1 ตอน เขาคือปัจจุบัน ส่วนฉันนั้นเป็น...
โดย หมีขาว23
บ้านหลักแรกในชีวิตที่ฉันแสนจะภูมิใจ ถึงมันจะไม่ได้ใหญ่โตถึงขนาดโอ้อวดใครต่อใคร แต่มันก็เป็นความภูมิใจของฉัน
ฉันมองบ้านหลังนี้พลางคิดถึงช่วงเวลาที่ผ่าน กว่าจะมีวันนี้ฉันต้องอดทนกัดฟันสู้ชีวิต ตกระกําลําบากมาตั้งเท่าไร ไม่ล่ะ ฉันไม่ได้ลำบากขนาดนั้นก็ทำงานเก็บเงินตามปกติ แถมบ้านหลังนี้ยังต้องผ่อนอีกสามสิบปี ถ้าจะพูดให้ถูก บ้านหลังนี้คือหนี้ก้อนที่สองในชีวิตส่วนก้อนแรกก็หมดไปการซื้อรถมินิคูเปอร์ รถคลาสสิคที่ราคาไม่คลาสสิค ก็คนมันอยากได้นี่นา แค่เห็นรูปทรงของน้องใจมันก็หวั่นไหว ก็น้องน่ารักขนาดนี้จะอดใจไหวได้ยังไง...
ถึงจะใช้เวลาในการผ่อนหลายปีแต่อีกไม่กี่เดือนน้องมินิก็จะได้ของฉันแบบสมบูรณ์ ฉันถึงได้กล้าซื้อบ้านตอนนี้ยังไงล่ะ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในช่วงสร้างเนื้อสร้างตัว ก็นั่นไง ที่เขาพูดกันชีวิตในอุดมคติต้องมีบ้านมีรถและครอบครัว ถึงตอนนี้ฉันจะอายุย่างเข้าเลขสาม และยังไม่เคยผ่านการแต่งงานมาก่อน แต่ฉันก็ขอนิยามคำว่าครอบครัวใหม่ ครอบครัวที่เท่ากับฉันเพียงคนเดียว
ก็แล้วใครมันเป็นคนนิยามว่าครอบครัวต้องหมายถึงสามีภรรยาและลูกน้อย แล้วการที่ฉันจะนิยามคำว่าครอบใหม่ขึ้นมาใหม่ มันจะทำไม!!! ฉันจะนิยายมันแบบนี้แหละ
ถึงบ้านหลังใหม่จะรู้สึกเปล่าเปลี่ยวไปบ้างเพราะเมื่อก่อนฉันเช่าคอนโดถึงได้รู้สึกว่ามันกว้างเกินไปสำหรับอยู่คนเดียว หรือการที่ฉันตัดสินใจซื้อบ้านจะเป็นความคิดที่ผิด ฉันน่าจะเอาเงินไปลงทุนอย่างอื่นรึเปล่า ไม่สิ ฉันสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะต้องมีบ้านเป็นของตัวก่อนอายุสามสิบนี่มันก็แค่จุดเริ่มต้น...
