sds

 

Warning

มีเนื้อหารุนแรง เช่น การฆ่าตัวตาย การทำร้ายจิตใจด้วยคำพูด

โปรดได้รับคำแนะนำ

“คนขี้เหร่เช่นมึง จะมีผู้ใดมาสู่ขอ น่าขันยิ่งนัก" เสียงจากขุนท้าวสุวรรณ ดังขึ้นหลังจากลูกชายคนเล็กที่แสนขี้เหร่บอกว่าอยากมีคู่ครอง 'ขิม' เด็กน้อยผู้มีหน้าตาอัปลักษณ์ แต่จิตใจช่างงดงาม

"ข้าก็คิดเช่นนั้นแลคุณพ่อท่าน"ขิมตอบไม่เต็มเสียงนัก ทั้งที่ในใจก็รู้ดีว่าพ่อตนต้องตอบเช่นนี้อยู่และ เพราะเหตุใดกันที่เด็กน้อยอัปลักษณ์คนนี้ถึงได้เกิดมามีหน้าตาเช่นนี้ ทั้งที่แม่ของตนนั้นงดงามจนได้ชื่อว่างามที่สุดในเมือง และเหตุใดลูกคนสุดท้องถึงออกมาได้หน้าตาอัปลักษณ์ไม่เหมือนกับคนพี่เช่นนี้เล่า

"ไม่รู้ว่าเจ้าเป็นลูกของข้าและจันทร์แจ่มจริงหรือไม่ หน้าตาไม่เหมือนกับพี่เจ้าเสียเลย ข้าล่ะกลุ้มใจเสียนี้กระไร"ขุนท้าวสุวรรณกุมขมับอย่างเครียดๆ ขิมยิ้มแหย่ๆ ให้พ่อของตนก่อนจะขอตัวกลับเรือนของตัวเอง

“พวกมึงตามไปดูขิมมันเถิด เดี๋ยวข้าจะไปเตรียมสำรับอาหารให้พี่ช้างก่อน” แรมจันทร์สั่งบ่าวทั้งสองของน้องชาย จำปีและจำปาไหว้ลาก่อนจะลงเรือนใหญ่ตามนายของตนไป

"ท่านพูดแบบนั้นกับน้องได้อย่างไร ข้าน่ะ สงสารน้องใจจะขาด ทุกวันนี้น้องมาที่เรือนข้าทีไรก็เป็นต้องร่ำไห้ตลอด ไม่เว้นแม้แต่กลับไปที่เรือนของตน"  แรมจันทร์พูดให้ท้าวสุวรรณนั้นคิดได้ว่าพูดอะไรออกไป สีหน้าของคนเป็นพ่อไม่สู้ดีนักเมื่อได้ยินว่าลูกชายคนเล็กร้องไห้ตลอดเพลา แรมจันทร์ว่าเพียงนั้นจึงขอตัวไปหาสำรับอาหารให้คู่ครองของตน

"เหตุใดข้าถึงเกิดมาอัปลักษณ์เช่นนี้เล่าท่านแม่" ขิมหยิบผ้าคลุมของแม่ตนก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก เหตุใดเล่าเขาถึงเกิดมาไม่เหมือนกับพี่ชาย เขาทำกรรมอะไรมาตั้งแต่ชาติปางก่อน กรรมนั้นคงส่งผลให้มาถึงชาตินี้

“ข้าคงทำได้เพียงแค่หลับตา ค่อย ๆ เอนลงนอนบนเตียงนอนของข้า ทำใจให้สบายเหมือนที่ท่านสอนใช่หรือไม่ท่านแม่” ถึงแม้จะไม่มีเสียงตอบกลับมา ขิมก็ทำตามที่ตนเองพูดเสียทุกอย่าง จึงได้แต่เอนกายลงแล้วหลับตาภาวนาให้ตัวเองนั้นมีใบหน้าที่สวยงามเหมือนกับท่านพี่ของตนเสียบ้าง

...

...

