"มึงก็ควรเอาห้องนี้ให้เจไดปะ!!"

"มึงก็ให้เพื่อนนอนด้วยสิ!!"

เจไดกำลังปวดหัวเพราะเพื่อนสนิทสองคนในมหาวิทยาลัยที่กำลังทะเลาะกันในเรื่องของการแบ่งห้อง เจไดเพิ่งได้ออกมาจากบ้านพักของบริษัทที่เตรียมไว้ให้ แน่นอนว่านี่คือคำสั่งของนนท์ โดยให้ข้ออ้างว่าเด็กฝึกหัดเริ่มเยอะขึ้น เด็กฝึกเก่าๆ ก็ควรออกไปอยู่ที่อื่นได้แล้ว

เด็กฝึกเก่าๆ ที่นนท์พูดถึงก็คือตัวเจไดเอง เพราะนอกจากรุ่นสองที่เหลือเพียงเขาคนเดียวก็ไม่มีใครอีกแล้วเพราะรุ่นสามรุ่นสี่ยังอยู่ในช่วงฝึกฝน เขาจึงต้องมาพึ่งพาเพื่อนในมหาวิทยาลัยของเขาให้ช่วยเหลือ

"มึงอยู่ห้องนี้ล่ะ กูแกล้งมันเล่น...ยินดีต้องรับสู่ดินแดนนรก!! ของจริง ฮ่าๆ ๆ"

เขาอดขำไม่ได้ที่ 'ภีม' ยอมแพ้ไปเสียก่อน เหลือ 'เฟิร์ส' ที่ยื่นกุญแจให้เขาและพูดยินดีต้อนรับ เอาความเป็นจริงเจไดรู้ดีว่าสองคนนี้ไม่ได้ทะเลาะกันจริงๆ สำหรับภีมแค่ต้องการเอาชนะเท่านั้น ส่วนเฟิร์สแค่ต้องการแกล้งเท่านั้น สองคนนี้จึงไม่เคยทะเลาะกันถึงขั้นเลือดตกยางออก

เมื่อเปิดห้องมาก็เห็นว่าในห้องเรียบร้อยดี ไม่ใช่ห้องเก็บของอย่างที่เฟิร์สว่า แค่นี้เขาก็ยิ้มแล้ว เขาได้แต่คิดในใจว่าทำไมคนอย่างเฟิร์สถึงมีเรื่องให้แกล้งภีมได้ทุกวันและตลอดเวลา

สายตาของเจไดมองไปรอบๆ ห้องภายในห้องมีพื้นที่ใหญ่พอสมควร มีพื้นที่ที่เขาได้ซ้อมเต้น ได้ร้องเพลง และได้พักผ่อน ห้องนี้ไม่ต่างอะไรจากบ้านเด็กฝึกเพียงแต่มันมีขนาดใหญ่และน่าอยู่กว่า เจไดอดนึกถึงห้องเก่าไม่ได้ ห้องที่มีแต่ความสุข ห้องที่เขามีเพื่อนที่ดีอยู่ที่นั่น

ใครๆ ก็มองว่าเจไดเป็นคนที่เข้มแข็งแต่มันเป็นเพียงภายนอกเท่านั้น ภายนอกที่เข้มแข็งแต่ภายในใจที่มีแต่เรื่องเจ็บปวด  เขามีเรื่องที่ต้องเจ็บปวดอยู่มากมายแต่ต้องแกล้งทำเป็นสบายดีและยิ้มรับกับทุกอย่างในชีวิต

เจไดไม่ได้ต้องการเรียกร้องความสนใจใดๆ เขาอยากบอกให้ทุกคนรู้ถึงความสามารถ และเขาต้องการให้กำลังใจเด็กรุ่นน้องเท่านั้น และเขาไม่รู้ว่าเหตุการณ์วันนั้นทำให้ท่านประธานคนใหม่คิดอย่างไรกับเขา แต่อะไรจะเกิดขึ้นก็คงต้องเกิด ยังไงซะเขาก็ยังสามารถทำเพลงกับภีมได้ 

‘ห่างไกลออกไป ห่างไกลออกไป

ฉันอยากปักทุกสิ่งทุกอย่างในหัวใจออกไป

ปล่อยความฝันออกไป ฉันคงปล่อยออกไปไม่ได้

ฉันวาดฝันในทุกๆ วันที่ตื่น

ฉันนอนไม่หลับในทุกครั้งที่ทำพลาด

ทำไม่ได้เลยที่อยากจะปัดทิ้งทุกสิ่ง

มันเหนื่อยมากแล้ว

You never know how it is

ค่อยๆ หลับตาในทุกคืน แต่ก็แพ้ทุกที

ใกล้ถึงความหวัง แต่สุดท้ายก็ได้แค่ฝันในตอนกลางคืน’

เมื่อสิ้นสุดคำร้องสุดท้าย ข้างนอกที่กำลังนั่งเป็นห่วงเพื่อนก็อดเป็นห่วงไม่ไหว เพราะเสียงร้องที่มีความสะอื้นมันฟังดูแล้วไม่มีความสุขเอาเสียงจริง นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่ภีมและเฟิร์สเข้าใจกันได้ดียิ่งกว่าเรื่องอื่น

 

 

••••••••••

 

"หวัดดีเจได!!"

