2. พัดสี อิส อะ เพื่อนเพื่อน

เกือบทุกวันอาทิตย์ของพัดสีคือการมาประจำ(สิง)ที่ร้านขายต้นไม้ในตลาดต้นไม้เป็นเพื่อนเพื่อนที่ชื่อเพื่อน และเปิดร้านที่ชื่อว่าต้นไม้เพื่อน ป้ายชื่อร้านเป็นฝีมือพัดสีที่เขียนชื่อร้านลงบนแผ่นไม้ด้วยสีสันสดใสเป็นตัวหนังสือโย้เย้ให้ดูน่ารักกุ๊กกิ๊กและวาดรูปดอกลาเวนเดอร์ซึ่งเป็นกลิ่นประจำตัวของโอเมก้าเจ้าของร้านประดับตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงามก่อนเคลือบเงาให้ป้ายสวยเช้งวับสะดุดตา

ค่าแรงไม่ได้เป็นเงิน แต่ได้เป็นข้าวกลางวันตามแต่เพื่อนจะสั่งมาให้กิน เพราะพัดสีไม่ได้มาช่วยทำงาน มานั่งเป็นเพื่อนเพื่อนที่ร้านต้นไม้เพื่อนไม่ให้เพื่อนเหงาในวันอาทิตย์เพราะไม่มีเพื่อนเฉยๆ

ร้านต้นไม้เพื่อนขายดอกไม้น่ารักๆ สีสดใสในกระถางใบขนาดย่อม ทั้งลาเวนเดอร์ เทียนหยด ดาวเรือง คุณนายตื่นสาย และอีกมากมายที่พัดสีมองป้ายชื่อไม่เห็นและไม่รู้จัก เพราะที่บ้านปลูกแต่หญ้าในสนาม และข้ามไปที่ไซซ์ต้นมะม่วง ต้นแก้ว ต้นมะยมแผ่กิ่งก้านที่ไม่สามารถอยู่ในกระถางได้ พัดสีเคยซื้อดอกลาเวนเดอร์จากร้านต้นไม้เพื่อนไปเพราะอยากให้บ้านมีกลิ่นหอมๆ ที่บ้านเห่อกันมาก ทั้งคุณกลอย คุณมนัส และพัดสีได้ช่วยกันรดน้ำดอกไม้อย่างชื่นใจ จนน้องบ๊ายบายเพราะรากเน่ายุ่ยย้วย ดังนั้นทุกคนจึงสรุปตรงกันว่าดูแลแต่ไม้ต้นที่บ้านก็พอ เพราะมันตายยาก แค่อย่าให้มีใครคิดอุตริเอามีดอีโต้ไปฟันมันก็คงอยู่ยั้งยืนยนเป็นร่มมะม่วงร่มมะยมให้บ้านเราสืบไปอีกนานได้

"มึงลองดองเหล้าลาเวนเดอร์มั้ย" จู่ๆ พัดสีก็หันไปถามเพื่อนที่นั่งจมอยู่ในเก้าอี้แคมป์ปิงข้างกัน หลังจากนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยระหว่างนั่งรอลูกค้าเดินผ่านมาหน้าร้าน  

เพื่อนทำหน้าหมาตาหรี่ใส่พัดสีที่จู่ๆ ก็มีความคิดบรรเจิดมามอบให้กัน 

"กูดองให้ แต่มึงแดกนะ" 

"ก็แดกด้วยกันไม่ได้ไง?" พัดสีทำเสียงเหินตอนท้าย "เหล้าบ๊วยยังกินได้เลย หรือเราจะลองดองเหล้าบ๊วยกับลาเวนเดอร์ Fruit & Herb ไม่เห็นแปลก" 

 เพื่อนทำจมูกย่นส่ายหน้าแล้วก็เปลี่ยนสีหน้ามาเป็นถูกใจเมื่อได้ยินคำว่า Fruit & Herb 

"อาจจะเข้าท่า ไม่ก็ไม่เข้าท่า ออกทะเลไปเลย" 

โอเมก้าสองคนหัวเราะด้วยกันอย่างตลกกับไอเดียแปลกๆ ที่คิดกันไปเรื่อย สักพักเพื่อนก็คงจะลองเอาดอกดาวเรืองไปดองเหล้าขาย 

"หรือลองดองผสมกับไฮเดรนเยีย ส่งขายตลาดมืดแบบเป็นยาพิษ" คนที่รู้จักดอกไม้ดีเริ่มเปิดตลาดใหม่ 

