เพลงที่ใช้แต่งเรื่องนี้ 

บทละครหุ่นเชิด - ขับร้องโดยคุณ FrozSloth 

ฟังได้ที่ >> https://youtu.be/SK2FJJv_MZ4

 

' ความรักของข้ามิอาจเป็นได้ดั่งใจปรารถนา

บทละคร ท่วงท่าทำนอง ข้าแสดงให้ท่านชมเพียงผู้เดียว ' 

 

เปลงเพลิงสงคราสว่างโชติมอดไหม้โหมกระหน่ำ เสียงผู้คนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอด เสียงระเบิดที่ดังไล่หลังไม่ขาดสาย ด้วยเครื่องบินที่กระจายระเบิดลงสู่พื้นดิน ศพคนชายหญิงเกลื่อนกระจายเต็มท้องถนน ไม่อาจแยกได้ว่าร่างนั้นเป็นของผู้ใด ซากศพแหลกเหลวกระจายเต็มท้องถนน เสียงแจ้งเตือนร่ำร้องอีกครั้งก่อนระเบิดจะล่วงหล่นลงสู้พื้นล่าง เสียงร่ำร้องของผู้คนที่สูญเสียครอบครัวที่รักไปกับเปลวเพลิงแห่งสงครามดั่งกึกก้อง กรี๊ดร้อง ทั่วท้องนภา ระเบิดล่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าอีกครั้ง ได้กลบเสียงร้องระงมให้จางหายไป


เด็กหญิงร่างผอมแห้ง ผมรุกรงรัง นัยน์ตากลมโตเต็มไปด้วยหยดน้ำตา นั่งจับจ้องมองร่างอันไร้วิญญาณของผู้เป็นมารดา ก่อนจะหยิบยกมืออันน้อยๆลูบไล้ไปที่ข้างแก้มของผู้เป็นมารดา หยดเลือดที่ไหลหยดลงนิ้วอันน้อยของเด็กน้อย


“ แม่จ๋า ”  เสียงร้ำร้องของเด็กน้อย ร่ำร้องอยู่ข้างกายไม่ถอยห่าง เธอหวังเพียงมารดาของเธอจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง และอาจจะตื่นขึ้นมาหาเธอก็ได้ 


บริเวณโดยรอบผู้คนต่างวิ่งหนี เอาตัวรอด โดยไม่มีใครเหลียวมอง หรือจะอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยร่วมเดินทางหนีไปด้วย


.


.


.


เวลาผ่านไปนานเพียงใดไม่อาจคาดเดาได้ จรดเช้าหรือค่ำ เด็กหญิงตัวน้อยยังคงนั่งอยู่ที่เดิม พร้อมกับหยดน้ำตาที่ยังไหลรินล่วงหล่นจากขอบตาสองข้างแก้มที่บวมแดงก่ำ


“ เด็กน้อย….น่าสงสารเสียจริง ” เสียงของชายหนุ่มวัยยี่สิบหกเอ่ยขึ้น เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่ของทหารยกชั้นสูง ประดับด้วยตราของดวงดาว จ้องมองลงมายังร่างของเด็กสาวกำพร้า และเมื่อพิจารณาดู เขาก็เกิดความคิดเพียงว่า เธอน่าจะมีประโยชน์กับเขาในภายหลัง


“....” ไร้เสียงตอบรับของเด็กสาวสิบขวด มีเพียงนัยน์ตราคู่สวยที่จ้องมองชายหนุ่มอย่างจดจำ ทันทีชายหนุ่มก้มตัวต่ำลงอยู่ในระดับสายตาของเธอ


“ เธอมีญาติที่ไหนอีกไหม? ” นายพลทหารกล่าวถามอีกครั้ง


“....” ไร้เสียงตอบรับของเด็กสาว มีเพียงส่ายใบหน้าไปมาแทนคำตอบ


“ เธอมีชื่อหรือไม่ ”


“ เหมย….ลี่….เหมยลี่...เจ้าค่ะ ” เด็กน้อยกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง


“ เหมยลี่ ชื่อดีมาก ” นายพลหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้มบางให้กับเด็กสาว 


