1 ตอน Short fanfiction Series : ความรู้สึกของอากิ
โดย Kousei2
Short fanfiction Series : ความรู้สึกของอากิ
ในความรู้สึกของอากิ...
บรรยากาศที่อบอุ่น น่าปวดหัว และวุ่นวาย เป็นความสุขที่เรียบง่าย
ทั้งความจริงที่ปรากฏ ความแน่นอนของสิ่งที่เรียกว่าความตาย
ความรู้สึกที่อยากให้เจ้าเด็กบ้าพวกนี้มีความสุขกันต่อไป
การเล่นแบบเด็กๆ ท่ามกลางหิมะที่ขาวโพลน กับรอยยิ้มแบบเด็กๆ ของพวกเขา
และน้ำตา.. ที่ไหลออกมาอย่างน่าเกลียด
เพราะงั้นแล้ว...
‘อย่าร้องไห้เลยนะ’
ครั้งแรกที่เขาเจอกับมัน
‘เดนจิ’ นั่นเป็นชื่อที่เจ้าตัวบอกออกมา ไม่มีนามสกุลหรืออะไรอื่นๆ เพิ่มเติม
ตอนนั้นเขารู้สึกเพียง ความน่ารำคาญ และน่าสงสาร
ใช่ เด็กผู้น่าสงสาร และเขาก็ไม่อยากจะมีความสัมพันธ์อันดีอะไรด้วย
“เฮ้ มานี่แป๊บ”
“อั๊ก!”
ด้วยความสงสาร เขาเลยลากมันมาอัดที่ตรอกเล็กๆ ที่ร้างลาผู้คน
หมัด เข่า ทั้งต่อย ทั้งเตะ ทั้งถีบ จนมันล้มหงายลงไปที่กองขยะที่ได้กลายเป็นเบาะอย่างพอดิบพอดี และมันก็ไม่สู้กลับใดๆ เลย
คนแบบนี้เนี่ยนะ จะมาเข้าเป็นนักล่าปีศาจ
“ทั้งหมดก็เพื่อตัวแก และแกที่มาเป็นนักล่าปีศาจเพราะเล็งมาคิมะซัง ก็สมควรแล้วล่ะ”เขามองมันในสภาพน่าสมเพช สภาพของมันที่มีทั้งกำเดา ทั้งเลือดที่เปรอะปากที่แตกเพราะถูกเขาต่อย และเสื้อผ้าที่โดนเขาอัดจนมอมแมม ก่อนจะถุยบุหรี่ลงบนตัวมันและดับด้วยน้ำลายของเขาที่ถ่มลงไป
ทั้งหมดนี่คือความหวังดีของเขา
“ฉันจะบอกมาคิมะซังให้เอง ว่าแกกลัวจนหนีไปแล้ว”เขาผ่อนอารมณ์ลง จุดบุหรี่มวนใหม่ขึ้นมาสูบหลังจากหันหลังกำลังจะเดินจากไป
“อึก!!!”
เขาคิดผิด ไอ้เด็กที่เขาคิดว่าไม่สู้นี่.. แม่งซัดเข้าเต็มๆ เลยนี่หว่า
“อะ..!”ไม่ทันที่เขาจะได้อ้าปากด่าเชี่ยอะไรมันที่บังอาจมาใช้เข่ากระแทกเสยของรักของหวงตรงหว่างขาของเขา มันก็ซัดเข้าที่ตรงนั้นซ้ำๆ จนแม้แต่เสียงของเขายังไม่สามารถเปล่งออกมาได้ เพราะความเจ็บและจุกจนเกินบรรยายจากเข่าและตีนที่เตะซ้ำมาของมัน
ไอ้เด็กเชี่ย!
“รู้อะไรมั้ย นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้กินอุด้งและไส้กรอก เป็นครั้งแรกที่มีคนทำเหมือนฉันเป็นคน ครั้งแรกที่กินอะไรมากกว่าขนมปังโง่ๆ สำหรับฉันมันก็โคตรเหมือนฝันแล้ว”มันพล่ามออกมาอย่างอัดอั้น จนเขาต้องหยุดความคิดที่จะด่ามันไป
“และเพราะแบบนี้ ถึงตายก็ยอม”มันพูดอย่างมั่นหมาย แต่อีกไม่กี่วิต่อมามันก็ดูมีท่าทีจะกลับลำคำพูด เขาไม่สนลุกขึ้นและฝืนร่างกายพุ่งไปต่อยมันจนหน้าหงาย แต่มันก็สวนคืนทันที ด้วยท่าไม้ตายจุดเดียวอย่างเต็มแรง และเขา...
ก็ถูกน็อคเอาท์
กลับมาที่สำนักงานใหญ่ มันพยายามแบกเขากลับมาหามาคิมะซัง แล้วโกหกว่าเขาถูกปีศาจไข่เล่นงาน
ไอ้ห่า!
ซึ่งเขาไม่ทันจะพูดอะไรไปได้มากกว่านี้ มาคิมะซังก็บอกว่าเดนจิเป็นมนุษย์ที่กลายร่างเป็นปีศาจได้และถ้าออกจากการเป็นนักล่าปีศาจก็จะถูกฆ่าทิ้งทันที
เขาเลยปฏิเสธมันไม่ได้อีก...
เจ้าเด็กน่าสงสาร
“แยมสตอเบอรี่ แยมลูกพลับ แยม...”
หรือเขาคิดผิด
แยมของเขาถูกยกออกมาทาลงบนขนมปังจนล้นด้วยฝีมือของเดนจิ ที่มันกินอย่างเอร็ดอร่อย ปานขาดของหวานมานานทั้งชาติ
ปังๆ ปัง!
เสียงอ่างอาบน้ำที่ถูกเคาะประกอบจังหวะ และเสียงร้องเพลงโหยหวนของมันจากห้องอาบน้ำ
“...”
ห้องน้ำที่แม่งนั่งแช่เป็นชั่วโมง
แม่ง!
“มาจิน คืออะไรอ่ะ”มันถามขึ้น เมื่อเรามาถึงสถานที่ที่ได้รับแจ้ง และเป็นการปฏิบัติภารกิจครั้งแรกด้วยกัน
“ที่โรงเรียนเขาไม่เคยสอนหรือไง”
ทั้งที่เรื่องนี้เป็นเรื่องขั้นพื้นฐานขององค์ความรู้มนุษย์ทุกคนอยู่แล้วแท้ๆ หรือมันเคยเรียนมาแต่ไม่จำมากกว่า
“ไม่ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้เข้าโรงเรียนเลย”
ห๊ะ?
พูดเล่น? ไม่สิ ดูมันจะไม่ได้โกหก แถมคงโกหกไม่เป็นด้วยซ้ำ งั้นก็ช่วยไม่ได้ ดังนั้นนี่คงเป็นหน้าที่เขาในการสอนมัน และก็หวังจะเห็นร่างปีศาจของมัน...
“ทำไมไม่กลายร่างล่ะ”เขามองมันหลังจากที่เจ้ามาจินนั่นถูกเดนจิใช้ขวานจามจนขาดครึ่งท่อน
“ก็มันดูคล้ายๆ ฉันนี่ ฉันไม่อยากจะให้มันเสียความรู้สึก...”มันว่าเสียงอ่อนและเหล่มองเขา ซึ่งคำพูดของมันก็ช่างฟังดูไร้สาระและน่าหงุดหงิด จนเขาจำต้องสอนบทเรียนกับมันด้วยการจับหัวมันกดกับกระจกหน้าต่าง และบอกถึงความเลวร้ายของเจ้าพวกปีศาจที่ฆ่าครอบครัวเขาไปต่อหน้าต่อตา
“แต่ฉันเคยมีเพื่อนเป็นปีศาจ ถ้ามีปีศาจที่เป็นมิตรฉันก็พร้อมจะเป็นเพื่อนกับมัน”
ห๊า? ไอ้สมองกลวงนี่!
และเมื่อเห็นว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์กับไอ้สมองกลวง เขาก็เลิกสนใจที่จะพูดให้มันจำต่อ
“งั้นแกก็จำที่พูดไว้ดีๆ แล้วกัน”
และต่อมา เดนจิก็ได้มีคู่หูใหม่ ทันทีที่เขาได้ยินเรื่องนี้ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นที่ไม่ต้องเลี้ยงเด็กแบบมันแล้ว เพราะอาจจะมีคนมาคอยแบ่งเบาหน้าที่นี้แทนเขา จนกระทั่ง...
“ข้าชื่อพาวเวอร์!”
ได้เจอกับตัว
ชีวิต!
“ทำไมทุกคนต้องชอบมาดูถูกเรื่องที่ฉันทำกันนักวะ แก้แค้น? ครอบครัว? แมว? มัวแต่อ้างนู้นอ้างนี่! สุดท้ายแม่งก็เป็นความฝันเหมือนกันไม่ใช่หรอวะ!”