ในคืนนั้นขิมรู้สึกไม่สบายตัวจึงลงจากเรือนตนเพื่อเดินดูจันทร์เสียหน่อย ให้คลายอาการนอนไม่หลับเสีย พวกคนใช้ก็เดินเฝ้ายามเดินไปเดินมาทั่วบริเวณเรือนของตนเอง เมื่อเห็นนายตนก็ตกใจอยู่ไม่น้อย

ในช่วงเวลานี้ก็ดึกเสียยิ่งน่ากลัวประจวบเหมาะกับใบหน้าอัปลักษณ์ที่โดนแสงใสจากตะเกียงสะท้อนขึ้นมา มันยิ่งทำให้ขวัญเสียเข้าไปใหญ่ ขิมมองข้ารับใช้ที่วิ่งหนีตนเพียงเพราะกลัวใบหน้าอัปลักษณ์ของตน ก็ยิ่งทำให้ภายในใจเศร้าสร้อยเข้าไปเสียทวีคูณ

หลังเรือนของตนนั้นมีท่าน้ำที่ใช้ซักผ้าหรือแม้แต่จะอาบน้ำ คงจะดีไม่น้อย ถ้าเขาหายไปกับสายน้ำนี้ มันเจ็บปวดและทรมาน โดดเดี่ยว เศร้าโศก ความรู้สึกทั้งหมดที่อยู่ในใจ คำนินทา คำว่าร้าย และทุกอย่างๆ ที่ขิมได้รับนั้นมันหนักเกินที่เด็กอายุอย่างเขานั้นจะรับไหว โดนหินขว้าง โดนกลั่นแกล้งสารพัดอย่าง ไม่ว่าจะเป็นลูกท่านขุน ลูกชาวบ้าน หรือแม้แต่ลูกข้ารับใช้

พวกเขาคงรังเกียจคนแบบเขา ในใจก็คิดไป สองเท้าก็ค่อยๆ เดินลงท่าน้ำ ไม่ใช่แค่ตีนท่าที่มันยังคงไม่ลึกเสียเท่าไหร่ สองเท้ายังคงก้าวลงไปเรื่อยๆ ไม่สนว่ามันจะเปียกหรือลึกขนาดไหน ขอเพียงแค่ว่าให้ตัวเขาหายไปเสียตอนนี้ได้ก็ดี

แม้ว่าจะรุ่งเช้ามาข้ารับใช้เห็นเขาเป็นร่างไร้วิญญาณ ท่านพ่อจะเสียใจ ท่านพี่จะเศร้าโศก ร้องไห้แทบเป็นแทบตายก็ไม่เท่ากับที่เขานั้นผ่านมาตั้งสิบแปดปี มันคงจะดีที่เขาจะได้ไปหาท่านแม่ที่เฝ้าหา ท่านคงโกรธไม่น้อยที่ขึ้นไปหาเร็วเสียกว่ากำหนด เท้าของขิมเดินลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอทางลาดที่เทลงไป มันเป็นน้ำที่ลึกมาก ขิมจมลงไปโดยไม่รู้ตัว เขากระเสือกกระสนที่จะให้ตัวเองลอยอยู่เหนือน้ำ

แต่เมื่อได้คิดถึงเป้าหมายที่ตนเองมาถึงจุดนี้ก็ได้เพียงแต่หยุดการกระทำของตนเอง เพียงแค่หลับตาพร้อมจมลงน้ำในความรู้สึกที่ว่าตนเองจะไม่ถูกแกล้ง ท่านพ่อจะไม่ถูกผู้ใดนินทา ท่านพี่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยที่ต้องมาดูแลน้องชายอย่างตนเอง ขิมปล่อยให้น้ำรอบตัวโอบกอดตัวเองเอาไว้

“อ่า สายน้ำมันโอบกอดข้า ช่างอบอุ่นเสียจริง” สิ่งที่ขิมคิดได้มีเพียงแค่นี้ น้ำตาก็ไหลออกตาไม่รู้ว่าอันไหนเป็นน้ำตาหรือเป็นสายน้ำกันแน่

“ถ้าชาติหน้ามีจริงข้าอยากเกิดเป็นลูกพ่อ มีพี่น้องเช่นท่านพี่ มีความรักที่ข้าต้องการ...” ในใจได้แต่อธิษฐานก่อนจะค่อยๆ จมดิ่งลงไปอย่างโดดเดี่ยวไม่มีใครรู้ได้..

