1 ตอน ::00:: ปฐมบท
โดย champehk
การกำเนิดมนุษย์
ในหนังสือปฐมกาลบทที่ 2 กล่าวไว้ว่า พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดิน สิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์อื่นบนโลก คือการที่พระเจ้าทรงระบายลมปราณให้แก่มนุษย์ หรือที่เราเรียกกันว่าวิญญาณ นั่นจึงไม่มีความแตกต่างกันเมื่อร่างกายของมนุษย์สูญสลายและกลับไปเป็นดินเช่นเดิม เหมือนกับสัตว์ทั้งโลกที่ตายไปก็เป็นดินทั้งนั้น
พระเจ้าทรงสร้างสวนแห่งหนึ่งไว้ที่เอเดน ปฐมกาลได้กล่าวถึงแม่น้ำไทกริส และยูเฟรติสไว้ ซึ่งพระเจ้าได้ทรงบัญชาไว้ว่า “ผลไม้ทุกอย่างในสวนนี้ เจ้ากินได้ตามใจชอบ แต่ผลของต้นไม้แห่งการรู้ถึงความดีและความชั่วนั้น ห้ามเจ้ากิน เพราะวันใดที่เจ้ากิน เจ้าจะต้องตายแน่”
ในครั้งแรก พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ผู้ชายนามว่า อดัม ต่อมาทรงเห็นว่ามนุษย์ไม่ควรอยู่เพียงผู้เดียว จึงทรงสร้างคู่อุปถัมภ์ที่เหมาะสมให้ โดยชักกระดูกซี่โครงอันหนึ่งออกมาขณะอดัมกำลังหลับ และนำมาสร้างเป็นผู้หญิงนามว่า เอวา
Kingdom of Tatelmis
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อครั้งที่พระเจ้าสร้างโลก พระองค์มีถุงคู่ใจเอาไว้ใส่ของวิเศษมากมาย พระองค์เริ่มต้นด้วยการสร้างมหาสมุทรทั้ง 7
และต่อมาจึงเริ่มแบ่งผืนแผ่นดินเป็นประเทศ โดยหลักการของการมอบของวิเศษคือ พระองค์จะต้องวางทั้งของดีและของไม่ดี เพื่อไม่ให้ที่ใดที่หนึ่งสมบูรณ์ไปกว่าที่อื่น ๆ ทรงวางเทือกเขาร็อกกี้ น้ำตกแองการ่าให้อเมริกา และเอาทะเลทรายอริโซน่า พายุทอนาโดวางไว้ด้วย เอาป่าอเมซอนและไข้ป่าวางไว้ให้บราซิล เอาขั้วแม่เหล็กโลกวางไว้ให้แคนาดา แต่ก็ทรงเก็บอากาศหนาวเย็นเอาไว้ให้ เอาเทือกเขาหิมาลัยให้ธิเบตและเนปาลเพื่อเป็นปราการกั้นข้าศึก แต่ก็ยังทิ้งความแห้งแล้งไว้ให้ ทุกประเทศจะได้ของแบบนี้คู่กันหมด
แต่พระองค์ทรงลืมประเทศเล็ก ๆ ทางใต้คาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ทรงสะพายถุงวิเศษก้าวข้ามแอลป์ไป เทือกเขาเกี่ยวเอาถุงวิเศษขาด ข้าวของดี ๆ ที่เตรียมเอาไว้ให้ประเทศอื่น เช่น ความอุดมสมบูรณ์ ศิลปะวัฒนธรรม อาหาร คำทำนายหยั่งรู้ ชายทะเล บรรยากาศดี ๆ ก็กองรวมกันไว้ที่ ‘ธาเทลมิส’ เสียแล้ว
ว้า แย่แล้วสิ! พระองค์ทรงคิดว่าประเทศนี้ต้องเจริญและอุมดมสมบูรณ์กว่าประเทศอื่น ๆ เป็นแน่ แต่จะวางภัยพิบัติก็ไม่ได้เสียแล้ว เพราะตกไปเป็นของญี่ปุ่นหมด
ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ ประเทศอื่นจะต้องมาฟ้องร้องว่าพระองค์ทรงไม่ยุติธรรม จะมีอะไรหนอที่ทำให้ประเทศธาเทลมิสไม่เจริญเกินหน้าเกินตาไปกว่าประเทศอื่น ๆ