ในระหว่างออกมาปฏิบัติภารกิจ เขาก็ได้รับรายงานจากสถานที่ใกล้เคียงว่ามีปีศาจอาละวาด จึงรีบเดินทางมา แต่พอมาถึงก็ได้เจอกับมันและปีศาจเลือดสู้กับปีศาจที่มีลักษณะคล้ายหนอนอยู่
มันที่ทำเป็นพูดดี อวดเก่ง สุดท้ายก็โดนปีศาจปลิงนั่นแทงทะลุกลางท้องเข้าให้ และในตอนนี้มันก็กำลังจะถูกกิน
จะดีกว่ามั้ย ถ้ามันตายซะตอนนี้ เพราะยังไงปีศาจก็ต้องถูกกำจัดอยู่แล้ว
“คอน”เขายกมือขวาทำสัญลักษณ์จิ้งจอกเพื่อเรียกปีศาจจิ้งจอกออกมากินเข้าที่ส่วนบนของปีศาจปลิงที่ว่า พร้อมกับการแลกเนื้อที่แขนซ้ายของเขา
“พวกแกต้องไปให้ปากคำนะ”เขาพยุงแบกเดนจิพาดไหล่ ส่วนปีศาจเลือดเขาก็ให้คนอื่นช่วยดูเธอ และแมวก็ถูกพาไปส่งกับสัตวแพทย์
แขนที่ขาดของเดนจิถูกต่อคืนได้โดยง่าย เพียงแค่ใช้เลือด ไม่ต่างอะไรกับปีศาจเวรพวกนั้น
“ไหนบอกว่าเกลียดปีศาจ ทีแกยังสนิทกับปีศาจจิ้งจอกนั่นเลย”มันหันมาถาม เขาวางแอปเปิ้ลกระต่ายที่ปอก ก่อนจะเริ่มสอนความรู้พื้นฐานให้เด็กไม่รู้ความ
“นักล่าปีศาจต้องทำสัญญากับปีศาจเพื่อแลกมาซึ่งพลัง โดยมีสิ่งแลกเปลี่ยนเป็นอะไรสักอย่าง อย่างฉันก็เป็นเนื้อบางส่วน”เขายกแขนข้างซ้ายขึ้นมาโชว์ให้มันดู
“งั้นหรอ คงเจ็บแย่”มันว่าคล้ายจะเป็นห่วง แต่มือและสายตาของมันกลับมุ่งเป้าไปที่แอปเปิ้ลกระต่ายที่เขาปอกทิ้งไว้บนจาน
“ปีศาจปรารถนาความตายของมนุษย์ มาจินก็เช่นกัน”
“แต่พาวเวอร์ไม่ใช่นี่”
ไอ้โง่นี่!
“จากหลักฐานทั้งหมดที่พบ บอกได้เลยว่าปีศาจเลือดจะฆ่าแก แต่ทำไมแกถึงยังเป็นมิตรกับมัน”
“ก็...”มันเลิ่กลั่กไม่มองเขา จนเขาหงุดหงิด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็กลับนึกถึงเรื่องที่มันทำไว้
‘ปีศาจ ที่คอยช่วยเหลือผู้คน’
“ปีศาจเลือดต้องถูกกำจัด แต่ถ้าแกยอมเชื่อฟังฉันก็จะยอมอะลุ่มอล่วยให้ในครั้งนี้”
“เออ”
มันว่าง่าย และดูจะไม่มีอะไรตุกติก เขาจึงจำต้องรักษาสัญญาในการปล่อยตัวปีศาจเลือดให้มีชีวิตอยู่ต่อ
แต่เขาจะไม่มีวันเป็นมิตรกับพวกปีศาจเด็ดขาด!
และปีศาจเลือดเองก็ได้มาอยู่กับเขาในห้องเช่าเล็กๆ ที่โคตรไม่เหมาะกับการอาศัยอยู่ร่วมกันสามชีวิตและแมวหนึ่งตัว แต่ทำไงได้ มาคิมะซังเป็นคนขอไว้เอง...
“เกลียดผัก!”
แครอทที่เป็นหนึ่งในส่วนผสมของเมนูที่เขาทำ ตอนนี้ได้ถูกปีศาจเลือดจัดการเหวี่ยงมันลอยกระเด็นออกนอกจานไปแล้ว
“อย่าโยนผักสิวะ!”เขาตะโกนออกไปอย่างหมดความอดทน
“นังปีศาจร้าย คนเขาอุตส่าห์ทำให้กินนะโว้ย!”เดนจิเองก็ด้วย
“ข้าไม่จำเป็นต้องอาบน้ำ”ปีศาจว่าด้วยท่าทีที่ไม่เห็นด้วย เมื่อพวกเขาบอกให้ไปอาบน้ำ
“ไปอาบน้ำ!”
“ซกมกที่สุด!”
เขาและเดนจิประสานเสียงกันอย่างเห็นด้วย
“คนอย่างข้า ขี้ไม่ต้องกด”ยัยปีศาจเลือดยังคงยึดมั่นในอุดมคติที่แสนซกมกของตัวเอง เมื่อเจ้าตัวขี้ในชักโครกแต่กลับไม่กดจนพวกเขาต้องมาสั่ง แต่ไม่วายยังมีหน้ามาพอว่าไม่ต้องกด
“ไปกดเดี๋ยวนี้!”
“สกปรกโคตร!”
เขาและเดนจิประสานเสียงกันอย่างเห็นด้วยเป็นที่สุดอีกครั้ง
สุดจะทน!
ไม่อยากจะพูด แต่ยัยปีศาจบ้านี่อาการหนักกว่าเดนจิซะอีก!
“ในนี้มีปีศาจที่กินชิ้นส่วนปีศาจปืนอยู่...”เขาเริ่มหลักสูตรสอนเด็กโง่ทั้งสองคนก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติภารกิจ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะอธิบายอะไรจบ เจ้าเด็กทั้งสองก็เอาแต่พูดแทรกเขาจนต้องยกอาวุธลับมาเข้าช่วย อย่างหมากฝรั่ง
“โอ้ รุ่นพี่ฮายาคาวะครับ”
“รุ่นพี่เจ้าค่า”
ในที่สุด เจ้าพวกนี้ก็ยอมเชื่อฟังซะที
“รุ่นพี่ ผมไม่ไว้ใจสองคนนี้เลยครับ คนนึงก็ปีศาจ อีกคนก็เป็นนักเลง ดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด”รุ่นน้องที่เพิ่งร่วมงานว่าอย่างนั้น
ซึ่งมันก็จริงนั่นแหละ
“ไม่ต้องไว้ใจเจ้าพวกนี้ แค่ใช้มันเป็นแนวหน้าก็พอ ถ้าพวกมันหนีก็ฆ่าทิ้งได้เลย”เขาว่าอย่างไม่ใส่ใจ ก็แค่มนุษย์ครึ่งปีศาจ และปีศาจตนเดียวเท่านั้น
เจ้าพวกนี้ไม่มีความหมายกับเขา
“เด็กใหม่ทางอากิคุงเป็นยังไงบ้าง”รุ่นพี่ฮิเมโนะถามเขาขณะที่พวกเราได้เริ่มเข้ามาภายในตัวอาคารที่ถูกระบุว่ามีปีศาจอยู่
“ปีศาจเลือดใจร้อน แต่แข็งแกร่ง และมีโอกาสหักหลังเราสูง ส่วนเดนจิยังไม่ชัดเจน เลยไม่สามมารถสรุปได้ครับ”
“...งั้นก็อย่าตายนะอากิคุง”รุ่นพี่ฮิเมโนะว่า เขาเมื่อได้ยินประโยคนั้นจึงทำได้แต่เงียบ และไม่มีคำตอบใดๆ ส่งกลับไป
คนอย่างเขา ไม่สามารถจะไปสัญญาเรื่องความตายกับใครได้หรอก
ไม่นานเราก็ได้รู้ว่าเรากำลังติดอยู่ในเขาวงกตของภายในตัวอาคาร
และความวิตกกังวลก็เริ่มทำให้มีคนสติแตก แต่ไม่ใช่จากฝั่งเขาที่ดูจะชิลกันซะเหลือเกิน
ชิลกันมาก จนหลับไปเลย
ไม่นานนัก ข่าวร้ายก็มาเยือนอีก ปีศาจที่ถูกพวกเขาฆ่าทิ้งไปในตอนแรก กลับกลายเป็นว่ามันยังไม่ตายและมีการขยายจำนวนเพิ่มไปอีกอยู่ภายในตัวอาคารนี้
“ส่งมนุษย์เดนจิมา แลกกับการที่พวกแกจะออกไปได้อย่างปลอดภัย”ปีศาจนั่นยื่นข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธ
เริ่มจากโคเบนิ รุ่นน้องของทีมรุ่นพี่ฮิเมโนะ
ตามมาด้วยรุ่นน้องชายชื่อ อาราอิจากฝั่งนั้นเช่นกันอีกคน
ทั้งคู่มุ่งเป้าไปที่เดนจิ แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะเขาไม่เห็นด้วย และช่วยกันกับรุ่นพี่ฮิเมโนะในการคุ้มกันปกป้องเดนจิจากพวกเดียวกันเอง
แต่ที่ช่วยไม่ใช่เพระมีความรู้สึกเชิงบวกกับเดนจิ เพียงแต่เป็นในเรื่องของเชิงทฤษฏีความเป็นไปได้เท่านั้นเอง
“การที่มันต้องการตัวเดนจิ แสดงว่าความตายของเดนจิจะส่งผลดีกับมัน และเราไม่ควรจะรับข้อเสนอนี้”
ตอนนี้เราติดเหง็กอยู่ตรงโถงทางเดิน มีวิวทิวทัศน์ให้มองเป็นเพียงแค่ปีศาจที่ยื่นข้อเสนอให้ จนสุดท้ายแล้วก็มีคนสติแตก จนทำให้ปีศาจนั่นเริ่มขยับตัวพุ่งมาทางเรา เราทั้งก็ทำได้แต่โกย เพราะเขาเองก็ใช้พลังจิ้งจอกไม่ได้ในที่ที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกแบบนี้
“ฆ่าเดนจิที!”
