อารัมภบท

 

********************

 

เซเนเวีย เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายเผ่าพันธุ์ หลั่งไหลกันมามืดฟ้ามัวดินเข้ามายังเมืองหลวงแห่งนี้ สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้า โดยมีเจ้าของร้านกำลังแหกปากเรียกผู้คนที่กำลังเดินเบียดเสียดกันอยู่ให้เข้ามาดูสินค้าภายในร้านของตน

ร่างสูงภายใต้ชุดคลุมสีดำมอซอเปื้อนฝุ่น เดินจูงเจ้านิลม้าคู่กายไปตามทางเดินแคบ ๆ ที่แยกออกมาจากถนนสายหลักที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนในขณะนี้

ขายาวก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง มุ่งหน้าไปยังร้านยาที่ห่างไกลจากผู้คน เพื่อส่งสมุนไพรให้กับเจ้าของร้านตามที่ได้รับว่าจ้างมา

ฟินน์ จูงม้ามาหยุดอยู่หน้าร้านยาเก่า ๆ ที่เหมือนจะพังแหล่มิพังแหล่เบื้องหน้านี้ ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะส่งสัญญาณเรียกเจ้าของร้าน โดยการสั่นระฆังที่ห้อยลงมาจากคานไม้ รอไม่นานประตูไม้ผุพังซอมซ่อก็ถูกเปิดออกมาโดยเจ้าของ

ฟินน์ได้แต่ถอนหายใจเมื่อเห็นเพื่อนสนิทออกมาในสภาพ ที่ไม่ต่างอะไรจากคนเมาหรือพวกทาสชั้นต่ำที่นอนเกลื่อนอยู่บนพื้น เพื่อรอรับเศษอาหารที่กินไม่หมดจากชาวบ้านแถวนั้น

เนี่ยน่ะเหรอคนที่เคยเป็นถึงองครักษ์ของพระราชา...

“เจ้ามาไวกว่าที่ข้าคิดเอาไว้เสียอีก”

“ก่อนหน้านี้ข้ามาช้าอย่างนั้นเหรอ”

“เรื่องนั้นเจ้ารู้ดี ข้าไม่จำเป็นต้องบอก”

“หึ...”

ฟินน์เดินตามเพื่อนสนิทเข้าไปในบ้าน เขากับวิลเลียมเคยเป็นสหายร่วมรบกัน เมื่อครั้งยังเป็นทหารในวังรับใช้อดีตพระราชามาร์คัส

ทว่าหลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองพวกเขาก็ถูกพระราชาคนใหม่ไล่ออกจากวัง และสิ้นสุดการเป็นทหารของพระราชานับตั้งแต่วันนั้น

ปัจจุบันเซเนเวียและเมืองรอบนอกทั้งห้า ถูกปกครองโดยพระราชาดาร์ธ เมื่อมาร์คัสผู้เป็นบิดาสิ้นพระชนม์ ผู้สืบทอดตำแหน่งพระราชาคนต่อไปจึงตกเป็นของดาร์ธในทันที

เซเนเวียเมื่อเปลี่ยนแปลงผู้ปกครองสูงสุด จากที่เคยรุ่งเรือง บ้านเมืองสงบสุข ก็ถึงคราวถดถอยลงเรื่อย ๆ ประชาชนที่อาศัยอยู่รอบนอกขาดแคลนอาหาร ล้มตายจากโรคระบาดกันเป็นจำนวนมาก

ทว่าพระราชากับเสวยสุขบนบัลลังก์ จัดงานเริงรมย์ดื่มสุราเคล้านารีไปวัน ๆ ไม่สนใจบ้านเมืองและความเป็นอยู่ของประชาชน และนั่นจึงเป็นสาเหตุให้หลัง ๆ มานี้เกิดกลุ่มกบฏขึ้นเป็นจำนวนมาก

ถึงแม้ว่าจะมีกบฏเกิดขึ้นมาหลายกลุ่ม ก็ไม่ทำให้พระราชาดาร์ธเกรงกลัวแต่อย่างใด ทว่ากลับจัดตั้งกองกำลังทหารส่วนพระองค์ขึ้นมา เพื่อจัดการผู้ที่คิดร้ายต่อตนเอง