กล่องลังกล่องสุดท้ายถูกยกเข้าบ้านไปเมื่อครู่เป็นอันเสร็จสิ้นการย้าย
“ขอบคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้ามีปัญหาอะไรแจ้งเบอร์นี้ได้เลยนะครับ” พนักงานก้มหัวพร้อมยื่นนามบัตรของบริษัทมาให้
คนโสดแบบฉันก็ต้องใช้บริการขนส่งนี่แหละ รวดเร็วทันใจ ขนง่ายแต่ออกจะเปลื้องค่าใช้จ่ายไปสักหน่อย แต่แล้วจะให้ทำยังไง จะให้ขนเองทั้งหมดคงไม่ไหว
มันคงจะดี ถ้ามีใครสักคนมาช่วยขนแต่จะให้ฉันเอาเวลาที่ไหนไปหา วันๆ ก็ยุ่งอยู่กับงาน ถึงได้แก้ปัญหาด้วยเงินแบบนี้ไง แต่ถึงจะใช้เงินแก้ปัญหาของบางอย่างย่อมสบายใจกว่า เช่นการจัดของเข้าบ้าน ยังไงก็ไม่มีใครจัดของถูกใจได้เท่าตัวเราเอง มันน่าหงุดหงิดใช่ไหมเวลาที่เราหาของบางอย่างแล้วไม่เจอเพราะมันอยู่ผิดที่ผิดทาง ฉันถึงได้จัดของเองไง ตอนแรกอาจจะเหนื่อยหน่อยแต่แลกกับความสบายใจในระยะยาวฉันว่ามันคุ้มค่านะ
“เมี๊ยว” เสียงร้องแสงน่ารักดังขึ้นข้างกล่องลังใบสุดท้ายที่ถูกวางลงเมื่อครู่
“เป็นอะไรไปคะ” ฉันย่อตัวลงถามเจ้าลูกแมวตัวน้อยที่ขยับตัวออกข้างกล่องอย่างช้าๆ ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความเศร้า เหมือนเกิดมาไม่เคยพบเจอความสุขมาก่อน โดยเฉพาะดวงตาแล้วคิ้วตกๆ ของมันที่ทำให้ดูเศร้า เพียงแค่มองก็รู้สึกว่ามันช่างน่าสงสาร ทั้งที่ตัวไม่ได้ซูบผอมแต่ก็ดูผอมมากเมื่อเทียบกับแมวทั่วไป นอกจากใบหน้าที่ดูเศร้า หูของมันยังลู่ลงและขนสีเทาของมันก็ชวนให้รู้สึกหม่น เพราะแบบนี้ละมั้ง มันถึงได้เป็นแมวที่ดูเศร้าอยู่ตลอดเวลา
“ทำไมหนูดูเศร้าจังเลยลูก”
แค่เห็นหน้ามันฉันก็พร้อมที่อุทิศตนรับบทเป็นนางฟ้าแม่ทูนหัวที่พร้อมจะดูแลเจ้าแมวตัวน้อยไปตลอดชีวิต อยากได้อะไรขอแค่บอก ฉันจะเสกทุกอย่างในโลกนี้มาให้ ถ้าอยากได้อาหารฉันก็จะเสกอาหาร ถ้าอยากได้คอนโด (แมว) ฉันก็พร้อมจะเสกมาให้ถึงที่ และทุกอย่างไม่ได้ใช้อํานาจของมนตราหรือจันทราแต่อย่างใด แต่เป็นอำนาจของสิ่งที่เรียกว่าบัตรเครดิต ซื้อก่อนผ่อนที่หลังแต่ผ่อนหมดเมื่อไรไม่รู้ขึ้นอยู่กับดอกเบี้ย ถ้าดอกแพงฉันจะรีบผ่อนให้ไว ส่วนถ้าดอก 0% ก็เลือกระยะเวลาที่นานที่สุดไปเลยค่ะ
ฉันพยายามเอื้อมมือไปลูบหัวแต่เจ้าลูกแมวตัวน้อยดันขยับตัวออกห่างอย่างระแวง