“ฆ่าเดนจิเถอะครับ!”
รุ่นน้องทั้งสองเริ่มจะไม่ไหวกันแล้ว เมื่อตอนนี้เราเหลือทางไปต่อเดียวก็คือความตาย หากเดนจิไม่ตายซะก่อน
ในที่สุด ตอนนี้ทุกคนก็ไม่ไหวกันแล้ว ทั้งโคเบนิ อาราอิที่เดิมทีก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว แต่คราวนี้แม้แต่รุ่นพี่ฮิเมโนะก็เห็นด้วยกับการฆ่าเดนจิ ส่วนยัยปีศาจเลือดกลับเห็นเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องตลก
ทั้งสามต่างพากันจับและใช้อาวุธเพื่อที่จะฆ่าเดนจิ ซึ่งมีเพียงเขาที่ยังคงอยู่ฝ่ายไม่เห็นด้วยและออกตัวพุ่งไปปกป้องเดนจิที่ไม่ตอบโต้ใดๆ ทั้งสิ้น จนเขาถูกมีดแทงเข้าที่สีข้างเต็มๆ
“นี่มัน.. ไม่สมควร การจะจัดการปีศาจปืนได้จำเป็นต้องมีเจ้านี่... และต่อให้อายุของฉันจะต้องสั้นลง.. เดนจิก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อ”
อึก!
ความเจ็บแล่นแปล๊บขึ้นมา เขาเริ่มมีอาการหน้ามืด ทรงตัวไม่อยู่ จนเดนจิก็ให้ปีศาจเลือดมาช่วยห้ามเลือดให้เขา แม้ว่าเจ้าตัวจะดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ก็อ้างเรื่องข้าวและยอมช่วยห้ามเลือดให้เขา
“หนู หนูไม่ผิดนะคะ หมอนี่ต่างหากที่ผิด! ถ้ายอมให้มันกินไปตั้งแต่แรก...”โคเบนิกล่าวโทษไปที่เดนจิที่ยืนทำหน้าไม่พอใจ
“เออ! ก็ได้! ฉันออกไปให้มันกินก็ได้”
ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจกระโดดลงไปกลางปากของปีศาจนั่น จนเลือดสีแดงกระเด็นออกมาให้เห็นในจังหวะที่ปากที่อ้ามันงับลง
เวลาผ่านไปสามวัน ในที่สุดปีศาจไม่มีที่สิ้นสุดก็ยอมแพ้และถูกปีศาจเลื่อยจัดการ
ส่วนผู้ชนะอย่างเดนจิก็เหนื่อยจนสลบไป เพราะการต่อสู้แบบไม่มีพัก
[งานเทศกาลสีชาด]
ปังๆ ปังๆ
เม็ดดินปืนถูกยิงมาเฉี่ยวเขา เดนจิเองก็ถูกยิงกลางหน้าผาก ส่วนรุ่นพี่ฮิเมโนะก็ถูกยิงบริเวณอกข้างซ้ายด้วยฝีมือของมนุษย์ที่ดูจะเป็นอริเก่าเดนจิ
“คอน”
ปีศาจจิ้งจกถูกอัญเชิญมารับหน้าที่จัดการศัตรูให้พวกเรามีทางรอดจากอันตรายที่ไม่รู้ตัวในครั้งนี้
แต่มันช่างแย่ ที่ครั้งนี้ที่ว่า มันไม่ใช่ทั้งมนุษย์และปีศาจ แต่เป็นอะไรที่อันตรายและมีสถานภาพไม่ต่างไปจากเดนจิ ซึ่งตอนนี้เราสามารถเรียกได้ว่า...
ปีศาจดาบ
และต่อให้อายุขัยเขาต้องลดลง แต่เขาก็จำเป็นต้องใช้ดาบตะปูเข้าสู้ ดีกว่าไม่มีอะไรแล้วถูกฆ่าตายกันซะตรงนี้ เพราะปีศาจจิ้งจอกเองก็ถูกปีศาจดาบมันจัดการไปแล้ว ยากที่จะเรียกมาอีกในตอนนี้
เขาดาบตะปูของปีศาจคำสาปที่ได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยนด้วยในการแทงและตอกมันซ้ำๆ ในทุกครั้งที่มันมีช่องโหว่ ก่อนจะใช้ปีศาจคำสาปในการปิดฉาก
คงจบแล้ว...
“ถือว่าไม่เลว”
แต่ทันทีที่เขาคิดว่ามันต้องจบลงแล้ว เด็กสาวที่ไม่รู้ที่มาก็นั่งลงข้างๆ ร่างของปีศาจดาบก่อนจะยกตัวปีศาจดาบนั่นขึ้น และออกคำสั่งให้จัดการพวกเขา
ซึ่งโชคร้าย รอบนี้เขาแพ้
เลือดได้ไหลออกมาจากตัวเขาไม่หยุด จนเขาเริ่มรับรู้ได้ถึงความตาย และ...
ความสิ้นหวัง
“ช่วยด้วย!”
นั่นไม่ใช่เสียงเขา ไม่ใช่ของพวกเขา แต่เป็นเสียงของปีศาจดาบที่ร้องโหยหวนจากฝีมือของผีที่รุ่นพี่ฮิเมโนะเรียกมาจัดการแทนพวกเขา
ทั้งที่เป็นแบบนั้น เขาควรจะดีใจ...
แขนข้างที่หนึ่ง
แขนข้างที่สอง
แขนทั้งสองข้างของรุ่นพี่ฮิเมโนะมันหายไปต่อหน้าต่อตาเขา
“อย่าตายนะ อากิคุง”รุ่นพี่ฮิเมโนะพูดมันออกมาด้วยสภาพที่เขาไม่อยากจะอธิบาย
และทั้งหมดของรุ่นพี่ก็หายไป ทิ้งไว้เพียงเสื้อผ้าที่ว่างเปล่าของอดีตที่เคยมีเนื้อกาย
“...”
แต่ก่อนที่เขาจะหลุดร้องไห้ออกมา เสียงเลื่อยยนต์ก็ดังขึ้นราวกับเป็นความหวังในคราบน้ำมันสีชาด
เขาสลบไป และฟื้นอีกทีในโรงพยาบาลโดยมีเจ้าสองคนเป็นคนนั่งเฝ้า และโวยวายเสียงดังใส่กันให้ฟัง
“หน่วยสี่ มีใครรอดบ้าง”เขาเมินพวกมันและถามทั้งคู่ จนได้รู้ว่าเป็นโคเบนิและชายใส่แว่น เพียงแค่นั้น
รุ่นพี่ฮิเมโนะไม่รอด
“ฉันเหลือไว้ให้ลูกละกัน”เดนจิวางแอปเปิ้ลไว้ให้เขาผลเดียวและยกที่เหลือกลับไป เพื่อให้เขาได้อยู่คนเดียว พอเป็นแบบนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องอดกลั้นต่อหน้าเจ้าพวกนั้นและร้องไห้ออกมาอย่างไม่ต้องอายใคร
เขาเริ่มหาสัญญาปีศาจที่จะผูกสัญญาด้วยใหม่แทนปีศาจจิ้งจอก ซึ่งเขาได้มาเป็นปีศาจอนาคต มันตกลงที่จะทำสัญญากับเขาโดยของสิ่งแลกเปลี่ยนเป็นเพียงการเข้าไปอาศัยอยู่ในตาข้างขวาของเขา เพียงเพราะต้องการจะเห็นอนาคตของเขาที่จะได้ตายด้วยวิธีที่โหดร้ายที่สุดแบบใกล้ๆ
ชีวิตเดิมๆ กับปีศาจที่ต้องจัดการ
ปีศาจงูโผล่ออกมาโดยที่มีผีที่เป็นอดีตคู่สัญญาของรุ่นพี่ฮิเมโนะมาเป็นตัวจัดการเขา และทั้งที่เขาควรจะตายเพราะมัวแต่เหม่อก็ได้มีมือหนึ่งของผีได้ยื่นอะไรบางอย่างมาให้เขา
บุหรี่ที่ถูกเขียนไว้
‘Easy revenge’
ซึ่งนั่นทำให้ใจของเขาสงบลง จนสามารถย้อนกลับไปฟังในสิ่งที่รุ่นพี่ฮิเมโนะเคยบอกไว้ได้
ผีไม่มีตา สิ่งที่มันมองเห็นได้มีเพียงความกลัว หากไม่กลัวก็จะมองไม่เห็น และง่ายที่จะจัดการ
หากนี่เป็นการอวยพรครั้งสุดท้ายของรุ่นพี่ อีกไม่นาน...
เขาจะตามไป
“งานเทศกาล”
“งานเทศกาล?”
หลังจากที่ปีศาจดาบถูกปีศาจเลื่อยจัดการ มันก็ถูกเดนจิไว้แก้ผ้าไว้ที่พื้น เหลือไว้ให้เพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียว โดยที่เจ้าตัวเดนจิพร่ามอะไรสักอย่างก่อนจะพูดออกมาชวนให้เขางงว่า ‘เทศกาล’ ในจังหวะที่เขามาถึงพอดี
“รุ่นพี่เอาด้วยมั้ย นี่เป็นงานเทศกาลที่ใครโจมตีเจ้าลูกป๋องแป๋งของเจ้านี่จนมันร้องได้เสียงดังที่สุดก่อนที่ตำรวจจะมาก็ชนะไป”เดนจิพูดไปยิ้มไปราวกับเด็กที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่
ไอ้หมอนี่มันเป็นอะไรกับป๋องแป๋งนักวะ
“เฮ้อ...”เขาทรุดตัวลงนั่งยองๆ อย่างหมดคำจะพูดกับเด็กบ้านี่
“งานเราคือจับกุม ไม่ใช่การทำร้ายใครคลายความเศร้า ถึงทำไปรุ่นพี่ฮิเมโนะก็ไม่ดีใจหรอก”
ใครมันจะเล่นกับมัน
“อ้อหรอ”
“นี่...”