ฟินน์นำสมุนไพรที่หามาได้วางลงตรงหน้าวิลเลียม ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ หยิบถ้วยชาอุ่น ๆ ที่ถูกเทเอาไว้เมื่อครู่นี้ขึ้นมาดื่ม กลิ่นหอมของชาทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันที

“ขอบใจเจ้ามาก ที่อุตส่าห์นำของหายากเช่นนี้มาให้ข้า”

“ข้าไม่ได้หามาให้เจ้าฟรี ๆ เสียหน่อย”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงข้าก็ต้องขอบใจเจ้าอยู่ดี ยาพวกนี้ช่วยชาวบ้านที่ติดโรคระบาดได้อีกเยอะ”

ฟินน์ยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ เมื่อมองถุงเงินที่วิลเลียมยื่นมาให้ เขายอมรับว่าตัวเองเป็นพวกหน้าเงิน แน่นอนว่าอะไรที่ทำแล้วได้เงินเขาก็จะทำมัน โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

วิลเลียมนั่งตรวจดูสมุนไพรที่เพิ่งได้รับอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะนำสมุนไพรเหล่านี้ ไปทำในขั้นตอนต่อไป เพื่อแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่กำลังต่อสู้กับโรคระบาด

นับวันชาวบ้านที่ติดโรคระบาดก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทว่าสมุนไพรที่นำมารักษากลับลดน้อยลง ยังดีที่ฟินน์หามาให้เขาได้ ถึงแม้ว่าจะแลกกับเงินจำนวนมากก็ตาม

“แถวนี้มีงานอะไรให้ข้าทำบ้างไหม”

“ไม่มี”

“แย่จัง”

“มีงานหนึ่ง ไม่รู้ว่าเจ้าจะสนใจไหม แต่รางวัลนั้นเรียกได้ว่ามหาศาลเลยทีเดียว”

“ถ้าเป็นเรื่องเงิน มีเหรอที่คนอย่างข้าจะไม่สนใจ”

“นั่นสินะ ข้าไม่น่าถามเจ้าเลย”

ฟินน์พาเจ้านิลคู่กายออกจากบ้านของวิลเลียมกลับไปยังถนนสายหลัก ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังร้านเหล้าที่วิลเลียมบอกกับเขาเอาไว้ ฟินน์สามารถถามเรื่องงานกับคนที่นั่นได้ เพียงแค่จ่ายเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับพวกเขา

ที่ข้าแนะนำเจ้าไปที่นั่น เพราะพวกเขาจะบอกสิ่งที่เจ้าอยากรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับงานนี้ เพียงแค่เจ้าวางเงินลงตรงหน้าพวกเขา มีอะไรบ้างที่เจ้าจะไม่รู้...

ฟินน์นึกถึงสิ่งที่เพื่อนสนิทบอกกับตนเอาไว้ ก่อนที่เขาจะออกมาจากบ้านของวิลเลียม ร่างสูงจูงม้าไปผูกเอาไว้ แล้วโยนเงินจำนวนหนึ่งให้กับคนดูแลม้า ระหว่างที่เขาเข้าไปด้านใน

ร่างสูงภายในชุดคลุมสีดำมอซอ เดินเข้าไปในร้านเหล้าเล็ก ๆ ที่มีเหล่าทหารเข้าไปนั่งดื่มกันเป็นจำนวนมาก ฟินน์มองหาโต๊ะที่ห่างไกลจากผู้คนและความวุ่นวายภายในร้าน ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นโต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงมุมลับสายตาพอดี

นั่งลงบนโต๊ะได้ไม่นาน ก็มีเด็กหนุ่มเดินเข้ามาหาเขาที่โต๊ะในทันที

“นายท่านจะรับอะไรดีขอรับ”

“เอาเหล้ามาให้ข้าก็พอ”

“ได้เลยนายท่าน รอสักครู่นะขอรับ ข้าจะรีบนำเหล้ามาให้ท่านเดี๋ยวนี้เลย”