ในช่วงเวลานั้นคือความทรงจำของฉันกับท่านนายพล หลี่หยาง ที่ทำให้ฉันได้พบกับเขา นับตั้งแต่วินาทีนั้นที่ฉันได้รับการช่วยเหลือจากท่านนายพลหลี่ ฉันจึงได้มีชีวิตใหม่ขึ้นอีกครั้ง และนี่คือเรื่องราวที่ฉันจะขอเปิดม่านการแสดงขึ้นอีกครั้ง ขอเชิญเหล่าบุรุษและสตรี ได้เข้ามาสัมผัสในเรื่องราวของฉัน ฉันหวังว่าพวกคุณจะได้เป็นส่วนหนึ่ง


หลังจากนั้นช่วงชีวิตของฉันก็ถูกชักนำตามแต่นายพลหลี่หยางอยากจะให้เป็น ฉันถูกส่งให้ไปฝึกอยู่ในคณะโรงละครงิ้ว เพื่อเรียนรู้ท่วงท่าการร่ายร่ำ ตอนนั้นฉันอายุได้สิบสองปี แรกเริ่มฉันเริ่มฝึกหัดนั้น ฉันจึงอยู่ในตำแหน่งเด็กรับใช้ ซึ่งก็ไม่ต่างจากตอนที่ท่านพลรับเลี้ยงฉันไว้ 


“ เหมยลี่ แปรงทาหน้าของฉันอยู่ไหน เธอเห็นบ้างไหม ”


“ เดี่ยวคุณพี่รอสักครู่ ฉันจะรีบหาให้นะเจ้าค่ะ ”


“ เร็วๆเข้าล่ะ อย่าชักช้า วันนี้ฉันจะต้องสวยที่สุดจนสะดุดตาท่านรองนายพลให้ได้ ”


“ ริ่งหลัน เธอก็จะเป็นได้แค่เพียงอนุภรรยา ไม่มีทางได้เชิดชายดั่งภรรยาเอกหรอกนะ ” หญิงสาวอีกคนกล่าวขึ้น ในขณะที่มือกำลังถือพู่กันวาดคิ้วจรดลงใบหน้า


“ หลิ่งเฟิง เธอเองเถอะไม่รีบหาตอนนีระวังแก่ัวไปจะไม่มีใครชายตามอง หึๆ ” หญิงสาวที่มีนามว่า ริ่งหลัน กล่าวเยาะเย้ยหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้าง


“ ริ่งหลัน...หื้ม ” หลิ่งเฟิงทำได้เพียงส่งเสียงไม่พอใจ แต่ก็ต้องเงียบปากไป


เรื่องที่พวกเธอสองคนมักจะมีเรื่องทะเลาะกันแบบนี้ได้ไม่นาน สองสามปีต่อมาในที่สุดท่านรองนายพลก็รับทั้งสองคนไปเป็นอนุภรรยาของเขา ซึ่งนั้นจึงเป็นโอกาสที่ฉันได้เขยิบจากเด็กฝึกหัดรับใช้ ได้เข้ามามีบทบาทครั้งแรกที่ได้แสดงบนเวทีคือบทหญิงสาวรับใช้ ซึ่งอาจจะมีบทพูดไม่มาก แต่ก็ได้แสดงฝีมือในการวาดลวดลาย ในเวลานั้นฉันอายุได้สิบห้าปี และนับตั้งแต่นั้นมาบทตัวละครของฉันก็ได้เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน


.


.


.


กาลเวลาเปลี่ยนผันผ่านไปในที่สุดฉันก็อายุได้สิบแปดปี บทละครในครั้งฉันได้รับให้เป็นตัวละครนำ ซึ่งบทละครนี้ฉันได้เขียนขึ้น และฉันได้ขอกับเถ้าแก่ซึ่งเป็นเจ้าของโรงละครแห่งนี้ ในหลายปีที่ที่ผ่านมาท่านเมตตากับฉันมาก พร้อมกันนั้นฉันได้เชิญคนสำคัญที่สุดชีวิตของฉันคือท่านนายพลมารับชมบทละครเรื่องนี้ ที่ฉันตั้งใจขีดเขียนเรื่องราวที่ฉันมีต่อท่านนายพลหลี่หยาง 