"ทำไมอะ มันเป็นยาพิษเหรอ งั้นก็ดองดอกลั่นทมด้วยดีมั้ย กูเคยเห็นในละครว่ามันก็มีพิษ"  

"ไฮเดรนเยียมีพิษแบบไซยาไนด์ ที่มีกลิ่นอัลมอนด์แบบในโคนันอะ แต่ดอกลั่นทมมึงมันต้องกินที่ยาง ใครจะเอายางไปดองวะ"  

"เราจะจริงจังกับเรื่องนี้ไปทำไมวะ มึงจะดองจริงๆ ไปดองลาเวนเดอร์เถอะ เอามาสักกระถาง" พัดสีที่เป็นคนเริ่มเปิดประเด็นกลายมาเป็นคนดึงสติเจ้าของร้านต้นไม้ ก่อนเพื่อนจะผันตัวไปเป็นพ่อค้ายาพิษในตลาดมืดที่เปิดร้านขายไม้ดอกบังหน้า

 พัดสีมาช่วยเพื่อนเปิดร้านตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ก่อนที่จะเริ่มมีลูกค้ามาเดินประปรายตั้งแต่แปดโมงกว่าที่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นวัยผู้ใหญ่มาหาซื้อไม้ประดับ พวกใบด่าง ใบเขียวอะไรพวกนั้น และคนจะเริ่มเยอะขึ้นในเวลาสิบโมงที่จะมีทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กวัยที่ชอบรูดใบไม้ตอนพ่อแม่ไม่ดูแลไปจนถึงรุ่นปู่ย่าตายาย

ลูกค้าของร้านต้นไม้เพื่อนส่วนมากจะเป็นวัยรุ่นหรือวัยทำงานที่ซื้อดอกไม้ไปประดับห้องพักหรือบ้าน ดังนั้นเพื่อนจึงเลือกใช้กระถางที่อิสตาแกรมเอเบิ้ล ไม่ใช่กระถางดำล้วนจืดๆ ออกจากโรงงานพร้อมกันหนึ่งพันใบอย่างที่เห็นกันมาทั่วไป แต่เป็นกระถางพลาสติกสีเอิร์ธโทนที่มีลวดลายพื้นฐานทั่วไป หรือหากลูกค้าอยากได้แบบอื่น ทางร้านก็มีขายให้ นอกจากหน้าร้านแล้วเพื่อนก็ยังเปิดร้านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ด้วย นับว่ามีกิจการมั่นคง อนาคตยาวไกล 

"น้องเพื่อน พี่จะไปซื้อกาแฟ น้องเพื่อนกับน้องพัดจะดื่มอะไรมั้ยคะ" และดูท่าความรักก็น่าจะสดใส เมื่อพี่ฝ้าย โอเมก้าสาวร้านตรงข้ามผู้สวมปลอกคอสีส้มและมีกลิ่นส้มจี๊ดเหมือนต้นไม้ที่วางขายอยู่ในร้านตัวเองมาทักทายด้วยประโยคเดิมๆ เป็นประจำให้พัดสีได้ฟังทุกครั้งที่มา

พัดสีกำลังจะบอกปฏิเสธไปเพราะไอ้เพื่อนมันฝากเขาซื้อชาเขียวจากร้านแบรนด์ดังที่มีไดรฟ์ทรูมาแล้วเมื่อเช้า ส่วนเขาก็ซื้อกาแฟของตัวเองมาด้วย แต่ไอ้เพื่อนชะโงกหน้าไปตอบก่อนว่า "เพื่อนเอาชามะนาวแก้วนึงครับพี่ฝ้าย" 

 "พัดไม่เอา ขอบคุณครับพี่" พัดสียิ้มขอบคุณให้พี่ฝ้ายที่พยักหน้ารับและเดินน่ารักไปทางร้านคาเฟ่ที่หน้าตลาดซึ่งเป็นร้านประจำ 

"เหม็นม่วง" จนพี่ฝ้ายเดินพ้นไป พัดจึงได้หันมาเบะปากใส่ไอ้โอเมก้าปลอกคอม่วงลาเวนเดอร์ที่ปล่อยกลิ่นระริกระรี้

