Lulu : 1 ปลาทูตัวเดียว ลูเซี่ยนก็หายงอน

 

เกือบฉิบหายแล้ว...

ติ๊กถอนหายใจยาวเหมือนยกภูเขาออกจากอก เมื่อปลามังกรสีทองที่น่าสงสาร รอดชีวิตจากกรงเล็บและฟันแหลมคมของลูกแมวมันช์กิ้นวัยหกเดือน ชายหนุ่มค่อย ๆ หย่อนปลาขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือเขาเล็กน้อยกลับเข้าตู้ ก่อนจะก้มมองตัวการที่เกือบทำให้เขาต้องควักเงินแสนคืนให้ลูกค้าแล้ว

ลูเซี่ยนตัวเปียกโชก ขนปุยนิ่มแบนลีบไปกับลำตัว โชว์พุงใหญ่ใต้อุ้งเท้าทั้งสี่ของมัน แมวอ้วนตัวสั่นระริกเพราะความหนาว เห็นแบบนั้นคนเป็นเจ้านายก็ได้แต่แค่นหัวเราะด้วยความสมเพช

“หึ สมน้ำหน้า” 

อยากซ้ำเติมด้วยการจับแมวอ้วนแช่น้ำอีกรอบ แต่กลัวมันจะช็อคความเย็นตายเสียก่อน ติ๊กเดินไปหยิบผ้าแห้งหนึ่งผืนมาห่อตัวลูเซี่ยน แล้วพามันกลับขึ้นไปบนห้องนอน เปิดลมอุ่นจากไดร์เป่าผมมาเป่าขนให้เจ้าตัวแสบ ปากก็พร่ำบ่นความซุกซนจนเกือบทำเขาซวยไปแล้ว

ลูเซี่ยนเอาแต่ร้อง เงี้ยว ๆ ง้าว ๆ ดีดดิ้นไปมาอยู่ใต้ผ้าขนหนูผืนหนา มันโผล่หน้าออกมาขยิบตาให้เขา ดูมัน..ดูมัน ไม่มีความสำนึกเลยว่าเมื่อกี้ทำเรื่องอะไรลงไป “กูพูดจริง ๆ นะลูลู่ ถ้ามึงยังซนไม่เลิกแบบนี้ กูจะส่งมึงไปหาหลวงพ่อ ไปเป็นแมววัด จะไม่เลี้ยงมึงแล้ว!

จบประโยค แมวอ้วนตัวกลมก็กระโดดขึ้นมาบนตักเขา ลูเซี่ยนยืนสองขาแล้ววางอุ้งเท้าหน้าลงบนอกเขา มันยืดตัวขึ้นมาเลียปลายคาง ติ๊กใช้มือกดหัวลูเซี่ยนออกไป “ไม่ต้องมาอ้อนกูเลย กูไม่ใจอ่อนหรอก”

เงี้ยววว

อุ้งเท้าน้อย ๆ ย่ำไปมาบนแผงอกเจ้านาย ลูเซี่ยนนวดให้คนตรงหน้าเป็นการไถ่โทษให้กับความซุกซนของตัวเอง เวลามันทำอะไรให้ติ๊กไม่พอใจ หรือโกรธจนขู่ว่าจะพาไปปล่อยวัด ก็มักจะทำตัวน่ารักแบบนี้ขึ้นมาชั่วขณะ ลูเซี่ยนเรียนรู้ว่าพวกมนุษย์น่ะ ต่อให้หน้าโฉดเหมือนโจรป่าขนาดไหน แต่ถ้าไม่ใช่คนเกลียดสัตว์ละก็ พวกเขาก็จะพ่ายแพ้ให้กับความน่ารักของสัตว์ตัวเล็ก ๆ อย่างมันเสมอไป 

เงี้ยวววว

เพิ่มเสียงอ้อนอีกนิด

ติ๊กทนมองได้ไม่นานก็ถอนหายใจยาวอีกรอบ “เฮ้อ.. เออ ๆ ไม่ไปก็ไม่ไป อย่าซนให้มันมากนักสิวะ”

เห็นมั้ยล่ะ 

ใช้เวลาเกือบสามสิบนาที กว่าจะทำให้ขนลูเซี่ยนกลับมาฟูฟ่องได้เหมือนเดิม เหลือบมองนาฬิกานี่ก็ปาเข้าไปเกือบแปดโมงเช้าแล้ว ติ๊กลุกขึ้นเดินไปหยิบสมาร์ทโฟนที่วางอยู่ข้างหัวนอน พอดีกันกับที่ไพรสนโทรเข้ามา

“ฮัลโหล”

[ตื่นยัง กูจะถึงบ้านมึงแล้ว]

“อ้าว ไหนบอกว่ากลับอาทิตย์หน้าไง”

ไพรสนเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของเขา แต่หลังเรียนจบมันก็ไปต่อโทที่เมืองนอก นี่พึ่งจะเรียนจบแล้วก็ย้ายกลับมาที่ไทย เดิมทีไพรสนควรจะตรงกลับบ้านที่สุพรรณ แต่ไม่รู้ว่ามันคิดถึงรูมเมทสมัยเรียนหรืออะไร ถึงได้บอกว่าจะมาขอนอนกับติ๊กสองสามวันแล้วค่อยกลับบ้าน 

ส่วนตัวติ๊กแล้วก็ไม่ติดอะไร เพราะถึงยังไงเขาก็อยู่บ้านคนเดียว กับแมวอีกหนึ่งตัวและตู้ปลาสองสามตู้ ถ้าพูดกันตามตรงคือเขาเหงาเหมือนกันนั่นแหละ ถ้ามีเพื่อนแวะมานอนด้วยสักสองสามวัน มีคนให้พูดคุยโต้ตอบกันบ้าง อาจจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นกว่าการมานั่งทะเลาะกับแมวทุกวันแบบนี้ก็ได้มั้ง

[กูเลื่อนไฟล์ทบินอะ ที่บ้านมีไรกินปะ ไม่งั้นเดี๋ยวกูแวะซื้อเข้าไป]

“เออ งั้นฝากด้วยแล้วกัน ที่บ้านกูไม่มีของกินเลยว่ะ”

[เค เดี๋ยวเจอกัน]

นึกได้ว่าไม่ได้อาบน้ำมาสองวันแล้ว หลังจากวางสาย ติ๊กก็หยิบผ้าขนหนูก้าวขาเดินฉับ ๆ เข้าไปในห้องน้ำ รีบอาบน้ำเป็นการเร่งด่วน ก็ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนสกปรกอะไรขนาดนั้นหรอกนะ แต่ว่าเขาทำงานอยู่บ้านไม่ค่อยได้ออกไปไหน แอร์ก็เปิดเอาไว้ทั้งวัน เรียกได้ว่าเหงื่อแทบจะไม่ได้ไหลออกจากรูขุมขนเลยด้วยซ้ำ 

อีกอย่างก็ไม่ค่อยมีใครมาเยี่ยม จะซักแห้งสักวันสองวันก็คงไม่เป็นไร 

ระหว่างที่กำลังอาบน้ำถูสบู่ยี่ห้อนกกู้ดหอมสดชื่น ก็ได้ยินเสียงครืด ๆ ดังมาจากประตูห้องน้ำ พอหันมองไปตามเสียงก็เห็นเงาสี่ขาเดินวนเวียนไปมาจากด้านนอก บางครั้งก็เหมือนจะกระโดดใส่ประตู ทำอย่างกับว่าจะทะลุเข้ามาดูเจ้านายอาบน้ำให้ได้อย่างนั้น 

“ไอ้ลูลู่ อย่าชนประตู!

...

เงี้ยวว

“แป๊บเดียว”

ง้าวว!

“มึงเข้ามาไม่ได้ เดี๋ยวตัวก็เปียกอีกหรอก”

เสียงร้องเงียบหายไปแล้ว ติ๊กจึงเลิกให้ความสนใจกับเจ้าก้อนด้านนอก แล้วรีบอาบน้ำให้เร็วที่สุดเพื่อให้ทันก่อนเพื่อนที่ห่างหายกันนานไปหลายปีจะมาถึง 

ผ่านไปเกือบสิบนาทีติ๊กเดินออกมาพร้อมผ้าขนหนูคลุมกายช่วงล่าง ขณะนั้นลูเซี่ยนกำลังนอนหมอบอยู่บนพรมเช็ดเท้าด้านนอก มันช้อนดวงตาสีเทาขึ้นมองเจ้านาย แก้วตาใสมีม่านน้ำตาเอ่อล้นอยู่ 

ติ๊กมองแมวอ้วนตรงหน้า ดูก็รู้ว่ามันกำลังงอนที่เขาไม่ยอมให้เข้าไปป่วนตอนอาบน้ำ “เป็นอะไร”

ลูเซี่ยนลูกแมววัยหกเดือน นิสัยซุกซน และร่าเริงกว่าแมวปกติทั่วไปเล็กน้อย เวลาที่มันน้อยใจหรืองอนเจ้านายก็จะนิ่งเงียบ และสุขุมยิ่งกว่าแมวปกติด้วยเช่นกัน มันมองหน้าติ๊กอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเสมองไปทางอื่น หางที่มักจะชอบส่ายไปมาตลอดเวลา ตอนนี้ก็ลู่ลงแหมะอยู่บนพื้นกระเบื้อง

คนเป็นเจ้านายได้แต่ทอดถอนใจ แต่เขาเลี้ยงมันมาตั้งแต่ตัวยังแดง ๆ มีหรือที่ติ๊กจะไม่รู้ว่าควรปราบลูลู่ยังไงให้อยู่หมัด เขาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า พลางพึมพำเบา ๆ “ในตู้น่าจะเหลือปลาทูอยู่นะ..”

