เขี้ยวแรกที่ชำแรกแทรกผิวกาย กำเนิดเกิดพันธะพาผูกพัน หมุนBeginning of the BOND

 

 

ต้นคริสศตวรรษที่ 18

 

มีประเพณีเรื่องเล่ากล่าวขานกันปากต่อปากในประเทศแถบตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรป กลายเป็นความเชื่อที่ฝังรากลึกลงในจิตใจ

 

ความเชื่อที่สลักลึกด้วยความหวาดกลัว และความงมงาย

 

แวมไพร์...

 

อมนุษย์หรือผีผู้เป็นอมตะตามความเชื่อของชาวยุโรปในยุคกลาง รูปร่างหน้าตาแทบไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป แต่มีฟันแหลมคมที่พร้อมสูบเลือดมนุษย์เป็นอาหาร ไล่ล่าหาอาหารอันโอชะยามราตรีอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยพร้อมด้วยคมเขี้ยวอันชุ่มไปด้วยโลหิตกลิ่นคาวคละคลุ้ง

 

แต่เพราะวัฒนธรรมอันหลากหลาย ทำให้ลักษณะอื่น ๆ ของแวมไพร์แตกต่างกันออกไป บ้างว่าผอมแห้ง บ้างว่ามีโพรงจมูกเดียว บ้างว่ามีหัวกะโหลกแทนศีรษะที่หุ้มด้วยเนื้อหนัง บ้างก็เชื่อกันว่าพวกมันมีรสนิยมสวมรองเท้าส้นสูง

 

แต่ถึงแม้จะมีเรื่องเล่าออกมารูปแบบใดก็ตาม...ก็ยังไม่เคยมีใครได้พบอมนุษย์ยามราตรีนั้นด้วยตาของตน

 

ทุกค่ำคืน มนุษย์จึงได้แต่นอนคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่ม และสวดภาวนาขออย่าให้มีภัยใดมากล้ำกรายชีวิต 

 

เป็นเช่นนี้คืนแล้วคืนเล่า

 

จนกระทั่งเวลาล่วงเลยหลายร้อยปี วิทยาการต่าง ๆ เริ่มเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์มากขึ้น  การพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ค่อย ๆ ลบล้างและกลืนกินความเชื่อเรื่องภูตผีปิศาจ จนกระทั่งความเชื่อเหล่านั้นกลายเป็นเพียงตำนาน และนิทานสยองขวัญ

 

เมื่อลองมานั่งนึกถึงสิ่งที่บรรพบุรุษเคยหวาดกลัวและกลัวเกรง มันทำให้รู้สึกว่า ช่างน่าขันสิ้นดี หากในยุคนี้ยังมีคนหลงงมงาย คงถูกหัวเราะเยาะว่า พวกงมงายไร้สมอง

 

แวมไพร์น่ะเหรอ? ก็แค่สิ่งมีชีวิตที่มีอยู่เพียงในตำนานหลอกเด็กเท่านั้น

 

แต่ใครเล่าจะล่วงรู้ถึงความลับในความมืดอนธกาลยามราตรี ถูกปิดเงียบมาตลอดหลายร้อยปีภายใต้การปกป้องของพงไพร ความจริงถูกซ่อนอยู่ใต้นภาพร่างพราย และแสงจันทรา เผ่าพันธุ์ที่เป็นอมตะยังคงอยู่...

 

หลบซ่อนอยู่ในจุดบอดของดาวเคราะห์สีฟ้า หลบซ่อนอยู่ในที่ ๆ เป็นต้นกำเนิดแห่งนิทานสยองขวัญ... 

 

ยังคงอยู่ตรงนั้นเรื่อยมาโดยไม่มีใครล่วงรู้

 

แผ่นดินใต้แสงจันทร์และหลีกหนีแสงทินกร... แวมไพร์ยังคงใช้ชีวิตเฉกเช่นบทเริ่มต้นของนิทาน ณ ที่ตรงนั้น...

 

โรมาเนีย…

.

.

.

To Be Continued

#พันธนาการเขี้ยวราตรี