ฉันไม่เชื่อหรอกค่ะ ทฤษฎีอะไรนั่นน่ะ

อย่าหาว่าฉันเป็นคนไม่มีฝันเลยนะคะ แต่คนเราจะต้องการเชื่อไปทำไมกัน ความคิดว่าโลกที่เราอยู่เป็นแค่หนึ่งเศษเสี้ยวของจักรวาลอีกนับล้านๆ เนี่ย แค่จักรวาลเดียวก็กว้างจนน่าปวดหัวแล้ว

เอ้อ จะว่าอย่างนั้นก็ไม่เชิง ไม่ใช่ความกว้างหรอกค่ะที่เป็นปัญหา มันคือความซ้ำซ้อนต่างหาก เอาอย่างนี้นะคะ ถ้าเราเชื่อว่าข้างนอกนั่นยังมีจักรวาลอีกนับไม่ถ้วนที่สิ่งที่เป็นไปได้ล้วนเกิดขึ้นจริง แปลว่ามันไม่ได้มีแค่จักรวาลที่ฉันได้ออกไปใช้ชีวิตโลดโผนชวนฝันหรืออะไรที่ควรค่าต่อการถูกนำมาเล่าในภาพยนต์หรอกนะคะ มันยังมีจักรวาลอีกเป็นล้านๆ ที่ชีวิตของฉันก็เหมือนเดิม เพียงแค่ตัวสูงขึ้นหนึ่งมิล หรืออาจจะโชคดีที่รอดจากการโดนประตูหนีบนิ้วเท้าในวัยเด็ก หรือตอนนี้คุณอาจจะกำลังหายใจออกแทนที่จะหายใจเข้า มีจักรวาลอีกเป็นล้านๆ ที่เราต่างก็แค่อยู่กันไปเรื่อยๆ ธรรมดาๆ แบบนี้ ยังวนเวียนกับปัญหาเดิมๆ เจ็บปวดกับเรื่องเดิมๆ ในโลกแบบเดิมๆ

ถ้าหากว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกเหตุการณ์นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปจนถึงจุดจบของจักรวาลมีสำเนาของมันเองที่ถูกผลิตซ้ำออกมาแล้วตั้งไม่รู้กี่ครั้ง ความทรงจำที่ได้ไปสวนสนุกครั้งแรกหรือ มีตัวคุณอีกเป็นล้านๆ คนที่มีความทรงจำนั้นเหมือนกัน แถมยังอาจจะได้เล่นเครื่องเล่นเยอะกว่าคุณด้วยซ้ำไป เมนูโปรดของคุณก็เป็นเมนูโปรดที่คุณมีร่วมกับตัวคุณอีกเป็นล้านๆ แม้แต่จูบแรกก็ยังเป็นความทรงจำที่แบ่งปันกันระหว่างทั้งตัวคุณและใครคนนั้นอีกเป็นล้านๆ คนเชียวล่ะ

อ๊ะ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิคะ ฉันคิดว่าเรื่องความเป็นส่วนตัวในสังคมปัจจุบันนี่น่าจะโยนทิ้งไปได้นานแล้ว เอาเข้าจริงอยู่ในประเทศนี้ไปนานๆ ก็เริ่มจะกลัวขึ้นมาแล้วล่ะค่ะ ก็ดูจากอัตราอุบัติเหตุทุกวันนี้ ถ้าโลกคู่ขนานมีจริง ทุกหนึ่งโลกที่ฉันข้ามถนนแล้วไม่ถูกรถชน จะมีอีกกี่โลกที่ฉันตายล่ะคะ หรือคุณจะบอกว่าคุณไม่กลัวเวลาข้ามถนน

อะไรนะ ใช่แล้วค่ะ ฉันมันไม่โรแมนติกเอาเสียเลย (หัวเราะ) แต่อย่างน้อยฉันก็ยังไม่ตายเวลาข้ามถนนนะคะ