เช้า

เสียงดังเจี๊ยวจ๊าวของข้ารับใช้จากท่าน้ำข้างหน้าเรือนของน้องชาย ส่งผลให้จันทร์ต้องเข้าไปดูต้นเหตุที่ทำให้ข้ารับใช้เสียงดังได้ขนาดนี้ แหวกข้ารับใช้ที่มุงกันอยู่นับสิบ ในใจคงเป็นเรื่องตีกันกระมัง แต่พอได้เห็นสาเหตุผลจริงๆ แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง วิ่งผ่านข้ารับใช้ไปประคองร่างน้องชายตนเองที่สลบไม่ได้สติอยู่ ใบหน้าอัปลักษณ์ขาวซีด เนื้อตัวเปียกและเย็น

น้องชายที่เขารักมากที่สุด หวงแหนมากที่สุด น้ำตาไหลออกจากตาสวย ปากก็พร่ำบอกว่ามันไม่เป็นเรื่องจริง เขาไม่เชื่อว่าน้องชายจะตาย...

ไม่จริงใช่หรือไม่...

ท้าวสุวรรณที่ถูกข้ารับใช้ตามเห็นสภาพของลูกชายคนโตที่นั่งร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนบ้า ในอ้อมอกก็มีลูกชายคนเล็กที่นอนตัวซีดเปียกอยู่ ดวงใจของท้าวสุวรรณลงไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที ไม่รอช้ารีบเรียกหมอฝรั่งมาตรวจดูอาการเผื่อจะเกิดปาฏิหาริย์ให้ลูกชายคนเล็กฟื้นมาได้ สิ้นเสียงคำสั่งข้ารับใช้รีบวิ่งไปตามหมอฝรั่งที่อยู่บ้านข้างๆ

โชคดีที่วันนี้คุณหมอไม่ต้องออกไปตรวจทหารที่บาดเจ็บ จึงมาถึงได้รวดเร็วกว่าปกติ

โชคดียิ่งนัก...

เมื่อมาถึงก็รีบตรวจดูชีพจรและส่วนต่างๆ ของร่างกายก่อนจะรีบให้ข้าทาสเตรียมหยูกยาให้พร้อม ร่างตรงหน้าถึงแม้ว่าจะจมน้ำมาได้หลายชั่วยาม ชีพจรนั้นยังคงเต้น ลมหายใจยังคงเข้าออกแต่รวยรินยิ่งนักจนคิดเสียว่าตายไปแล้ว หมอฝรั่งรีบอุ้มอีกฝ่ายไปที่เรือนใหญ่เพื่อทำการรักษา

บัดนี้เรือนใหญ่ดูวุ่นวายยิ่งนัก ข้ารับใช้ต่างขึ้นลงบันไดเรือนนี้ว่าเล่น...

"ลูกข้าเป็นอย่างไรบ้างท่านสนิท (สมิทธ์)" ท้าวสุวรรณเข้าหาหมอฝรั่งทันที ใบหน้าคนเป็นพ่อนั้นมีแต่ความกังวลอย่างเห็นได้ชัด แรมจันทร์ที่เป็นลมก็ฟื้นขึ้นมาแล้วตรงดิ่งมาดูน้องชายตนที่เรือนใหญ่ทันที ไม่สนเลยว่าตนเองนั้นจะมีสภาพเป็นอย่างไร

“คุณชายน้อยมีอาการที่ไม่แน่นอนมากนัก อีกทั้งชีพจรอ่อนเสียจนจับไม่ได้ ข้าคาดว่าอีกไม่เกิน...” ดวงตาหมอฝรั่งไม่กล้ามองเข้าไปที่ดวงตาของอีกฝ่าย เข่าของคนเป็นพ่อทรุดลงกับพื้นไม้จนเกิดเสียงดัง แรมจันทร์รีบเข้ามาประคองพ่อตนด้วยน้ำตานองหน้า ข้าใช้ต่างพากันซุบซิบ ทำไมถึงได้ดิ้นรนหาหมอฝรั่งมายื้อชีวิตคนที่น่าเกลียดที่สุด ไยต้องมาเสียใจให้กับคนอัปลักษณ์เช่นนั้นด้วย...!