แต่บางที
“ชนะแล้วได้อะไร”
เขาเองก็คงจะบ้าตามไปแล้วด้วยแหละ
“แน่นอน ก็ลูกป๋องแป๋งของเจ้านี่ไง”เดนจิดูมั่นใจว่าตนจะชนะ
และที่แห่งนี้ ในเวลาก่อนที่ตำรวจจะมา ก็ได้กลายเป็นสนามเด็กเล่นของเราทั้งคู่ ที่พากันส่งบทเพลงป๋องแป๋งให้กับรุ่นพี่ฮิเมโนะบนสวรรค์
พร้อมกับเสียงหัวเราะของเราทั้งคู่จากงานเทศกาลไร้สาระนี่
วันนี้เขาต้องมาเดินตรวจตรากับปีศาจเทวดาจอมขี้เกียจ
ไม่รู้ทำไมเดี๋ยวนี้ต้องมีพวกปีศาจมาทำงานร่วมกันกับเขา
“ช่วยฆ่าเขาทีสิ”เขาขอกับเจ้าปีศาจเทวดาที่มีพลังในการเปลี่ยนอายุขัยเป็นอาวุธ ซึ่งวิธีนี้มันจะทำให้เจ็บปวดน้อยที่สุดในการปลดปล่อยความทรมานของเหยื่อผู้ใกล้ตาย
“ไม่อ่ะ มนุษย์ควรตายอย่างทรมานสิ”แต่เจ้านั่นกลับปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย พลางเสมองไปทางมนุษย์คนนั้นที่ว่าราวกับจะเป็นการบอใบ้ให้เขาเป็นคนลงมือเสียเอง และเมื่อมันไม่มีทางเลือก ก็เป็นเขานั่นแหละที่ฆ่ามนุษย์คนนั้น
“คงสนิทกับนายไม่ลงว่ะ”
ปีศาจพรรคนี้ ให้ตายเขาก็สนิทไม่ลงจริงๆ
“อากิ!”
เขาวิ่งตามเสียงของเพื่อนร่วมงานต่างหน่วยมา จนได้พบกับร่างของเดนจิที่แน่นิ่งไม่เคลื่อนไหวทั้งที่ยังคงลืมตาราวกับช็อคจากอะไรบางอย่างที่มีปีศาจที่เขาไม่รู้จักเป็นคนพามา
“เดนจิไปโดนปีศาจตัวไหนมา”
มันน่าแปลกที่เขาเองก็ยังร้อนรนกับเดนจิที่ยังอยู่ในสภาพนี้
“ระเบิด! คู่หูของปีศาจปืน!”ปีศาจที่เป็นคนพาเดนจิมาเป็นคนตอบ แต่ไม่ทันไรเจ้าปีศาจระเบิดที่ว่าก็ได้โผล่มา
ตอนนี้มีเขา ปีศาจฉลามที่ดูจะเป็นฝั่งเดียวกับเรา ปีศาจเทวดา และเดนจิ ที่กำลังเตรียมการหนีด้วยรถยนต์ที่เขาขับ แต่เพราะอนาคตที่แสนจะเฮงซวยทำให้เขาจำเป็นต้องหยุดรถลงก่อน
ปีศาจระเบิดตามที่หยุดที่หน้ารถของเรา
“ส่งตัวเดนจิมา”ปีศาจตนนั้นข่มขู่เขาด้วยศีรษะของเพื่อนร่วมงาน ที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนเรายังยิ้มและหัวเราะด้วยกันอยู่เลย
ซึ่งเขาก็ไม่โง่พอที่จะส่งตัวเดนจิให้ โดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา
“ฟังนะ! ฉันจะขับรถชนยัยปีศาจนั่น ยังไงพวกนายก็ห้ามส่งตัวเดนจิให้เด็ดขาด!”
เขาโง่เอง ที่คาดหวังให้เดนจิอยู่เฉยๆ
“งั้นจะไปเอง”
แต่ก็มีคนโง่กว่าเขา ที่เลื่อยหลังคารถออกไปจากด้านบนเตรียมต่อสู้ทั้งที่ตัวเองยังรับเลือดไปยังไม่มากพอที่จะต่อสู้ และมันก็ช่วยไม่ได้แล้ว เขาจึงเลือกหนทางที่จะเป็นกำลังต่อสู้ให้
เขาตัดแขนของยัยปีศาจนั่นได้ แต่ก็เกือบตาย ดีที่มีปีศาจจอมทำลายมาช่วยไว้ได้ทัน
และต่อจากนั้น มันก็จะเป็นหน้าที่ของเดนจิที่จะเป็นคนจัดการปีศาจระเบิด
หลังจากจบศึกปีศาจระเบิด ทางการก็ได้ล่วงรู้ถึงการมีตัวตนของปีศาจเลื่อย และต้องการหัวใจของปีศาจเลื่อย ที่มีเดนจิเป็นผู้ครอบครอง จนทำให้ต้องมีภารกิจการคุ้มกันและรักษาความปลอดภัยของเดนจิอยู่ตลอดเวลา โดยเริ่มต้นตั้งแต่พรุ่งนี้
ในคืนนั้นเขาได้เห็นเดนจินอนหดหู่อยู่บนทางเดินของห้องเช่า เขาก้มลงมองมันเงียบๆ ก่อนจะตัดสินใจนั่งลงบนหลังของคนที่นอนคว่ำอยู่
“ใช่ว่านายจะโดนนักฆ่าไล่ล่าไปตลอดสักหน่อย ถ้าจบเรื่องนี้เดี๋ยวมันก็จะหยุดไปเอง ถึงตอนนั้นนายก็จะได้ไปเที่ยว แถมมาคิมะซังก็ไม่ได้จะยกเลิกเรื่องเที่ยวซะหน่อย แค่เลื่อนเวลาไปก่อนเท่านั้นเอง”เขาเอ่ยปลอบมันบนแผ่นหลังที่ดูไร้ชีวิตชีวาปกติของมัน โดยที่ความจริงเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องมาปลอบมันแบบนี้ อาจจะเพราะการที่เห็นมัยนในสภาพนี้ก็อดที่จะรู้สึกสงสารไม่ได้ล่ะมั้ง
“งั้นก็ง่ายเลย แค่ฆ่าแม่งให้หมดแล้วก็ไปเที่ยวซะก็ทิ้งเรื่อง!”
คงกลับมาปกติได้แล้ว
และพอเห็นแบบนี้เขาก็สบายใจได้ที่จะเริ่มต้นทำภารกิจในวันพรุ่งนี้
วันต่อมาตามคาด เดนจิได้เริ่มมาอยู่ในการควบคุมดูแลของนักล่าปีศาจ ไม่ว่าเดนจิจะไปที่ไหนที่นั่นต้องมีพวกเขาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าห้าคนคอยตามประกบไม่ให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น
“ไอ้บ้า! อย่ากินของที่ตกพื้นสิ!”คุซาคาเบะซังจาดเขตมิยางิหนึ่งในผู้ร่วมภารกิจคุ้มกันในครั้งนี้ได้เอ่ยเตือนเดนจิ ที่กำลังจะหยิบข้าวปั้นที่ตกพื้นเข้าปากตามปกติ
“ของพวกนั้นมันสกปรกแล้ว ทิ้งมันไปซะ”เมื่อผู้มาใหม่อย่างคุซาคาเบะซังเห็นเดนจิมีท่าทีไม่เห็นด้วย ก็จึงเอ่ยอธิบายกึ่งบังคับให้เดนจฟังใหม่
“เดนจิ ทิ้งมันไปเถอะ เดี๋ยวเขาซื้อให้ใหม่”เขาว่าอย่างไม่หวังอะไรกับเด็กที่กินได้แม้กระทั่งสะเก็ดแผลอย่างเดนจิ
“ถ้านายท้องเสียแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ เราจะตามไปคุ้มกันลำบาก”ทามากิหนึ่งในผู้คุ้มกันในคราวนี้ช่วยว่าเสริม
แต่มีหรือ เรื่องของกินเดนจิจะยอมทำตาม
ข้าวปั้นนั่นถูกสองมือของเดนจิจับยัดเข้าปากตัวเองราวกับกลัวใครแย่ง ด้วยท่าทางที่มองดูแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามันช่างกวนประสาท จนผู้มาใหม่ถึงกับอึ้งในการกระทำของเดนจิพากันพูดไม่ออก
ต่อมาเราก็ไปนั่งกันที่ร้าน ‘Burger’ เพราะเจ้าเด็กรั้นสองคนบอกว่าอยากกินเบอร์เกอร์
“เดนจิ เอาผักไปกินทีสิ”ยัยพาวเวอร์หยิบผักในเบอร์เกอร์ของตัวเองออกด้วยท่าทางรังเกียจแบบสุดๆ
“เอามาดิ”ซึ่งเดนจิเองถ้าเป็นเรื่องของกินก็ไม่มีทางที่จะปฏิเสธ
แต่เป็นอีกครั้งที่คุซาคาเบะซังมาขวางเจ้าสองคนนั้น
“กินไปซะ เดี๋ยวก็ขาดสารอาหารกันพอดี”
“กินก็เยอะ แถมกินแต่อาหารขยะอีก”เขาเองเห็นแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะขอบ่นบ้าง
“กินๆ ไปเถอะน่า!”รอบนี้เดนจิเองก็ดูจะรำคาญจนเป็นคนยัดผักใส่ปากพาวเวอร์ซะเอง แถมยังหัวเราะกับท่าทางขยะแขยงผักของพาวเวอร์อีก
“เข้าใจแล้วล่ะ เจ้าพวกนั้นไม่ได้จะมาคุ้มกันฉันหรอก แค่ใช้ฉันเป็นเหยื่อล่อเท่านั้น”เสียงเดนจิพูดกับพาวเวอร์ดังมาเข้าหูเขาที่เดินมาตามเจ้าสองคนนั้นอยู่พอดี
“ใช่ ฉันใช้นายเป็นเหยื่อล่อเพื่อให้พวกมันออกมา”ในเมื่อเก็บมันไม่อยู่แล้ว และเหยื่อล่อของเขาก็ดันฉลาดกว่าที่คิด เขาจึงไม่คิดที่จะปิดบังต่อ
“อากิ! ไอ้สารเลว!”เดนจิด่าเขา แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ เพราะเขาพอรู้วิธีที่เดนจิจะยอมเชื่อฟังและร่วมมือกับเขาอยู่
“ก็พวกนายแข็งแกร่งกว่ามนุษย์แบบฉันนี่ เอาน่า เดี๋ยวก็ได้ไปเที่ยวแล้ว”เขางัดเรื่องนี้ออกมา ทำมห้เดนที่ตอนแรกดูจะไม่พอใจก็เริ่มทำใจยอมรับได้ ผิดกับพาวเวอร์ที่ดูจะอารมณ์ร้อนขึ้นมาแทน
“อากิขี้โกง! ข้าก็ช่วยงานด้วยนะ ทำไมข้าไม่ได้รางวัลด้วยล่ะ!”