บทละครเรื่องนี้เล่าถึงหญิงสาวที่ได้รับการช่วยเหลือจากเด็กชายที่มีฐานะเป็นเพียงแค่คนขายผ้า ในทุกๆวันเด็กหนุ่มกลับมาจากการขายผ้า ทุกค่ำคืนจะต้องนั่งตัดผ้าเพื่อนำไปขาย เด็กสาวเธอจึงตอบแทนด้วยการแกะสลักผืนผ้าเพื่อเพิ่มมูลค่าให้ชายหนุ่มเพื่อเป็นการตอบแทนที่ถูกช่วยเหลือไว้ และเพียงเวลาไม่นานทั้งสองก็เกิดความรักแท้ที่มีให้กันจนเกิดเป็นความรัก บทสรุปทั้งสองคนใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน


เมื่อบทละครที่ฉันแสดงจบลง ฉันได้เสียงตอบรับอย่างดี หนึ่งในนั้นคือท่านนายพลหลี่หยางที่มองจ้องตรงมาทางฉันและตบมือให้กับการแสดงในครั้งนี้ของฉัน


ณ หลังเวที ห้องแต่งตัว


ภายในห้องแต่งตัวสีทึบ ฉันกำลังนั่งมองอยู่ที่หน้ากระจก ด้วยรอยยิ้มบนดวงตาที่เปล่งประกาย ด้วยความตื่นเต้นดีใจ


ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น


“ เข้าไปได้ไหม? ” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นฉันรู้ได้ทันทีว่าคือท่านนายพล


“ เชิญเจ้าค่ะ ” ฉันรีบลุกขึ้นไปเปิดประตูต้อนรับให้ท่านนายพลเข้ามา


“ ไม่เจอกันนาน เธอดูสวยขึ้นกว่าแต่ก่อนนะ สวยจริงๆเหมยลี่ ”


“ ขอบคุณสำหรับคำชมเจ้าค่ะ ” นัยน์ตาคู่สวยมองตอบหวาดซึ่งอย่างหลงใหลใบหน้าหล่อเหล่าของบุรุษหนุ่ม

“ อันนี้ฉันให้เธอถือว่าเป็นรางวัล ลองเปิดดูสิ ” นายพลหลี่หยางกล่าวขึ้นขณะที่ในมือยื่นกล่องกำมะหยี่สีแดงสดไปทางด้านหน้าหญิงสาว


“ ขอบคุณเจ้าค่ะ….เอ๊ะ…นี่มันมากไป ” ทันทีที่หญิงสาวเปิดกล่องขึ้นก็พบว่าภายในกล่องสีกำมะหยี่สีแดงสดมีสร้อยเพชรเม็ดงาม กำลังส่งแสงสะท้อนสวยงาม


“ เธอหันหลังสิ ฉันจะสวมให้เธอเอง ” ทันทีสร้อยคอสวมลงบนคอของหญิงสาว ก็เปล่งแสงแพรวพราวสวยงามระยิบระยับงดงาม 


เสื้อผ้าอาภรณ์ที่เธอสวมใส่ก็ถูกท่านนายพลหลี่หยางถอดออก จนเหลือเพียงแต่ร่างกายเปลือยเปล่า นายพลหลี่หยางจ้องมองพิจารณาอย่างหลงใหลพร้อมกับแผนการที่วางไว้ในใจ


“ เหมยลี่ เธอยิมยอมเป็นของฉันไหม? ” เสียงกระซิบลงต่ำแนบข้างหูอย่างแผ่วเบา


“ ยินดีเจ้าค่ะ ทั้งหัวใจ ชีวิตของเหมยลี่ ยินดีมอบให้ท่านนายพลเพียงผู้เดียว ”


“ ดีมากเหม่ยลี่ ” ท่านนายพลหลี่หยางกล่าวขึ้นก่อนจะชัอนร่างของฉันลอยขึ้นสูง เดินตรงไปยังเตียงที่นอนที่เล็กแคบ พร้อมกับวางร่างของฉันลงอย่างแผ่วเบาราวกับถนุถนอม “ สิ่งที่ฉันจะทำต่อไปนี้ เธอจงจดจำไว้ให้ดี เพราะอีกหน่อยเธอจะต้องมัน ”


นายพลหลี่หยางคร่อมอยู่บนตัวฉัน กำลังจ้องมองลงมาพิจารณาเรือนร่างของฉัน จนฉันรู้สึกเขินอาย หรือนี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่พวกพี่เขามักจะเรียกกันว่ายินยอมมอบกายให้ผู้อันเป็นที่รักราวกับขึ้นสวรรค์กันนะ เสื้อผ้าของท่านนายพลหลี่หยางถูกโยนลงพื้นอย่างไม่ใยดี รวมถึงแก่นกายอันใหญ่ที่กำลังตัังผงาดขึ้นสูง เรือนร่างของบุรูษเพศที่ไร้เสื้อผ้าอาภรณ์กล้ามแขนแกร่งกำยำ อกแนบแน่นไปด้วยมัดกล้าม