พระองค์เลยส่งสิ่งที่เรียกว่า ‘ฐานันดร’ ที่เหลื่อมล้ำและมีแต่ความขัดแย้งให้กับที่นี่ ต่อให้ทุกคนบริสุทธิ์ใจกันแค่ไหน ประเทศก็ไม่มีทางเจริญ เพราะทุกคนไม่สามารถแยกออกจากระบบชนชั้นที่เน่าเฟะได้ ทั้งหมดถูกแทรกซึมไว้ตั้งแต่เกิด เรียน มีคู่ และตาย ต่อให้เจริญก้าวหน้าแค่ไหน สมบูรณ์เท่าใด ธาเทลมิสก็ไม่มีวันเจริญเพราะความคิดของบุคคล
ปัจจุบันประเทศธาเทลมิสมีประชากรราว ๆ เก้าแสนคนโดยประมาณ
The International of King’s School , Tatelmis
IKT โรงเรียนนานาชาติชื่อดังของประเทศ บุคคลมากหน้าถือตาล้วนจบจากที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นรากหญ้าที่เข้ามาด้วยระบบทุน ไปจนถึงชนชั้นราชวงศ์ที่เข้ามาด้วยระบบเงินตรา ทุกคนล้วนผ่านข้อสอบวัดความรู้ ความยากเทียบเท่าระดับสากลที่ใช้สอบเข้ามหาลัยท็อปของโลก ถ้าไม่เรียนพิเศษจนเป็นบ้าเป็นหลัง ก็ต้องเป็นสมองเหนือมนุษย์ที่เรียนรู้และซึมซับได้เร็ว เพราะก่อนสอบเข้า Year 7 จะได้รับความรู้ปรับพื้นฐานใหม่ทั้งหมด รวมถึงกิริยามารยาทสำหรับชนชั้นนั้น ๆ ด้วย โดยทั้งหมดมีโอกาสแค่ครั้งเดียวคือช่วง Junior High School หรือมัธยมต้น
โรงเรียนเปิดการเรียนการสอนเมื่อคริสต์ศักราชที่ 1940 คราแรกเปิดเป็นสถาบันวิทยาลัยพิเศษสำหรับราชวงศ์ นามว่า The King’s College of Tatelmis แต่ต่อมาด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของพระเจ้า Luke Wilson ที่ 2 แห่งราชอาณาจักรธาเทลมิส ทรงโปรดให้ทุกคนตั้งอยู่บนความเท่าเทียม แต่ก็มิได้เป็นผล เมื่อการบูรณะโรงเรียนครั้งใหม่ในครั้งคริศต์ศักราชที่ 1950 ครบรอบหนึ่งทศวรรษของโรงเรียน ได้มีการเปลี่ยนโฉมเป็นโรงเรียนนานาชาติธาเทลมิส มีการแบ่งระบบสายการเรียนเพื่อตอบสนองเด็กวัยเยาว์ให้มีพัฒนาการที่ก้าวไกลเพื่อเติบโตมาเป็นข้ารับใช้ประเทศ และที่สำคัญที่สุดคือระบบบ้านที่ถูกแบ่งออกเป็น 4 หลังใหญ่ ๆ ตามไพ่ทำนาย หนึ่งในวัฒนธรรมที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนานของประเทศ ได้แก่
Wands (ไม้เท้า) ความขยัน มีมานะ ใฝ่รู้ เจริญก้าวหน้า
Cups (ถ้วย) ความสุขสบาย ชีวิตที่ดี ความรักที่บริสุทธิ์
Pentacles (เหรียญ) ความมั่นคง ร่ำรวย เหลือมีเหลือใช้
Swords (ดาบ) ความมืดมน จิตอยู่เหนือความคิด ลักษณะของความไม่เป็นมิตร
แต่แล้วจนรอด ก็มีนักเรียนชั้น Year 7-12 เรียกร้องถึงระบบชนชั้นที่ไม่มีภายในโรงเรียน โดยแกนนำก็คือนักเรียน Year 12 พระราชโอสรของลูคก์ วิลสันที่สอง
พระองค์ทรงแพ้ภัยตนเอง ไม่ว่าจะพยายามอธิบายหรือพูดคุยใด ๆ ก็ไม่มิเป็นผล หนำซ้ำเรื่องพวกนี้ยังอยู่เอาเข้าไปตั้งแง่ในการประชุมหัวหน้าระดับใหญ่ของประเทศเสียอีก ทุกฝ่ายให้ความเห็นเหมือนกัน เว้นเสียแต่รากหญ้าที่กระทำอะไรไปก็มิเป็นผล จึงเกิดเป็นระบบชนชั้น 4 แบบ ได้แก่