"สวัสดีครับพี่นิล!!"

"พี่จะรบกวนเรามากไปไหม?"

"ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมดูแลได้เชื่อใจผมสิ"

พนักงานอย่างนิลยื่นกุญแจรถให้เจได เพื่อมอบหมายงานสำคัญให้เขาทำ เจไดต้องไปที่สตูดิโอใหม่ของค่ายเพื่อเอาไฟล์ผลงานเพลงเก่าๆ ไปให้โปรดิวเซอร์ เพราะนิลไม่ว่างและเห็นว่างานนี้ไม่ค่อยสำคัญที่เขาต้องไปเขาจึงเรียกใช้เด็กดีอย่างเจไดให้มาช่วยงานแทน

"ไปไหนเจได?"

เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำ เวย์ที่ตาดีเห็นพนักงานยื่นกุญแจให้เจไดก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเพื่อนสนิทของเขาได้รับมอบหมายงานอะไร

"จะไปสตูดิโอใหม่น่ะ เอาของไปให้พี่โปรดิวเซอร์"

"ไปคนเดียวเหรอ..."

"อื้ม!!"

"เดี๋ยวนะ...ช่วงเย็นไม่มีกิจกรรมอะไร ไปด้วยได้ปะ?"

"เป็นบุญแท้ๆ ที่จะมีไอดอลวิลชวลแห่งวงอิมเมจมาเป็นตุ๊กตาหน้ารถ"

ทั้งคู่กอดคอกันไปออกจากบริษัทและมุ่งหน้าไปที่สตูดิโอใหม่โดยไม่คิดเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น

"สตูดิโอใหม่ใหญ่มาก เชื่อแล้วประธานคนใหม่หล่อและรวยจริง"

"ก็ไม่ต่างอะไรปะ ลูกของประธานรงค์ แต่หล่ออันนี้เรื่องจริง"

เมื่อถึงสตูดิโอที่เป็นจุดหมายทั้งคู่ก็พูดอวยเกี่ยวกับสตูดิโอใหม่และท่านประธานคนใหม่ ใบหน้าที่เป็นเอกลักษณ์และไม่เหมือนประธานคนเก่าทำให้เป็นบทสนทนาที่ดี ถึงแม้วันนั้นสายตาของผู้เป็นใหญ่อาจจะมองเขาไม่ดีไปแล้ว แต่ก็อดชมในเรื่องของหน้าตาไม่ได้

เข้ามาในตัวตึกก็เห็นแต่ความว่างเปล่า มีเพียงห้องมากมายที่ยังไม่มีแม้แต่ผู้คน เมื่อเข้ามาเรื่อยๆ ก็เห็นกลุ่มคนกำลังพูดคุยกัน เจไดและเวย์เข้าไปทักทายทุกคน เมื่อเห็นประธานคนใหม่เจไดก็ก้มหัวยกใหญ่แสดงความขอโทษแต่ไม่รู้ว่าประธานของเขาจะรู้หรือไม่

"อันนี้ไฟล์ที่พี่นิลฝากไว้ให้ครับ"

"อ๋อ...ขอบคุณครับ ชื่อเจไดใช่ไหม"

"คะ...ครับ"

"อืม อยู่ดูสตูดิโอด้วยกันก่อนสิทั้งสองเลย"

เมื่อความเห่อสถานที่ใหม่ของเวย์ทำให้ตกลงรับโดยที่ไม่ถามเพื่อนอย่างเจได แถมยังมองมาที่เขาด้วยสายตาเหมือนดูออกและจับได้ถึงปฏิกิริยาของคนตรงหน้าที่แสดงออก

สถานที่แห่งนี้จะเป็นที่ฝึกซ้อมและอัดเสียงสำหรับทุกคน เพราะว่าบริษัทจะเป็นห้องสตูดิโอเดิมเป็นห้องถ่ายภาพ เพื่อลดต้นทุนในการออกไปเช่าสตูดิโออื่น และยังใช้ทำอย่างอื่นได้อีกมากมาย 

"อันนี้ยังต่อเติมอยู่แต่คิดว่า เครื่องดนตรีน่าจะใช้ได้หมดแล้วครับ"

"อยากลองเล่นไหม?"

