2 ตอน นอกกรง
โดย Zamueal
September , A.D. 2440
" -ไลลา อย่าพาน้องวิ่งเร็วนักสิลูก "
เสียงลิงก์ดังขึ้นในหัวของลูกเสือพูม่าอยู่เพศเมียอายุ 4 สัปดาห์ ที่กำลังพาน้องชายวิ่งเล่นอยู่ภายในเขตกรงที่ทางสวนสัตว์จัดมาให้
" ทราบแล้วค่ะแม่ อ๊ะ! ไคอย่าวิ่งชนพี่สิ "
" ฮ่าๆ เธอเผลอเองต่างหากล่ะ ไลลา "
สองพี่น้องพากันวิ่งเล่นไปรอบๆ ถ้ำ พวกเขาเป็นเพียงครอบครัวเสือพูม่าที่เจ้าหน้าที่ไปเจอและได้รับการช่วยเหลือ จนกลายมาเป็นเสือพูม่าในการดูแลของสวนสัตว์ โดยที่ทางสวนสัตว์และทางเจ้าหน้าที่ไม่รู้เลยว่า -พวกเขาไม่ใช่เพียงครอบครัวเสือพูม่าธรรมดา
อีกด้านหนึ่งในถ้ำ ภาพปรากฏเป็นลูกเสือพูม่าสีน้ำตาลเทากำลังเล่นกัดกันกับพ่อของเธออยู่ ลูกเสือวิ่งไปรอบๆ ร่างของพ่อเสือที่นอนรอลูกขย้ำอยู่ เด็กสาววิ่งไปรอบๆร่างของพ่อเธอ กระโดดข้ามไปมาก่อนที่จะหันมางับเข้าที่หูพ่อเสือ พ่อเสือแสร้งว่าทำเจ็บ ร้อง ออกมาเสียงดัง ลูกเสือทำท่าชอบใจหัวเราะคิกคัก พอเริ่มหมดแรงก็นอนแผ่ลงมาที่ข้างตัวผู้เป็นพ่อ
" แห่กๆ เหนื่อยจัง หนูเก่งไหมคะพ่อ "
" เก่งมาก "
" พ่อคะ พ่ออยู่ที่นี่มานานหรือยังคะ? "
" ก็...ไม่นานเท่าไหร่ "
" พ่อเล่าให้หนูฟังหน่อยได้ไหมคะ? "
" ก็เรื่องของพ่อมันเริ่มมาจากในศูนย์วิจัย "
" ศูนย์วิจัย? คืออะไรเหรอคะ? "
" ศูนย์วิจัยคือที่ที่มีคุณหมอเยอะๆ คอยทำการทดลองต่างๆ จนได้พ่อกับแม่มา "
" อ๋อ... "
" พ่อของพ่อหรือคุณปู่ของหนูเกิดที่ทางตอนเหนือของทวีป และถูกจับไปทดลอง ตอนคุณปู่เล่าให้พ่อฟัง ท่านยังบอกอยู่เลย ว่าตอนที่เข้ามาที่นี่แรกๆ ต่อต้านแทบตาย แต่ไม่น่าเชื่อว่าคุณหมอในนั้นใจดีกว่าที่คิด จากนั้นคุณปู่และคุณย่าก็ให้กำเนิดพ่อมา คุณย่าของหนูเป็นมนุษย์ที่สวยมากๆ เลยนะคะ พ่อเกิดและโตที่นั่น ในนั้นมีคุณหมอเยอะแยะ มีคุณครูค่อยสอนหนังสือตอนโต มีเพื่อนต่างสายพันธุ์มากมาย "
" เพื่อนต่างสายพันธุ์? "
" ใช่ครับ ในศูนย์วิจัยมีเพื่อนๆ หลายสายพันธุ์เลย ตอนพ่ออยู่ที่ศูนย์วิจัยพ่อมีเพื่อนเป็นกระต่าย หมาป่า ที่นั่นบางเวลาเราก็เป็นมิตรกัน บางเวลาเราก็กัดกันตามสัญชาตญาณ อยู่ในนั้นเรามีความสุขกันมาก ทุกคนเข้าใจเรา คุณหมอ คุณครูก็ดูแลเราดีมากๆ "
" หู้ย ดูดีจังเลยนะคะ แล้วพ่อออกจากที่นั่นทำไมเหรอคะ? "
" ช่วงไม่กี่ปีก่อน ทางศูนย์วิจัยมีแผนจะเปลี่ยนประธานใหม่ พอประธานคนนี้เข้ามาบริหารแทนประธานคนเก่า หลายๆ อย่างก็เปลี่ยนไป พวกเราหลายคนถูกจับไปกักขังเพื่อนำไปทดลองต่อ ไม่มีใครเคยได้ออกมาจากห้องนั่น ถึงออกมาได้ ก็ไม่มีใครปกติสักคน บางคนอารมณ์ร้ายขึ้น โกรธง่าย หรือบางคนก็แรงเยอะผิดปกติ อย่างเช่นไซบริดกระต่ายคนหนึ่ง จริงๆ เขาเป็นเพื่อนพ่อนะ ที่พ่อเคยบอกไง ว่าพ่อมีเพื่อนเป็นกระต่าย "
" -ไซบริด? คืออะไรเหรอคะพ่อ? "
" อ่า ไซบริด คือชื่อที่คุณหมอในศูนย์วิจัยเรียกเราครับ -เชฟฟี่ "
"โอ๊ะ อย่างนั้นแล้ว หนูคือไซบริดใช่ไหมคะคุณพ่อ? "
"ใช่ครับลูก เก่งมาก แต่คุณหมอในศูนย์วิจัยเขาจะเรียกลูกว่า -ผลผลิตของไซบริด มากกว่านะครับ แล้วก็นับรุ่นกันไป อย่างพ่อนี่รุ่นที่ 3 หนูกับพี่ๆ ก็จะเรียกว่า รุ่นที่ 4 "
"เข้าใจยากจังค่ะ หนูเรียกว่าไซบริดเลยได้ไหมคะ? "
"ได้ค่ะ คนเก่ง "