"กลิ่นมะกรูดในห้องน้ำอย่างมึงด่าใครเหม็นได้เหรอ" เพื่อนโจมตีจุดอ่อนที่เคยทำพัดสีร้องไห้เมื่อตอนเด็กๆ มาแล้วเมื่อได้รู้ว่าตัวเองมีกลิ่นใบมะกรูดเหมือนที่ใส่ในต้มยำ และแย่เข้าไปอีกเมื่อชั้นมัธยมปลายพัดสีและเพื่อนได้ไปทัศนศึกษากับโรงเรียนแล้วมีเพื่อนคนหนึ่งเห็นว่าพนักงานทำความสะอาดที่ห้องน้ำปั๊มเอาผลมะกรูดผ่าครึ่งมาวางดับกลิ่นเหม็นในห้องน้ำ จากกลิ่นใบมะกรูดในต้มยำ กลิ่นประจำตัวของพัดสีก็กลายมาเป็นผลมะกรูดในห้องน้ำอย่างที่เพื่อนและเพื่อนคนอื่นๆ ชอบเอามาล้อเวลาที่กวนตีนใส่กันอย่างตอนนี้ก็เช่นกัน     

"โทษทีนะครับเพื่อน ถ้ากลิ่นมะกรูดมันเหม็น เขาจะเอาไปดับกลิ่นในห้องน้ำเหรอ แล้วกลิ่นเวนๆ ของมึงก็มีคนเอาไปทำเจลดับกลิ่นในห้องน้ำเหมือนกันเหอะ" 

"ก็แสดงว่ากลิ่นกูก็หอมเหมือนกันไง" เพื่อนยักไหล่และแบมือทั้งสองออกมาข้างหน้า เหมือนจะถามว่าแล้วไง?

พัดสีกลอกตาไปมา และยอมแพ้ อย่างน้อยก็จบตรงที่ว่าทุกคนมีกลิ่นหอมไม่มีใครเหม็นทั้งสิ้น  

 พี่ฝ้ายกลับมาพร้อมน้ำหนึ่งแก้ว และมีขนมปังปิ้งราดแยมส้มมาด้วยหนึ่งแผ่น เอามาให้พัดสีแบ่งกันกินกับเพื่อน หรือจริงๆ คือฝากมาให้เพื่อน ส่วนพัดสีเป็นตัวแถม 

พัดสีอมยิ้มมองตามเพื่อนที่เดินไปจ่ายเงินให้พี่ฝ้าย และชวนพี่สาวคนสวยคุยเล่นต่อด้วยท่าทางระริกระรี้เหมือนเดิม แต่ไม่ปล่อยกลิ่นแล้ว 

ทั่วไปโอเมก้าหรืออัลฟ่าจะปล่อยกลิ่นออกมาจางๆ คล้ายคนฉีดน้ำหอมอ่อนๆ หากเดินเข้าใกล้ก็จะได้กลิ่น หรือบางคนก็กลิ่นจางมากจนแทบต้องดมที่หลังคอตรงต่อมฟีโรโมน ในบางทีก็จะมีกลิ่นเข้มขึ้นเมื่อมีความรู้สึกอื่นสอดแทรกอยู่ เช่น ตื่นเต้น กังวล หรือระริกระรี้อย่างที่เพื่อนเป็น ซึ่งบางทีมันก็ตั้งใจปล่อยออกมาเพื่อกวนประสาทพัดสีไปอย่างนั้น ซึ่งสามารถควบคุมได้หากลดความรู้สึกนั้นลง แต่บางทีก็ควบคุมไม่ได้ ดังนั้นในสถานที่ที่มักจะเกิดความรู้สึกกังวลหรือตื่นเต้นเช่นในสนามสอบต่างๆ จึงต้องมีระบบระบายอากาศที่ดี หรือบางคนก็อาจจะสวมหน้ากากอนามัยชนิดกันฟีโรโมนได้แทน 

พัดสีมัวแต่มองแผ่นหลังเพื่อนที่ยังคุยกับพี่ฝ้ายไม่จบ พอดึงสติกลับมาก็เห็นแผ่นหลังของลูกค้าคนหนึ่งก้มๆ เงยๆ อยู่กับเจ้าดอกเดซี่สีขาวบนชั้นวางต้นไม้ด้านหน้าร้าน มองผ่านช่องว่างระหว่างชั้นวางแล้วมองหน้าไม่ถนัดสักเท่าไหร่ เห็นแต่เพียงลำคอและส่วนอก การจะทักทายอย่างคนค้าขายจึงต้องเยี่ยมหน้าออกไปมองจากข้างๆ ชั้น