เสียงเอะอะดังมาจากทางฝั่งโต๊ะของพวกทหาร สร้างความหงุดหงิดให้กับฟินน์เป็นอย่างมาก ไม่แปลกที่ช่วงหลังมานี้ทหารหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มของพระราชาดาร์ธ ถึงมีแต่พวกเศษสวะ และพวกอ่อนแอไม่เอาไหนกันทั้งนั้น

ระหว่างที่นั่งรอเด็กหนุ่มนำเหล้ามาให้ จู่ ๆ ก็มีเสียงร้องไห้ของผู้หญิงดังมาจากทางฝั่งโต๊ะของทหาร

จากการสังเกตของเขาแล้วคงเป็นลูกหลานของเจ้าของร้านแห่งนี้ เพราะดูจากสีหน้าที่เป็นกังวลของเจ้าของร้านแล้ว ที่ไม่สามารถช่วยเด็กสาวคนนั้นได้ เพราะกลุ่มคนตรงหน้าเป็นถึงทหารของพระราชา ถ้าหากว่าไปมีเรื่องกับพวกเขาเหล่านั้น ชีวิตที่ว่าแย่อยู่แล้วเมื่ออยู่ที่เมืองนี้ ก็อาจจะแย่ลงไปอีก ถ้าไปมีเรื่องกับพวกทหารของพระราชา

ถ้าหากว่าเขาจะนิ่งดูดายมองพวกเศษสวะ กำลังรังแกผู้หญิงอยู่ตอนนี้ก็ย่อมได้ ทว่าเขากลับเลือกที่จะไม่ทำเช่นนั้น...

เด็กหนุ่มนำเหล้ามาเสิร์ฟ พร้อมกับร่างสูงที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะก้าวขามุ่งหน้าไปยังโต๊ะของกลุ่มทหาร จำนวนห้านายที่กำลังห้อมล้อม ลวนลามผู้หญิงคนเดียวภายในร้าน

เจ้าของร้านและเด็กหนุ่มซึ่งเป็นบุตรชาย ต่างพากันจับตามองถึงสิ่งที่ฟินน์กำลังจะทำต่อจากนี้ เจ้าของร้านนึกสมเพชตัวเอง ที่ไม่สามารถช่วยบุตรสาวของตน จากกลุ่มทหารเหล่านี้ได้

ทหารหนึ่งในห้าคนนั้น หันมาเห็นฟินน์ที่ยืนอยู่ด้านหลังพอดี คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น ก่อนจะใช้มือสะกิดเพื่อนทหารที่เหลือ ให้หันมามองชายแปลกหน้า

“เจ้ามีอะไรกับพวกข้า อย่างนั้นเหรอ”

ฟินน์เผยรอยยิ้มที่แสดงถึงความเป็นมิตรให้กับนายทหารทั้งห้า

“ข้าเป็นนักเดินทาง พอดีข้าเห็นว่าพวกท่าน กำลังลวนลามเด็กสาวผู้นี้อยู่ ก็เลยรู้สึกรับไม่ได้กับการกระทำของพวกท่านสักเท่าไหร่นัก”

“แล้วอย่างไรล่ะ เจ้าอยากจะมีปัญหากับพวกข้าอย่างนั้นเหรอ รู้ไหมเจ้านักเดินทาง…ว่าพวกข้าเป็นใคร”

“รู้สิขอรับ พวกท่านก็แค่เศษสวะดี ๆ นี่เอง”

“...”

หลังจากนั้นได้ไม่นาน การต่อสู้ครั้งใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ทหารคนแรกเดินเข้ามาพร้อมกับดาบในมือ ก่อนจะพุ่งตัวเข้ามาหาฟินน์ตวัดดาบกวัดแกว่งไปมา หมายจะเอาชีวิตคนตรงหน้า

ทว่าฝีมือของทหารหนุ่มผู้นี้ไม่คณามืออดีตแม่ทัพอย่างเขาเสียด้วยซ้ำ พริบตาเดียวฟินน์ก็จัดการทหารหนุ่มตรงหน้าจนลงไปกองกับพื้นอย่างง่ายได้ สร้างความตกตะลึงให้กับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์

“เจ้าเป็นใครกันแน่ เจ้านักเดินทาง”

“ข้าไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องของข้ากับพวกเจ้า”