" -โจเซฟ เชฟฟี่ ใกล้ได้เวลาเจ้าหน้าที่เอาอาหารมาให้แล้วนะ " เสือพูม่าเพศเมียขนสีครีม นัยน์ตาสีเหลืองทองเดินเข้ามา -ไอร่าลิงก์เรียกลูกและพ่อของลูกเธอ ครอบครัวของพวกเขาไม่ได้ออกไปไล่ล่าอาหารอย่างเช่นพูม่าฝูงอื่นๆ เพราะเป็นเสือพูม่าในการดูแลของทางสวนสัตว์ จึงเพียงหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในสวนสัตว์ที่มักจะเอาเนื้อสดมาให้พวกเขากิน ตามเวลา
" ค่ะแม่ " เชฟฟี่หันมาตอบ ก่อนจะลุกเดินตามไอร่าออกไป
" จะไปเดี๋ยวนี้ครับที่รัก "
" หวานจังเลยน่า วัยรุ่นตอนปลายคนนี้ " ไลลาที่เดินเข้ามาตอนไหนก็ไม่ทราบลิงก์ขึ้น
"ไลลา เดี๋ยวจะโดน " คุณพ่อเอ่ยปราม
" อุ๊ย คุณแม่ขา คุณพ่อจะตีหนูค่ะ " ลูกสาวคนโตทำทีเล่นใหญ่วิ่งเหยาะๆ เข้าไปฟ้องแม่ของเจ้าหล่อน
" ฮ่าๆ ยอมๆ เขาไปเถอะน่าคุณ " ไอร่าเอ่ยสงบศึก ครอบครัวของเธอมักจะเป็นเช่นนี้ หยอกล่อกันเป็นเรื่องปกติ และมักเป็นโจเซฟที่จะถูกลูกๆ รุมแกล้งเสมอ
- ครั้งนี้ก็เช่นกัน
" วัยรุ่นตอนปลายอะไรกัน จริงๆ เลยนะ "
" พ่อก็วัยรุ่นตอนปลายจริงๆ นี่ครับ ปีนี้พ่อก็ 4 ปีแล้วนะครับ " ลูกเสือพูม่าเพศผู้ ขนสีดำสนิท นัยน์ตาสีฟ้าตัวหนึ่งเดินเข้ามา พร้อมกับเอ่ย เห็นดีเห็นงามกับพี่สาวด้วย
" ไค นี่ลูกก็เห็นด้วยกับพี่ลูกเหรอ "
" ความจริงนี่ค่ะพ่อ "
" พ่อคะ เชฟฟี่สงสัย " ลูกสาวคนเล็กที่ฟังพี่ๆ หยอกล้อกับคุณพ่อลิงก์ขึ้น
" คะ คนเก่ง "
" คุณปู่เป็นเสือ คุณย่าเป็นมนุษย์...แล้วอย่างนั้นเชฟฟี่เป็นอย่างคุณย่าได้ไหมคะ? "
" ลูกหมายถึงเป็นมนุษย์น่ะเหรอคะ "
" ใช่ค่ะ "
" คุณเล่าเรื่องนี้ให้ลูกฟังแล้วเหรอ " ไอร่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงสัย
" โห่ คุณพ่อเล่าให้ฟังหลายครั้งแล้วครับแม่ "
" เล่าตอนที่เจอกับแม่ใหม่ๆ ด้วยนะคะ คุณพ่อบอก แม่แสบใช่เล่นเลย "
" อะไรกัน นินทาฉันให้ลูกฟังเหรอคะคุณ " ไอร่าถามเสียงเข้ม
" ป่าวสักหน่อยที่รัก เด็กๆ ก็พูดไปเรื่อย " โจเซฟแก้ตัว
" แต่คุณพ่อยังไม่ได้ตอบหนูมาเลยนะคะ " ลูกสาวคนเล็กเอ่ยท้วง
" ได้สิคะคนเก่ง พวกเราสามารถกลับร่างเป็นมนุษย์ได้ค่ะ แต่เด็กๆ ต้องรอโตกันก่อนนะ ถึงจะสามารถทำได้ "
" ทำไมเหรอคะ? " เป็นลูกสาวคนโตที่เอ่ยถามบ้าง
" เพราะเด็กๆ ยังไม่สามารถคุมร่างกายและสัญชาตญาณของตัวเองได้ดีเท่าพวกพี่ๆ วัยรุ่นยังไงละจ๊ะ " ไอร่าเอ่ยช่วยสามีของเธออธิบาย
" พ่อหนูคงเล่าให้ฟังแล้วละมั้ง เรื่องไซบริด " ไอร่าถามขึ้น
" เพราะว่าไซบริดคือลูกผสมระหว่างมนุษย์กับสัตว์ ทำให้พวกเรามี 2 ร่าง เราจึงสามารถใช้ได้ทั้งร่างจริงหรือร่างที่เป็นสัตว์จ้ะ ก็เหมือนตอนนี้ที่พวกเราอยู่ในร่างสัตว์กัน แล้วก็ร่างมนุษย์ ร่างนี้มีความจำเป็นที่ต้องใช้ทั้งความสามารถในการควบคุม ทั้งควบคุมสัญชาตญาณของเรา ทั้งการคุมร่าง ถ้าเป็นในศูนย์พวกคุณหมอ และคุณครูจะให้พวกพี่ๆ วัยรุ่นเข้าไปฝึกในฐานเฉพาะจ้ะ พอฝึกเสร็จก็จะเป็นเหมือนแม่กับพ่อ ที่สามารถใช้ได้ทั้งร่างจริงและร่างมนุษย์ "
" ว้าว " ลูกๆ ที่ตั้งใจฟังสิ่งที่คุณแม่พูดขึ้น
" แล้วพวกเราไม่มีคุณหมอกับ เอ่อ คุณครูแล้ว พวกเราจะได้เรียนการใช้ร่างมนุษย์ได้ไหมครับ? " เป็นคราวของลูกชายคนเดียวเอ่ยถามบ้าง
" แน่นอนลูกรัก พ่อกับแม่จะสอนหนูเอง " โจเซฟตอบ
" ตอนไหนเหรอครับ? " ไคถามซ้ำ
