1 ตอน บทที่ 0
โดย กลิ่นจันทน์หอม
- เป็นเพื่อนกันอยู่ดีๆ ไหงได้ตานี่มาเป็นคู่หมั้นล่ะ –
________________________________________
นอกจากบ้าผู้ชายไปวันๆ กับกินและนอน ฉันก็ไม่มีเป้าหมายอื่นใดในชีวิตแล้ว
เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ (?) อย่างฉัน
ชีวิตฉันแทบลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบ ติดอยู่อย่างเดียว...
จู่ๆ ฉันก็ถูกจับหมั้นกับเพื่อนสมัยมัธยมที่ไม่สนิทกันเลย!
แต่ไม่ว่าจะด้วยรักหรือหน้าที่ก็ตาม ฉันคนนี้ต้องไม่คิดอะไรกับเขาเด็ดขาด
Friend Zone เป็นโซนเดียวที่ฉันไม่คิดจะก้าวข้าม
เป็นเพื่อนกันมันก็ดีอยู่แล้วไหม?
________________________________________
“ถ้าครอบครัวเราดองกัน โยคิดว่าไง” จู่ๆ แม่ก็ถามฉันที่นั่งตากพัดลมในบ้านแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ฉันก็งงน่ะสิว่าแม่ถามอะไร ครอบครัวดองกันงั้นเหรอ เรา? เราไหนนะ?
“ม้าว่าไงนะคะ” หันไปมองหน้าแม่ที่เดินมานั่งพักบนโซฟาข้างๆ
“ก็ตะกี้ป้าแคทเอาเงาะมาให้ แล้วโยกับหม่อมก็เป็นเพื่อนกันด้วย ม้าเลยสงสัย”
“ม้าสงสัยอะไรเนี่ย เพ้อเจ้อละ” ตอบไปอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ทำไมจู่ๆถึงคิดอะไรแบบนี้ก็ไม่รู้ หม่อมเนิร์ดจะตาย เป็นท็อปห้องตลอดด้วย เขาจะมาสนใจคนอย่างฉันทำไม ไม่ใช่ฉันเขาก็ไม่สนใจหรอก
...ก็ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นโชกโชนเรื่องรักๆ เลยนี่นา
“...โยเกิร์ตครับ ข้อนี้ตอบอะไร” เสียงครูหน้าห้องเรียกชื่อฉันทำให้ฉันที่กำลังนั่งสมาธิเตลิดรีบรวมสติกลับมากับคำถามของครู ฉันมองภาพบนฉากรับโปรเจคเตอร์ที่ฉายอยู่เห็นเป็นโจทย์วิชาภาษาอังกฤษ สลับกับก้มมองชีทของตัวเอง
“ขอคิดแป๊บนึงนะคะ” ฉันรีบกวาดตามองด้วยความเร็วแสงแล้ววิเคราะห์โจทย์อย่างรวดเร็ว
“ตอบข้อสามไหมคะ?” เพราะอ่านโจทย์และตัวเลือกอย่างรวดเร็วทำให้ฉันไม่มั่นใจคำตอบมากนักจึงพูดได้ไม่เต็มเสียง
“ถูกต้องแล้วครับน้องโยเกิร์ต เก่งมากครับ สำหรับเหตุผลว่าทำไมถึงตอบข้อนี้เพราะว่า...” ฉันฉีกยิ้มโล่งใจที่คำตอบถูก ก่อนจะกลับมาตั้งใจเรียนดังเดิม เก็บเรื่องต่างๆ ไว้ในใจก่อน วินาทีนี้คือต้องโฟกัสแต่เรื่องตรงหน้า
เรียนต่ออีกไม่ถึงสิบนาทีครูก็ปล่อยให้พวกเราเป็นอิสระ ฉันเก็บของใส่กระเป๋าและเอาบางส่วนเก็บไว้ในล็อกเกอร์หลังห้อง จากนั้นก็ยกมือถือต่อสายหาพ่อทันที
“เราไปนะ”
“กลับดีๆ นะคุณ” ฉันบอกลาเพื่อนสนิทขณะรอสาย ก่อนจะออกห้องไปด้วยความเร็วแสงไม่ต่างกับคนอื่นๆ ให้ตายสิ รีบกลับกันไปไหนนะเพื่อนฉัน บางครั้งฉันก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมเพื่อนบางคนถึงกลับเร็วขนาดนี้ ทันทีที่ครูปล่อยก็หายตัวไปเลย
