ภาพของเธอที่กำลังจมลึกสู่ใต้แม่น้ำ

ฉันยังคงจำได้ติดตา

ฉันตะเกียกตะกายขึ้นมาบนผิวน้ำ

ฉันกรีดร้องลั่นด้วยความหวาดกลัว

และภาวนาว่านั่นไม่ใช่เรื่องจริง

...

 

ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ กรี๊ดดดดดดดดดดดด

เสียงกรี๊ดดังลั่นบ้านแข่งกับเสียงนาฬิกาปลุกที่บอกเวลา 7 นาฬิกาของช่วงเวลาเช้าตรู่

ตึกตักตึกตักตึกตัก

เสียงวิ่งขึ้นบันไดพร้อมเสียงตะโกนดังลั่นเรียกหาชื่อของคนที่อยู่บนห้องนอน

 

"อีฟ อีฟ!" เป็นวิลลาแนลล์ที่วิ่งเข้ามาในห้องนอนพร้อมกับตะหลิวเปื้อนน้ำมันพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อของฉันจนฉันตื่น

"ฉันนอนละเมอเหรอ" ฉันถามขึ้นอย่างสะลึมสะลือ "แล้วเอาตะหลิวมาทำไม"

"เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะน่า" เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ฉันก็นึกว่าเกิดอะไรขึ้น" เธอเดินส่ายหน้าออกจากห้องไป ก่อนจะรีบจับกรอบประตูแล้วโผล่เข้ามาพร้อมสั่งให้ฉันนั่งอยู่ที่เดิม ฉันรอเธออยู่เกือบห้านาที มั้งนะ แล้วเธอก็เดินกลับเข้ามาอีกครั้ง พร้อมกับอาหารเช้าชุดใหญ่ ฉันคิดว่านะ

"วิลลาแนลล์" ฉันถอนหายใจ "ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย"

"ก็ทำให้แฟนไม่เห็นเป็นไรเลย" เธอพูดจบก็ก้มลงมาหอมแก้มฟอดใหญ่จนเจ็บ แน่นอนว่าเธอไม่เคยยั้งเลยสักครั้ง

"เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ" ฉันถามกลับ เพราะว่าแทบไม่เคยได้ยินวิลลาแนลล์เอ่ยคำนั้นเลยสักนิด และฉันก็ไม่อยากที่จะไปกดดันให้เธอต้องคิดเหมือนกับฉันเท่าไหร่

"ฟอ - แอ - นอ" เธอพูดจบก็ม้วนตัวออกจากห้องไปอีกครั้ง นานๆ จะเห็นว่าเขายิ้มอย่างสดใส และมีความสุขแบบนี้ มันก็ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีสำหรับเราทั้งคู่ ที่จะหันหลังให้กับทุกอย่าง แล้วมาใช้ชีวิตด้วยกัน

 

..........

 

"วิลลาแนลล์" ฉันตะโกนเรียกหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ แต่เธอไม่ตอบ ฉันตะโกนเรียกอีกครั้ง และอีกครั้ง ก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับมาอยู่ดี

"วิลลาแนลล์" ฉันตะโกนเรียกทั่วบ้าน วิ่งลงชั้นล่าง เปิดหาทุกห้อง วิ่งขึ้นชั้นบนอีกครั้ง เพื่อหาตัวของเธอ แต่ไม่พบ จนกระทั่งได้ยินเสียงกุกกักที่ประตู ฉันพุ่งตัวไปหยิบขวดสแตนเลสที่วางเอาไว้บนโต๊ะรับแขกเป็นอาวุธในมือ

"อีฟ?" เป็นวิลลาแนลล์ที่เปิดประตูเข้ามาภายในบ้านพร้อมกับหอบของถุงใหญ่เอาไว้ในอก "ทำอะไรน่ะ" เธอถาม "นี่คุณคิดจะใช้ขวดนั่นเป็นอาวุธจริงๆ เหรอ" เธอยิ้มพร้อมกับหัวเราะและส่ายหน้าเบาๆ "คุณนี่ ... ตลกจริงๆ"

"ทีหลังอย่าทำอย่างนี้นะ" ฉันบอก ใจฉันยังสั่นไม่หาย ความกลัวที่ว่าจะเสียเธอไป มันผุดขึ้นมาทุกครั้ง

"ทำแบบไหน" เธอถาม "ถ้าเกิดคุณไม่ชอบมัสตาร์ดยี่ห้อนี้ ฉันเปลี่ยนให้ก็ได้นะ แต่กินอันนี้ให้หมดก่อนละกัน" เธอบอก

"อย่าหายไปไหนแบบไม่มีโน้ตบอกไว้" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ฉันคิดว่าฉันพยายามแล้ว แต่น้ำตาก็ยังคงไหลไม่หยุด

"เฮ้ๆ" เธอวางของแล้วเข้ามากอดฉัน อ้อมกอดที่นุ่มนวล ราวกับว่าได้รับการทะนุถนอม "ฉันอยู่นี่ อีฟ ฉันอยู่นี่ ไม่เป็นไรนะ ฉันไม่หายไปไหน ฉันยังอยู่กับคุณตรงนี้" เธอปลอบฉัน จนกระทั่งฉันหยุดร้องไห้