“ทะ...ท่านพี่” เสียงเรียกอันแผ่วเบาเสียจนไม่ได้ยิน ดังออกจากปากคนที่ใกล้ตายอย่างขิม หูของคนเป็นพี่ได้ยินเสียงแว่วออกมาจากในห้องก็รีบประคองพ่อตนเข้าห้องไปดูน้องชายสุดที่รัก ที่ตอนนี้นอนตัวซีดเซียวยิ่งกว่าปลาตายในตลาด ใบหน้าอัปลักษณ์ฝืนยิ้มให้ แรมจันทร์ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เตียงก่อนจะลูบปอยผมสวยที่บังหน้าด้วยความอ่อนโยน

“อย่าร้องไห้ไป...” น้ำเสียงแผ่วเบาออกจากปากขิม ท้าวสุวรรณที่ทนเห็นสภาพของลูกชายคนเล็กไม่ได้จึงเป็นลมไปอีกรอบ ข้าทาสจึงรีบนำตัวไปให้หมอฝรั่งดูอาการอยู่ข้างนอก

ในห้องตอนนี้เหลือเพียงแต่สองพี่น้อง พลางให้แรมจันทร์นึกได้ว่าตั้งแต่ตบแต่งกับผู้ชายเรือนอื่นไป เขาก็ไม่ค่อยได้อยู่กับน้องชายอีกเลย เป็นเพียงนานๆ ทีเท่านั้นถึงจะได้อนุญาตจากแม่ผัวให้กลับมาเยี่ยมที่เรือนนี้ แต่ไม่คิดเลยว่าการกลับมาที่นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็นหน้าของน้องชาย

“ข้า...ฮึกรักเจ้านะ ขิมบรรเลงของข้า” แรมจันทร์ว่าด้วยน้ำตา พลางจับมือน้องชายตนขึ้นมาแล้วอีกมือก็ลูบหัวคนบนเตียงด้วยความอ่อนโยน ขิมฝืนส่งยิ้มให้กับพี่ชายของตน ก่อนรอยยิ้มนั่นจะค่อยๆ หายไปทีละนิด ทีละนิด มือที่กำเขาไว้ตอนนี้มันกลับอ่อนแรงลง แรมจันทร์ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร หมอฝรั่งเดินเข้ามาก่อนจะหยิบผ้าสีขาวสะอาดคลุมคนบนเตียงตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างอาลัย ใช่ว่าหมอฝรั่งจะไม่รู้จักขิม ตอนที่มาใหม่ ๆ นั้นขิมก็ทำอาหารมาต้อนรับเขาอย่างดี ไม่พอเพียงแค่นั้นจะคอยช่วยงานเขาที่ค่ายทหารเป็นอย่างดี

แต่บัดนี้ไม่มีอีกแล้ว...

หน้าอัปลักษณ์แต่จิตใจนั้นแสนดี ดีเสียจนหมอฝรั่งคิดว่าตนนั้นไม่อาจจะสะท้อนอยู่ในดวงตาคู่นั้นได้

“ถ้าบุญของข้ายังมีอยู่ ข้าขอให้เจ้าเกิดมาอยู่กับข้าอีก ไม่ว่าเจ้าจะเกิดเป็นอะไรก็ช่างมันกระไร ข้าจะรักเจ้าตลอดไป น้องชายที่ข้ารักและหวงแหนมากที่สุด...”

...

...