ระหว่างที่เพื่อนสองสนิทกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานก็มีสายตาของผู้เป็นใหญ่มองมาพร้อมคำถามที่ต้องการคำตอบ เจไดมองหน้าพีทอยากสงสัยว่าผู้ชายตรงหน้าอยากให้เขาเล่นดนตรีจริงๆ หรือเปล่าส่วนเวย์ก็ได้แต่สนับสนุนให้เพื่อนของเขาได้โชว์ความสามารถ

"เพลงของภีมนะ เจเหมาะกับเพลงนี้"

เมื่อขึ้นไปตรงเปียโน มือของเขาได้แตะกับของใหม่ที่ยังไม่ผ่านการเล่นมาก่อน เขาค่อยๆ บรรจงมือไปตามโน๊ตที่เขาจำได้ดีให้ออกมาเป็นเสียงดนตรีที่ไพเราะและเหมาะกับเพลงที่ภีมแต่งให้

'ฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้า

ยิ้มให้กับวันนี้ที่เริ่มขึ้น

บางครั้งก็รู้สึกเหนื่อยนะ

แต่ไม่ต้องกลัวฉันไม่ท้อหรอก

ฉันอธิษฐานให้ความคิดเป็นจริง

ความจริงที่ว่าคือเธอรอฉันอยู่

แต่ไม่เป็นไรนะ ถ้าเธอยังไม่รอ

บางครั้งฉันก็รู้สึกเศร้า เหมือนกันเธอในตอนนี้

รู้บ้างไหม เคยรู้บ้างไหม

เพราะเธอคือทุกอย่างที่ฉันอยากทำ

ใช่เพราะฉันอยากทำมัน

You ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

ฉันจะไม่กลัวและไม่หวังให้เธอมารอ

เพราะฉันจะทำให้เธอได้เห็นเอง'

 

"เป็นไงบ้างครับประธาน คนนี้ละตัวเต็งของเรา"

"อืม ก็ดีนะ"

เวย์อดยิ้มไม่ได้เมื่อมีคนชมเพื่อนสนิทของเขา บางครั้งเขาก็อยากเป็นแบบเจไดบ้าง อยากให้ทุกอย่างที่เขาทำค่อยๆ กำเนิดขึ้นบางครั้งเขาก็คิดว่าพื้นที่ที่เขาอยู่ไม่ใช่พื้นที่ของเขา แท้จริงอาจจะเป็นของเจไดคนนี้ก็ได้

 

 

••••••••••

 

"เวย์ทำไมทิ้งวงแบบนี้?"

เมื่อกลับมาจากสตูดิโอ และกำลังพูดคุยเรื่องที่ท่านประธานชมเจได เมื่อเข้ามาก็ได้ยินเสียงกันต์ที่พูดเสียงแข็งกับเวย์ โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าวันนี้มีซ้อมเต้น

"วันนี้เราไม่เห็นรู้ว่ามีซ้อมเต้นนะ"

"นายเป็นคนในวง และได้เงินจากที่นี่ ก็ควรทำหน้าที่ให้ดี ไม่ใช่ทำตัวเป็นพวกขอทานของานคนอื่น"

"กันต์!!! ทำไมพูดแบบนี้ละ"

เสียงเวย์พูดเตือนคำพูดของกันต์ที่แขวะเจได เขาไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นด้วยซ้ำ และเขารู้ดีว่าวันนี้ไม่มีซ้อม แต่มองทุกคนที่ยืนเหมือนไม่พอใจในตัวเขาทำให้เวย์รู้สึกไม่ดีไปมากกว่าเดิม และถ้าจะมากกว่านี้ถ้าทุกคนโยนความผิดไปให้เจได

"เราไปเป็นเพื่อนเจได..."

"เลิกแก้ตัวแทนมันสักทีได้ปะ?"

กันต์ค่อยๆ เดินเข้ามาทีละก้าวและเข้ามาใกล้ชิดกับเจไดที่ยืนนิ่งเงียบระงับคำพูดของตัวเองอยู่เพราะไม่อยากให้มีเรื่อง กันต์พูดเบาๆ ที่มีเพียงเจไดเท่านั้นที่ได้ยินชัดเจน

"คงไม่ต้องบอกนะว่าใครผิด และเลิกยื่นตัวเข้าหาท่านประธานคนใหม่ได้แล้ว เพราะยังไงก็เจไดก็คือเจได"

เมื่อพูดจบกันต์ก็รู้สึกเหมือนชนะทุกอย่างและเรียกทุกคนให้เดินตามมา แต่สำหรับคนอย่างเจไดไม่ยอมให้ใครมาบังคับเขาหรอก

"คิดว่าฉันจะเอาเรื่องคลับพวกนั้นไปบอกเหรอ? หึ!!"

"ฉันเตือนไว้แล้วนะ!!"