“ไม่ชอบให้จับเหรอคะ” ฉันใช้เสียงสองเพื่อให้เจ้าตัวน้อยรับรู้ว่าฉันไม่ได้มีเจตนาร้าย เจ้าตัวนั่งนิ่งๆ แล้วมองฉันด้วยแววตาเศร้าๆ
“หลงมาจากไหนคะ แล้วมีเจ้าของรึเปล่าคะ” ถามออกไปเหมือนคิดว่าเจ้าตัวน้อยจะตอบ ถ้ามองจากขนที่ดูสะอาดสะอานคงมีเจ้าของแต่กลับไม่มีปลอกคอนี่สิ หรือเพราะเจ้าตัวน้อยเป็นลูกแมวอยู่เลยดูสะอาดกว่าแมวจรปกติ แบบนี้แสดงว่าเจ้าตัวน้อยต้องเป็นแมวจรแน่ๆ เพราะนี่คงเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้เราได้พบกัน
แค่เห็นเจ้าตัวน้อยครั้งแรกใจฉันก็เต้นรัวเหมือนคนที่กำลังมีความรัก และพร้อมจะอ้าแขนตอนรับให้เจ้าตัวเข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหม่
“สนใจมาอยู่ด้วยกันมั้ยคะ”
“ไม่ตอบแสดงว่าตกลงนะ” เจ้าตัวน้อยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ คงเพราะนิสัยของแมวฉันจึงถือว่าเจ้าตัวยินยอม และตกลงที่จะย้ายมาอยู่ด้วยกัน ถึงเราเพิ่งเจอกันไม่นาน แต่หม่ามี๊คนนี้ก็พร้อมจะรับหนูมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ฉันรีบตั้งตัวเป็นหม่ามี๊ของน้องทันทีถึงเมื่อไม่กี่นาทีก่อนฉันจะเพิ่งนิยามคำว่าครอบครัวว่าหมายถึงฉันเพียงคนเดียว แต่ตอนนี้ฉันของขีดค่าทิ้งและนิยามใหม่เป็นฉันกับเจ้าตัวน้อย
“ยินดีต้อนรับสู่บ้านใหม่ของเรานะคะน้องแซด” ฉันรีบตั้งชื่อให้เสร็จสรรพเพราะหน้าของน้องดูเศร้าอยู่ตลอด ถึงได้เลือกชื่อนี้และหวังว่าหลังจากนี้ฉันจะเป็นคนที่ทำให้น้องมีความสุขจนต้องเปลี่ยนจากน้องแซดเป็นน้องสมาย
“ขอมี๊จับหน่อยนะคะ น้องแซด” ก่อนหน้าน้องไม่ยอมให้จับอาจจะเพราะฉันไม่ได้เรียกชื่อ น้องเลยกลัวๆ แต่ครั้งนี้ฉันตั้งชื่อให้แล้วแถมยังขออนุญาตก่อน น้องต้องยอมให้ฉันจับแน่ๆ แต่น้องแซดกลับหันหน้าหลบไปอีกทาง หรือว่า...
น้องจะเขิน?
ก็แน่ล่ะสิ น้องคงไม่เคยเจอใครอบอุ่นและอ่อนโยนเท่าฉัน ฉันค่อยๆ นำมือไปลูบหัวน้องเบาๆ เพื่อให้น้องไว้ใจ
สัมผัสแรกที่ฉันรู้สึก ทำไมขนน้องแซดช่างนุ่มฟูเหมือนขนมสายไหม นุ่มยิ่งกว่าผมฉันที่ใช้ครีมบำรุงผมราคาแพงซะอีก หรือฉันควรจะเปลี่ยนไปใช้ครีมอาบน้ำแมวดี ผมจะได้นุ่มเหมือนขนน้องแซดหรือควรเรียกว่าน้องนุ่มฟูมากกว่า ทำไมขนหนูถึงได้นุ่มขนาดนี้คะลูก หม่ามี๊คนนี้เป็นปลื้ม ฉันยิ้มแก้มปริรู้สึกภูมิใจที่มีลูกขนสวย ถ้าน้องแซดโตอีกนิดฉันจะรีบส่งน้องเข้าประกวดลูกฉันต้องรางวัลแมวที่ขมนุ่มฟูที่สุดในโลก