ริมฝีปากของท่านนายพลกำลังดูดกัดที่หน้าอกกลมโตของฉัน มืออีกข้างจับบีบจนเต็มมือ จนฉันเกิดความรู้สึกเสียววูบ ฉันจึงกัดริมฝีปากอย่างแน่นเพื่อไม่เกิดเสียงใดๆเล็ดรอดออกมา กลัวจะเป็นการรบกวนในขณะท่านนายพลกำลังเล่นสนุกกับเรือนร่าง ริมฝีปากหยุดลงก่อนจะหันไปเปลี่ยนดูดหัวนมอีกข้างอย่างเมามัน


มือที่ว่างเปล่าลูบไล้ลงไปจนถึงช่วงล่างระหว่างขา ก่อนจะแยกเรียวขาทั้งสองข้างออกจากกัน ชายหนุ่มวัยสามสิบสี่ถอนริมฝีปากออกจากเต้านมทั้งสองข้าง และดันตัวขึ้นมองใบหน้าแดงก่ำของหญิงสาววัยแรกแย้มที่ราวกับดอกไม้แรกแย้มยังไร้แมลงตัวใดเคยได้ลิ้มลอง รอยยิ้มยกอย่างพึงพอใจที่จะได้ครอบครองเรือนร่างนี้


เรียวขาทั้งสองถูกยกขึ้นสูง พาดลงบ่าของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวรู้สึกหวาดกลัว จึงใช้ปลายเท้าเกี้ยวตวัดคล้องเข้าหากัน รวมถึงนิ้วมือทั้งสองข้างหยิกลงบนผ้าปูเตียง เรียวแขนข้างหนึ่งของชายหนุ่มยกสะโพกของเรือนร่างของหญิงสาวขึ้น ก่อนจะจับแก่นกลางสอดเข้าไปอย่างยาก เนื่องด้วยหญิงสาวยังไม่เคยจึงต้องใช้เวลากดแก่นกายที่ถูกบีบรัด หยดเลือดของพรหมจารีย์หยดลงอาบแก่นกาย ราวกับบอกว่าหญิงสาวผู้นี้ยอมมอบเรือนร่างอันบริสุทธิ์แก่เขาผู้เดียว


“ อื้มมมม อ่าาาา เจ็บ เจ้าค่ะ ” เหม่ยลี่ส่งเสียงร้องยังไม่เคยรู้สึกมาก่อนว่าการมอบเรือนกายอันบริสุทธิ์ให้ชายคนรักครั้งแรกจะเจ็บปวดระทมขนาดนี้


“ ค่อยๆผ่อนคลาย เดี่ยวก็ดีเอง เหม่ยลี่ ”


“ อื้อออออ เจ็บๆ เอาออกนะ ”


“ อีกนิดเดียว เจ็บนิดเดียว เดี่ยวก็จะชินเอง ”


“ อ่าาาา อื้มมมม ” เหม่ยลี่เปล่งเสียงร้องขึ้น เมื่อรู้สึกแก่นกายอันใหญ่เข้ามาสุดภายในร่างกายของเธอ ชายหนุ่มยังคงค้างเข้าไว้ไม่ขยับเขยื้น ช่องคลอดที่มีน้ำหล่อลื้นรวมถึงหยดเลือดไหลรวมกันเป็นหนึ่งเดียว กำลังตอดรัดแก่นกายเพื่อขยายตัวให้คุ้นเคยกับแก่นกายของชายหนุ่ม


ดังเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำร่างกายร้อนรุ่มด้วยแรงปรารถนา หัวสมองขาวโพลนไร้ซึ่งความคิดถูกผิดสิ่งใด ร่างกายร่วมกันประสานเป็นหนึ่งเดียว จนกว่าเปลวเพลิงจะมอดดับลงก็ใช้เวลาเนิ่นนานเท่าไหร่ไม่อาจจะล่วงรู้ได้


.


.


.