" เมื่อถึงเวลาจ้ะ "
" โถ่ แม่คะ บอกตอนนี้เลยไม่ได้เหรอคะ " ไลลาร้องครวญ
" ใจร้อนจริงนะ เจ้าหน้าที่มาแล้ว ไปกินอาหารเถอะจ้ะ " ไอร่าเอ่ยขึ้นก่อนที่จะลุกเดินนำลูกๆ ไปรอเจ้าหน้าที่ที่หน้ากรงดังเดิม
" แม่คะ แล้วเรื่องหลังจากตอนที่เปลี่ยนประธานใหม่ละคะ นอกจากไซบริดถูกจับไป เกิดอะไรอีกเหรอคะ? " เชฟฟี่ขี้สงสัย เอ่ยถามผู้เป็นแม่
" ไว้แม่จะเล่าให้หนูฟังหลังจากกินเนื้อเสร็จ โอเคไหมคะ "
" ก็ได้ค่ะแม่ "
รอไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่เดินเข้ามาพร้อมกับรถลากซึ่งบรรทุกเนื้อสดเอาไว้จำนวนหนึ่ง เป็นเจ้าลูกเสือตัวสีดำที่กระโดดโลดเต้นดีใจออกนอกหน้า จนเจ้าหน้าที่ต่างขำเอ็นดูเจ้าลูกเสืออารมณ์ดี
" ดีใจอะไรขนาดนั้น -แพทธิค " เจ้าหน้าที่เอ่ยพร้อมกับโยนเนื้อสดลงไปในกรง
" ชื่อแพทธิคที่ไหนกัน ชื่อเห่ยชะมัด " เจ้าลูกเสือเอ่ยขึ้นเสียงขุ่น แต่ไหนแต่ไรไม่เคยชื่นชอบชื่อที่ทางเจ้าหน้าที่ตั้งให้เลย
" ฮ่าๆ แพทธิคละ ตลกจัง " ไลลาเอ่ยหยอกล้อ ใครๆ ก็รู้ว่าชื่อที่เจ้าหน้าที่ตั้งให้มันตลกขนาดไหน
" พูดอะไรของเธอ -พิทซี่ ! "
กรรซ์ !!!!
" เฮ้ๆ อย่ากัดกันสิ เนื้อก็โยนให้เท่าๆ กันนะ อะไรเนี่ยแพทธิค พิทซี่ " เจ้าหน้าที่เอ่ยปราบเสียงหลง หลังจากเห็นท่าทีของเจ้าลูกเสือตัวเมียสีครีมที่เริ่มจะก้าวร้าวกับน้องชายของมัน
" ชื่อเห่ยชะมัดยาด หึ " ไลลาเอ่ย
" -แพท รีบกินซะซี เดี๋ยวลูกๆ แกก็แย่งกินหมดหรอก " เจ้าหน้าที่อีกคนที่ยืนมองอยู่เอ่ยขึ้น
" ลูกฉันยังกินเนื้อสดไม่ได้เลยด้วยซ้ำ และจะดีมากเลยถ้าหยุดเรียกฉันด้วยชื่อนั้น " ไอร่าเอ่ยขึ้น ชื่อของเธอที่เจ้าหน้าที่ตั้งให้คือ แพท คำสั้นๆ พยางค์เดียว มันก็เป็นชื่อที่เพราะอยู่อะนะ ถ้าไม่ติดอยู่ที่ว่าเธอไม่ชอบมัน
" เดี๋ยวนี้เจ้า -เมสริสซ่า ติดเจ้า -แมธทิว มากกว่าเดิมอีก นายคิดว่าไงแจ็ค? " เจ้าหน้าที่คนเดิมหันไปถามเจ้าหน้าที่อีกคน
" ไม่รู้สิดีแลน ฉันเพิ่งมาประจำอยู่ที่นี้ได้ไม่นาน นายลืมเหรอ " เจ้าหน้าที่อีกคนเอ่ยตอบ
" โอเค งั้นนายเฝ้าไว้ ทำความรู้จักกับพวกมันให้มากๆ นะ พวกมันเป็นเสือที่เป็นมิตรกว่าที่คิด รอจนพวกมันกินหมดแล้วก็ไปได้ ส่วนฉันขอไปให้อาหารกรงอีกต่อ " ดีแลนเอ่ยจบก่อนที่จะเข็นลดลากตรงไปยันกรงต่อไป
" ไม่มีปัญหาดีแลน " แจ็ครับคำ ก่อนที่จะหันไปมองครอบครัวเสือพูม่าครอบครัวเดียวที่มีอยู่ในสวนสัตว์ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความสงสัย
" ใครเป็นคนตั้งชื่อให้พวกนายกันนะ เห่ยชะมัดเลย "
หลังจากผ่านมื้ออาหารไปได้ไม่นาน เชฟฟี่ก็เอ่ยทวงคำตอบกับผู้เป็นแม่ ไอร่าจึงเรียนลูกๆ ไปรวมตัวกันในภายในถ้ำ
" หลังจากเปลี่ยนประธานคนใหม่ พวกเราในศูนย์วิจัยก็ต้องทนรับความเจ็บปวดกันมายาวนานหลายเดือน จนระยะเวลาเปลี่ยนพลันกลายเป็นปี จนมีไซบริดสิงโตกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันต่อต้าน ภายหลังก็มีไซบริดตัวอื่นๆ ไปร่วมด้วยมากขึ้น จนพวกเราสามารถต่อกรกับทางเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยและประธานคนใหม่ได้ จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีก่อน พวกเราก่อความวุ่นวายในศูนย์วิจัยจนสามารถทุบกำแพงหนีออกมาได้...