แต่ก็นั่นแหละค่ะ ในเมื่ออะไรต่อมิอะไรมันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก มันก็ยากจะเชื่อว่าในโลกนี้จะยังเหลืออะไรให้ค้นหา ต่อให้ฉันคิดว่าตัวเองพิเศษแค่ไหน ถัดไปในจักรวาลข้างๆ ก็คงมีฉันอีกคนที่คิดแบบเดียวกัน แล้วก็อีกคน แล้วก็อีกคน ถ้าหากว่าในจักรวาลอื่นยังมีตัวฉันที่เกิดมาในสภาพเดียวกัน แต่ตอนนี้มีชีวิตที่ดีกว่าเยอะ คงรู้สึกแย่น่าดูใช่ไหมล่ะคะ พอไปถึงจุดนั้นฉันก็คงเริ่มเปรียบเทียบแล้วว่าฉันคนนี้ทำได้ดีแค่ไหนกัน ตัวฉันคนอื่นได้คะแนนเท่าไหร่ในมหาวิทยาลัย เรียนจบสี่ปีอย่างคนอื่นเขาหรือเปล่า แล้วฉันล่ะ พอจะถือได้ว่าอยู่กลางๆ บ้างไหม ทุกการตัดสินใจในชีวิตที่มีความหมายสำหรับฉันคนนี้ ถ้าถอยออกมาดูในมุมกว้างแล้วก็เป็นแค่หนึ่งในทางเลือกอีกนับไม่ถ้วนที่ไม่ได้มีความพิเศษหรือดีไปกว่าทางอื่นเลย ที่สำคัญคือมันง่ายที่จะยอมแพ้ ก็ฉันเป็นแค่ฉันคนนี้ หนึ่งในอีกล้านๆ

ฉันจึงอยากจะเชื่อเหลือเกินว่าในทุกความเป็นไปได้และทุกกาลเวลา ฉันคนนี้มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว ไม่ว่าชีวิตนี้จะสำเร็จหรือล้มเหลว ไม่ว่าจะหยุดนิ่งหรือไปได้ไกลแค่ไหน อย่างน้อยมันก็ยังคงเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่พิเศษและควรค่าแก่การพยายาม จะให้ว่าอะไรได้ล่ะคะ ก็ฉันที่เอาแต่ใจคนนี้ไม่อยากจะเชื่อในความฝันที่เป็นไปได้ของโลกอื่น ฉันอยากเชื่อในความฝันที่เป็นจริงในโลกนี้มากกว่า

แต่เราก็เถียงเขาไม่ได้หรอก ใช่ไหมคะ ถ้าวันหนึ่งเขาพิสูจน์ได้ว่ามีโลกคู่ขนานจริงๆ ขึ้นมา ฉันก็คงเหงาแย่เลย

ก็ต้องเหงาสิคะ ไกลออกไปในความเป็นไปได้ ไกลกว่าตัวฉันคนที่มีชีวิตเหมือนเดิมแต่สูงกว่านี้แค่หนึ่งมิล แต่ก็ยังไม่ถึงตัวฉันที่สุดยอดจนได้กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ มันยังมีที่ว่างสำหรับตัวฉันอีกหลายคนที่มีชีวิตไปในทางของตัวเองด้วยจุดพลิกผันเล็กๆ น้อยๆ ฉันไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามันเป็นอย่างไรต่อไปในโลกที่ฉันย้ายโรงเรียนตอนเก้าขวบ โลกที่ฉันสอบได้ทุนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ โลกที่ฉันตัดสินใจเข้าคณะศิลปกรรม โลกที่ฉันบอกความจริงบางอย่างเร็วกว่านี้อีกสักนิดนึง หรือโลกที่ฉันตื่นสายจนไม่ได้มาพบกับคุณในวันนี้

คิดดูสิคะ ตัวฉันเองแท้ๆ ฉันที่ควรจะเป็นคนที่รู้จักตัวฉันเองมากที่สุด แต่ในเวลานี้ในโลกอื่น มีฉันคนอื่นที่กำลังใช้ชีวิตไปกับเรื่องราวที่ฉันไม่เคยได้รับรู้ ฉันคนนั้นกำลังเจ็บปวดอยู่ไหม ได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าแค่ไหน ยังมีกำลังใจอยู่หรือเปล่า ทั้งที่เข้าใจกันแท้ๆ แต่จะผ่านร้อนหนาวมาเท่าไหร่ก็ไม่รู้ เวลาที่มีความสุขก็แบ่งปันกันไม่ได้ เวลาที่เศร้าก็ทำได้แค่อยู่ตัวคนเดียว ถ้าไม่เหงาแล้วจะให้เรียกว่าอะไรล่ะคะ สรุปว่าจะอิจฉาหรือจะเป็นห่วงตัวเองก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วเหมือนกัน