“แล้วอยากได้อะไรล่ะ”เขาถามกลับไป เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้ มีหวังยัยพาวเวอร์ได้ก่อปัญหาแน่
“เลือด! ข้าอยากดูดเลือดใครสักคนจนกว่ามันจะตาย”
เธอว่าออกมาตรงๆ สนเป็นเจ้าตัว เขาอึ้งอยู่สักพักก่อนจะประมวลความคิดได้
“โอเค เดนจิ หลังจบงานนี้นายต้องให้เลือดพาวเวอร์จนกว่าจะตายนะ”
ซึ่งนี่คือตัวเลือกที่ดีที่สุด ที่พอใจกับเขาและพาวเวอร์ เว้นแต่เดนจิที่ดูจะไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เราก็ต้องไปเจอกับคุโรเซะซังที่ได้รับแจ้งมาว่าตอนนี้ตนเป็นเหยื่อผู้เหลือรอดจากการโดนปีศาจเข้าโจมตี
“คุโรเซะซัง งานนี้คุณไม่ต้องเข้าร่วมก็ได้นะครับ”เขาว่าอย่างเป็นห่วงในฐานะเพื่อนร่วมงาน และเพื่อนผู้ต้องสูญเสียคนสำคัญไปเช่นเดียวกัน แต่อีกคนที่ว่าดันดึงดันที่จะเข้าร่วม ดังนั้นเขาเองก็จึงว่าอะไรไม่ได้นอกจากคุยรายละเอียดกันจนลืมไปว่าเขานั้นพกเจ้าตัวป่วนมาด้วย
โครม!
พอรู้ตัวอีกทีมันก็สายไปเสียแล้ว!
เดนจิกับคุโรเซะซังจู่ๆ ทั้งคู่ต้องมาถูกรถชนเสยตัวลอยไปต่อหน้าต่อตา แน่นิ่งไม่ขยับ สภาพเลือดไหลอาบบอกไม่ได้ว่าเป็นหรือตายด้วยฝีมือของคนขับชนที่มีชื่อว่า พาวเวอร์!
“นี่เธอ! ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย!”เขาเหงื่อท่วมในความผิดของยัยตัวแสบที่ดันนึกคึกอยากขับรถ ทั้งที่ตัวเองยังไม่รู้วิธีขับเลยด้วยซ้ำมั้ง!
แต่ไม่ทันจะอะไรกัน บางอย่างที่ไม่สมควรก็ได้เริ่มปรากฏณ์ออกมา
ใบหน้าของคุโรเซะซังเริ่มเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าของหนึ่งในสามนักล่าปีศาจจากอเมริกา และพอได้รู้แบบนี้แล้วความกังวลใจก็แปรเปลี่ยนเป้นความโล่งใจที่ชวนงุนงงในเหตุบังเอิญนี้เป็นที่สุด จนเขาถึงกับพูดไม่ออก
ในวันต่อมา แผนการล่อเหยื่อก็ประสบความสำเร็จ ที่เรียกได้ว่าสำเร็จจนเกินไปเสียด้วยซ้ำ
ซานต้าคลอสมาถึงแล้ว!
แผนการที่ดูท่าจะเริ่มไปได้สวยเพราะตุ๊กตาได้ถูกเดนจิและพาวเวอร์จัดการให้จนเคลียร์ไปได้จำนวนหนึ่ง จู่ๆ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน ทั้งใบหน้าทั้งหัวได้ถูกอะไรบางอย่างตัดด้วยความเร็วที่เราจับด้วยตากันไม่ได้จนร่างของอดีตผู้มีชีวิตต่างพากันล้มลงกองกับพื้น และหากเขาไม่ได้เข้าไปปกป้องแองเจิ้ล เจ้านั่นคงจะได้มีสภาพไม่ต่างกับร่างพวกนั้น แต่ถึงอย่างนั้นแรงกระทบจากการโจมตีเมื่อกี้ก็รุนแรงจนพวกเขาทั้งคู่ถึงกับล้มลงไปนอนกองกับพื้นและเขาก็สลบไปอีกครั้ง
ลืมตาตื่นมาอีกที ก็เห็นเพียงความวุ่นวายจากฝีมือมนุษย์ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาอึ้งหรืองงงวยกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เขาลุกขึ้นตั้งท่าเตรียมจะโจมตี...
“อนาคต”เขาหยุดการตั้งรับ เมื่อเจ้าปีศาจอนาคตมันส่งอะไรบางอย่างมาให้เขาเห็น
นรก...
ตอนนี้พวกเราได้ถูกปีศาจความมืดส่งตัวมายังนรกที่เขาเพิ่งเคยจะได้เห็น สถานที่ที่ทำให้พวกปีศาจพากันหวาดกลัวไม่ได้สติ โดยเฉพาะพาวเวอร์ที่ดูจะหวาดกลัวต่างจากท่าทีปกติที่ชอบมั่นอกมั่นใจของเธอ
“จบเห่แล้ว...”แองเจิ้ลเองก็พูดถึงจุบจบได้อย่างไม่ลังเล ด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว
เดนจิเองก็มีท่าทีที่ดูทุกข์ทรมานแปลกๆ ซ้ำยังไม่สามารถกลายร่างเป็นปีศาจเลื่อยได้อีก
“มาแล้ว! ปีศาจแห่งความมืด!”พวกปีศาจร้องบอกด้วยความหวาดกลัว เขารีบยกอาวุธขึ้นมาเตรียมพร้อมรับมือกับปีศาจที่เขาไม่เคยเจอตนนี้
ภาพเบื้องหน้าชวนดูน่ากลัว น่าตกใจ งุนงง และสับสน
ร่างของนักบินอวกาศที่ถูกแบ่งครึ่งเป็นสองท่อนกับไส้ที่ไหลออกมา เสียงกบที่ร้องระงม และแขนของพวกเราที่ถูกตัดออกไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“ผมปีศาจตุ๊กตา ขอมอบหัวใจปีศาจเลื่อยให้ท่าน แลกกับพลังที่ไว้ฆ่ามาคิมะ”เจ้าปีศาจตุ๊กตาเอ่ยขอการแลกเปลี่ยนกับปีศาจแห่งความมืด โดยที่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป
ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นปีศาจหรือมนุษย์ต่างก็ค่อยๆ ถูกตัดเป็นส่วนๆ และถูกฆ่า ไม่เว้นแม้แต่เดนจิที่ร่างกายถูกทำให้บิดงอ
ทั้งหมดมันเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา.. อีกแล้ว
ไม่มีทางรอด ไม่มีแม้แต่ชัยชนะ
เขาได้แต่ก้มหน้ามองพื้น ไม่กล้าเงยหน้าไปสบตากับปีศาจแห่งความมืด พลันหางตาก็เหลือบไปเห็นแองเจิ้ลที่มีเลือดไหลออกมาจากปากและตาก่อนจะล้มลงฟุบลงไปก่อนเขาด้วยพลังบางอย่างของปีศาจแห่งความมืด
เขากลัว จนไม่สามารถทำอะไรได้แม้แต่เปล่งเสียง ได้แต่นิ่งเงียบไม่กล้าขยับไปไหน ไม่นานเขาก็มีสภาพไม่ต่างจากแองเจิ้ล และไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีก...