A.D. 2438
หลังเกิดเหตุการณ์ไซบริดจำนวนมากหลบหนีออกจากองค์กรไฮดราถูกลือสะพัดและแผ่ขยายเป็นวงกว้าง ทำให้ข่าวโครงการทดลองไซบริดผิดกฎหมายแพร่ออกไปอย่างด้วยรวดเร็ว อีกทั้งยังมีปรากฏไซบริดอีกจำนวนหลายหมื่นตัวหลุดออกไป องค์กรไม่สามารถตามจับกลับมาได้ เพราะหลังจากเหตุการณ์นี้ทำให้องค์กรถูกรัฐบาลโลกเรียนสืบสวนอย่างหนัก เจ้าหน้าที่หลายภาคส่วนถูกเรียนสอบสวนอย่างหนัก หลายคนอยู่ในกระบวนการกฎหมาย ตัวอาคาร และออฟฟิศรวมถึงส่วนของโรงเรียนและอาคารเพาะเลี้ยงถูกตรวจค้น ไซบริดที่ยังหนีไปไหนไม่ทันถูกทางรัฐบาลโลกคุมตัวไป โจเซฟและไอร่าที่หนีออกมาได้เดินทางขึ้นเหนือจนไปเจอหมู่บ้านหนึ่งจึงขออาศัยอยู่ด้วย อาศัยอยู่ได้ไม่นาน ก็ถูกรุมทำร้ายจนต้องหลบหนีออกมา
สองร่างสะบัดสะบอมพาตัวเองวิ่งหนีตายเข้าสู่ป่าทางเหนือของทวีป ทั้งสองเริ่มจะอ่อนแรงเต็มทน ไม่ใช่แค่คนของรัฐบาลโลกเท่านั้นที่ค่อยจ้องจะทำร้ายพวกเขา มนุษย์มีอาการแพนิคต่อเหตุการณ์ที่มีไซบริดหลุดออกมาจากองค์กรลับ ข่าวลือถูกลือออกไปต่างๆ นานาอย่างหนาหู ทั้งไซบริดปรากฏเป็นสัตว์ประหลาด อารมณ์ร้าย ชอบทำร้ายมนุษย์ต่างๆ สร้างความหวาดกลัวให้พวกมนุษย์เป็นอย่างมาก บ่อยครั้งที่พวกเขาอย่างถิ่นฐานไปในแหล่งชุมชนต่างๆ เพื่อหลบหนี และอาศัยชั่วคราว มีมนุษย์หลายคนที่เริ่มจับตามอง และสังเกตพฤติกรรมพวกเขา บางคนถึงขั้นเข้ามาทำร้าย จนพวกเขาต้องหลบหนีออกมา เพื่อย้ายถิ่นฐานไปยังชุมชนใหม่อีกครั้ง
"-ไอร่า ไหวหรือเปล่า?"
" พอทนไหว แต่แผลใหญ่มากเลย -โจเชฟ เรากลัว " หญิงสาวเอ่ยพร้อมกุมแผลที่ท้อง เธอถูกเสียมของชาวบ้านในหมู่บ้านแทง
หลังจากถูกทำร้ายอย่างหนัก ทั้งสองก็กลายร่างจริงและวิ่งหนีตายออกมาจนมาหยุดที่ป่าสนแห่งหนึ่ง จนกระทั่งฝ่ายหญิงไม่สามารถทนพิษบาดแผลและไม่สามารถประคองร่างจริงไว้ จึงปรากฏร่างมนุษย์เป็นหญิงสาวผมสีบรอนด์ นัยน์ตาสีอำไพออกมา เธอกุมแผลที่หน้าท้องด้วยสีหน้าเจ็บปวด ฝ่ายชายก็ปรากฏร่างมนุษย์ออกมาเช่นกัน ชายหนุ่มอายุราวๆ 23 ปี เรือนผมสีดำสนิท นัยน์ตาสีฟ้าสด กำลังใช้เสื้อตัวนอกต่างผ้าขาวกดบาดแผลห้ามเลือดให้หญิงสาวอยู่ สีหน้าเจ็บปวดของเธอทำให้ใจของเขาเจ็บปวดไปด้วย
-มนุษย์พวกนั้นใจร้ายกันมากจริงๆ
" ไอร่าไหวหรือเปล่า ผมจะวิ่งไปตามคนมาช่วย "
" ทนได้ แต่ถ้าคนพวกนั้นทำร้ายเราอีกละ "
" คงไม่แล้วละ อดทนก่อนนะ ผมจะไปตามคนมาช่วยเธอนะ " ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะวิ่งออกไปไหน หูก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของมนุษย์เข้ามาใกล้ ด้วยความตื่นกลัวทั้งสองต่างคืนร่างจริง จนกระทั่งฝีเท้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ไอร่าไม่สามารถทนกั้นความเจ็บปวดไว้ได้ไหว เสือสีครีมครางหงิงออกมา จนมนุษย์ที่ผ่านมาได้ยินเข้า
" หัวหน้าครับ หัวหน้าได้ยินไหมครับ "
" เสียงสัตว์? "
" ใช่ครับ มันเหมือนกำลังเจ็บอยู่ "
" ตามหาตัวมันเร็ว เผื่อจะมันเจ็บอยู่จริงๆ จะได้เอากลับไปรักษา " สิ้นคำสั่งของหัวหน้าทีม คนอื่นๆ ก็เริ่มออกเดินหาที่มาของเสียงทันที เป็นนักศึกษาฝึกงานคนหนึ่งตะโกนเรียกมาจากทางต้นสนต้นใหญ่ต้นหนึ่ง
" พบแล้วครับหัวหน้า! "
" อาการของมันเป็นยังไงบ้าง? "
" เสือพูม่าสองตัวครับหัวหน้า ตัวหนึ่งบาดเจ็บบริเวณหน้าท้องครับหัวหน้า รอยเหมือนถูกของมีคมแทง อีกตัวมีล่องลอยการถูกทำร้ายครับ " นักศึกษาฝึกงานคนเดิมทำท่ากล้าๆ กลัวๆ เดินเข้าไป หลังจากเห็นท่าทีของเจ้าเสือสองตัวว่าไม่มีท่าทีทำร้ายอันใด จึงใจกล้าเดินเข้าไปดูอาการ ก่อนจะรายงานหัวหน้าทีมที่มาด้วยกัน
" ติดต่อทางสวนสัตว์ให้ส่งรถพยาบาล มาเราจะพาพวกมันกลับไปด้วย " หัวหน้าทีมหลังจากประมวลอาการของพวกมันอยู่สักพัก จึงออกมาคำสั่งออกมา
