไว้เตรียมความพร้อมให้พวกเจ้าหน้าที่มือใหม่ หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นที่ฝึกงาน ดังนั้นทุกอย่างจะอยู่ในขั้นพื้นฐานที่สุด-- ไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ไม่มีตัวละครนอกบท แต่นั่นก็หมายความว่าเขาจะไม่มีตัวช่วยใดเช่นกัน
“พวกเจ้าหน้าที่?” สี่เอะใจขึ้นมา “แปลว่าในระบบยังมีเจ้าหน้าที่คนอื่นอีกงั้นหรือ”
ระบบส่งเสียงร้องประหลาดออกมา จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงซ่า เหมือนวิทยุที่ถูกคลื่นแทรกซ้อน ก่อนสัญญาณจะถูกตัดไปเสียดื้อๆ และหลังจากนั้นสี่ก็ติดต่อกับฝ่ายนั้นไม่ได้อีก ขนาดลองด่าพ่อล่อแม่มันแล้ว ก็ยังไม่มีใครตอบกลับมาอยู่ดี จนเขาชักเริ่มคิดว่าตัวเองอาจกำลังเป็นบ้า และเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการของเขาเท่านั้น
สุดท้าย ไม่รู้ว่าระบบรำคาญเขาหรือเวทนาอย่างไร ไอ้เจ้าลูกบอลสีทอง— หรือที่มันเรียกตัวเองว่าเป็น ‘ผู้ช่วย’ – จึงค่อยปรากฏตัวออกมา แล้วอธิบายว่าเครือข่ายหลักไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงยามปฏิบัติภารกิจในแต่ละโลกได้ หากต้องการติดต่อกับทางระบบ จะต้องรอจนกว่าจะทุกอย่างจะจบลงและกลับไปยัง ‘เกาะเงา’ (เขาเดาว่าเป็นห้องนั้น) อีกครั้ง
ทว่าหลังจากยัดข้อมูลของโลกนี้และกฎเกณฑ์ข้อปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ใส่หัวของเขาแล้ว เจ้าลูกบอลไร้ประโยชน์ก็เข้าสู่ภาวะจำศีล มันบอกว่าเพราะเป็นโลกระดับ D สี่จึงถูกส่งมาในช่วงเวลาก่อนเริ่มเรื่อง และในเมื่อโลกนี้ยังไม่เริ่มต้น-- อย่างน้อยก็สำหรับระบบ ผู้ช่วยจึงไม่สามารถออกมากระทำการใดได้
[ดังนั้นก็ช่วยตัวเองไปก่อนนะครับโฮสต์!] มันว่าเสียงครื้นเครง ก่อนจะระเบิดร่างเป็นฝุ่นสีทองแล้วสลายไป
สี่จ้องมองเศษผงสีเหลืองที่ยังคงติดอยู่บนแขนของเขาอยู่นาน ก่อนจะสบถหยาบคายออกมา
ในเมื่อผู้ช่วยงี่เง่าหายหัวไปแล้ว สี่จึงสรุปอย่างปลงตกว่าตนย่อมต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน เขาลองสั่งให้ระบบย่อยจัดการบันทึกเนื้อเรื่องออกมาเป็นไฟล์... ใช่ ระบบย่อยหรือเครือข่ายรองเป็น A.I ที่สามารถเชื่อมต่อกับเหล่าอุปกรณ์ไฟฟ้าของตัวละครที่เขาสวมบทบาทได้ เมื่อค้นพบเรื่องนี้ สี่ชักสงสัยว่ามันอาจจะดูหนังมากไป
‘ไวน์’ นายเอกของเรื่องมีแม่เป็นมะเร็ง เขาไม่มีเงินพอรักษาจึงไปหา ‘ดีน’ เพื่อนสมัยเด็กผู้เจ้าของโรงพยาบาล— หรือก็คือตัวตนที่สี่เข้ามาสวมใส่— เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ดีนไม่ยอมช่วย แถมยังเยาะเย้ยให้ไวน์ต้องอับอาย
นายเอกผู้รันทดจึงเสี่ยงดวงไปขายตัวในคลับแห่งหนึ่ง และเจอกับ ‘คริส’ มาเฟียหล่อล่ำดิบเถื่อนดุจซาตาน (มันเขียนแบบนี้จริงๆ เขาไม่ได้เติมเองแต่อย่างใด) แต่เคราะห์ร้าย แม่ของไวน์เคยมีคดีกับคริสมาก่อน เขาจึงจับตัวไวน์ไปเป็นทาสบำเรอกามเพื่อความสะใจ แลกกับการช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษา
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ สี่รู้สึกความดันขึ้นจนลมเสียดอก แต่กระนั้นก็ยังฝืนใจอ่านต่อ