ทันใดหูสองข้างที่เคยพับตกก็ตั้งชันขึ้นมา ลูเซี่ยนตัวน้อยหันขวับมองแผ่นหลังของเจ้านาย แววตาเป็นประกายเมื่อได้ยินคำว่า ปลาทู มันดีดตัวลุกขึ้น วิ่งคลุก ๆ เข้าไปคลอเคลียหว่างขาเจ้านาย ร้องเงี้ยว ๆ ง้าว ๆ ทันที

“อะไร งอนอยู่ไม่ใช่เหรอ” ติ๊กก้มมองก้อนสีขาวใต้หว่างขาตัวเอง “พอได้ยินเรื่องของกินก็ลืมโกรธเลยเนอะ ไอ้อ้วน”

ง้าววว! 

ร้องท้วงไม่พอ ยังยืนสองขา ใช้กรงเล็บข่วนติ๊กเบา ๆ เล่นเอาเจ้าตัวสะดุ้งโหยงยกขาหนี 

“เออ รู้แล้ว ๆ เดี๋ยวเอาให้กิน แต่งตัวให้เสร็จก่อนได้มั้ยล่ะ” 

เงี้ยวววว เงี้ยวววว ง้าวววว !!

เสียงร้องของลูเซี่ยนดังระงมอยู่ในห้องนอนกว้าง ทว่าติ๊กทำเป็นไม่ได้ยิน เขาสวมเสื้อผ้าทีละชิ้นอย่างไม่รีบร้อน อย่างน้อยอาบน้ำเสร็จแล้วก็ไม่มีอะไรต้องห่วงละนะ เดินไปหยุดหน้ากระจกเช็คความเรียบร้อยอีกที ค่อยเดินทอดน่องออกจากห้องไป โดยมีลูเซี่ยนเดินตามหลังอยู่ไม่ห่าง 

เป็นเจ้านายที่ดีพูดแล้วต้องไม่คืนคำ ในเมื่อเอาปลาทูมาล่อให้เจ้าตัวแสบหายงอนแล้วก็ต้องทำตามคำพูด เขาเปิดตู้เย็นหยิบปลาทูที่พึ่งซื้อมาเมื่อวานออกมา อุ่นในโมโคเวฟประมาณสิบห้าวินาที จัดแจงฉีกเนื้อแยกก้างออกให้ การกระทำทุกอย่างของติ๊กนั้น อยู่ในสายตาของลูเซี่ยนมาตลอด มันนั่งอยู่หน้าชามข้าว อารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง หางพองฟูส่ายไปมาเร็วรัวผ่านอากาศจนได้ยินเสียงพั่บ ๆ 

ติ๊กเทเนื้อปลาทูใส่ชามข้าวให้ลูลู่ “ค่อย ๆ กินล่ะ ระวังร้อนด้วย”

นี่เขาต้องเหงาขนาดไหนกันนะ ถึงได้ยืนคุยกับแมวเป็นตุเป็นตะ ทำอย่างกับพูดไปแล้วลูเซี่ยนจะฟังออกอย่างนั้นแหละ

ปิ๊งป่อง

เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น ติ๊กจึงผละตัวออกมาจากแมวอ้วน สาวเท้าฉับตรงออกไป ระยะห่างจากตัวบ้านถึงประตูใหญ่ด้านนอกค่อนข้างไกลพอสมควร แต่ไพรสนเป็นชายหนุ่มรูปร่างบึกบึนสูงใหญ่ทำให้สามารถมองเห็นอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน

ตอนแรกที่เห็นจากที่ไกล ๆ ติ๊กไม่ทันสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเพื่อน แต่พอได้เข้ามาเห็นใกล้ ๆ ถึงได้รู้ว่าไพรสนตัวสูงขึ้นอีกแล้ว

“โอโฮ้ มึงสูงขึ้นปะเนี่ย” ติ๊กพูดทักพลางเปิดประตูเหล็กต้อนรับแขก

ไพรสนก้มหยิบกระเป๋าข้างเท้า แล้วเดินเข้าไปในบ้าน “หึ ปกติ” 

“ปกติบ้านมึงอะ ตอนเรียนจบมึงยังสูงกว่ากูไม่กี่เซนเอง ดูตอนนี้..สูงกว่ากูครึ่งหัวแล้วมั้ง”

“กูสูงขึ้นหรือมึงตัวเตี้ยลง ยืนดี ๆ ดิ้ หลังค้อมหมดแล้ว” ไม่ได้พูดอย่างเดียว ยังฟาดมือหนาเข้ากลางหลังเพื่อนด้วย

อยู่ดี ๆ ก็ถูกทุบหลัง ติ๊กไม่ทันได้ตั้งตัวเซถลาไปข้างหน้า เกือบหัวทิ่มหน้าคะมำกับพื้นปูซีเมนต์  โชคดีที่คว้าแขนไพรสนทัน 

“เกือบหน้าแหกแล้วกู...”

 

….

#อยากซบไข่เจ้านายฮับ

 

Kisch.