คำตอบของฟินน์สร้างความโกรธเคืองให้กับนายทหารที่เหลือ เมื่อหนึ่งต่อหนึ่งไม่อาจเอาชนะชายผู้นี้ได้ ก็มีแต่ต้องเข้าไปจัดการชายผู้นี้พร้อมกัน

ฟินน์เหวี่ยงตัวหลบดาบที่เหล่าทหารตวัดกวัดแกว่งไปมาอย่างชำนาญ มืออีกข้างดึงมีดสั้นที่พกติดตัวเอาไว้ สะบัดใส่เป้าหมายตรงหน้าทันที ด้วยระยะห่างและความไว จึงไม่สามารถหลบหนีจากทิศทางของมีดสั้นได้

มีดสั้นที่ฟินน์สะบัดออกไป ในระหว่างการต่อสู้ ปักลึกลงไปที่ต้นขาจนเลือดไหลซึมออกมาจากปากแผล สร้างความเจ็บปวดให้กับเหล่าทหารไม่ใช่น้อย ชั่วพริบตาเดียวทหารหนุ่มทั้งห้านาย ก็ถูกจัดการโดยอดีตแม่ทัพ จนลงไปนอนกองกับพื้นในทันที

ดวงตาเรียวรีหรี่ลงพร้อมกับแสยะยิ้ม มองเหล่าทหารที่ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดตรงหน้า

ไม่คิดเลยว่าทหารของพระราชา จะมีฝีมืออ่อนหัดได้ขนาดนี้...

“พวกเจ้ารีบออกไปจากที่นี่ซะ ก่อนที่ข้าจะลงมือกับพวกเจ้าไปมากกว่านี้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้งห้าคนก็รีบลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว รีบเดินกระโผลก กระเผลกออกไปจากร้าน กลัวว่าถ้าหากชักช้าไปมากกว่านี้ อาจจะถูกชายผู้นี้พรากลมหายใจไปก็เป็นได้

เมื่อทหารของพระราชาหายลับไปจากสายตา จึงเหลือเพียงความเงียบ และข้าวของกระจัดกระจายพังเสียหาย จากการประมือสู้รบกันระหว่างฟินน์และทหารทั้งห้านาย

สามพ่อลูกที่หลบอยู่มุมหนึ่งภายในร้าน เมื่อเสียงเงียบลงก็รีบออกมาจากจุดซ่อนตัวในทันที ทั้งสามคนรีบเดินเข้ามาหาฟินน์ ชายหนุ่มผู้ที่ช่วยบุตรสาวของตนจากกลุ่มทหารเอาไว้

“นายท่าน ข้าขอบใจท่านมาก ที่ช่วยบุตรสาวข้าเอาไว้”

“ไม่เป็นไร ข้าไม่ชอบเห็นคนอ่อนแอถูกรังแก โดยเฉพาะสตรี”

“ข้าจะนำอาหารและเหล้ามาตอบแทนน้ำใจของท่าน เชิญท่านนั่งลงที่โต๊ะก่อน ข้าจะให้บุตรชายของข้าไปนำมันมาให้ท่านเดี๋ยวนี้”

“ขอบคุณท่านมาก”

ฟินน์นั่งลงตามคำเชิญชวนของเจ้าของร้าน ก่อนจะนึกถึงเรื่องที่เป็นสาเหตุให้ตัวเองมายังร้านแห่งนี้

“เจ้าของร้าน ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้าสักหน่อย”

“นายท่านพูดสิ่งที่ท่านต้องการจากข้าได้เลยขอรับ”

“ข้าได้ยินมาว่า พระราชาต้องการเงือก โดยมีรางวัลตอบแทนให้อย่างงาม สำหรับคนที่นำเงือกมาให้พระราชาได้ เจ้าพอจะรู้รายละเอียดและแหล่งที่อยู่ของเงือกหรือไม่”

“…”

“ว่าอย่างไรล่ะ เจ้าพอจะรู้เรื่องนี้หรือไม่”

“ข้าน้อยพอจะรู้เรื่องนี้ มาจากลูกค้าที่เข้ามาในร้านบ้างขอรับ เรื่องที่พระราชาต้องการเงือก และมอบรางวัลมหาศาลให้กับผู้ที่นำเงือกมาถวายให้กับพระราชาได้ เพียงแต่...”