“เมี๊ยว” น้องร้องอย่างมีความสุขเหมือนกำลังตอบรับสัมผัสดีๆ ที่ฉันมอบให้ โธ่น้องแซดลูกมี๊ทำหนูทำตัวน่ารักขนาดนี้
“สบายใช่มั้ยคะที่หม่ามี๊ลูบหัวให้หนู ถ้าหนูอยากให้มี๊ลูบเยอะๆ มี๊จะลูบหนูทั้งวันเลยดีมั้ยคะ” ฉันยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อคิดว่าน้องแซดชอบที่ฉันลูบ
“เมี๊ยว” น้องร้องและลุกขึ้นเดิน คงกลัวว่าฉันจะเหมื่อยที่ลูบหัวน้องนานๆ ทำไมหนูช่างใส่ใจมี๊ขนาดนี้ หม่ามี๊ประทับใจและตกหลุมรักหนูในเวลาเดียวกัน
หม่ามี๊จะรักหนูตลอดไปนะน้องแซด
“นั่นคุณกำลังทำอะไรแมวเราคะ”
“คะ…แมวคุณเหรอคะ” ฉันหันไปมองเจ้าของเสียงที่ยืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกติดใจเท่าคำว่าแมวเรา มันช่างเป็นคำพูดที่ทำลายความฝันในชั่วพริบตา
“ค่ะ แมวของเราซิลเวอร์” ซิลวงซิลเวอร์อะไร นี่น้องแซดต่างหาก ความรู้สึกเหมือนคนอกหักทั้งที่เพิ่งตกหลุมรักนี่มันอะไรกัน!!! ระหว่างเราไม่ใช่พรหมลิขิตหรอกเหรอ ไม่สิ นี่มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิด ใช่แล้วคุณต้องกำลังเข้าใจผิดแน่ๆ
“ไม่ใช่ว่าคุณกำลังเข้าใจผิดเหรอคะ” ฉันเถียงอย่างมีความหวัง และคิดว่าเธอจะตอบประมาณว่า ขอโทษนะคะฉันจำแมวผิดตัวค่ะอะไรแบบนั้น
“จะผิดได้ยังไงคะ นั่นแมวเราค่ะ”
“แล้วทำไมน้องไม่มีปลอกคอคะ” ฉันยังคงไม่ยอมแพ้ ถ้าน้องแซดมีเจ้าของทำไมถึงไม่มีปลอกคอล่ะเธอคงแค่แอบอ้างเพราะเห็นว่ามีคนสนใจน้องสินะ
“เพราะซิลเวอร์ไม่ชอบค่ะเราเลยไม่ใส่”
“แล้วมีหลักฐานอะไรมั้ยคะว่าน้องเป็นแมวของคุณ”
ถ้าไม่ใช่เพราะฉันตกหลุมรักน้องแซด ฉันคงไม่ยืนเถียงกับคนแปลกหน้า ถึงเราจะเพิ่งเจอกัน 21 นาทีกับอีก 9 วินาทีก็ตาม แต่ความรักก็คือความรักไม่เกี่ยวว่าจะผ่านไปนานเท่าไร
“หลักฐานเหรอคะ” เจ้าตัวยืนครุ่นคิดเหมือนพยายามหาหลักฐาน...น่าสงสัย ฉันหรี่ตามอง
“ค่ะ ถ้าไม่มีหลักฐานฉันคงส่งน้องให้คุณไม่ได้” ฉันรีบขยับตัวบังน้องแซดเหมือนแม่ที่กำลังปกป้องลูกจากคนแปลกหน้า
“คุณ นี่แมวเรานะ คุณจะทำเหมือนตัวเองเป็นเจ้าของไม่ได้”
“ก็ไหนล่ะคะหลักฐาน” ฉันยืนประจันหน้ากับเธอ ไม่รู้แหละถ้าไม่มีหลักฐานฉันไม่ยอมมอบน้องแซดให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น ใครก็พรากเราสองคนไม่ได้ เว้นเจ้าของ (ตัวจริง)