รออยู่ไม่นาน ทางสวนสัตว์ก็ส่งรถพยาบาลมารับตัวเสือพูม่าสองตัวที่กำลังบาดเจ็บ เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่ยิงยาสลบป้องกันเจ้าหน้าที่ในรถถูกทำร้ายระหว่างทาง ก่อนจะช่วยกันหามเจ้าเสือขึ้นเปลด้วยความระมัดระวัง ใช้เวลาเดินทางขึ้นไปทางเหนือของป่าได้ไม่นานก็เข้าสู่อาณาเขตของสวนสัตว์ ก่อนที่รถพยาบาลจะเลี้ยวเข้าไปยันตัวอาคารซึ่งเป็นที่ตั้งของแล็บรักษาสัตว์ป่วยและถูกทำร้าย
" ตายจริง มันไปโดนอะไรมาน่ะ " นายแพทย์หญิงเจ้าของผมสีแดงสดคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องแล็บเมื่อเห็นความวุ่นวายด้านนอก ก่อนที่จะตกใจสุดขีดเมื่อเห็นเสือสองตัวนอนอยู่บนเปลด้วยฤทธิ์ของยาสลบ
" คาดว่าถูกชาวบ้านตัวร้ายด้วยของมีคมครับ ตรวจสอบเบื้องต้นตัวที่ถูกแทงคือตัวเมียครับ ส่วนอีกตัวคือตัวผู้ ได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายเช่นกันครับ" นักศึกษาคนเดิมเอ่ยรายงานอาการของเสือทั้งสองตัว ก่อนที่ทีมแพทย์และผู้ช่วยจะเข็นร่างของเสือพูม่าทั้งสองที่ถูกย้ายขึ้นมาบนเตียงพยาบาลสำหรับสัตว์เข้าไปในห้องแล็บ
การรักษาใช้เวลาอย่างยาวนานสำหรับเสือพูม่าเพศเมียที่มีบาดแผลถูกแทง เพราะแผลมีขนาดใหญ่ และแทงเข้าไปลึก ทำให้เสี่ยงต่อระบบอวัยวะภายใน ทำให้ทีมแพทย์จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังในการรักษาและเย็บปิดปากแผลเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันทางด้านของเสือพูม่าเพศผู้อีกตัว เป็นเพราะมีเพียงแผลถลอกจากการถูกทำร้าย และรอยฟกช้ำเพียงผิวเผิน ทำให้การรักษาเป็นไปโดยง่าย ทีมแพทย์เพียงทำแผลและให้ไปเบื้องต้น ก็สามารถส่งเข้าสู่กรงพักฟื้นได้แล้ว
" คิดว่าไง ดีแลน " หัวหน้าทีมสำรวจที่เดินขนาบมากับเด็กฝึกงานคนเดิมเอ่ยขึ้น
" ครับ หัวหน้า " เด็กฝึกงานที่ชื่อดีแลนขานรับด้วยความงุนงง
" อยากตั้งชื่อให้มันไหม "
" ได้เหรอครับ หัวหน้า "
" ได้สิ ในฐานะที่หน้าเจอมัน ถึงยังไงไม่ช้าไม่เร็ว มันก็ต้องกลายเป็นสัตว์ในนามของทางสวนสัตว์อยู่แล้ว เป็นยังไง อยากตั้งชื่อให้มันไหม"
" อยากครับ อยาก อ่า-แมธทิว "
" อ่า เป็นชื่อที่ดี "
" คิดว่างั้นเหรอครับ "
" ทำไมละ "
" ผมคิดว่าชื่อมันออกจะเห่ยไปสักหน่อย "
" แล้วทำไมนายถึงเลือกชื่อนี้ละ "
" มันทำให้ผมนึกถึงหมาของผมที่หายไปจากบ้านเมื่อหลายปีก่อนครับ "
" อ่า เสียใจด้วยนะ "
" ไม่เป็นไรครับ หัวหน้า "
บทสนทนาจบลงเพียงเท่านั้น ก่อนบริเวณรอบๆ จะถูกตอนที่ด้วยความเงียบ ที่มีเพียงเสียงหายใจของเสือที่อยู่ในกรงพักฟื้นดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ดีแลนทอดสายตามองมันอย่างเหม่อลอย ก่อนที่ทางทีมแพทย์จะเข็นรถเข็นเข้ามายังห้องพักฟื้นสำหรับสัตว์ที่มีบาดแผลเสี่ยงติดเชื้อ ดีแลนเสนอตัวเข้าไปช่วยทางทีมแพทย์ที่กำลังยกเสือพูม่าเพศเมียลงจากรถเข็น
" ฉันเพิ่งทราบจากหัวหน้าทีมสำรวจเมื่อกี้ว่าคุณเป็นคนตั้งชื่อให้กับเจ้าแมธทิว " แพทย์หญิงเจ้าของเส้นผมสีแดงคนเดิมเอ่ยขึ้น ขณะที่เธอกำลังเดินตรงมาหยุดอยู่ข้างดีแลนที่กำลังทอดสายตามองเสือพูม่าเพศเมียที่กำลังนอนให้ทางทีมแพทย์ตรวจอาการอีกรอบหนึ่งอยู่
" อ่า ครับ "
" แล้วเจ้าตัวนี้ละ คุณคิดว่าไง "
" ผมมีสิทธิ์ที่จะตั้งชื่อมันอีกตัวด้วยเหรอครับ "
" ได้สิ แน่นอน คุณเป็นคนเจอมันตอนไปสำรวจ คุณก็ถือว่าเป็นคนให้ชีวิตพวกมันนะ ว่างั้นไหมล่ะ จริงๆ คุณมีสิทธิ์ตั้งยังชื่อของลูกๆ มันเลยละ ถ้ามีโอกาสน่ะนะ "
" อ่า จริงด้วยสินะครับ "
" คิดดีๆ นะ เจ้าตัวนี้เป็นผู้หญิงละ "
" -แพท "
" ว้าว เป็นชื่อที่ดีนะ ถามได้ไหมว่าทำไม "
" ชื่อปลาทองที่บ้านน่ะครับ "
" ว้าว หัวหน้าทีมสำรวจเพิ่งเล่าให้ฉันฟังว่าคุณได้ชื่อเจ้าแมธทิวมาจากชื่อสุนัขของคุณที่หายไป "
" อ่า ใช่ครับ มันหายออกจากบ้านไปเมื่อหลายปีก่อน ช่วงแรกๆ พวกเราตามหามันไปทั่ว จนถอดใจไป "