นายมาเฟียคริสมีคู่หมั้นอยู่แล้วคือทายาทมาเฟียอีกตระกูลนามว่า ‘เซลีน’ ตอนแรกที่คริสพาไวน์มา เขาปฏิบัติกับนายเอกราวกับทาสในเรือนเบี้ย ทั้งข่มขืน ด่าทอ กักขัง เซลีนก็เช่นกัน เธอร่วมมือกับคริสทำร้ายไวน์สารพัด จนสี่เริ่มจะนับถือใจไวน์ขึ้นมาหน่อยๆ แล้วที่ไม่กลายเป็นบ้าไปเสียก่อน
แต่แล้วโดยไม่ทราบสาเหตุ คริสก็ผีบ้าออกจากร่างกะทันหัน หูตาสว่างเห็นความดีของไวน์ และรู้ใจตัวเองในที่สุดว่ารักหนุ่มน้อยผู้นี้เพียงใด เมื่อไวน์หนีออกไปได้ คริสจึงตามไปง้อ จากนั้นก็เป็นบทพ่อแง่แม่งอน เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยให้นายคริสโชว์ความเป็นพระเอก ไวน์จึงค้นพบว่าตนเป็นโรคสต็อกโฮล์มซินโดรม* และยอมรับรักคริสในที่สุด
แสดงสปอยล์
* สต็อกโฮล์ม ซินโดรม (Stockholm Syndrome) เป็นอาการของคนที่ตกเป็นเชลยหรือตัวประกันเกิดมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจคนที่เป็นคนร้ายหลังจากต้องใช้เวลาอยู่ด้วยกันระยะหนึ่ง และอาจจะลงเอยด้วยการแสดงอาการปกป้องคนร้ายหรือยอมเป็นพวกเดียวกันด้วยซ้ำ
คริสพาไวน์กลับมาในฐานะเมีย เซลีนอาละวาดทำร้ายไวน์จนบาดเจ็บ แต่คราวนี้คริสสั่งสอนคู่หมั้น— ที่จู่ๆ กลายเป็นอดีต— ไปอย่างรุนแรง นั่นทำให้เซลีนแค้นมาก เธอจึงกลายร่างเป็นนางร้ายเต็มขั้น วางแผนแย่งคริสกลับมาและกำจัดไวน์ให้พ้นทาง
เซลีนวางยาปลุกไวน์และจ้างคนไปข่มขืน แต่คริสมาช่วยทัน เขาไม่มีหลักฐานว่าเซลีนเป็นคนทำ จึงทำเพียงส่งคนไปกระทืบเซลีนปางตายและขู่ว่าหากทำอีก
“กูจะฆ่ามึงทิ้งซะ รวมทั้งตระกูลมาเฟียปลายแถวของมึงด้วย!”
สี่คว้าเอายาดมขึ้นมายัดรูจมูกทั้งสองข้าง จากนั้นก็กลั้นใจอ่านต่อด้วยน้ำตาคลอเบ้า
แต่เซลีนไม่ยอมแพ้... ซึ่งก็ไม่น่าแปลกอะไร
คนรักที่คบหามานานถูกคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าแย่งชิงไป ตัวเองก็โดนทำร้าย มากไปกว่านั้นคือถูกหยามศักดิ์ศรีของตระกูล กระทั่งพ่อของตนยังไม่เว้นถูกคริสตามไปขู่ถึงที่ ในมุมมองของเธอ ไม่ว่าอย่างไรคงไม่อาจอยู่ร่วมโลกกับไวน์ได้อีก
สี่คิดว่าตนเข้าใจความรู้สึกของเธอเป็นอย่างดี... ความรู้สึกของการถูกหักหลัง ถูกผลักให้กลายเป็นคนร้ายโดยไม่มีโอกาสใดให้แก้ตัว
เซลีนเบนเข็มไปที่แม่ของไวน์ซึ่งรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลของดีน และบังเอิญว่าดีนนั้นแอบตกหลุมรักเซลีนมานาน... แอบมาก แอบจริงๆ กระทั่งจะเกริ่นถึงสักนิดก่อนหน้านี้ก็หามีไม่
ทั้งคู่วางแผนฆ่าแม่ไวน์และโยนความผิดให้ ‘กฤต’ หมอเจ้าของไข้ผู้หลงรักไวน์อยู่ แต่ด้วยความดีงามของกฤต แผนการร้ายก็ถูกเปิดโปง จากนั้นด้วยอิทธิพลของคริส เรื่องทุจริตในวงการอีกมากจึงถูกสาวไส้ตามมา เซลีนโดนผู้มีอิทธิพลฆ่าปิดปาก ส่วนดีน ตัวประกอบผู้มีบทแค่ตอนต้นกับตอนจบโดนจับดำเนินคดี โรงพยาบาลถูกฟ้องร้อง ผู้ถือหุ้นเลยเทขายจนล้มละลาย สุดท้ายก็กลายเป็นบ้าไป
และแน่นอนว่าที่ขาดไม่ได้คือ
‘คริสกับไวน์ก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไปตลอดกาล จบบริบูรณ์’
สี่กะพริบตาปริบ พยายามจูนคลื่นสมองของตนให้ตรงกับเนื้อเรื่องที่เพิ่งได้อ่าน และคำแรกที่เขาอุทานออกมาหลังได้สติก็คือ
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!”