"สวัสดีครับ เลือกดูก่อนได้เลยนะครับ" พัดสีเอ่ยทักทายแทนเจ้าของร้าน เลือกเปลี่ยนประโยคติดปากของเจ้าของร้านที่มักจะบอกลูกค้าว่าสนใจต้นไหนสอบถามได้ เป็นเลือกดูเองไปก่อน เพราะถ้าถามพัดสี พัดสีก็ไม่รู้อะไรเหมือนกันครับคุณลูกค้า 

 คุณลูกค้าเงยหน้ามายิ้มรับคำทักทาย และทำพัดสีหงายเหมือนโดนคาถานะจังงังเข้าไปเต็มๆ 

คุณไทม์หรือคุณธรรมในทีวีเมื่อวาน วันนี้มายืนอยู่ตรงหน้าพัดสี และกำลังลังเลระหว่างดอกเดซี่สีขาวและดอกอะไรก็ไม่รู้สีเหลืองเล็กๆ เห็นป้ายแว้บๆ ว่าทอง ถ้าตัดดอกทองออกไป พัดสีก็ไม่รู้จักดอกไม้ที่มีชื่อว่าทองอีกแล้ว และจริงๆ ดอกทองที่ว่าก็ไม่ใช่ดอกไม้ แต่เป็นลายน้องเหี้ยด้วย   

อัลฟ่าที่ในทีวีเมื่อเช้าวานนี้ที่ดูดีมากๆ วันนี้กลับดูจับต้องได้ในเสื้อยืดสีน้ำเงินเข้ม กางเกงขาสามส่วนสีกากี และรองเท้าแตะหนัง 

พัดสีเดินถอยหลังแบบไม่กลับหลังหันมาทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้แคมป์ปิงของตัวเองที่ถูกชั้นวางต้นไม้หน้าร้านบังเอาไว้เกือบมิด หวังว่าไอ้เพื่อนมันจะหันมาเจอและรับรองลูกค้าเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าไอ้เพื่อนเหม็นม่วงของพัดสีมันติดสาวมากไปหรือวางใจในพัดมากเกินไป

คุณลูกค้าหน้าร้านเลยคิดว่าพัดสีคือที่พึ่งผู้น่าเชื่อถือและชะโงกหน้าเข้ามาถามว่า "ดอกเดซี่กับกระดุมทองอันไหนดูแลยากกว่ากันเหรอครับ?"

พัดสีนึกถึงหน้าของนางสาวไทยคนหนึ่งที่พูดคำว่า 'กูไม่รู้' ออกมาเมื่อถูกถามถึงวินาทีแรกที่ได้ยินคำถามสำคัญบนเวทีระดับโลก แต่เขาไม่สามารถตอบคำถามด้วยคำตอบนั้นได้ จึงยิ้มการค้าและบอกคุณไทม์ที่พัดสีรู้จักชื่อเขาอยู่ฝ่ายเดียวไปว่า "สักครู่นะครับ"

พัดสีเดินเร็วๆ ไปสี่ก้าวเพื่อกระตุกคอเสื้อไอ้เจ้าของร้านที่มัวแต่ม่อสาวด้วยการช่วยพี่ฝ้ายหยิบต้นไม้ใส่ถุงเตรียมไว้สำหรับลูกค้าที่จะมารับวันนี้

ร้านมึงมึงไม่ทุ่มเทขนาดมั่งล่ะไอ้เหม็นม่วง

"เพื่อน ลูกค้ามา เขาถามว่าเดซี่กับดอกทองอันไหนดูแลยากกว่ากัน"

เพื่อนได้ยินก็ไม่คิดจะแก้ว่าดอกทองที่ว่ามันคือต้นกระดุมทอง แต่กลับหลังหันไปประกบคุณลูกค้ารายแรกของวันในทันที 

"สวัสดีครับ สนใจต้นไหนนะครับคุณลูกค้า" 

พัดสีได้โอกาสก็หนีมายืนอยู่ที่ร้านพี่ฝ้าย ทำเนียนช่วยหญิงสาวเอาต้นไม้เล็กๆ ในถุงดำ ใส่ถุงละสามถุงไปพลางเหลือบมองแผ่นหลังแน่นๆ ของลูกค้าในร้านต้นไม้เพื่อนไปพลาง

"ถุงละสามค่ะน้องพัด อันนั้นเกินแล้ว" พี่ฝ้ายเอ่ยเตือนคนที่ดูจะไม่มีสติด้วยน้ำเสียงขำๆ 

"ขอโทษครับๆ" พัดสีหยิบเอาต้นไม้ที่ใส่เกินออกมาจากถุง "นี่ต้นอะไรอะพี่ฝ้าย เล็กจัง แล้วไม่ต้องใส่กระถางเหรอครับ" 