วันเวลาล่วงเลยไปนานเท่าไรไม่อาจจะรู้ได้ หลังจากที่ฉันกับท่านนายพลมีอะไรกันในห้องแต่งตัวคืนนั้น ท่านนายพลหลี่หยางก็ไม่มาปรากฎตัวอีกเลย ฉันจึงยังคงแสดงอยู่ในคณะละครงิ้ว เพื่อเฝ้ารอเวลาที่ท่านนายพลหลี่หยางจะกลับมาหาฉันอีกครั้ง และแล้วการรอคอยของฉันก็สิ้นสุดลงราวกับสวรรค์รับรู้ความปราถนาของฉัน ท่านนายพลกลับมาหาฉันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ท่านพาเพื่อนในวัยเดียวกันมาด้วย เพื่อชมละครที่ฉันกำลังแสดงร่ายรำ หลังจากที่ฉันแสดงจบลง ฉันก็ถูกเรียกให้มาพบท่านนายพลที่ห้องรับรอง หัวใจของฉันเต้นดังเริงร่าด้วยความดีใจ ราวกับดอกไม้ได้รับน้ำหล่อเลี้ยง


ณ ห้องรับรอง


ภายในห้องรับรองถูกเติมแต่งอย่างเรียบหรู ด้วยเพราะอันที่จริงโรงละครงิ้วแห่งนี้ นายพลหลี่หยางเป็นผู้จัดสร้างขึ้นเพื่อใช้แอบติดต่อลับกับผู้ลงทุน


" ขออนุญาตเข้าไปเจ้าค่ะ "


" เข้ามาได้เหม่ยลี่ "


หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าท่านนายหลี่หยางไม่ได้อยู่คนเดียวแต่กับมีชายหนุ่มใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าท่านนายพลหลี่หยางกำลังนั่งอยู่ด้วย


" นั่งลงสิเหม่ยลี่ ฉันจะแนะนำให้พวกเธอรู้จักกัน นี่คือคุณชาย อิ่งหลัน ทายาทเจ้าของกิจการไฟฟ้า "


" ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าค่ะคุณชายอิ่งหลัน "


" ส่วนเธอผู้นี้ฉันคงไม่ต้องแนะนำหรอกนะ นายคงได้ยินแล้วว่าเธอชื่อ เหม่ยลี่ นางเอกของคณะละครงิ้วแห่งนี้ "


" คุณเหม่ยลี่ สวยจริงๆนะครับ สวยจนผมอยากได้มาอยู่ข้างกาย " คุณชายอิ่งหลันกล่าวขึ้น ในขณะที่นัยน์ตาจ้องมองแทบทะลุเข้าไปภายในเรือนกาย เหม่ยลี่ก้มใบหน้าลงด้วยความหวาดระแวง 


" ฮ่าๆ คุณชายอิ่งหลัน ถ้าคุณทำสำเร็จตามที่ตกลงไว้ ผมยินดียกเหม่ยลี่ให้เป็นของคุณ เหม่ยลี่เธอเองก็จะได้มีชิวิตที่สบายขึ้นกว่าเดิม "


' ไม่จริงใช่ไหม เหม่ยลี่รักท่านนายพลหลี่หยางคนเดียวเจ้าค่ะ  ' เสียงภายในใจร่ำร้องราวกับประท้วง แต่ทำได้เพียงนั่งเงียบ


 " ตกลงตามนี้ ถ้าทำสำเร็จผมจะยกสินสมรสมาสู่ขอคุณเหม่ยลี่แต่งเข้าตระกูล "


' ไม่นะ….เหม่ยลี่ไม่ใช่สิ่งของ ถ้าเหม่ยลี่ไม่ได้อยู่เคียงคู่กับท่านนายพลหลี่หยาง เหม่ยหลี่ก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ '


หลังจากบทสนทนาหลายชั่วโมงจบลง โดยมีฉันนั่งฟังราวกับสิ่งแลกเปลี่ยน จนเหลือเพียงแค่ฉันกับท่านนายพลหลี่หยาง ภายในห้องรับรองแห่งนี้ 


" ท่านนายพลหลี่หยางเจ้าค่ะ "


" ว่าไงเหม่ยลี่ "


" เมื่อครู่ท่านไม่ได้พูดจริงใช่ไหมค่ะ ที่จะยกเหม่ยลี่ให้คุณชายอิ่งหลัน "