วนกลับมา ชีวิตประจำวันเดิมๆ ก็ได้เวียนกลับมาอีกครั้ง
เหตุการณ์ปีศาจแห่งความมืดในตอนนั้นได้จบลงไปตอนไหนไม่รู้ แต่ก็ถือว่าโชคดีที่พวกเขาสามคนสามารถรอดชีวิตกลับมาได้ด้วยการช่วยเหลือของมาคิมะซัง เว้นพียงแขนข้างซ้ายของเขาที่ไม่สามารถนำกลับมาได้อีก
เขาลุกขึ้นจากเตียงในห้องนอนของเขา อดไม่ได้ที่จะกุมแขนข้างซ้ายที่หายไปทั้งแขนของเขา ก่อนจะตัดสินใจปล่อยใจให้ว่างแล้วลุกขึ้นไปเตรียมอาหารเช้าให้พวกเราสามคน
“อรุณสวัสดิ์”เขากล่าวกับเดนจิที่ดูจะยังไม่ได้นอน เพราะคาดว่ามีปัญหาเรื่องของพาวเวอร์
จริงอยู่ที่เราสามคนรอดตายมาได้ แต่ปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้นก็ดันกลายเป็นเรื่องของพาวเวอร์ ที่หลังจากจบเรื่องราวคราวนั้น พาวเวอร์ก็เกิดอาการช็อคจนไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัวอีกเลย
“กรี๊ด!!”
เริ่มแล้ว
ทั้งเขาและเดนจิต่างก็รู้สึกเหนื่อยกับอาการไม่สู้ดีของพาวเวอร์ที่ดูจะกลับไปเป็นเด็กแรกเกิด ไม่ใช่เด็กสิบขวบเหมือนปกติ
“พาวเวอร์! นี่! ตั้งสติหน่อยสิ!”เดนจิรีบเข้าไปกดร่างของพาวเวอร์พร้อมกับตะโกนเรียกสติของเธอให้กลับคืนมา แต่ดูจะไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่
มันเป็นแบบนี้ตลอดจนเขาท้อและยกหน้าที่นี้ให้เดนจิซะส่วนใหญ่ไปแทน
“ปาก! ในปากข้ามีอะไรติดอยู่!”เธอโวยวายทั้งน้ำตา พอเดนจิตรวจดูให้แล้วพบว่าไม่มีอะไรอย่างที่เธอพูดเลย เจ้าตัวก็โวยวายขึ้นมาอีกรอบพร้อมกับแสดงความหวาดกลัวต่อปีศาจแห่งความมืดที่ดูจะยังคงติดอยู่ในจินตนาการของเธอ
ขนาดตอนกินข้าวพาวเวอร์ยังไม่วายหมดความหวาดระแวงลง จนเดนจิต้องรับหน้าที่ป้อนข้าวป้อนน้ำ และคอยดุให้เธอกินข้าวอยู่ตลอด
“ว่าแต่ ทำไมนายไม่ไปเที่ยวกับมาคิมะซังล่ะ”
เขาอดที่จะสงสัยไม่ได้ ที่คนอย่างเดนจิที่ชอบมาคิมะซังมากขนาดนั้นจะปฏิเสธไม่ไปเที่ยวกับคำชวนของมาคิมะซัง
“เรื่องนั้น.. ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
งั้นหรอ
เขาตอบรับในใจ และอะไรบางอย่างในใจก็กำลังบอกถึงความโล่งใจบางอย่าง
หลายวันต่อมา พาวเวอร์ดูมีอาการดีขึ้นมาก จนตอนนี้สามารถกลับไปเป็นยัยพาวเวอร์เด็กสิบขวบได้เหมือนเดิมแล้ว
“พรุ่งนี้ฉันจะไปฮอกไกโดสักสองวันนะ อาหารฉันทำทิ้งไว้ให้แล้ว หิวเมื่อไหร่ก็ไปอุ่นเอานะ”เขาแจ้งเรื่องสำคัญกับเด็กน้อยและเด็กโตทั้งสอง โดยหวังว่าเจ้าเด็กพวกนี้จำทำความเข้าใจได้และยอมอยู่เฝ้าบ้านดีๆ แต่เขากลับคิดผิด ลืมนิสัยหลักของเจ้าพวกนี้ไปซะได้
“ไม่เอา! ฉันจะไปด้วย! อากิขี้โกง!”
“ข้าก็อยากไป!”
“ฉันแค่จะไปเคารพหลุมศพครอบครัวเท่านั้นเองนะ”เขาอธิบายให้ทั้งคู่ฟัง แต่จนแล้วจนรอดทั้งคู่ก็ยังมีท่าทีต่อต้านและโวยวายขอให้เขาพาไปด้วย จนในที่สุดเขาก็ต้องยอมใจอ่อน...
หรือเขาคิดผิด...
บนรถไฟ
“เอามาให้ฉัน!”
“ข้าไม่ให้!”
“เงียบกันหน่อยสิ!”
เจ้าเด็กพวกนี้พากันโวยวายอย่างไม่เกรงใจใครหรือสายตาใคร จนเขาต้องหันไปเอ็ด ด้วยเหตุผลเล็กๆ น้อยๆ อย่างการแย่งข้าวกล่อง ทั้งที่เขาก็อุตส่าห์ทำมาให้ครบทุกคนแล้วแท้ๆ
บนเรือ
“อ้วก!”พาวเวอร์เมาเรืออย่างหนักจนอดทนต่อไปไม่ไหว จัดการปล่อยของเสียออกมาทั้งตรงนั้นบนดาดฟ้าเรือ
“ยัยบ้า โสโครกชะมัด!”
“ฉันเองก็จะบ้าตาย”
บนรถประจำทาง
“ดูนี่ๆ”ยัยเด็กสิบขวบเรียกพวกเขาให้หันมาดูตัวเองที่ใช้ห่วงราวจับของรถประจำทางโหนยกตัวเองลอยขึ้น
“ฮ่าๆ สุดยอด!”
“หยุดเล่นเดี๋ยวนี้นะ!”
เจ้าพวกเด็กบ้าพวกนี้!
และระหว่างเดินทางไปที่ตั้งหลุมศพครอบครัวเขา ก็ยังไม่วายโดนเด็กพวกนี้ไล่ปาก้อนหิมะใส่จากทางด้านหลังอย่างสนุกสนาน
แม้กระทั่งหลังจากที่เขาไหว้เคารพหลุมศพครอบครัวเสร็จแล้ว และกำลังจะกลับไปเรียวกังที่เช่าไว้ เขาก็เห็นเจ้าเด็กพวกนี้ยืนกินของเซ่นไหว้กันอยู่
“แหวะ! ไม่เห็นอร่อยเลย”
“ก็บอกแล้ว”
เขายืนมองเด็กแสบอย่างหมดเรี่ยวแรง ยิ่งกว่าการไล่ฆ่าปีศาจเสียอีก และยืนฟังเจ้าพวกนี้ทะเลาะกันไปอีกสักพัก
“เฮ้อ...”
“ผักๆ ทำไมมีแต่ผักล่ะ ไอ้เรียวกังเฮงซวย!”พาวเวอร์โวยวายในเรื่องเดิมๆ ของเด็กสิบขวบที่ไม่ชอบกินผัก เขาเองตอนนี้ก็รู้สึกเหนื่อยใจเกินกว่าจะไปบังคับให้เจ้าตัวกินผัก
“ถ้ากินไม่ได้ก็ไปกินเลือดของเดนจิเอา”
“เฮ้ย! ถ้าจะกินก็ขอกันก่อนสิ!”
ตามคาด ผลกรรมในคราวนี้ได้ถูกส่งต่อไปให้เดนจิแทน แขนของเดนจิตอนนี้ได้กลายเป็นที่สูบเลือดให้กับพาวเวอร์กินแทนอย่างปฏิเสธไม่ได้
เขามองภาพความวุ่นวายที่ดื้อรั้นของเด็กน้อยทั้งสองอย่างเอือมระอา
หิมะร่วงหล่นโปรยปรายลงมาได้สมกับเป็นฤดูหนาวของฮอกไกโด
เขาเหม่อมองภาพนั้นยามค่ำคืนที่เด็กแสบทั้งสองได้หลับไปแล้ว พลางนุกถึงทั้งอดีตที่เจ็บปวดอย่างการตายของครอบครัวที่มีผู้รอดชีวิตเพียงเขา ทั้งการตายของรุ่นพี่ฮิเมโนะ ทั้งช่วงชีวิตที่เริ่มวุ่นวายตั้งแต่เขารับเด็กแสบมาอยู่ในการดูแลของเขา และ...