"ต้นมะนาวค่ะ มันยังเล็กอยู่ ก็เลยยังอยู่ในถุงเพาะ เขามารับซื้อแล้วค่อยเอาลงดินตอนมันโตกว่านี้หน่อย" 

"อ๋อ" พัดสีพยักหน้าหงึกหงัก "ร้านพี่ฝ้ายเป็นอนุบาลน้องมะนาว" 

หญิงสาวขำคิกกับการเปรียบเทียบของหนุ่มรุ่นน้อง "เป็นอนุบาลน้องส้มจี๊ดด้วย"

เสียงหัวเราะใสๆ จากร้านตรงข้ามดึงสายตาของหนึ่งอัลฟ่าและโอเมก้าในร้านต้นไม้เพื่อนให้หันไปมองต้นเสียง

"ร้านนั้นขายอะไรเหรอครับ?" ธรรมเอ่ยถามเจ้าของร้านต้นไม้เพื่อนตัวจริง 

"พวกต้นไม้ที่ออกผลครับ แต่ส่วนมากจะเป็นพวกพืชเปรี้ยวๆ ส้มจี๊ด มะนาว มะกรูดอะไรแบบนั้น มีมะม่วงหาวมะนาวโห่ด้วย สนใจมั้ยครับ"

"มะกรูด?" อัลฟ่าหนุ่มพึมพำเบาๆ แต่เพื่อนได้ยินจึงรีบเสนอขาย   

"มีครับ ต้นนั้นเหมือนจะเริ่มออกลูกแล้ว" โอเมก้าหนุ่มชี้ไปที่ต้นมะกรูดหน้าร้านพี่ฝ้าย ต้นไม้มีใบสีเขียวเข้ม สูงเกือบเท่าเอว และเริ่มมีเม็ดกลมๆ งอกออกมาใต้ใบเตรียมพัฒนาไปเป็นผลมะกรูดใหญ่  

"ถ้าผมซื้อดอกไม้แล้วฝากไว้ที่ร้านนี้ก่อนได้มั้ยครับ?" ธรรมดึงสายตากลับมาหลังจากมองต้นมะกรูดที่โอเมก้าปลอกคอสีม่วงตรงหน้าชี้ให้ดู 

"ได้ครับ เดี๋ยวขอเบอร์ไว้ด้วยนะครับ เผื่อว่าลูกค้าหายไปนานๆ แล้วผมจะได้โทรหาได้ มีคนลืมไว้บ่อยเลยครับ ซื้อต้นไม้กันเพลิน" เพื่อนหัวเราะเบาๆ โชว์อัธยาศัยของพ่อค้าที่ดี 

หลังจากจ่ายเงินและให้เบอร์โทรเอาไว้แล้ว ธรรมก็เปลี่ยนทิศทางจากร้านไม้ดอกมาเป็นร้านที่มีต้นมะกรูดอยู่หน้าร้าน และมีกลิ่นมะกรูดอยู่ชัด ซึ่งก็เป็นร้านตรงข้ามที่เดินมาถึงได้ในกี่ก้าวนั่นเอง 

ลูกค้าที่มายืนหน้าร้านทำให้ฝ้ายละมือออกจากงานที่ทำกับพัดสี และมาต้อนรับลูกค้า

"สวัสดีค่ะ"

"ต้นมะกรูดอันนี้อีกกี่วันลูกมันถึงจะใหญ่เหรอครับ" 

พัดสียืนหันหลังฟังพี่ฝ้ายตอบโต้กับคุณลูกค้าอย่างมืออาชีพแล้วก็ชื่นชม ไม่ว่าคุณลูกค้าจะถามอะไรพี่ฝ้ายก็ตอบได้ราวกับเป็นเซียนต้นมะกรูด ส่วนคุณธรรมนั่นก็ถามเก่ง ถามซอกแซกราวกับจะไปแข่งแฟนพันธุ์แท้ต้นมะกรูดซึ่งถ้ามีจริงๆ พี่ฝ้ายและคุณธรรมแห่ง Brilliant B อาจจะเป็นผู้ท้าชิงในรอบชิงชนะเลิศสองคนสุดท้ายได้ 

"ถ้าเอาไปตั้งในห้องนอนจะได้กลิ่นมั้ยครับ ผมว่ามันโล่งจมูกดี" 