King ราชวงศ์ ขุนนาง ตระกูลชนชั้นสูงที่สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีตกาล
Queen ข้าราชการชั้นสูง สืบเชื้อสายราชการมาตั้งแต่ต้นตระกูล ลูกเศรษฐี เจ้าสัว
Knight เศรษฐีหน้าใหม่ ไม่ได้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลใด ๆ
Page เด็กทุน ลูกหลานลูกจ้าง ชนชั้นล่าง
ทุกอย่างกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง และปราการสุดท้ายที่พระองค์ทรงรับสั่งไว้
“จงรอ... รอวันที่ความรัก ความใส่ใจ และความสุขนำพามันไปให้เรานั้นเทียบเท่ากัน
Curse
คำสาปแช่ง
สิบหกปีฉันใด อันเป็นไปกลับมา
สิบหกปีฉันใด เด็กคนถัดไปกลับมา
สิบหกปีฉันใด จนกว่าแรงใจใฝ่หา
แต่งออกหนึ่งครา ปลดสาปชั่วกัลป์
WWW.Telpost.school
โพสเมื่อ 010321
00:00
คุณเชื่อเรื่องคำสาปไหม?
ถ้าไม่เชื่อ เราคือพวกเดียวกัน
สวัสดี เราคือคนเปิดบทความนี้ ปีนี้เราเรียนอยู่ Year 9 ขอไม่บอกห้องละกันเดี๋ยวเป็นเรื่อง
ใจจริงแค่อยากจะหาที่ระบายเฉย ๆ ปกติก็เล่าให้เพื่อนฟัง แต่ตอนนี้พวกมันคงกำลังนอนกันอยู่เลยมาเล่าลงในนี้ดีกว่า
เข้าเรื่องเลยละกัน เราเป็นลูกหลานคนจีนที่อพยพมาตั้งแต่สมัยสงครามเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว ก็มาตั้งหลักปักฐานที่ธาเทลมิสนี่แหละ ชีวิตก็ดูจะเฉย ๆ ดี จนวันนั้น วันที่เหลาม่าจากเหลากงไปอย่างไม่มีวันกลับ
ไม่ได้ตาย เลิกกันเฉย ๆ แล้วหนีหายไปพร้อมทองเส้นใหญ่เลยแหละ คิดแล้วแค้นแทน
แต่นั่นก็คือจุดเริ่มต้นความวุ่นวายทั้งหมดที่จะเล่าต่อไปนี้
อากงเล่าว่า ทองเส้นใหญ่ที่หายไปถูกแทนที่ด้วยตำรามัดใจบุคคลชั้นสูงโบราณเล่มหนึ่ง มองเผิน ๆ มันก็แค่หนังสือเก่าฝุ่นเกาะที่ถ้าเผลอไปจับอาจจะบุบสลายกลายเป็นทรายเลยก็ว่าได้ ข้างในก็บทความเรื่องความรักทั่ว ๆ ไป ไม่แน่ใจว่ากี่ร้อยปี เป็นภาษาเทลเซมโบราณที่อ่านก็แทบจะไม่ออก รวม ๆ คือเหมือนหนังสือสิบวิธีมัดใจชายหญิงของสมัยนี้
ก็ดูปกติดีใช่ไหม ตอนรู้เรื่องนี้มาก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
ถึงแม้ตอนนี้ก็จะคิดแบบเดิมก็เถอะ
แต่ความพิเศษมันอยู่ตรงบทความส่งท้ายเล็ก ๆ ที่น่าจะเป็นเรื่องของคนเขียนเล่มนี้เอง บอกประมาณว่า
ความรักที่ซึ่งเกิดมาโดยเราสอง
ล้วนเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งสิ้น
ฐานะที่ต่างก็ปั้นหน้าใส่กัน
ครอบครัวที่ต่างก็แอบเอาค้อนทุบกัน
หวังอะไรกันอยู่
มันไม่มีอะไรเป็นจริงหรอก
หยุดหวังหยุดฝันและก้มหน้าต่อไป
กรวดบนดินหรือจะไปสู้เพชรบนฟ้า
ตราบใดที่ยังอยู่ในธาเทลมิส เราจะก้าวข้ามเรื่องฐานะไปไม่ได้หรอก
นี่คือคำเตือนทั้งหมดของข้า
หยุดหาความรักกับชนชั้นสูง
หยุดใฝ่ฝัน
หยุดคิดเอื้อม
หยุดตามหา
และหยุดรักเมื่อเผลอพลั้ง
Lanan g.