“คุณชอบซิลเวอร์เหรอคะ”
“ที่สุดค่ะ” ฉันขนวดคิ้วไม่พอใจเมื่อเธอเรียกน้องแซดว่าซิลเวอร์ เกิดมายังไม่เคยตกหลุมรักแมวตัวไหนในโลกเท่าน้องแซดมาก่อน จะมีก็แต่น้องแซดที่ทำให้ใจดวงน้อยของฉันหวั่นไหว แค่เห็นครั้งแรกฉันก็รู้ได้ทันทีว่านี่แหละพรหมลิขิตที่ฟ้าประทานมาให้
“ถ้าคุณชอบแมวขนาดนั้นทำไมคุณไม่แมวเลี้ยงสักตัวล่ะคะ”
“ฉันชอบแค่น้องแซดค่ะไม่ได้ชอบแมวทุกตัว”
“น้องแซด?” เธอเอียงคอถามอย่างงงๆ ส่วนฉันก็ตอบด้วยใบหน้าขึ้นสี
“ค่ะ ชื่อของน้อง”
“อ๋อ คุณเพิ่งเจอน้องไม่กี่นาทีก็ตั้งชื่อให้แล้วเหรอคะ” เธอขำแล้วเอามือปิดหน้าเหมือนไม่อย่างให้ฉันเห็น แต่เสียงที่เล็ดลอดออกมาก็ดังมากพอให้รู้ว่าเธอกำลังขำ
“ขอโทษนะคะที่เสียมารยาทแต่เราไม่เคยเจอใครหลงแมวเท่าคุณมาก่อน”
ฉันเชิดหน้าหลบด้วยความอาย ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงเสียงอาการขนาดนี้ ก็รู้ว่ามันแปลกที่ยืนเถียงกันด้วยเรื่องแมว ถ้าเป็นแมวตัวอื่นฉันคงไม่ถามอะไรแล้วปล่อยให้เธอจัดการ
“ไม่ต้องขอโทษค่ะ แล้วไหนคะหลักฐาน” ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องถ้าเป็นแมวของเธอจริง ฉันจะได้ตัดใจ ส่วนถ้าไม่ใช่ฉันจะได้รีบไปซื้อของใช้ส่วนตัวสำหรับน้องแซด น้องจะต้องอยู่อย่างสบายที่สุดภายใต้การดูแลของหม่ามี๊คนนี้
“เอาแบบนี้มั้ยคะถ้าคุณสะดวกเรายินดีจะพาคุณไปร้านสัตว์เลี้ยงซิลเวอร์เองจะได้มีเพื่อนเล่นด้วย”
“ไม่ค่ะ ถ้าฉันจะเลี้ยงอะไรสักอย่างต้องเป็นน้องแซดเท่านั้นค่ะ” ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองอยากจะเลี้ยงอะไรจนกระทั้งได้เจอน้อง จากที่เคยเฉยชากับแมวทุกตัวบนโลก ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนคลั่งรักแมวไปแล้ว ไม่สิพูดถูกฉันกำลังคลั่งน้องแซด
“แบบนี้ก็แย่สิคะ เพราะเราคงยกซิลเวอร์ให้คุณไม่ได้” ฉันหน้าสลดลง แต่เดี๋ยวนะเธอยังไม่มีหลักฐานสักหน่อยว่าตัวเองเป็นเจ้าของน้องแซด อย่างทำเหมือนฉันยอมรับว่าตัวเองเป็นเจ้าของน้องแล้วนะ ฉันมองหน้าเธออย่างเอาเรื่อง
“คุณอย่าเพิ่งโกรธกันสิ ถ้าหลักฐานก็นี่ไงคะ ซิลเวอร์มานี่มา”
“เมี๊ยว” น้องรีบวิ่งสี่คูณร้อยไปหาเธอ
ชัดเลย...ชัดกว่านี้ไม่มีอีกแล้วแถมยังเดินวนรอบขาพร้อมกับเอาหัวไปถูชนิดที่มองจากดาวอังคารยังรู้ว่าน้องรักใคร...