 

วิลลาแนลล์พาฉันไปนั่งบนโซฟา เธอกอดฉันเอาไว้ราวกับไม่อยากให้ฉันหายไปไหนไกล แม้ว่าฉันจะเป็นคนที่ร้องไห้ก่อนก็ตาม มันเป็นความอบอุ่นที่บอกไม่ถูก เป็นสิ่งที่ฉัน ... ถ้าบอกว่าไม่เคยได้รับจากใคร ก็คงจะไม่แปลก ฉันวางใจในเธอ และเชื่อมั่นในสิ่งที่เธอเป็น แต่ฉันก็ยังคงกลัว ว่าจะมีอะไรมาพรากเธอจากฉันไป

"อีฟ" อยู่ดีๆ เธอก็เอ่ยขึ้นมา "มันเป็นเพราะเมื่อเช้าใช่มั้ย" เธอถาม "ที่ทำให้คุณฝันร้าย"

ฉันลุกแล้วหันหน้ากลับไปหาเธอ ก่อนจะพยักหน้าให้อย่างช้าๆ เธอเอื้อมมือมาาปาดน้ำตาให้กับฉันอย่างทะนุถนอม

"อยากเล่าให้ฟังมั้ย" 

"มันแย่มาก มัน..." ฉันเงียบไปพักใหญ่ "เราวิ่งหนีบนดาดฟ้าเรือ เรากระโจนลงน้ำไปด้วยกัน" ฉันหายใจอย่างช้าๆ อีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเล่าต่อ "แล้วคุณก็โดนยิง วิลลาแนลล์ ฉันพยายามเอื้อมมือไปจับคุณ แต่ก็ไม่ทัน" ฉันเริ่มร้องไห้อีกครั้ง เธอประคองหน้าและค่อยๆ ซับน้ำตาที่เปื้อนอาบแก้ม "ฉันเฝ้ามองคุณจมลงไป โดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย" ฉันสะอื้นอีกครั้งหนึ่ง 

"ฉันอยู่ตรงนี้ที่รัก" เธอกอดปลอบพร้อมกับลูบหลังช้าๆ 

 

..........

 

"อีฟ" เสียงตะโกนลั่นจากชั้นสอง ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่รวมแล้วน่ารำคาญอยู่พอควร ฉันวางมือจากงานตรงหน้า แล้วเดินขึ้นไปชั้นบน

"มีอะไรรึเปล่า" ฉันยืนพิงประตูแล้วถามอีกฝ่ายที่อยู่ในชุดนอนลายหมี

"มานอนได้แล้ว" เธอบอก เธอนอนอยู่บนเตียงพร้อมกับตบเตียงอีกฝั่ง

"ยังเหลืองานอยู่นิดนึง นอนก่อนเลยก็ได้" ฉันยิ้มให้กับความน่ารักตรงหน้า ฉันไม่เข้าใจว่าเธอจะน่ารักแบบนี้ไปเพื่อใคร แต่อย่างน้อยฉันก็ดีใจที่มีโอกาสได้เห็นวิลลาแนลล์ทำตัวน่ารักแบบนี้ 

"วางงานแล้วมานอนเถอะนะ" เธอลุกขึ้นนั่งแล้วดึงข้อมือของฉันเอาไว้พร้อมกับทำหน้าอ้อน อย่างกับตัวเองเป็นหมาตัวน้อยๆ ทั้งที่จริงแล้วเหมือนหมาโกลเด้นตัวใหญ่รอคนมาเล่นด้วยซะมากกว่า

"ก็ได้ เดี๋ยวไปเก็บของก่อน"

"รีบมานะ"

"ถ้าไม่ปล่อยก็ไม่ได้ไปนะ" ฉันบอก ก่อนจะจูบหน้าผากอีกฝ่ายแล้วเดินลงไปเก็บของข้างล่าง

 

หลังจากล็อกกลอน ปิดไฟ แล้วเดินขึ้นมาชั้นสองบนห้องนอน วิลลาแนลล์ก็หลับไปซะแล้ว

ฉันเดินอ้อมเตียงไปยังอีกฝั่งหนึ่ง สอดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม แล้วเธอก็หันหน้ากลับมา ดึงตัวของฉันเข้าไปกอดจากข้างหลัง จูบเข้าที่ไหล่ ก่อนจะผล็อยหลับไป

ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนี้ที่มีโอกาสได้ใช้เวลากับเธอ คนที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าเป็นตัวเองมากที่สุด ไม่จำเป็นจะต้องมีอะไรปิดบัง ไม่จำเป็นที่จะต้องทำตัวเข้มแข็งตลอดเวลา และได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระมากที่สุด

 

 

บางครั้งเราไม่จำเป็นที่จะต้องให้คนอื่นมากำหนดความรักของเรา ไม่จำเป็นที่จะต้องให้คนอื่นมาบอกว่าความสัมพันธ์ของเราคืออะไรกันแน่ เพียงแค่เราเข้าใจกัน รับรู้สิ่งที่ต่างคนต่างต้องการ และใช้ทุกช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันให้ดีที่สุด มันก็เพียงพอแล้วกับความรักในครั้งนี้