ฝ้ายอึ้งไปนิดหน่อย "คือต้นมันจะโตขึ้นมากเลยน่ะค่ะ และต้องการพื้นที่ในการปลูกด้วยเพราะก้านจะขยายออกทางกว้าง อยู่ในสวนน่าจะเหมาะกว่า ถ้าไม่ให้ต้นสูงใหญ่มากก็ลิดกิ่งออกได้เรื่อยๆ ถ้าคุณอยากได้กลิ่นหอมๆ แนะนำว่าให้เอาเปลือกมะกรูดหรือว่าใบมาขยี้ๆ แล้วใส่ถ้วยวางไว้ที่หัวเตียงก็ได้ค่ะ ที่ส่วนนี้มันจะมีต่อมน้ำมันอยู่ เป็นส่วนที่่ให้กลิ่นหอมผ่อนคลาย"

หญิงสาวเด็ดใบมะกรูดออกมาหนึ่งใบและลองขยี้ให้ลูกค้าดม 

ธรรมรับเอาก้อนเขียวๆ มาดม และพบว่ากลิ่นนั้นยังต่างออกไปจากที่เขากำลังได้กลิ่นอยู่เล็กน้อย 

พัดสีหันไปมองคนที่อยู่หน้าร้าน แล้วสายตาก็ดันไปประสานกับสายตาของคนที่ก้มหน้าดมใบมะกรูดแต่ช้อนตามองหาอะไรสักอย่างรอบๆ ก่อนจะหยุดการมองหานั้นเมื่อสบสายตาเข้ากับเขา

แสงแดดที่ส่องผ่านกระเบื้องหลังแบบโปร่งแสงส่องผ่านซีกหน้าหนึ่งของธรรม แสงที่ตกกระทบทำให้เกิดเงาที่ขับเน้นความคมเข้มของใบหน้า ทั้งคิ้วหนาสีเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากบางเฉียบ แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหมือนน้ำผึ้งใต้แสงแดดยามสายนั้นกลับทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มดูอ่อนโยนลง

หัวใจโอเมก้ากลิ่นมะกรูดเต้นตึกตัก ไอร้อนลามตั้งแต่หลังคอขึ้นมาจนถึงใบหู ก่อนจะทำเป็นหันใบหน้าหนีอย่างเนียนๆ มาจัดถุงใส่ต้นไม้ของพี่ฝ้ายที่เรียบร้อยดีอยู่แล้ว 

"ผมเอามะกรูดนี้ต้นนึงครับ มีแบบที่ออกลูกแล้วมั้ยครับ?"

"มีค่ะ แต่ว่าต้องรอสักครู่ เดี๋ยวจะให้เด็กไปเอามาให้จากอีกที่นึง พอดีตรงนี้มีเป็นตัวอย่างน่ะค่ะ" 

"ผมฝากไว้ที่ร้านก่อนนะครับ เดี๋ยวมารับพร้อมดอกไม้ร้านนั้น" 

"ได้ค่ะ"

คุณธรรมเดินไปซอยอื่นแล้ว พัดสีจึงได้เดินกลับมาที่ร้านต้นไม้เพื่อน ที่แม้จะห่างกันเพียงสี่ก้าว แต่เพราะเมื่อครู่มีคนหล่อขวางอยู่ พัดสีจึงไม่กล้าเดินออกมา 

"เขาถามถึงมะกรูดเยอะจัง" เพื่อนเอ่ยถาม พลางหยิบเอาชามะนาวขึ้นมาดูด

"อือ" พัดสีไม่รู้จะตอบอะไร แต่มีเรื่องที่อยากเม้าท์อยู่ "มึงรู้ป้ะ คนเมื่อกี้เป็นลูกชายเจ้าของ Brilliant B กูเห็นเขาในข่าวเมื่อวาน" โอเมก้าหนุ่มแอบเม้าท์ โดยละเรื่องที่เขาเป็นลูกชายของแฟนเก่าที่เคยหมั้นกับพ่อไป เพระาดูจะเป็นสิ่งที่ Too Much Information 

"ไม่รู้ แล้วมึงเป็นสายดูข่าวตั้งแต่เมื่อไหร่" 

"เมื่อวาน พ่อกับแม่ไม่ให้เปลี่ยนช่อง เลยนั่งดูไป" 

"แล้วมึงก็จำเขาได้อะนะ ในทีวีก็หน้าตาแบบนี้เหรอวะ" 

พัดสีนิ่งคิด เขาคิดว่าคุณธรรมตัวจริงหล่อกว่าในทีวี ผมไม่เซ็ต เสื้อยืด กางเกงธรรมดา รองเท้าแตะ หล่อกว่าในชุดโปโล เสยผมปาดเจลแบบนั้นอยู่โข 