และคำเฉลยในอีกหน้ากล่าวถึงความรักที่ไม่ถูกยอมรับจากครอบครัวทั้งสอง เขาที่เป็นเพียงลูกชายพ่อค้าหาบเร่ กับเธอที่เป็นถึงลูกชายขุนนางในวัง ครอบครัวกีดกันทั้งสองจากความเป็นไปไม่ได้ บ้านอีกฝ่ายอยากที่จะแต่งเข้ามาเพื่อเชิดชูในหน้าตาของตระกูล แต่บทบาทหน้าที่รั้งให้ได้แต่งออก จนสุดท้ายเกิดเป็นสงครามประสาทระหว่างสองครอบครัว ลูกชายของเขาที่เกิดขึ้นตอนเขาทั้งสองมีอายุเพียงสิบหกปี เขาเกลียดลูกชายตนเองมาก มากเสียจนสติหลอน ผู้เป็นแม่ของลูกก็หนีหายไปแต่งงานกับชายอื่นที่มีฐานะเท่ากันเพื่อกลบข่าวลือของเขา ปล่อยเขาและลูกเป็นขี้ปากชาวบ้านไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขาได้พบกับความตาย
เขาทิ้งทุกอย่างไว้เป็นเล่มหนาหลายเล่ม ลูกชายที่เติบโตมาโดยการเลี้ยงดูของระแวกรอบบ้านที่เห็นและเมตตามาตั้งแต่เกิดก็นำทั้งหมดมาเขียนรวมกันเป็นบทความหลาย ๆ ฉบับและส่งเข้าตีพิมพ์ที่โรงพิมพ์แห่งหนึ่งในเขต หน้าปกที่หลอกตา ใจความตั้งแต่แรกจนสุดท้ายที่หลอกให้หนุ่มสาวหลายคนอ่าน บ้างก็อ่านกันไม่จบ บ้างก็อ่านกันจนจบและมารู้ความจริงทีหลังก็เกิดความช้ำน้ำใจจนต้องนำไปทิ้ง
หนังสือเล่าหยุดลงเท่านี้พร้อมคำขอโทษของลูกชายคนเดียวของผู้เขียน คำขอโทษที่ขอโทษผู้อ่านทั้งหมดที่หลงกันเข้ามาอ่าน เขาเพียงแค่อยากเผยแพร่งานของแม่ให้ไปได้ไกลที่สุด เผื่อจะมีคนรู้ตัวว่าตัวเองได้พรากชีวิตใครบางคนตายจากไป
-END-
อากงเล่าไว้ถึงแค่นี้แล้วก็ไล่เราไปเล่นที่อื่น กลับไปถามท่านกี่รอบท่านก็ไม่เคยเล่าเรื่องนอกเหนือจากนี้ให้ฟังเลยสักรอบ ไอเราก็อ่านภาษาเทลเซมโบราณไม่ออกอีก แล้วก็กลัวว่าถ้าไปยุ่งกับหนังสือแล้วมันบุบสลาย แต่ก็ได้อ่านฉบับแปลที่อยู่ในบันทึกของอากงครั้งนึง
ที่มาเล่าให้อ่านกันวันนี้ก็เพราะอยู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ เลยอยากมาแบ่งปันเรื่องตลกให้หลาย ๆ คนอ่านกัน
จะว่าไงดีล่ะ เราคิดว่ามันไร้สาระอะ ก็แค่หนังสือที่คนสติไม่ดีเขียนขึ้นมา อากงก็บอกอเองว่าต้นฉบับเขียนงง ส่วนลูกชายก็เป็นรอบบ้านช่วยกันเลี้ยงตั้งแต่เกิดจะไปรู้ได้ไงว่าเป็นจริงหรือไม่จริง อาจจะสติไม่ดีเหมือนกันเลยมั้ง บางอย่างก็ดูออกเลยว่าคนเขียนนี่ต้องจิตหลุดแน่ถึงเล่าเรื่องได้งงแบบนี้ กับแค่เรื่องแต่งงานเข้าแต่งงานออก เลอะเทอะอะ
ขำ ๆ ยามค่ำคืนละกันเนอะ ฮ่า ๆ
เขียนโดย Hsiao
030321
fem
มีภาคต่อไปปะ อยากอ่าน
250321
01249943030
ก็พอเข้าใจได้นะ ไม่ได้งงอะไรขนาดนั้น แต่เรื่องมันแบบ ไร้สาระตามที่คุณ Hsiao บอกเลยแหละ ฮ่า ๆ
+ 050421 [01249943030]
sss
เราว่าไม่ไร้สาระนะ มันเหมือนคำสาปเลย ถ้าเกิดขึ้นจริงจะทำยังไงดี
+ 220621 [sss]
xin
บ้าบอ เจ้าของเรื่องเขายังไม่เชื่อเลย เรามีหน้าที่แค่อ่านแล้วก็แยกย้ายกันไปนอนก็แค่นั้น เพราะเหตุอะไรจะเกิดก็คงเกิดกับเขาไปนานแล้ว
.