ใช่... เจ้าพวกตัวละครบ้าๆ บอๆ คุ้มดีคุ้มร้าย เดี๋ยวโง่เดี๋ยวฉลาด เซอร์วิสเกลื่อนกระจายกลบความกลวงของเนื้อเรื่องพวกนี้คืออะไร แถมไอ้เซอร์วิสที่ว่ายังผิดกฎหมายไปเสียมากกว่าครึ่ง บวกกับข้อมูลทางการแพทย์ที่แม้ไม่ได้เรียนมา แต่เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตอยู่ในมือ คุณก็สมควรรู้ว่ามันผิด!
สี่นึกอยากพุ่งไปกระชากคอคนเขียน แล้วตะโกนซ้ำๆ ว่า ‘ฉันรู้ว่าคุณชอบดูละครเย็น แต่ได้โปรด ถ้าสามีของนายเอกโดนงูกัด สิ่งที่นายเอกไม่สมควรทำที่สุดคือดูดพิษงูจากแผล!’
ยังไม่นับเรื่องแม่นายเอกที่ป่วยหนัก... พึงรู้ไว้ว่าเซตติ้งของเรื่องนี้อยู่ในประเทศไทย และประเทศไทยนั้นมีประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือที่มักเรียกกันว่าบัตรทอง 30 บาทอยู่ และนายเอกก็ไม่ได้ยากจนข้นแค้นถึงขั้นจะไม่มีค่าเดินทางหรือค่าใช้จ่ายจิปาถะเล็กๆ น้อยๆ เสียด้วย
สี่ลูบปากพลางครุ่นคิด หากเขาได้เจอกับไวน์เมื่อไหร่ละก็ คงต้องลากอีกฝ่ายมาอธิบายสวัสดิการการรักษาพยาบาลเสียหน่อยแล้ว
ถ้าเขาทำให้นายเอกรู้ว่าประเทศไทยมี 30 บาทรักษาทุกโรค เรื่องทั้งหมดอาจจะจบลงตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มเลย ไวน์จะไม่ไปขายตัว คริสกับเซลีนจะไม่มีมือที่สามมาทำลายความรัก ดีนก็ยังคงใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ แอบรักเซลีนต่อไป และเขาก็จะได้หลุดพ้นไปจากเรื่องทำลายสมองนี่เสียที
หรือเขาควรไปหานายเอกตั้งแต่ตอนนี้เสียเลย?
ขณะที่กำลังคิดว่าเรื่องนี้ชักจะง่ายเกิดไปเสียแล้ว— ถึงแม้จะกับเจ้าหน้าที่มือใหม่ก็ตาม กระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ก็พลันแล่นปราดไปทั่วร่าง ได้ยินเสียงเปรี๊ยะดังข้างหูเบาๆ ตอนไอ้ระบบซาดิสม์เวรตะไลนี่ช็อตเขาจนร่างกระตุก ผสานกับเสียงร้องแหลมสูงซึ่งน่าจะเป็นของเขาเอง สี่ได้กลิ่นเหม็นไหม้มาจากสักแห่งบนร่างกาย— น่าจะเป็นแผ่นหลัง เพราะเขารู้สึกว่าผิวหนังส่วนนั้นร้อนจัดขึ้นมา
“พอแล้ว พอแล้ว!” เขาคำราม
กระแสไฟฟ้านั้นจึงหายไป เหลือเพียงเขาที่นอนพังพาบอยู่บนพื้น
และความคิดนั้นก็ถูกพับเก็บไปในฐานที่เข้าใจได้
หลังจากนั้นไม่กี่วัน เรื่องราวความรักความแค้นที่เต็มไปด้วยคราบเลือด คราบน้ำตา (และคราบน้ำอื่นๆ จนเขาอยากต่อสายตรงไปหาคนเขียน บอกว่าให้เติมคำว่า PWP หลังชื่อเรื่องเถอะ) ก็ได้เริ่มต้นขึ้น เขารู้เพราะไอ้ลูกบอลนี่โผล่กลับมาอีกครั้ง ก่อนจะอธิบายหน้าที่ของมันยาวเหยียด จบลงด้วยการสะบัดร่างสองสามที จากนั้นบนข้อมือของเขาก็มีนาฬิกาดิจิตอลแลดูหรูหราเรือนหนึ่ง
[ส่วนหน้าที่ของโฮสต์ สั้นๆ ง่ายๆ เลยคือการทำลาย—ทั้งทำลายชีวิต ทำลายความรักของพระเอก-นายเอกในเรื่อง! เอาให้พังพินาศไปเลยก็ยิ่งดี!] มันว่า คราวนี้เสียงนั้นดังก้องไปมาในหัว ทำให้สี่อดขนลุกไม่ได้ นอกจากนั้นคือความรู้สึกขัดใจ
เขาไม่ชอบความรู้สึกว่ามีสิ่งแปลกปลอมฝังอยู่ในหัวของเขาเท่าไหร่... มันเหมือนถูกสิง
“ทำไมหน้าที่ของฉันถึงดูเป็นตัวร้ายจังเลยนะ...”