" อ่า เสียใจด้วยนะ คิดในแง่ดี ตอนนี้มันอาจจะมีครอบครัว หรือลูกหลานเป็นไซบริดสักฝูงก็ได้ "
" อ่า ถึงมันจะฟังดูแปลกๆ แต่ก็ฟังดูดีกว่าคิดว่ามันตายแล้วสินะครับ "
" ใช่แล้วละ -อาการเป็นยังไงบ้าง " นายแพทย์หญิงรับคำพร้อมยกนิ้วใหญ่นักศึกษาฝึกงานในประโยคแรก ก่อนที่จะหันไปถามกับทางทีมแพทย์ในประโยคถัดมา
" อาการอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยแล้วครับตอนนี้ แต่ยังเท่าต้องเฝ้าระวังอยู่ ในเรื่องของบาดแผลครับ อาจจะติดเชื้อได้ "
" อ่า โอเค งั้นพวกเราไปพักกันเถอะ ใครยังมีงานต้องทำก็ไปทำซะนะ พรุ่งนี้เรามีประชุมด่วนเกี่ยวกับเจ้าสองตัวนี้กัน -อ่า ฉันไปก่อนนะ ดีแลน" เธอเอ่ยตอบประโยคแรกกับทางทีมแพทย์ ก่อนจะหันหลังไปเอ่ยกับดีแลนในประโยคที่สอง ก่อนที่เธอจะหมุนตัวออกจากกรงพักฟื้นไป เป็นดีแลนที่ออกจากกรงคนสุดท้าย ก้มหัวให้กับคนที่ดูแลเขตกรงพักฟื้น ก่อนที่จะเดินกลับที่พักของตน
เรื่องราวผ่านไปได้ 1 ปี...
ดีแลนเรียนจบและได้เข้าทำงานกับทางสวนสัตว์ตามที่หวัง เพื่อนร่วมงานของเขาปฏิบัติกับเขาราวกับเขาได้กลับไปเป็นเด็กฝึกงานอีกครั้ง เขาประจำอยู่ที่ทีมสำรวจสภาพแวดล้อมป่าสงวนและป่าโดยรอบของสวนสัตว์ดังเดิม
"นายอยากจะให้อาหารแพท กับแมธทิวไหม ฉันคิดว่ามันคงจะคิดถึงนายนะ" นี่คือคำพูดของโจนาทส์ หัวหน้าทีมสำรวจสภาพแวดล้อมฯ พูดกับเขาหลังจากที่เขาเข้ามาทำงานได้ 1 สัปดาห์
แน่นอนว่าเขาตอบตกลงในทันที...
ในวันเดียวกันนั้นเอง หลังจากกลับมาจากสำรวจอาณาบริเวณของป่าโดยล้อมสวนสัตว์รอบสุดท้ายแล้วนั้น โจนาทส์อนุญาตให้เขาไปเยี่ยมเจ้าแพทและแมธทิวที่กรงได้
คนให้อาหารประจำกรงเสือนำทางเขาไปที่กรงของพวกมัน เขาอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ให้อาหารมื้อสุดท้ายของวันแก่เจ้าเสือสองตัวนี้
ดีแลนจำความรู้สึกนั้นได้ดี ความรู้สึกที่ได้เห็นพวกมันอีกครั้งหลังจากที่เขาจบฝึกงานไป...
เสือทั้งสองตัวดูแข็งแรงขึ้นมาก กล้ามเนื้อของพวกมันดูมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในจังหวะที่เจ้าหน้าที่โยนเนื้อสดเข้าไปในกรงของมันนั้น พวกมันเดินมากัดแทะเนื้อสดอย่างสงบเสงี่ยม ดีแลนสาบานได้ เขาไม่เคยเห็นเสือที่เรียบร้อยขนาดนี้มาก่อน
ดีแลนเฝ้ามองพวกมันกินอยู่สักพักหนึ่ง เขาชื่นชมสีขนของพวกมันอยู่ในใจ สีขนของแมธทิวนั้นดำเงางามขึ้นมาก อาจจะเพราะว่ามันอาจจะผ่านการผลัดขนในปีที่ผ่านมา ทำให้สีขนของมันเงางามขึ้นมาก สีขนของเจ้าแพทก็เช่นกัน สีขาวครีมเป็นสีที่ดูสบายตา แต่ถึงกระนั้นความเงางามของสีขนของมันก็งดงามไม่แพ้ของแมธทิวเลย ดีแลนชักสงสัยเสียแล้วว่าทางสวนสัตว์มีบริการอาบน้ำแต่งขนให้พวกมันหรือเปล่า
ดีแลนไม่คิดว่าเขาจะมีเวลาว่างมากมายถึงเพียงนี้ เขาดูพวกมันกินอาหารกันจนหมดไม่เหมือนแม้แต่เศษกระดูก ทั้ง ๆ ที่เขาก็ยังมีงานเอกสารเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องกลับไปสะสาง แต่เขาก็ยืนดูพวกมันจนพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าเต็มทน
ไฟภายในสวนสัตว์ถูกเปิดเป็นบางพื้นที่ มีการปล่อยให้สัตว์บางชนิดออกไปหากินนอกกรงแล้ว คนให้อาหารเสือเดินจากกรงของพวกมันไปนานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อพวกมันกินเสร็จ พวกมันก็เงยหน้าของพวกมันขึ้นมามองเขา
ดีแลนสบเข้ากับนัตย์ตาสีฟ้าของเจ้าแมธทิว เขารู้สึกเหมือนเขากำลังตกหลุมรัก พวกมันมีสีขนที่เงางาม และมีสีตาที่ราวกับพระเจ้าสร้าง นัตย์ตาของเจ้าแมธทิวเป็นสีฟ้า ยามมองชวนให้คนมองนึกถึงสีน้ำทะเลลึกยาวกลางวัน มันไม่ได้สีเข้ม แต่ก็ไม่ได้อ่อนเช่นกัน
"แง้ว! "