อ๊ะ ทางนี้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ

ใช่แล้ว ฉันชอบขนมร้านนี้มากเลย พุดดิ้งก็อร่อยดีเหมือนกัน

ปกติฉันไม่ได้เป็นคนติดหวานหรอกค่ะ แค่นานๆ กินทีเป็นสีสันบ้าง ก็อย่างที่คุณบอกว่าอยากสร้างเหตุการณ์ที่น่าจดจำไว้เยอะๆ เวลามองกลับมาจะได้รู้สึกว่าชีวิตมันมีอะไร สำหรับฉันเองแค่ขนมหวานนานๆ ครั้งให้ชื่นใจก็นับแล้วล่ะค่ะ วันนี้ต้องเป็นวันที่พิเศษแน่ๆ เลย

ไม่แน่นะคะ ในเวลานี้ ในคาเฟ่เล็กๆ แห่งเดียวกันนี้ของจักรวาลไหนสักจักรวาลหนึ่ง คุณอาจจะกำลังคุยอยู่กับคนที่หน้าตาเหมือนฉันเป๊ะแต่ชื่อเมษาก็ได้

อ้าว คุณคิดว่าฉันเข้ากับชื่อมีนามากกว่าหรือคะ ขอบคุณนะคะ รู้ไหมว่าเมื่อก่อนฉันไม่ได้ชื่อนี้หรอก แต่ว่ามันมีเรื่องให้ต้องเปลี่ยนชื่อขึ้นมาน่ะค่ะ ฉันเองเกิดมาก่อนกำหนด ความจริงฉันควรจะเกิดเดือนมีนาคม เลยคิดว่าถ้าใช้ชื่อมีนาล่ะก็วันข้างหน้าอาจจะได้พบกับชีวิตที่มีความสุขอย่างที่ควรจะเป็นก็ได้

ส่วนฉันเองก็คิดว่าท่าทางอย่างคุณคงเข้ากับชื่อ ชื่อ… อะไรดีนะ ฉันว่าคุณชื่อนีรก็เหมาะอยู่แล้วล่ะค่ะ เป็นชื่อที่น่ารักไม่น้อยเลย

จะว่าไปแล้ว ฉันเคยคิดเล่นๆ ว่าถ้าเกิดว่ามีโลกคู่ขนานที่ จอห์น เลนนอน กับ พอล แม็คคาร์ตนีย์ อยู่ในวงดนตรีเดียวกันคงสนุกน่าดูเลย แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าในโลกที่มีวงดนตรีนั้นอยู่จริงๆ มีใครสักคนเขียนเรื่องเกี่ยวกับโลกคู่ขนานที่วงดนตรีนั้นไม่เคยมีอยู่ แล้วมันก็วนกลับมาเหมือนโลกที่เรากำลังอยู่ในตอนนี้

ไม่หรอกค่ะ ฉันว่าต้องมีใครสักคนในโลกคู่ขนานสักใบเขียนเรื่องนี้ไปแล้วแน่เลย

นิยายน่ะค่ะ

ฉันเองก็ไม่รู้จะอธิบายมันออกมายังไง ฉันมันพวกเขียนแต่อะไรประหลาดๆ ขนาดเรื่องที่กำลังเขียนอยู่นี่ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเอาไปลงหมวดอะไรเลยค่ะ โชคดีที่ในเว็บที่เอาไปลงนี่เค้าแบ่งหมวดหมู่ค่อนข้างจะละเอียด ความจริงฉันยังอยากได้แท็ก slice of life เพิ่มอีกอย่างนึง แต่เท่านี้ก็ช่วยได้มากแล้วล่ะค่ะ

(ฉันหันมาทางคุณผู้อ่านแล้วกระพริบตาปิ๊งๆ อย่างมีเลศนัย)

ฉันยังไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนเท่าไหร่หรอกค่ะ คิดว่าเป็นโปรเจคที่อยากทำเสียมากกว่า มีเรื่องบางเรื่องที่ฉันอยากเล่าออกมา มันไม่เหมือนภาพลักษณ์ของศิลปินที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจในหนังเสียทีเดียวหรอกค่ะ บางทีฉันคิดเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้แล้วก็รู้สึกว่าน่ารำคาญจริงๆ ที่ยังไม่มีใครเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา หรือว่าฉันจะต้องลงมือเองเสียแล้ว แต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไปหรอกค่ะ บางทีมันก็เป็นความรู้สึกที่อ่อนโยนนะคะ เหมือนค่อยๆ ปลูกดอกไม้ลงไปในกระถางอย่างเบามือ

แต่ถ้าหากว่าวันหนึ่งได้เขียนทุกเรื่องที่อยากเขียนไปจนหมดแล้ว ฉันอาจจะคิดไม่ออกจนต้องไปเปิดร้านขายดอกไม้จริงๆ ก็ได้ ถ้าวันนั้นมาถึงก็ช่วยมาอุดหนุนกันหน่อยนะคะ

อ้อ ช่วงนี้ฉันกำลังชอบปากกาหมึกซึมเลยค่ะ ถึงจะเอามาขีดอะไรต่อมิอะไรเล่นมากกว่าเขียนงานจริงๆ ก็เถอะ คุณเองถ้าก็ลองดูสิคะ รู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปในยุคต้นศตวรรษที่ 20 เลยเชียว มีหมึกสวยๆ อย่างพวกหมึกที่สะท้อนแสงเป็นสองสีด้วยล่ะ อย่างอันนี้ฉันใช้หมึก iron gall อย่างที่สมัยก่อนเขาเคยใช้กัน ตอนนี้เป็นสีนี้ก็จริง แต่เวลาที่สัมผัสอากาศไปนานๆ จะเริ่มเปลี่ยนสีเพราะมีธาตุเหล็กผสมอยู่ แหม คนเราก็เป็นเนิร์ดกับเรื่องแปลกๆ กันได้นี่คะ ฉันพกสมุดบันทึกไว้ด้วยนะคะ เป็นสมุดแบบที่กระดาษทำไว้เขียนด้วยปากกาหมึกซึมเลย กระดาษนุ่มนิ่มน่าจับมากเลยล่ะค่ะ

ลายมือคุณดูดีกว่าฉันอีก บางทีฉันยังอ่านลายมือของตัวเองไม่ออกเลยค่ะ (หัวเราะ)

อ๊ะ อีกไม่กี่นาทีฉันคงต้องไปก่อนแล้ว ดีใจที่ได้พูดคุยกันนะคะ ถึงฉันจะเป็นฝ่ายพูดเสียมากก็เถอะ เห็นคุณพยักหน้าตามไปด้วยฉันเลยเผลอร่ายซะยาว

งานหนังสือน่ะค่ะ เข้าไปช่วยเขาเฝ้าบูธเฉยๆ ฉันเองก็มีงานตีพิมพ์กับเขาอยู่นิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ดังถึงขนาดมานั่งแจกลายเซ็นหรอกค่ะ

งั้นเหรอคะ ถ้าสะดวกก็แวะมาทักทายกันได้นะคะ

เลขที่เหรอคะ เอ…

คิดอีกทีไม่บอกดีกว่าค่ะ อยากรู้ว่านี่จะเป็นโลกคู่ขนานที่คุณหาฉันเจอไหม

 

.
.
.

 

ฉันไม่เชื่อเรื่องโลกคู่ขนานหรอกค่ะ ไม่เชื่อเลยจริงๆ 
แต่ถ้านี่เป็นหนึ่งในอีกหลายล้านจักรวาลที่เราได้พบกันอีกครั้งก็คงจะดี

ปล. ส่วนคุณผู้อ่าน ระหว่างที่ในนี้ยังอัพไม่ครบ แอบไปส่องในเว็บฟ้าได้นะคะ แหะๆ