"ขอบคุณที่เตือนนะ แต่วันหลังไม่ต้อง!!"

"เจได!!"

"ทำอะไรกันนะ!!!"

เสียงที่คุ้นเคยพูดขึ้น เจไดหันหลังไปมองดูคนที่เดินเข้ามาใหม่ ใบหน้าที่บึ้งตึงและไม่พอใจกับเขาอย่างมาก นนท์ค่อยๆ เดินเข้ามาและตีไหล่เจไดเพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา

"อย่าเรียกร้องความสนใจมาก!! ระวังคำพูดของตัวเองด้วย"

เจไดหันไปมองคนที่กระซิบอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาสั่นโกรธจัดเขาไม่เคยโกรธอะไรเท่านี้มาก่อน คำที่ผู้จัดการนนท์พูดสามารถเป็นจริงได้ทุกอย่าง และบางอย่างเขาก็สามารถให้มันเกิดขึ้นได้เร็วกว่านี้ย่างแน่นอน

"เวย์ พี่คงไม่ต้องบอกนะ!!!"

เวย์มองสายตาของผู้จัดการของเขาอย่างเกรงกลัวและไม่ค่อยกล้าสบตา เขากลัวว่าเรื่องบางเรื่องของเขาจะทำให้เขาหมดอนาคตได้ และนี่คือสิ่งที่เขาคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับพื้นที่ตรงนี้

"อย่าทำอะไรเลยนะครับ!!"

เสียงของเจไดพูดขึ้นในระหว่างที่ทุกคนกำลังเดินออกจากตรงนี้ เขาไม่อยากให้เรื่องที่ผู้จัดการนนท์จะทำเกิดขึ้นกับเพื่อนสนิทของเขา เขาไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว เขาควรอยู่เงียบๆ อย่างที่กันต์บอก เขาไม่ควรทำเรื่องบ้าๆ พวกนี้

"ใครยื่นข้อเสนออะไรก็ปฏิเสธนะ รับรองฉันไม่ทำอะไร!!"

ผู้จัดการนนท์พูดจบปิดท้ายด้วยคำพูดที่สะใจ คนอย่างนนท์รู้ดีว่าเกมนี้ต้องเอาอะไรเป็นตัวตั้งและเขาก็พร้อมเสมอที่จะทำทุกอย่างที่จะขัดขวางให้เด็กอย่างเจไดหมดอนาคตด้วยน้ำมือของเขาเอง

 

 

••••••••••

"แม่...คิวเป็นไงบ้างครับ?"

"ไม่ดีเลยลูก... ฮือ..."

โรงพยาบาลแห่งนี้คือที่สุดท้ายที่เขาไม่อยากมามากที่สุด เขามองดูคนตรงหน้าที่ร่างกายผอมโซ นอนนิ่งไร้สติเขากั้นน้ำตาของตัวเองไว้ไม่อยู่เมื่อเห็นสภาพร่างกายของคนตรงหน้า เขาทำให้ทุกอย่างมันแย่ไปหมดเลย

"คดีไม่คืบหน้าเลยลูก...ฮือ...แม่ไม่รู้จะทำยังไงต่อแล้ว...เจช่วยบอกแม่ได้ไหม...ฮือ...ช่วยแม่เถอะนะ"

เขารู้สึกผิดที่ไม่สามารถทำอะไรได้ เขาต้องแบกรับความรู้สึกของทุกคนเอาไว้คนเดียว เรื่องราวทุกอย่างมีเพียงเขาที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาสามารถเข้าไปหาตำรวจและเล่าทุกอย่างให้ฟังได้ แต่เพราะเขาไม่อยากให้เพื่อนอีกคนที่ต้องได้รับอันตราย เขาควรทำอย่างไรดีให้เรื่องมันจบอย่างสวยงาม หรือให้เขาจบไม่สวยงามคนเดียวก็พอ

.

.

.

.

.

"ทำงานให้ฉันสิแล้วทุกอย่างจะจบอย่างสวยงาม"

ความคิดนี้ผุดขึ้นมาเมื่อเขาถามตัวเองทุกวัน คำถามของเขามีคำตอบอยู่ คำตอบก็คือเขาไงที่ต้องทำ และแน่นอนเขาจะหมดอนาคต

"ช่วยเราด้วยเจได!!" 

.

"เจได!!"

.

"อึก….อึก"

.

"ช่วยด้วย...ฮือ...ช่วยด้วย"

.

 

 

••••••••••

 

ช่วงนี้ขอปูพื้นของตัวละครทุกตัวก่อนนะ เรื่องเดาไม่ยาก แค่อยากเล่าให้ฟัง ฮ่าๆ ๆ ๆ อย่าหาว่าไรท์แกล้งเจไดเลยนะ สงสารเหมือนกัน!!!