“ออกมานั่งทำอะไรคนเดียว”เดนจิที่เขาคิดว่าน่าจะหลับไปแล้ว เดินมาเปิดประตูเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับเขา
“ไม่เห็นอะไรเลยแฮะ”และพูดอย่างเอ้อระเหยอย่างไม่สนใจอะไรตามเคย
“...”ความเงียบเองก็กีดกันบทสนทนาของเราจนเขาต้องยกเบียร์ขึ้นมากระดก
“ทุกปี ฉันจะมาไหว้หลุมศพที่นี่ และมักจะรู้สึกเศร้ากับเรื่องแย่ๆ อยู่ตลอด แต่ครั้งนี้การที่พาพวกนายมาด้วย มันทำให้ฉันทั้งปวดหัว หนวกหู และรำคาญจนไม่มีเวลาไปรู้สึกอะไรแบบนั้นเลย”เขายังคงเหม่อมองวิวมันต่อไป
“งั้นหรอ งั้นก็ดีใจด้วย.. ล่ะนะ”
เขาไม่รู้สึกเสียดายเวลาที่ได้อยู่ร่วมกันแบบนี้เลย
“อากิ ฉันเอาเจ้าเหมียวมาคืน”
อ่ะ
เสียงของคิชิเบะซังดังขึ้นเรียกสติที่เหม่อลอยของเขาให้กลับมา
“ขอบคุณมากครับ”
แล้วเราก็พูดคุยกันจนมาถึงเรื่องเจ้าแสบสองคน
“นายก็รู้ว่าเจ้าพวกนั้นเป็นยังไง ยังอุตส่าห์พาไปด้วยอีกนะ”
“แต่ชาวงนี้เจ้าพวกนั้นโตขึ้นบ้างแล้วนะครับ เดนจิเชื่อฟังมากขึ้น พาวเวอร์เองก็เลิกปาผักกับคายผักทิ้งแล้วด้วยครับ”เขาอดไม่ได้ที่จะพูดถึงพัฒนาการของเจ้าพวกนั้น ก่อนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“คิชิเบะซังครับ เรื่องจัดการปีศาจปืนที่กำลังจะมาถึง หน่วยสี่ขอไม่เข้าร่วมได้มั้ยครับ”
“ก็ได้อยู่ แต่นายจะยอมรับได้แน่นะ กับศัตรูที่นายเคียดแค้นมาตลอด”คิชิเบะถามหยั่งเชิงกับเขา แล้วพอเห็นว่าเขาจริงจังกับคำตอบเดิมก็ไม่มีอะไรจะขัดอีก
“ก็ได้ แต่ทำไมถึงเปลี่ยนใจล่ะ”
ไม่แปลกที่คิชิเบะซังจะถามออกมาแบบนี้ ปีศาจปืนเป็นปีศาจที่เขาเกลียดมากที่สุด มันฆ่าครอบครัวของเขา จนเขามุ่งมั่นที่จะมาเป็นนักล่าปีศาจเพื่อที่จะได้ฆ่ามันแล้วล้างแค้นให้กับครอบครัวตัวเอง
แต่...
ภาพของเดนจิและพาวเวอร์ที่นอนอยู่ในสภาพใกล้ตายในครั้งที่ได้เผชิญกับปีศาจแห่งความมืดทำให้เขาได้รู้...
“รู้สึกกลัวขึ้นมาน่ะครับ”
แต่ไม่ใช่สำหรับเขา สำหรับเขาความตายนั้นไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่หรอก หากเขาตายมันก้จะเป็นเพียงการตามไปอยู่กับครอบครัวหรือรุ่นพี่ฮิเมโนะเพียงเท่านั้น
แต่หากเป็นเจ้าพวกนั้นแล้ว.. เขาอยากให้เดนจิและพาวเวอร์ได้มีชีวิตอยู่ต่อ
“กลับมาแล้ว”เขาเอ่ยบอกรอการต้อนรับกลับของบ้านที่อดีตเป็นเพียงบ้านเงียบเหงาที่ว่างเปล่า จนเขาชินชาและไม่เคยรู้สึกเกลียดหากมันจะเงียบแบบนั้นอยู่ต่อไป
ซึ่งมันก็น่าตลก ที่ตอนนี้มันไม่ได้เงียบสงบแบบนั้นอีกแล้ว และเขาเองก็ไม่ได้ชอบบ้านที่เงียบสงบจนเกินไปแบบนั้นแล้วเช่นกัน
“อากิ ฉันทำอาหารไว้ให้นายแล้วนะ”
“ข้าด้วย! ข้าก็ทำนะ”
อาหาร? ทำกันเป็นด้วยหรอ
“นี่คืออะไร”
ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่เขาก็ยอมไปนั่งรออาหารที่พวกนี้บอกว่าทำไว้ให้ น้ำและอาหารถูกยกมาเสิร์ฟ โดยที่เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามันเป็นเมนูอะไร กับของหน้าตาประหลาดๆ นี่
“ผัดถั่วงอก ไข่ ไส้กรอกกับโชยุ”
ก็มีเค้าโครงอยู่นะ
“แล้วนี่ล่ะ”เขายังไม่รู้สึกไว้วางใจ คีบไอ้ม่วงๆคล้ายรากไม้ขึ้นมาถาม แต่คำตอบที่ได้มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไหร่ จนเขายังไม่มีความกล้าที่จะเอาเข้าปาก
“พวกข้าอุตส่าห์ทำมาเพื่อเจ้าเลยนะ”
“กินให้หมดล่ะ!”
พอเจ้าพวกนี้เห็นว่าเขายังลังเลที่จะกินอยู่ก็พากันช่วยพูดยุให้เขากินด้วยท่าทีที่ดูภูมิใจกันแปลกๆ เขาเลยจำต้องลองเชื่อใจด้วยการลองกินไปก่อนคำหนึ่ง
อึก!
“เป็นไง”เดนจิก้มลงมาถามด้วยรอยยิ้ม
“อ้วก!”
แล้วรสชาติอาหารสุดห่วยแตกก็ทำให้เขาต้องอ้วกออกมาทั้งน้ำตา จนหมดกระเพาะ
“ผิดพลาดอย่างแรงที่ยอมกิน”พาวเวอร์พูดอย่างภาคภูมิ
“ที่นี้ก็อ้วกกันครบทุกคนแล้วนะ”เดนจิเองก็เช่นกัน
ไอ้เด็กเวร!
“พาวเวอร์ดูจะเลิกตะโกนตอนกลางคืนแล้วนะ”เขาพูดขึ้นขณะเท่าคางนอนตะแคงบนที่นอนผืนเดียวกัน ที่น่าอึดอัดสำหรับคนสามคนกับแมวหนึ่งตัว
“ข้าคิดว่าข้าเอาชนะปีศาจความมืดได้แล้วล่ะ”พาวเวอร์พูดขึ้นและพอเดนจิสนับสนุนความเชื่อนั้น พาวเวอร์ก็ยิ้มออกมา
“ฉันได้ยินเรื่องที่อากิคุงขอจากคิชิเบะซังแล้วนะ ฉันไม่มีปัญหา แต่พาวเวอร์จังกับเดนจิยังต้องเข้าร่วมตามแผนเดิมไม่เปลี่ยน”
“เดี๋ยว? ทำไมล่ะครับ”เขาเสียงสั่นถามกลับไป
“ทั้งคู่อยู่ใต้บังคับบัญชาของฉัน และด้วยกฎของการรักษาความลับ ฉันจึงบอกอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ อากิคุง ถ้าไม่เข้าร่วมก็เชิญออกจากที่นี่ด้วยนะ”มาคิมะซังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนเขาพูดไม่ออก
“ฉันจะไปนะ”
“ข้าก็จะไป”
ทั้งคู่พูดขึ้นราวกับไม่กลัวความตายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จนเขาอดที่จะเป็นกังวลไม่ได้
“งั้นผม.. ขอเข้าร่วมด้วยครับ”
“ได้สิ อากิคุงไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ เดนจิคุงไม่มีวันตาย พาวเวอร์จังเองก็แข็งแกร่ง ที่น่าห่วงคือตัวเธอมากกว่า”มาคิมะซังพูดราวกับอ่านใจเขาออก
แต่เพราะอย่างนั้นเขาจึงได้รู้ความลับของปีศาจปืน.. ไม่สิ การปราบปีศาจปืน ภารกิจนี้แท้จริงแล้วมันไม่ใช่การปราบหรือการล่าปีศาจปืน แต่เป็นการใช้ปีศาจปืนในการก่อสงครามระหว่างประเทศมากกว่า และพอเขากำลังจะอธิบายให้เจ้าพวกโง่พวกนี้ฟัง จู่ๆ ไอ้เจ้าปีศาจอนาคตก็เล่นฉายภาพบางอย่างเข้ามาผ่านตาข้างขวานี่
“เป็นอะไรอ่ะ”เดนจิถามเขาที่กุมตาข้างขวาไว้ เขาเองก็เงยหน้าไปมองเดนจิด้วยความที่ไม่อยากจะเชื่อกับอนาคตที่เขาเพิ่งได้เห็น
อนาคตที่กำลังจะมาถึง เขาและพาวเวอร์จะถูกเดนจิฆ่าตายอย่างโหดร้าย
“นายกับพาวเวอร์จะถูกเดนจิฆ่า จะให้ผมช่วยอะไรหรือไง ขนาดแขนผมยังไม่มีจะให้ไปช่วยอะไรใครได้”แองเจิ้ลพูดอย่างสุดจะปลงบนเตียงพยาบาล
“เปล่า แค่ก่อนที่ฉันจะตาย จะส่งจดหมายแนะนำไปให้กับคิชิเบะซัง และให้นายไปทำสัญญากับนักล่าปีศาจทางการ เพื่อที่นายจะมีชีวิตรอด”
สาเหตุที่เขามานี ก็เพียงแค่อยากจะเสนอทางรอดชีวิตให้กับแองเจิ้ลเพียงเท่านั้น
“นายเนี่ยอ่อนโยนไม่เหมือนที่เขาลือกันเลยนะ อากิคุง คนที่เกลียดปีศาจมากที่สุด”แองเจิ้ลเอ่ยแซะเขา ซึ่งมันก็ใช่ เขาต่างไปจากเมื่อก่อนมาก ตั้งมีเจ้าพวกนั้นอยู่ด้วยตัวเขาก็แปลกไปจากเดิม
“พรุ่งนี้ฉันจะไปปราบปีศาจปืน ครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้พบกัน”
“รอเดี๋ยว.. ถ้าปล่อยนายตายไป ผมกลัวว่านายจะโผล่มาในความฝันของผม เพราะงั้นผมเลยอยากช่วยให้นายมีชีวิตอยู่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้”แองเจิ้ลขอร้องกับเขา และเพราะอย่างนั้นเราจึงรีบนัดเจอกับมาคิมะซังและไปตามนัดนั้นในวันเดียวกัน
“ที่จริงผมพอรู้วิธีที่จะทำให้อากิคุงรอดจากการฆ่าของเดนจิคุงนะ”
“คืออะไรล่ะ”เขาถามออกไป แต่ไม่ได้ใส่ใจนัก
“ลาออก แล้วหนีไปให้ไกลที่สุด นายน่ะ ต่างจากผม เป็นมนุษย์ธรรมดา ที่จะทำอะไรที่ไหนก็ได้”
“ฉันไม่หนี ที่นี่มีพาวเวอร์ เดนจิ แล้วก็มาคิมะซังอยู่”เขาตอบออกไปตามความจริง
“อ่อ นายชอบมาคิมะซังสินะ ทำไมล่ะ”
“ทำไมงั้นหรอ...”