ไม่กี่ปีต่อมา ท้าวสุวรรณได้รับข่าวจากข้ารับใช้ของเรือนสกุลมาลา ว่าบุตรชายคนโตของเขาได้ตั้งครรภ์เสียแล้ว ถึงแม้ว่าเรือนเดชพิมุกต์นั้นจะไม่มีเรื่องราวดี ๆ มาเนิ่นนานแล้ว ก็สร้างความสุขให้กับท้าวสุวรรณที่ป่วยออดแอดมานานแรมปีได้

“เช่นนั้นหรือไอ้เข้ม เจ้าแรมจันทร์ตั้งครรภ์ได้กี่เดือนแล้ว” ร่างชายหนุ่มมีอายุที่นอนอยู่บนเตียงหันเพียงเสี้ยวหน้าถามข้ารับใช้คนสนิทที่คุกเข่าขนาบอยู่ข้างเตียง

“เจียนจะคลอดแล้วขอรับท่านท้าว คุณหนูท่านสั่งให้ข้ามาบอกท่านตอนนี้ก็เพราะว่าไม่มีเวลาว่างที่จะมีบอกด้วยตนเองขอรับ” เข้มพูดแก้ตัวให้คุณหนู ท้าวสุวรรณพยักหน้าเข้าใจ เขาเข้าใจอย่างเที่ยงแท้ว่าแม่ผัวอีกฝ่ายคงต้องเป็นห่วงมาก จึงไม่ให้ออกจากเรือน เพราะผัวของแรมจันทร์นั้นเป็นถึงแม่ทัพของเมืองภูจันทร์แห่งนี้ ย่อมมีศัตรูอยู่ทั่วเพื่อหวังจะแย่งชิงอำนาจแม่ทัพมา

“ข้ารู้ดอกไอ้เข้ม เอ็งว่าข้าจะได้อยู่ทันเห็นหน้าหลานหรือไม่วะ” ท้าวสุวรรณถามออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ แต่คนที่โดยถามนั้นไม่สบายใจเลยแม้แต่น้อย ตั้งแต่ที่คุณหนูน้อยได้เสียไป คุณท่านก็ได้แต่ตรอมใจจนป่วยหนักมาจนถึงทุกวันนี้ หมอสนิทที่ว่าเก่งยังไม่สามารถหาวิธีรักษาได้ คนแก่อย่างเขาคงได้แต่นอนรอความตาย

“นายท่านอย่าพูดเช่นนี้สิขอรับ เข้าใจไม่ดีเลย”

“หึหึ ข้าจะพยายามประคองตัวเองให้เห็นหน้าหลาน จะได้ตายตาหลับเสียที”

“ขอรับนายท่าน...”

ไม่กี่เดือนผ่านไป สะใภ้ใหญ่ของเรือนสกุลมาลาก็ให้กำเนิดบุตรชายที่ชื่อว่า ‘เจ้าแก้วจอม’ ออกมา ทว่าเมื่อยามที่หมอตำแยเห็นใบหน้าของคุณหนูท่านนี้ถึงกับกรีดร้องออกมาเสียงดัง แรมจันทร์ที่ได้เห็นหน้าลูกเป็นครั้งแรกเข้าใจได้ทันทีว่า ‘น้องชาย’ ที่รอมาแสนนาน กลับชาติมาเกิดเป็นลูกชายของเขา...

 

 

 

ฝากน้องนะคะแงงง ความรักที่น้องต้องการคือความรักแบบคนรักนะคะ ไม่ใช่ความรักแบบครอบครัว ต้องเข้าใจน้องในตรงนี้ด้วยว่า น้องเกิดมามีหน้าตาไม่เหมือนกับผู้อื่นเลยทำให้ยากที่ผู้ชายเรือนอื่นจะเข้าหา มันเลยเป็นประเด็นให้น้องเสียใจที่ตนเองนั้นไม่อาจจะครองคู่ได้ทั้งที่มีอายุถึงขนาดที่ว่าออกเรือนได้แล้ว มันเป็นจุดเล็ก ๆของน้องในการตัดสินใจฆ่าตัวตายค่ะ แต่มองอีกมุมถ้าน้องไม่มีคนมาใส่ไฟอย่างเช่น บ่าวใช้ หรือผู้คนมาทำให้น้องเสียความรู้สึกน้องก็อาจจะใช้ชีวิตอยู่เป็นโสดก็เป็นได้นะคะ เพราะว่าคำตัดสินของผู้อื่นทำให้น้องฆ่าตัวตายนั่นเองค่ะ