“แค่นี้เป็นหลักฐานได้รึยังคะ”
เจ็บ
เจ็บกว่านี้มีอีกไหม...เหมือนฉันเพิ่งจะตกหลุมรักแล้วอกหักในเวลาไม่ถึงชั่วโมง แถมเขายังดูรักกันจนฉันไม่สามารถเข้าไปแทรกได้ ความรู้สึกนี่มันอะไรกัน จู่ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมา
“คุณเป็นอะไรรึเปล่าคะ” เธอรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาที่กำลังไหล ทำไมเธอช่างแสนดี ฉันแพ้แล้ว ยิ่งเธอใจดีก็เหมือนว่าฉันเป็นนางร้ายในละครที่กำลังจะแย่งคนรักของเธอ แต่กลับพบว่าเธอเป็นนางเอกที่แสนดี ดีถึงขนาดเห็นใจนางร้ายอย่างฉัน
“ขอบคุณค่ะแต่ฉันไม่เป็นไร ปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวสักพักเถอะค่ะ” ฉันเบี่ยงตัวหลบอย่างผู้แพ้ ได้โปรดอย่างใจดีกับคนอย่างฉันเลย เหมือนความใจดีของเธอกำลังซ้ำเติมผู้แพ้อย่างฉัน ยิ่งเห็นสายตาของน้องแซดที่มองเธอด้วยความรัก ฉันก็แพ้หมดรูปเหมือนดั่งเพลง
เธอคือปัจจุบัน ส่วนฉันนั้นเป็น...
เป็นอะไรก่อน!!! เจ็บกว่าการเป็นอดีตคือการที่ไม่เคยเป็นอะไรเลย ขนาดคนเทอาหารฉันไม่เคยเป็น
ทำไม ทำไมกัน ทำไมฉันต้องตกหลุมรักคนมีเจ้าของ ไม่สิแมวมีเจ้าของ แล้วดันเป็นแมวที่ฉันหลงจนโงหัวไม่ขึ้น เหมือนฟ้าส่งน้องมาให้ฉันรัก แต่กลับส่งเจ้าของน้องมาด้วย ฟ้าคะอยากจะพูดดังๆ ให้ฟ้าได้ยินว่าถ้าจะส่งมาแบบนี้ส่งมาทำวรนุชอะไร!!! ส่งมาแบบนี้ไม่ต้องส่งมาเลยดีกว่า
เอ๊ะ หรือฟ้าจะไม่ได้ส่งน้องแซดมาให้ฉัน แต่ส่งมาให้เธอ?
ที่ฉันคิดว่าเป็นพรหมลิขิตฉันแค่คิดไปเอง?
ทุกอย่างมันเป็นแค่ความฝัน?
ใจผมสลายฮะมุง แง่ น้ำตาฉันไหลลงเหมือนใจที่แตกสลาย
“คุณคะ คุณไหวรึเปล่าคะ ให้เราพาไปหาหมอมั้ยคะ”
“คุณคะ ได้ยินที่เราพูดมั้ยคะ”
ฉันไม่สนใจเสียงเธอที่กำลังถามไถ่เอาแต่นั่งเหม่อลอยแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลลงไปเรื่อยๆ มีอย่างที่ไหนเพิ่งจะตกหลุมรักไม่ทันไรดันอกหักในวันเดียวกัน
อ่านแล้วเป็นยังไงกันบ้างคะกับตอนแรก และไม่อยากจะบอกว่าน้องแซดโตแล้วแต่เราจะยังไม่ลงรูปน้องตอนนี้ ลองเดากันดูค่ะว่าน้องจะหน้าตาเป็นไง ส่วนอีบุ๊คกำลังจะทำเร็วๆ นี้ค่ะ และรอกันอีกนิดเรามีข่าวสำคัญจะแจ้งกับทุกคนค่ะ