" ฉันพูดจริงเหม่ยลี่ ถ้าคุณชายอิ่งหลันทำได้ตามที่ตกลงไว้ กิจการไฟฟ้าทั้งหมดจะมาอยู่ใต้อำนาจของฉัน เหม่ยลี่เธอรักฉันใช่ไหม ถ้าเธอรักฉันจงยอมแต่งงานกับคุณชายอิ่งหลันซะ "


" เรือนร่างกายนี้ หัวใจและครั้งแรกของเหม่ยลี่ยินยอมให้ท่านนายพลหลี่หยางเพียงผู้เดียวเจ้าค่ะ ข้ามิอาจจะปรารถนาครอบครองท่านนายพล แต่ขออยู่เคียงข้างและแก่ ชรา ไปพร้อมกับท่านได้รึไม่เจ้าค่ะ "


" เหม่ยลี่ " ท่านนายพลหลี่หยางยกนิ้วมือขึ้นมาปาดหยดน้ำตาที่รินไหลข้างแก้มออกอย่างแผ่วเบา ก่อนยกคางของหญิงสาวขึ้น จุมพิตลงบนริมฝีปากหญิงสาว และแล้วก็จบลงที่ร่างทั้งสองโหยหากันจนรวมกันเป็นหนึ่งเดียวขึ้นอีกครั้ง


" ถ้าเธอรักฉันจริงก็จงทำตามที่ฉันสั่งซะเหม่ยลี่ " คำสั่งประกาศิตที่เปล่งเสียงขึ้นหลังจากแต่งตัวเสร็จก่อนจะเปิดประตูเดินจากไป 


หยดน้ำตาร่วงหล่นจากดวงตาคู่สวยไหลอาบสองข้างแก้ม ที่ไม่อาจเปล่งเสียงใดๆออกมาได้ รวมถึงความเจ็บปวดร้าวที่หัวใจราวกับเสียงแตกร้าวที่ถูกมีดกรีด


.


.


.


เสื้อผ้า เครื่องประดับราคาแพง เงินทองหลายหีบ ถูกนำมาวางเรียงไว้ภายให้ห้องของหลี่หยาง เช่นเดียวกับเถ้าแก่แห่งโรงละครแห่งนี้ที่ได้รับเงินทองมาเป็นธารกำนัล


จดหมายสองฉบับถูกวางลงหน้ากระจก เหม่ยลี่หยิบขึ้นมาเปิดอ่าน


จดหมายจากคุณชายอิ่งหลัน ภายในเขียนด้วยลายมือเรียบง่าย กล่าวพรรณาถึงความงดงามของเธอที่ทำให้เขายังคงไม่อาจลืมเลือน และกล่าวถึงวันเวลาที่เขาเลือกจะใช้เวลาแต่งงานกับเธอ 


จดหมายจากท่านนายพลหลี่หยาง ภายในเขียนว่า 

" จงทำตามค่ำสั่ง ให้สมกับราคาที่ฉันเก็บเธอมาชุบเลี้ยง ให้มีชีวิตต่อไป " หลังจากอ่านจดหมายฉบับสุดท้ายจบลงหยดน้ำตาก็รินไหลลงสองข้างแก้มอย่างเงียบงันและเดียวดาย

 

' แท้ที่จริงแล้ว….เธอคงเป็นเพียงแค่หุ่นกระบอกที่ถูกเชิดขึ้นเพื่อสู่สิ่งที่เขาใฝ่ฝันปรารถนาเพียงเท่านั้น '


.


.


.


ก่อนจะถึงวันแต่งงาน เหม่ยลี่ได้ส่งจดหมายเชิญไปยังท่านนายพลหลี่หยาง มาดูการแสดงงิ้วบทสุดท้าย ณ โรงละครงิ้ว เรื่องราวที่เธอหยิบยกขึ้นมาแสดงก็คือบทละครเรื่องแรกที่เธอเขียนขึ้นครั้งแรกให้กับท่านนายพลหลี่หยาง


การแสดงรอบนี้พิเศษ เพราะมีเพียงผู้ชมเพียงคนเดียวคือท่านนายพลหลี่หยาง ทุกบทบาท ท่วงท่าร่ายรำงดงาม เธอปรารถนาให้มีเพียงแค่ท่านนายพลหลี่หยางเท่านั้นที่ได้รับชมการแสดงบทนี้ 