"ก็ประมาณนี้ แค่เนี้ยบๆ กว่าหน่อย" 

"โห รายละเอียดขนาดนี้ แล้วจำชื่อนามสกุลได้มั้ย" เพื่อนแกล้งถามกวนๆ ไปอย่างนั้น

"ชื่อธรรม นามสกุลอะไรไม่รู้ละ ยาวๆ"

"อะไรยาว ทะลึ่งนักนะ"

"นามสกุลไง ไอ้เหี้ย!" พัดสีทุบตักไอ้คนถามเรื่องสองแง่สามง่าม

เพื่อนหัวเราะชอบใจที่กวนประสาทเพื่อนตัวเองได้ ก่อนจะหยิบเอาเบอร์โทรศัพท์ที่ให้ลูกค้าจดใส่กระดาษไว้มาดู และขำอยู่คนเดียวในลำคอ

"ขำอะไร อย่ามาขำคนเดียว" พัดสีชะโงกหน้าไปมองกระดาษในมือเพื่อนที่เขียนชื่อธรรมพร้อมเบอร์โทรสิบหลักเอาไว้  

"มึงว่าถ้าเราเติมคำว่าคุณไปหน้าชื่อเขา เราจะเผลออ่านว่า คุน-น่ะ-ทำ ป้ะวะ" 

พัดสีขำเสียงดังออกมาจนเพื่อนก็กลั้นขำในลำคออยู่ไม่ไหว

"ไอ้ลาเวรเอ๊ย"  

ผ่านไปอีกชั่วโมงหนึ่ง คุณธรรมที่อ่านว่า คุณ-ธรรม ก็เดินกลับมาที่ร้านต้นไม้เพื่อน และขอแรงให้ช่วยถือถุงต้นไม้ไปที่รถหน่อย 

เพื่อนและพัดสีสบตากันไปไปมา จบลงที่พัดสีผู้ไร้ประโยชน์สุดหากต้องประจำร้านก็ต้องเป็นฝ่ายช่วยคุณธรรมถือถุงที่ใส่ต้นกระดุมทองสองกระถางไปส่งที่ลานจอดรถซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก 

พัดสีวางต้นไม้ที่ถือมาไว้รวมในกองต้นไม้ทั้งหมดของคุรธรรมลงบนพื้นข้างหลังรถห้าประตูที่แปะชื่อแบรนด์ Range Rover คาดยาวตรงประตูหลังที่ไม่ต้องใช้ไฟฟอร์จูนเนอร์ส่องก็มองเห็นชัด     

"น้อง...รอก่อนได้มั้ยครับ" คุณธรรมที่พัดสีรู้ว่าอายุมากกว่าเขาสี่ห้าปีนับจากเรื่องเล่าวันไปฝากครรภ์ของแม่เอ่ยเรียกเขาว่าน้องอย่างไม่ค่อยมั่นใจ 

"ได้ครับ เดี๋ยวผมช่วยยกขึ้นบนรถให้" พัดสีเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงอยากให้ช่วย แน่นอนว่าพัดสีมีเซอร์วิสมายด์ให้เต็มที่ โดยเฉพาะกับคนหล่อ 

"ไม่เป็นไรครับ พี่แค่...อยากเลี้ยงกาแฟ" 

โอเมก้ากลิ่นมะกรูดเลิ่กลั่กจนกลิ่นประจำตัวชัดขึ้นทันที นั่นทำให้ธรรมรู้ว่ากลิ่นมะกรูดที่ติดจมูกมาหลายชั่วโมงมาจากไหน ไม่ใช่เจ้าต้นมะกรูดที่เขากำลังจะยัดใส่หลังรถซึ่งพับเบาะหลังจนมีพื้นที่กว้างขวางมากขึ้นแน่

"อ่า...ห๊ะ?"  พัดสีงุนงงจนเผลอทำเสียงถามย้ำออกมา แต่เหมือนอีกฝ่ายจะฟังเป็นคำตอบรับแทน จึงยิ้มใส่ตาเขาแล้วรีบยกต้นไม้หลายถุงขึ้นรถจนพัดสีไม่ต้องให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด

คนที่พัดสีเคยคิดว่าอยู่กันคนละมิติ ตอนนี้กำลังยืนรอเครื่องดื่มอยู่ข้างๆ กันในร้านกาแฟร้านเดียวของตลาด ร้านที่พี่ฝ้ายซื้อชามะนาวไปให้เพื่อน และตอนนี้พัดสีก็กำลังรอเครื่องดื่มทรอปิคอลโซดาที่ไม่เคยดื่มมาก่อน แต่เพราะว่าไม่ต้องการคาเฟอีนเพิ่มแล้ง จึงหลีกเลี่ยงเมนูชากาแฟไป 

"ปกติน้องขายต้นไม้อยู่ที่นี่เหรอครับ" ธรรมหันไปถามโอเมก้าข้างๆ 

"เปล่าครับ พัดมาช่วยเพื่อนแค่วันอาทิตย์ มานั่งเล่นๆ" พัดสีลดเลเวลความดีดลงเหลือปกติ ตอบไปด้วยน้ำเสียงธรรมดา และรอยยิ้มน้อยๆ แม้ในใจจะยังคิดว่าผีหลอกอยู่ 

"อ้อ" อัลฟ่าหนุ่มพยักหน้า  

"จริงๆ ไม่ได้รู้อะไรเรื่องต้นไม้เลยครับ ตอนที่คุณมาถาม พัดก็ต้องไปตามเพื่อนมาตอบให้" โอเมก้าหนุ่มหัวเราะจนดวงตาโค้งเป็นสระอิ แก้มดันขึ้นเป็นก้อนกลม 

ธรรมใจกระตุกไปกับรอยยิ้มนั้น ไม่ใช่ไม่เคยเจอโอเมก้าที่น่ารัก แม้กระทั่งโอเมก้าที่น่ารักและเป็นธรรมชาติ เขาก็เคยเจอมาบ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งก็เป็นความรู้สึกปกติธรรมดาในการได้พบเจอเพื่อนมนุษย์ที่ดีๆ แต่กับคนที่แทนตัวเองว่าพัดคนนี้กลับต่างออกไป โชคดีที่เขาฝึกควบคุมความรู้สึกของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก กลิ่นประจำตัวจึงอยู่ในระดับจางๆ ดังเดิม แม้ว่าใจจะสั่นอยู่ก็ตาม  

เสียงพนักงานเรียกให้ไปรับเครื่องดื่ม แม้ธรรมจะเสนอให้พัดสีรับขนมไปเพิ่ม แต่คนอายุน้อยกว่าก็ปฏิเสธไป ทั้งสองจึงได้เครื่องดื่มติดมือมาคนละแก้ว

พัดสีดูดน้ำโซดารสชาติเปรี้ยวหวานเข้าปากและพบว่ารสชาติไม่ได้แปลกอะไร ก็เป็นพวกน้ำเชื่อมกลิ่นทรอปิคอลฟรุ๊ตผสมโซดา ประดับด้วยลูกราสเบอร์รี่และสับปะรดกระป๋องหั่นชิ้นให้หยิบกินได้ ส่วนของคุณธรรมเป็นยูสุอเมริกาโน ที่ก็คงจะเป็นน้ำเชื่อมรสส้มและกาแฟ คุณเขาคงจะไม่คุ้นชิน ถึงได้ทำหน้าแปลกๆ ตอนดูดเจ้าน้ำเชื่อมเข้าไปเต็มๆ จนพัดสีอดถามไม่ได้

"น้ำเชื่อมใช่มั้ยครับ" 

ธรรมพยักหน้า ขณะที่รสมหวานอมเปรี้ยวยังคงติดลิ้น จนต้องขยับหลอดขึ้นมาดูดกาแฟส่วนบนๆ ล้างรสหวานๆ นั้นไป 

พัดสีหัวเราะ 

ทั้งสองคนบอกลากันที่หน้าร้านในคาเฟ่ ธรรมคิดว่าแปลก หากเขาเดินไปส่งพัดสีที่ร้าน แม้ใจอยากจะยืดเวลาทำความรู้จักกับอีกฝ่ายและทำความเข้าใจความรู้สึกที่เป็นจุดเล็กๆ ในใจของตัวเองให้ชัดเจนขึ้น จึงถามพัดสีไปคำถามเดียว

"อาทิตย์หน้าถ้าพี่มาจะได้เจอกันอีกมั้ยครับ?"

กลื่นมะกรูดกระจายฟุ้ง และเมื่อพัดสีพยักหน้า กลิ่นหอมๆ ของมะพร้าวก็ชัดเจนขึ้นในชั่วเวลาหนึ่ง พร้อมกับรอยยิ้มเขินๆ ของอัลฟ่าและโอเมก้า