.
.
503 comments...
Friendly
เป็นมิตร
“ดีไวน์ครับ จะออกจากบ้านแล้วเหรอ”
“ครับ วันนี้เปิดเทอมต้องรีบเอาของเก็บเข้าหอครับ”
“ให้ลุงฟรานขับรถให้สิ จะได้ช่วยถือของของลูกด้วย”
“โถ่คนสวย ผมถือเองได้ครับ คนสวยไม่ต้องกังวลนะ ผมขับรถไปเองได้”
“เฮ้อ จริง ๆ เลยลูกคนนี้ แล้วจะไม่ทานข้าวก่อนไปเหรอครับ”
“นัดกับที่เหลือไว้แล้วครับ”
“จะตื่นกันมาเหรอ แต่ละคนเนี่ย”
“คนสวยอย่าดูถูกเพื่อน ๆ ผมสิครับ”
“ก็ดูถูกไงไม่ได้ดูผิด”
“โถ่คนสวย”
พูดเสร็จก็ย่อตัวลงมากอดผู้เป็นแม่และหอมแก้มไปข้างละฟอดใหญ่ ๆ ตามประสา ดีไวน์เดินออกมาจากบ้านพร้อมกับกุญแจรถสปอร์ตที่ได้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีที่แล้ว ทักทายแม่บ้านและคนสวนที่อยู่บริเวณโรงรถเล็กน้อยและขับรถออกจากบ้านไป Pininfarina Battista คือตัวเลือกของเขาในวันนี้
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาและหน้าจอติดรถก็ปรากฏชื่อของน้องชายฝาแฝดตัวดีอย่าง ดาร์เรียล อัลวิน ดาร์วิสขึ้น เขากดรับสายจากหน้าจอติดรถ ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็เป็นเสียงแหลม ๆ จากคนปลายสายดังเข้ามาก่อน
[“ดีน! ออกจากบ้านแล้วทำไมไม่บอก แล้วทำไมต้องออกไปตั้งแต่เจ็ดโมงด้วย!”]