ดีแลนดวงตาเบิกโพลง เจ้าแพทส่งเสียงร้องออกมา เสียงของมันเหมือนแมวบ้านธรรมดา ๆ ที่กำลังร้องขอให้เจ้านายเติมอาหารเม็ดใส่ถาดให้มัน เขาหันไปสบตาของมัน ดวงตาของแพทเป็นสีซิทริน เมื่อมองดูดี ๆ สีตาของมันไม่ตาจากอัญมณีมีค่าเม็ดหนึ่ง
"ฉันไม่มีอาหารให้พวกแกหรอกนะ" ดีแลนพูดยิ้ม ๆ
เจ้าเสือสองตัวก้มหน้าเล็กน้อย และเดินออกจากบริเวณนั้นเพื่อไปหามุมนอนของมัน
ดีแลนมองอึ้ง ๆ เขาไม่คิดว่าำพวกมันจะฟังรู้เรื่อง หรือบางทีพวกมันก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอก เพียงแต่คงอิ่มเกินกว่าจะกินเพิ่มแล้วมากกว่ากระมั้ง
เมื่อเห็นดังนั้นดีแลนจึงพลักออกจากกรง เขาหันหลังเดินกลับไปที่ที่พักของเขา
เมื่อเดินมาถึงหน้าที่พักของเขากลับต้องชะงัก -นัทรัป หัวหน้าทีมสัตแพทย์ของสวนสัตว์ เจ้าของอดีตผมสีแดง ซึ่งปัจจุบันเธอย้อมมันให้กลายเป็นสีฟ้าแล้ว การเลือกย้อมคู่สีที่โหดขนาดนี้ ดีแลนไม่อยากจะคิดถึงสภาพหนังศรีษะของเธอเลย
"ไง! " เธอกล่าวทัก เธอยังคงกระตือรือร้นเหมือนเคยแม้พวกเขาไม่ได้เจอกันนาน ตั้งแต่เขาทำงานเป็นพนักงานของที่นี่อย่างเต็มตัวเขาก็ยังไม่ได้เจอเธอเลย นี่เป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่เขาได้เจอกับเธอ
"ว่าไง คุณมีอะไรหรือเปล่า? " เขาตอบกลับ ดีแลนเดินเข้าไปยืนพิงกำแพงอยู่ข้าง ๆ เธอ
"สักหน่อยไหม? " หญิงสาวยืนวิสกี้ขวดเล็กมาให้พร้อมกับคำชวน
"ไม่ละ ผมยังมีการสำรวจรอบเที่ยงคืนรอผมอยู่" ดีแลนตอบกลับ
"เจ้าแพทไม่มีทีท่าว่าจะฮีทเลยตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา หรือนับตั้งแต่มันเข้ามาอยู่ในการดูแลของเรา ส่วนเจ้าแมธทิว มันเพิ่งฮีทครั้งแรกเมื่อหนึ่งเดือนก่อน และไม่มีทีท่าว่าจะผสมพันธุ์ หลังจากนั้นสามวันมันก็หยุดฮีทไปดื้อ ๆ และไม่มีสัญญาณว่าจะฮีทอีกเลย"
หลังจากได้ฟังจนจบ ดีแลนเกิดความสับสน เขาไม่เข้าใจว่านัทรัปจะเอาข้อมูลพวกนี้มาบอกเขาทำไม มันเป็นข้อมูลของฝ่ายสัตแพทย์ และฝ่ายสำรวจสภาพแวดล้อมฯ อย่างเขา ในบางกรณีก็ไม่ได้รับอนุญาตให้รับรู้ในบางข้อมูล
"เอ่อ คุณเอาข้อมูลพวกนี้มาบอกผมทำไม? " เขาตัดสินใจถามออกไป
นัทรัปมีสีหน้าที่เริ่มแดงขึ้น เพราะเธอเป็นคนผิวขาว เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นมันจึงเห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะภายใต้เสียไฟหน้าที่พักแบบนี้
"ฉันบอกเอาไว้เผื่อให้นายเตรียมใจ พวกมันอาจจะไม่มีลูก เพื่อนายคาดหวังจะเห็นลูกของมันวิ่งเล่น ฉันก็เลยเอาข้อมูลนี้มาบอกนายเอาไว้ก่อน" เธอพูดจบก็กระดกวิกกี้เข้าปากไปอีกอึกหนึ่ง
"อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกครับนัทรัป จริง ๆ ผมก็แอบคาดหวังอยู่บาง แต่พอนึกถึงสภาพบาดแผลและร่างกายของพวกมันในคืนนั้น ตั้งแต่นั้นมาผมก็ปล่อยให้มันเป็นเพียงความคาดหวังลม ๆ แล้ง ๆ น่ะครับ จะมีหรือไม่มี พวกมันก็สำคัญกับผมอยู่ดี"
"สำคัญ?" เธอย้ำคำพูดของเขาอีกครั้ง เธอไม่คิดว่าเด็กฝึกงานในวันนั้นจะมีความสัมพันธ์กับเสือที่บาดเจ็บถึงเพียงนี้
"ผมชอบสัตว์น่ะครับ ชอบมาก ๆ แต่ผมก็ไม่ได้ฉลาดพอที่จะสอบเข้าสัตแพทย์ ผมจึงมาเรียนและทำงานด้านนี้แทน คิดซะว่าใกล้ชิดสัตว์เหมือนกัน" ดีแลนพูดพลางยิ้มให้หญิงสาว เขามองต่ำลงไปที่แขนของเธอ วันนี้เธอสวมใส่เสื้อแขนสั้น นั้นจึงทำให้สิ่งนั้นโดดเด่นและเห็นชัดขึ้นไปอีกขั้น -รอยสักรูปศิลปะมังกรจีนของเธอ มันสวยมาก โจนาทส์เคยบอกเขาไว้ตั้งแต่สมัยฝึกงานว่าเธอออกแบบลายนี้ด้วยมือของเธอเอง ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ชอบที่จะมองมันตลอด
ดีแลนยอมรับเลย นัทรัปเป็นผู้หญิงที่เก่งมากจริง ๆ
"อ่อ อย่างนี้เองสินะ เอาละ ฉันมาเพื่อบอกนายแค่นี้ละ ลาละ ฝันดีนะ" เธอพูดจากนั้นก็หันหลังเดินออกไป ยกมือข้างที่ถือขวดวิกกี้เป็นการบอกลา
"ฝันดีครับ" ดีแลนพูดก่อนจะเปิดประตูเข้าที่พักของเขา
ราว 2 ปีต่อมา....