[ก็โฮสต์รับบทเป็นตัวร้ายจริงๆ นี่น่า]
“ก็ใช่... แต่” สี่ว่า จากนั้นก็ชะงักไป “ช่างเถอะ แล้วมีอะไรมากกว่านี้อีกไหม”
ผู้ช่วยทำเสียงครุ่นคิด [เรื่องการสะสมคะแนนแลกสิทธิพิเศษกับเลื่อนขึ้น... แต้มคะแนนแบบปกติจะได้ตามระดับความรุนแรงของผลลัพธ์ ทางด้านความรัก ถ้าจบแบบ Bad End จะได้คะแนนมากกว่าจบแบบ True End แต่ถ้าโฮสต์ทำไม่สำเร็จจนทั้งคู่จบแบบ Happy End โฮสต์จะถูกหักคะแนนและถูกทำโทษ]
“ลงโทษ? แบบช็อตไฟฟ้านั่นหรือ”
[โฮสต์ถูกช็อตไฟฟ้า?] มันทำเสียงประหลาดใจแบบโอเวอร์ [นั่นแค่การตักเตือนน่า ถ้าเจ้าหน้าที่คนไหนกำลังจะทำผิดข้อห้ามร้ายแรง ระบบก็จะช็อตใส่แบบนั้นแหละ]
ดูเหมือนว่าผู้ช่วยของเขาจะยังถากถางได้ไม่หนำใจ มันจึงยังคงพูดต่อ [ตอนนั้นก็บอกแล้วมั้ยล่าว่าให้อ่านคู่มือดีๆ ก่อน เฮ้ออออ]
“แล้วแต้มของฉันล่ะ” สี่กลอกตา จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่อง หาไม่แล้วอาจมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้สังเวยชีวิตไปเสียก่อน— ซึ่งสี่ค่อนข้างมั่นใจว่าฝ่ายนั้นย่อมเป็นเขา
[ลองดูที่นาฬิกาซี~]
สี่ก้มลงมองนาฬิกา บนหน้าจอของมันมีเลขสิบโดดๆ ปรากฏอยู่
“สิบแต้ม?”
[ถูกต้อง! เพราะฉะนั้นในรอบนี้ โฮสต์จะผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเลยนะ! ไม่งั้นละก็...] มันส่งเสียงหัวเราะคิกคักอย่างไม่น่าไว้ใจออกมา [แต่เรื่องนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้น! เพราะตอนนี้โฮสต์มีผู้ช่วยที่เก่งที่สุดในระบบอยู่ไงล่า]
“การทำลายทางร่างกาย... นี่หมายถึงทำให้บาดเจ็บ?”
[ช่ายยย ถ้าโฮสต์ทำให้พระเอกบาดเจ็บ อาจจะได้สักร้อยแต้ม แต่มากไปกว่านั้น ถ้าทำให้ถึงขั้นพิการ โฮสต์อาจได้ถึงห้าร้อยแต้ม!]
“ถ้าตาย?”
[ด้วยลำดับขั้นตอนนี้ โฮสต์ยังไม่สามารถทำให้ตัวละครหลักตายได้ แต่หากเก็บสะสมแต้มมากพอจนเลื่อนขั้นได้ละก็ โฮสต์สามารถทำให้ใครตายก็ได้ พระเอกตายได้สามพันแต้ม และหากนายเอกตาย โฮสต์จะได้รับทันทีห้าพันแต้ม!]
ฟังน้ำเสียงรื่นเริงราวกับกำลังประกาศการเฉลิมฉลองของมันแล้ว สี่รู้สึกว่าทั้งเนื้อตัวของตนเย็นเฉียบไปหมด
วิปลาส นั้นคือคำนิยามสั้นๆ ที่สี่ให้กับระบบ— หรือใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังระบบ
แต่แล้วเสียงเล็กๆ เสียงหนึ่งก็กระซิบขึ้นมา มันแหบพร่าและชั่วร้ายอย่างยิ่ง
‘ถ้าเช่นนั้น มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ระบบวิปลาสลากนายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมันล่ะ’
Comments (0)