“พึ่งตื่นเหรอคนสวย”
[“ไม่ต้องมาคนสวย ไม่รอกันเลยสักนิด แปะโป้งไว้หนึ่งที เดี๋ยวตามไปแปะสองนิ้วโป้งที่โรงเรียน”]
“ครับ ๆ แล้วนี่เซสมันออกมาหรือยัง”
[“น่าจะสวนกับดีนไปเมื่อกี้ คุณแม่บอกนั่งรออยู่ในบ้านแล้ว”]
“อ่าว งั้นคนสวยรีบไปอาบน้ำครับ จะได้มาแปะสองนิ้วโป้งที่โรงเรียนเร็ว ๆ”
[“อือ ๆ ขับรถปลอดภัยนะ”]
“ครับผม”
เขาเป็นแฝดสาม โดยเขาเป็นพี่คนโตเพราะออกมาก่อน นอกจากดาร์เรียลแล้วก็ยังมี ดาร์เรน อัลวิน ดาร์วิส น้องคนกลางอีกคน คนนี้เรียบร้อยจัด ๆ เลย แต่ดาร์เรียลก็เรียบร้อยนะ เหมือนผ้ายับหับไว้เลยคนสวยคนนี้
ขับรถมาจนถึงโรงเรียน แต่ก่อนจะสงสัยว่าเขาขับรถได้ยังไงในวัยเพียงเท่านี้ ตามกฎหมายของธาเทลมิสแล้ว ผู้ที่อายุสิบห้าปีขึ้นไปสามารถสอบใบขับขี่ได้ แต่ถึงกระนั้นใครหลาย ๆ คนก็แค่ไปสอบไว้ให้มีใบรับรอง เพราะราคารถทั้งนำเข้าและผลิตเองนั้นก็สูงใช่ย่อย การมีรถขับในประเทศนี้ถ้าไม่ใช่เพราะทำงานจำเป็นอย่างขนของต่าง ๆ ก็ต้องรวยสุด ๆ แต่ก็ยังมี option เสริมให้เลือกทั้งเรือ รถไฟ รถไฟฟ้า และรถเมล์ ไม่ต้องห่วงกลัวว่าจะใช้ชีวิตได้ไม่สุดกันหรอก
เขาจอดบริเวณลานจอดรถของ King dorm และหยิบกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นไปบนห้อง ระหว่างทางเดินจากตรงนี้จนถึงข้างบนห้องชั้นหกที่มีห้องอยู่แค่ชั้นละสองห้องก็มีสายตาจากผู้คนบริเวณนั้น บ้างก็สะกิดให้เพื่อนมอง บ้างก็มองเอง แต่ก็ยังไม่มีใครละสายตาไปจากตัวเขาเลยแม้แต่น้อย
“พึ่งเคยเห็นปรินส์ดีไวน์ตัวเป็น ๆ หล่อจังวะ”
“คิดไม่ผิดที่เรียนพิเศษแทบตายเพื่อสอบเข้าที่นี่”
“มีรุ่นพี่แบบนี้ก็ดีนะ แบบละลานตาเว่อร์”
“จนถึงวันนี้ปรินส์ก็ยังดูดีอยู่ตลอดเลย”
และอีกมากมายที่พูดถึงเขา เป็นปกติที่เขาจะได้ยินคำพวกนี้จากคนที่เดินผ่านไปผ่านมา
''ปรินส์ครับ หล่อมาก ๆ เลยครับ!''
''ขอบคุณครับ!''
ได้ยินจนชิน ไอคำที่บอกว่าเขาหล่ออะ
เขาตอบกลับไปพร้อมกับบกมือให้เหมือนปกติที่เคยทำ
จะว่าไงดี ก็เลือกฟังแต่คำที่อยากฟังเท่านั้น และตั้งแต่อยู่ที่นี่มาจนเข้าปีที่สี่ก็ยังไม่เคยได้ยินคำที่ไม่อยากฟังเลยสักที
แน่ล่ะ ของมันเป็นที่ประจักษ์
จะนิยามว่าเพอร์เฟคก็น่าจะดูเหมาะสมที่สุด รูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นไปจนถึงความสามารถที่ล้นเหลือ ยังมิวายมีชาติตระกูลที่ดีเป็นถึง Prince ที่ใคร ๆ ก็ถือหน้าถือตาให้เป็นตัวเอกในทุก ๆ ด้าน ส่วนครอบครัวก็มีคุณพ่อที่ถือยศถาบรรดาศักดิ์สืบเชื่อเจ้าลงมาตั้งแต่รุ่นทวดของทวดอีกที ส่วนคุณแม่ก็เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล Eva ที่เป็นอันดับหนึ่งในเรื่องศัลยกรรมตกแต่งของประเทศ
“เห้อ”
คิดแล้วก็ถอนหายใจให้กับความเพอร์เฟคของตัวเอง
เขาที่ถูกบ่มเพาะมารยาทมาตั้งแต่จำความได้ การให้เกียรติผู้อื่นถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับเขา ทำให้เทียบกับในกลุ่มแล้ว เขาค่อนข้างที่จะเป็นมิตรมากที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ วาจาหวานหยดย้อยเหมือนน้ำผึ้ง การกระทำที่จริงใจ หล่อหลอมรวมกลายเป็น ดีไวน์ อัลวิน ดาร์วิส
Comments (1)
ขอปักไว้ก่อนนะคะอ่านคำโปรยแล้วน่าสนใจมาก เดี๋ยวกลับมาอ่านค่าา