“เพียงแต่อะไร...”

“เพียงแต่ว่ายังไม่มีผู้ใดรู้แหล่งที่อยู่ของเงือกจริง ๆ เลยสักคนขอรับ”

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าพอจะช่วยข้าได้หรือไม่ เจ้าพอจะรู้จักคนที่สามารถบอกแหล่งที่อยู่ของเงือกให้ข้าได้หรือไม่”

“เห็นแก่ท่านที่ช่วยครอบครัวของข้าจากพวกทหารอันธพาลนั่น ข้าจะมอบของสิ่งหนึ่งให้กับท่านเป็นการตอบแทนน้ำใจ”

“...”

ฟินน์ยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์วางแผน เป็นคนดีเข้าไปช่วยบุตรสาวของเจ้าของร้านจากพวกทหารกลุ่มนั้น อาหารและเหล้าถูกนำมาวางลงบนโต๊ะให้กับผู้มีพระคุณ ฟินน์จัดการเทเหล้าลงในแก้วก่อนจะยกขึ้นดื่ม น้ำสีใสรสชาติขมปร่าละมุนลิ้นค่อย ๆ ไหลลงผ่านลำคอ

เจ้าของร้านเดินกลับมาพร้อมของบางอย่างในมือ ฟินน์จับจ้องไปที่ม้วนกระดาษที่ถูกยื่นมาตรงหน้าจากคนที่เป็นเจ้าของ

“นี่คืออะไร”

“ของสิ่งนี้คือแผนที่ ที่จะทำให้ท่านไปยังที่อยู่ของเงือกขอรับ”

“ข้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าแผนที่ ที่เจ้าให้ข้ามา จะพาข้าไปยังที่อยู่ของเงือกจริง ๆ”

“ข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกันขอรับ สิ่งนี้เป็นสมบัติที่บรรพบุรุษของข้าเก็บเอาไว้เป็นอย่างดี และบรรพบุรุษของข้าเคยไปยังแหล่งที่อยู่ของเงือกจริง ๆ และนี่คือสิ่งที่จะตอบท่านได้ว่าแผนที่ชิ้นนี้เป็นแผนที่จริง”

เจ้าของร้านนำไข่มุกที่ถูกเก็บเอาไว้ในกล่อง ส่งให้ให้ฟินน์ดู ร่างสูงหยิบไข่มุกที่อยู่ในกล่องขึ้นมาดู สีขาวสะอาดตาที่สะท้อนออกมาจากไข่มุกนั้น ไม่อาจละสายตาจากมันไปได้เลย

“ข้าเชื่อที่เจ้าพูด ข้าจะรับแผนที่นี้ไว้ก็แล้วกัน ถ้าหากว่าข้าเจอเงือกแล้วนำกลับมาให้พระราชได้สำเร็จ ข้าจะไม่ลืมพวกเจ้าอย่างแน่นอน”

“ขอรับนายท่าน”

ฟินน์ยกยิ้มมุมปากมองแผนที่เก่า ๆ ในมือของตน อะไรที่ทำแล้วได้เงินจะยากขนาดไหน เข้าก็ไม่เกี่ยงงอนว่าจะต้องเดินทางไปยังสถานที่ใด เพื่อให้ได้เม็ดเงินมหาศาลชิ้นนี้มา...

 

********************

มาอัปแล้วนะคะ ฝากกดหัวใจเรื่องนี้ กดติตตาม คอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยนะคะ เรื่องนี้ไรต์ตั้งใจเขียนมากหวังว่ารี้ดทุกคนที่เข้ามาอ่านจะชอบกันนะคะ มีอะไรอยากแนะนำไรต์เพิ่มเติม สามารถคอมเมนต์บอกไรต์หรือส่งข้อความมาได้เลยนะคะ ไรต์ยินดีรับฟังค่ะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ของไรต์ด้วยนะคะ เรื่องนี้จะออกวายแฟนตาซี นายเอกเงือกน้อยน่ารักปุ๊กปิ๊ก ฝากน้องเงือกด้วยนะคะ เจอกันต่อในตอนหน้าค่ะ