หลังจากคุยกับพ่อเสร็จฉันก็ตรวจความเรียบร้อยอีกที ในเมื่อมั่นใจว่าไม่ลืมอะไรแล้วก็หยิบรองเท้าแล้วเดินลงตึกไปรอคุณพ่อสุดที่รักมารับ
“โย!” ก่อนฉันจะเดินออกจากรัศมีห้องก็มีเสียงทุ้มต่ำตะโกนเรียกชื่อ พอหันไปก็เจอเด็กเรียนดีประจำห้อง คนที่ทำให้ฉันเหม่อตอนเรียนจนไม่ได้ฟังที่ครูพูดเดินเข้ามาใกล้
“หืม? ว่าไง” หม่อมเดินมาหาแล้วเปิดชีทให้ฉันดู
“ทำไมข้อนี้มันตอบอันนี้ล่ะ” จริงๆ มันควรจะดีใจใช่ไหมล่ะที่เด็กเก่งประจำห้องมาถามคำถามฉันน่ะ แต่ไม่เลย! ฉันรู้สึกหวั่นๆ เสียมากกว่า แอบกังวลกลัวว่าตัวเองจะอธิบายอีกฝ่ายไม่เข้าใจ เพราะวิธีการทำความเข้าใจของแต่ละคนมันแตกต่างกันอยู่แล้ว ถึงอย่างนั้นฉันก็พยายามสอนหม่อมไปตามวิธีที่คิดว่าไม่น่าจะงง
“ถ้าอิงเหตุการณ์มันจะสับสนใช่ปะ หม่อมแปลเอาเลย แล้วก็วิเคราะห์ในเชิงลึกว่าอันไหนมันมาก่อน” หายสงสัยหรือยังล่ะว่าทำไมฉันกังวลนัก ก็ฉันหาคำตอบมาให้นายไม่ได้อ่า สอนได้เท่านี้ก็บุญหัวตัวเองแล้ว
ทำไมคนเก่งๆ ต้องมาพร้อมคำถามลึกๆ ที่ฉันตอบไม่ได้ด้วยนะ ตอบอันนี้ได้ ก็สงสัยตอนนั้นต่อ สักพักฉันก็จะพาลงงไปด้วย สำคัญกว่านั้น...คำพูดที่ออกจากปากไปเมื่อครู่ เขาจะคิดว่าฉันกวนประสาทหรือเปล่านะ ก็พูดจริงนี่นา วิธีการของฉันมันเป็นแบบนี้ อย่ามาถามอะไรฉันอีกเลย ช่วยเข้าใจทีเถอะนะ
“ไม่งงใช่ปะ?” ฉันถามเพราะเห็นหม่อมนิ่งไป
“ไม่งงๆ ขอบคุณครับ”
“ยินดีครับ ไปนะ บาย~”
โล่งอกไปที่เขาตอบกลับมางี้ แต่ลึกๆ ฉันก็อดลุ้นไม่ได้อะ ว่าเขาจะตอบเป็นมารยาทหรือเปล่า แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ฉันอยากกลับบ้านจะแย่
ฉันหมุนตัวกลับไปทางเดิมแล้วก็เดินลงตึกไปจุดนับพบที่นัดกับพ่อไว้ พอลงมาก็ประจวบเหมาะพอดีกับตอนที่รถคันคุ้นตามาถึง ฉันยืดตัวออกไปนิดๆ หวังให้พ่อเห็นแล้วจะได้ขับมารับตรงที่ฉันยืนรอ
“ป๊าหวัดดีค่า” หลังจากเปิดประตูเข้าไปนั่งฉันก็พนมมือพุ่มกลางอกแล้วไหว้พ่อไปตามปกติ จัดแจงที่นั่งนิดหน่อยรถยนต์คันสีขาวก็เคลื่อนตัวออกไปตามทางในโรงเรียนสู่ถนนสายหลัก บรรยากาศหลังเลิกเรียนเป็นอะไรที่ฉันไม่ค่อยชอบเสียเท่าไหร่ เพราะมันรถติดสุดๆ เลย
“วันนี้เป็นไงบ้างลูก” พ่อหันหน้ามามองครู่เดียวก็กลับไปสนใจถนนต่อ
“หมดสภาพมากค่ะ” หมดสภาพที่แปลว่าหมดสภาพจริงๆ ผมเผ้าก็ฟูไปหมด หน้านี่อย่าให้พูด มันจนทอดไข่ได้
ฉันตอบพ่อแค่นั้นก็เอามือถือมาเล่นโดยเข้าแอปอันดับหนึ่งในใจ ไถไปไถมาพอให้หายเบื่อ หูก็ฟังวิทยุในรถที่ดีเจคนโปรดของฉันจัดรายการด้วย
เพลินจนลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้ไม่นาทีเพิ่งเผลอคิดอะไรไปไกลจนลืมเรียน แต่ก็ดีแล้วแหละ คิดมากไปก็มีแต่จะทำให้เครียด ตอนนี้ฉันเครียดแค่เรื่องสอบเข้ามหา’ ลัยก็พอแล้ว
Comments (0)