" การแสดงรอบนี้ เรื่องราวบทละครนี้ถูกเขียนขึ้น เพราะเหม่ยลี่ปรารถนาให้ท่านนายพลหลี่หยางได้รับชมเพียงผู้เดียวเจ้าค่ะ "


" ขอบใจมาก ฉันจะมองดูและจดจำเธออย่างดีเหม่ยลี่ "


การแสดงดำเนินต่อไปด้วยเรื่องราวที่กล่าวถึงชายหนุ่มขายผ้าและหญิงสาวเริ่มตกหลุมรักกัน เรื่องกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี ซึ่งบทสรุปก็อย่างที่ทุกคนรู้ว่าทั้งคู่จะได้ครองคู่กัน แต่ครั้งนี้บทละครกับถูกปรับเปลี่ยนลงตรงที่คุณหนุ่มผู้ดีมาหลงชอบหญิงสาว เรื่องราวมาถึงชายหนุ่มทั้งสองต่อสู้กัน จนคุณชายผู้ดีเกิดพลาดพลั้งใช้มีดแทงไปที่ชายหนุ่มขายผ้า จึงทำให้หญิงสาวกรีดร้องด้วยความเสียใจ จึงหยิบมีดสั้นขนาดพกขึ้นมาปาดคอตนเอง


' ในเมื่อเราทั้งสองจะไม่ได้เคียงคู่ เหม่ยลี่ขอปลิดชีพตนเอง เหม่ยลี่ไม่อาจมอบเรือนร่างนี้ให้ชายอื่นได้ เหม่ยลี่ขอลา ' มีดสั้นถูกหยิบยกขึ้นก่อนจะกรีดบาดลงบนคอจนเลือดพลุ่งขึ้น 


ไม่มีผู้ใดอาจคาดคิดได้ว่า นั่นคือมีดสั่นของจริงที่นักแสดงละครนำหญิงหยิบขึ้นมาบาดคอตนเอง รวมถึงนายพลหลี่หยางที่รู้สึกได้ถึงความผิดปรกติ จึงวิ่งขึ้นไปบนเวที


" เหม่ยลี่….เธอทำแบบนี้ทำไมกัน? " นายพลหลี่หยางประคองร่างของเหม่ยขึ้นข้างอก นัยน์ตาแดงก่ำเต็มไปหยดน้ำตา


" หัวใจดวงนี้และเรือนกายของเหม่ยลี่มอบให้แก่ท่านเพียงผู้เดียว ในเมื่อไร้ท่านเคียงคู่….ข้าขอไม่มีชีวิตต่อไป….ข้ารักท่านนายพลหลี่หยาง " มือของเหม่ยลี่ยกขึ้นประคองใบหน้าของชายหนุ่ม พร้อมกับกล่าวคำลาที่อยู่ภายในใจ มือของหญิงสาวล่วงหล่นสู่พื้นดิน รวมถึงหยดนํ้าตาไหลรินออกมา


' ข้าเปรียบดั่งหุ่นกระบอก บทละครเรื่องราว ข้าหวังเพียงร่ายรำให้ท่านได้ดูเพียงผู้เดียว ข้ามิอาจปรารถนาได้อยู่ใกล้ท่าน แต่ขอแค่อยู่เคียงข้างกายท่านก็พอ '  

-จบบริบูรณ์-

……………………………………………
เรื่องราวนี้แต่งขึ้นมาจากไอเดียเพลง " บทละครหุ่นเชิด - ขับร้องโดยคุณ FrozSloth " ระหว่างแต่งเรื่องนี้ก็ฟังเพลงวนไปค่ะ เนื่องด้วยวันนี้ได้หยุด ก็เลยรีบเขียนค่ะ อันนี้เป็นแนวชายหญิงนะคะ ปกติหมวยเขียนวาย อาจจะอ่านกันงงเพิ่มก็ได้ เรื่องราวจะดำเนินเร็วต้องขออภัยค่ะ หมวยต้องการสื่อเพียงความรักของหญิงสาวที่มีต่อชายหนุ่ม ซึ่งเขามองดูเธอเป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น ส่วนฉากอย่างว่าชายหนุ่มก็ทำลงไปเพราะตัณหาเท่านั้น ประมาณว่าก่อนจะยกเธอให้ใคร เขาต้องได้กินก่อน 
สุดท้ายนี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ ติชม คอมเม้นท์ เพื่อนำไปใช้ปรับปรุงได้ค่ะ