ในระหว่างทางที่เราเดินคุยกันมา ในที่สุดก็ได้มาถึงจุดที่มาคิมะซังอยู่ บทสนทนาของเราจึงจบลงเพียงแค่นี้
มาคิมะซังโบกมือให้เขา เขาเองก็เช่นกัน
แต่นั่นสิ ทำไมกันนะ ทำไมเขาถึงชอบมาคิมะซัง เดนจิกับพาวเวอร์เขายังพอเข้าใจ ว่าการมีเจ้าพวกนั้นอยู่เป็นอะไรที่หนวกหู และน่าปวดหัวอยู่ตลอด แต่ก็ทำให้เขาไม่เคยรู้สึกเหงา และเศร้าอีกต่อไป อีกทั้งยังทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจ...
คล้ายกับครอบครัว
แล้วมาคิมะซังล่ะ
“พวกเธอมาทำอะไรที่นี่ล่ะ”มาคิมะซังถามถึงธุระเขา เขาจึงไม่ลังเลที่จะรีบพูดธุระตัวเองออกไป
“ปีศาจอนาคตบอกผมว่าผมใกล้จะตาย...”พอพูดถึงเพียงแค่ตรงนี้ เขาก็หยุดลงชั่วคราว เพื่อหวังปรับสภาพจิตใจตัวเองให้สงบขึ้น
“ผมต้องการแค่.. ให้เดนจิกับพาเวอร์ได้มีชีวิตอยู่ต่ออย่างมีความสุข เพราะงั้นมาคิมะซัง...”แต่เขาก็ไม่สามรถทำได้ เมื่อเอ่ยถึงทั้งคู่ น้ำตาที่เขาพยายามกลั้นมันก็ได้พากันไหลออกมาอย่างน่าไม่อาย
“ไม่ว่าจะเป็นปีศาจอะไร ผมจะทำสัญญาด้วยครับ”
เขาหวังให้มาคิมะซังแบ่งพลังของปีศาจที่ทำสัญญาให้เขาด้วย หรืออย่างน้อยช่วยเขาหาและทำสัญญากับปีศาจที่แข็งแกร่งด้วยที เพื่อที่จะปกป้องเดนจิกับพาวเวอร์
“อากิคุง ถ้าอย่างนั้น เธอก็มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับฉัน แล้วฉันจะมอบพลังให้กับเธอ”
“ครับ?”คำตอบที่เขาหวังกลับทำให้เขางงงวย ว่าทำไมมาคิมะซังถึงพูดราวกับตัวเองเป็นปีศาจที่แข็งแกร่งที่ว่าซะเองแบบนี้
“นี่คือคำสั่ง พูดว่าจะทำสัญญากับฉันสิ”
ดวงตาสีรำข้าวกลมโตที่ดูคล้ายกับวงล้อนั่นจ้องมาที่เขาไม่กระพริบ ด้วยรอยยิ้มที่แสนพิเศษ...
“ผมจะทำสัญญา”
เสี้ยววินาทีนั้น เขาก็คล้ากับว่าวงล้อแห่งความคิดของเขามันได้หยุดลง
ดิ่งด่องๆ
ผมกลับมาหาเดนจิกับพาวเวอร์ที่บ้าน
ดิ่งด่อง
ผมรู้ว่าจะมีเดนจิไม่ก็พาวเวอร์ออกมาต้อนรับ
“เดนจิ”
และก็จริง เดนจิเป็นออกมาเปิดประตูให้ผม ผมจึงไม่ลังเลที่จะทักทายเดนจิด้วยแขนใหม่ที่มาคิมะซังให้มา และหวังจะเล่นกันแบบเด็กๆ
แต่แปลกแฮะ ทำไมเดนจิต้องทำหน้าแบบนั้นด้วย
แล้วทำไมเดนจิถึงสูงกว่าเขาแล้วล่ะ
“เดนจิ เล่นปาหิมะกัน”
ณ ทุ่งหิมะโล่งๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะชวนเดนจิเล่น แบบที่เขายังไม่ทันได้เล่นกับเดนจิในตอนที่ไปไหว้หลุมศพ
เขารู้สึกใจดี และมีความสุขที่ได้เล่นด้วยกัน
ปังๆ ปังๆ
เสียงปืนดังขึ้น ยิงผ่านบานประตู และสวนเข้าที่ร่างของเดนจิ ก่อนจะเบนเป้าหมายไปที่พาวเวอร์
ปีศาจปืนในร่างของอากิเองก็กระโดดตามลงมาด้วยรอยยิ้ม แล้วพุ่งใส่ทั้งสองคน
“พาวเวอร์ก็มาด้วยหรอ มาเล่นปาหิมะกัน พาวเวอร์อยู่ฝั่งเดนจินะ!”
แล้วลูกหิมะก็ถูกปั้นและปาใส่เจ้าพวกนั้นอีกก้อน และเสียงอะไรบางอย่างที่มาจากที่ไหนไม่รู้ก็ได้ดึงความสนใจของผมไป
“อ่อ จะมาเล่นด้วยกันหรอ”
หญิงสูงวัยกับเด็กชายอีกคนที่ผมไม่ได้รู้จักจู่ๆ ก็ได้มาอยู่ในสนามเด็กเล่นของพวกเรา แต่ผมก็ไม่ได้รังเกียจ ถ้าจะมีคนมาเล่นด้วยเพิ่ม
น่าสนุกดีออก
“เดี๋ยวสิ...”
ผมตั้งท่าที่จะปา
“หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้! อากิ!”
หยุดทำไมล่ะ ยิ่งคนเยอะยิ่งน่าสนุกออกนะ!
ปัง!
เห็นมั้ย นายเองก็เล่นด้วยนี่
สนุกดีใช่มั้ยล่ะ
“ฝีมือไม่เบาเลยนะ รับนี่ไป!”ผมปาบอลหิมะอีกก้อนใส่เดนจิ
เสียงแห่งความสุขก็ร้องขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผมมี.. ความสุข นายเองก็ด้วยนี่เดนจิ
“ฮ่าๆ ฮ่า!”
ลูกบอลหิมะ
กระสุนปืน
ลูกบอลหิมะ
ใบเลื่อยยนต์
“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่ฉันรู้สึกสนุกแบบนี้ ว่าแต่นายยอมแพ้แล้วหรอ”ผมถามเดนจิที่ล้มตัวนอนหงายไปกับหิมะขาวๆ นั่น และพอเดนจิได้ยินแบบนั้นก็กลับมาลุกขึ้นอีกครั้ง
“ต้องอย่างนั้น!”
และบอลหิมะจำนวนมากก็พากันรัวใส่ตัวผม
“เป็นการโจมตีที่สุดยอมเลย!”ผมพูดอย่างร่าเริง และมีความสุขที่สุดในชีวิต ที่ได้เล่นกับเดนจิ
“เอ๊ะ?”
แต่ทำไมเจ้านั่น ต้องร้องไห้ด้วยหน้าเห่ยๆ แบบนั้นด้วยล่ะ
โผละ
ก้อนหิมะถูกปาเข้าที่ตัวผมอย่างจัง
“ฉันเพิ่งเคยเห็นนายร้องไห้เป็นครั้งแรก เข้าใจแล้ว ฉันยอมแพ้ จริงๆ ก็ไม่ได้ชอบปาหิมะนักหรอก ถึงจะสนุก แต่มันทำให้มือฉันเย็น”ผมบอกกับเดนจิ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วพบว่าเดนจิได้หายไปแล้วในตอนนี้
“เดนจิ?”
“พี่ครับ!”เสียงน้องเขาร้องเรียก
“จริงด้วย ที่จริงฉัน.. อยากเล่นแคชบอลนี่นา”
ท่ามกลางชัยชนะของปีศาจเลื่อยที่จัดการปีศาจปืนได้สำเร็จ ปีศาจเลื่อยกลับไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลย
ณ อีกมุมหนึ่ง
“ฮายาคาวะ อากิ เจ้าได้ตายด้วยวิธีที่โหดร้ายที่สุด สำหรับเจ้าหนุ่มเลื่อยยนต์”ปีศาจอนาคตว่าไว้อย่างสนุกสนาน
THE END
Comments (0)