ดีแลนยังคงทำงานอยู่ที่นี่ ที่สวนสัตว์แห่งนี้ หน้าที่ในทีมของเขาก็เหมือนเดิม แต่มีอีกสิ่งหนึ่งเพิ่มมาคือการให้อาหารกรงเสือในช่วงมื้อที่ 3 หรีอก็คือช่วงที่เขาจบจากการสำรวจในรอบตอนกลางวันแล้วนั่นเอง
วันนี้เขาเข็นรถเข็นเนื้อสดเข้าไปในบริเวณกรงของเจ้าแมธทิวและแพทด้วยอารมร์เบิกบานกว่าทุกวัน
เจ้าแพทยังคงเป็นตัวแรกที่เดินออกมาเสมอ
"อะ กินซะนะ กินเยอะ ๆ ลูกของพวกแกจะได้แข็งแรง" ดีแลนพูดพลางโยนเนื้อสดเข้าไปในกรง
ใช่แล้วละ เจ้าแพทท้อง...
มันท้องได้ราว 3 สัปดาห์กว่า ๆ แล้ว นัทรัปเป็นคนตรวจเจอเจ้าก้อนทั้ง 4 ในตอนที่เธอกำลังตรวจสุขภาพประจำเดือนให้เจ้าแพท เขาจำได้ดีว่าเธอดีใจแค่ไหนตอนที่รู้ว่าเจ้าเสือที่ไม่มีวี่แววฮีทมา 3 ปีเต็มนั้นอยู่ ๆ ก็ท้องขึ้นมาเสียดื้อ ๆ เธอรีบเอาผลการตรวจมาให้ผมดูทันทีในตอนเย็นวันเดียวกัน เจ้าพวกก้อนทั้ง 4 ในตอนนั้นยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนั้น มันทำเพียงนอนนิ่ง ๆ ในท้องแม่ของมัน
ผ่านไปจนถึงกำหนดคลอดของเจ้าแพท มันเริ่มเคลื่อนไหวน้อยลงและเริ่มส่งเสียงร้อง และร้องดังขึ้นในตอนที่ผมเดินเอาเนื้อสดไปให้ในตอนเย็น คนให้อาหารเสือบอกกับพวกเจ้าหน้าที่ว่า ตอนที่เขาเอาอาหารมาให้มันรอบที่ 2 เจ้าแพทยังไม่ส่งเสียงอะไรเลยด้วยซ้ำ
นัทรัปรีบประสานงานเคลื่อนย้ายเจ้าแพทไปที่หน่วยพยาบาลของสวนสัตว์ทันที เจ้าแพทและแมธทิวมีอาการขัดขืนในตอนแรก และมันก็เริ่มสงบลงเมื่อเห็นผมอยู่ในครรลองสายตา
ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า ผมมันดูไว้ใจผมมากที่สุดในบรรดาเจ้าหน้าที่ทุกคน
ราว 3 ชั่วโมงต่อมา นัทรัปออกมาจากห้องทำคลอดสัตว์ เธออาบน้ำเพื่อฆ่าเชื้อตัวเองอีกรอบก่อนที่จะเดินเข้าห้องทำงานของตัวเองไป ไม่รู้ทำไมแต่ดีแลนรู้สึกได้ว่าใบหน้าของเธอดูเศร้า
"ลูกเสือคลอดออกมาทั้งหมด 4 ตัว แต่มีตัวหนึ่งร่างกายอ่อนแอ และเหมือนว่าจะตายตั้งแต่อยู่ในท้องของแพท" นี่คือประโยคแรกที่เธอพูดในที่ประชุมในเช้าวันถัดมา เมื่อมีลูกสัตว์เกิดใหม่ ทุกทีมต้องประชุมกันอีกครั้งเพื่อวางแผนเรื่องงบประมาณในการเลี้ยงดูพวกมัน
ดีแลนรู้สึกสลดใจเป็นอย่างมาก และเขาก็คิดว่าเจ้าแพทและแมธทิวก็คงจะเสียใจเช่นกัน ถ้าเกิดว่าพวกมันมีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนมนุษย์
December, A.D. 2442
"สรุปผลการประชุมดังนี้ แพท เสือพูม่าสีขาวครีมจะถูกนำปล่อยคืนสู่ป่าทางตอนเหนือของทวีปในอีก 1 สัปดาห์ที่จะถึงนี้ เนื่องด้วยสาเหตุสภาพอากาศในเขตสวนสัตว์เริ่มเปลี่ยนแปลง ไม่เหมาะแก่การเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของเสือพูม่า และแพทมีอาการกระวนกระวายเกิดขึ้น ทางทีมแพทย์คาดว่าเกิดจากสภาพอากาศเปลี่ยน ด้วยสาเหตุทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ทำให้มติในที่ประชุมเป็นเอกฉันท์และเห็นตรงกันว่าควรปล่อยมันสู่ธรรมชาติที่เหมาะสม"
Talk ;
ท็อค ๆ ครับ
อันดับแรกต้องขอโทษนักอ่านทุก ๆ คนเลยนะคะ ขอโทษจริง ๆ ที่หายไปนานมาก เป็นปีเลย ตอนแรกแพลนไว้ว่าจะแต่งต่อตอนจบฝึกงานค่ะ สรุปจบฝึกงานก็ต้องมาเจอโครงการก่อนจบ และก็การทำเรื่องจบต่าง ๆ สมองช่วงนั้นเลยตื้อ ๆ เริ่มไม่ได้เข้ามาต่อเลยค่ะ
สำหรับคนที่รอ เรากลับมาแล้วนะครับ สัญญาว่าจะมาต่อให้บ่อยขึ้นครับ เพราะเราก็ชอบพล็อตนี้มากเหมือนกัน
ฝากติดตาม และติชมด้วยนะครับ ❤
Comments (0)