6 ตอน บทเรียนที่6 : บทเรียนสุดท้าย
โดย CherrieZz
แก๊กๆ เอี๊ยดดดด.....
เสียงเปิดประตูดังขึ้นที่หน้าห้อง...
พี่ต้าร์กลับมาแล้ว!
บีมวางมือในทุกสิ่งที่กำลังทำอยู่ รีบวิ่งดุ๊กๆ เข้าไปหา กระโดดลอยตัวหมับเข้าไปที่เอวของคนตัวสูงทันทีที่ก้าวเข้ามาในเขตห้อง
"คิดถึงจัง จุ๊บ.." เสียงออดอ้อนเอ่ยขึ้น ตามด้วยจูบเบาๆ ลงที่ต้นคอ
"อะไรกันเป็นลิงไปแล้วรึไง..ฮึ!?" ถึงจะออกปากบ่นแบบนั้น แต่ไม่วายเลื่อนมือไปโอบประคองที่หลังและต้นขาโดยอัตโนมัติเพราะกลัวเด็กซนจะร่วงลงมา
"คิดถึงอ่ะ คิดถึงพี่ต้าร์..."
"เราเนี่ยน้าาา...." มือข้างหนึ่งละจากหลังมาดีดหน้าผากลิงดื้อก่อนจะกลับไปประคองหลังตามเดิม ก็ตอนนี้อีกคนกำลังกอดรัดเขาแนบแน่นทั้งแขนทั้งขา แถมยังเอาแก้มมาน้วยๆ อะไรจะอ้อนเก่งเบอร์นี้!
การดีดหน้าผากเลยกลายเป็นการแกล้งอีกฝ่ายกลายที่ต้าร์ชอบทำไปแล้วเวลาที่มันเขี้ยวเจ้าตัวแสบมากๆ หรือเวลาโดนเด็กกวนประสาท แต่ว่ามันไม่เจ็บหรอก เพราะคนที่โดนยังมีสีหน้าระรื่นดีอยู่แถมยังหัวเราะคิกคัก
"เหนื่อยไหมครับ..วันนี้"
"ไม่หรอก วันนี้แค่คุมสอบเฉยๆ ใช้พลังงานไม่เยอะ แต่มีงานต้องเอากลับมาทำต่อน่ะ"
"พี่ไปอาบน้ำก่อนเลยครับ จะได้สบายตัว ผมทำกับข้าวไว้เพิ่งเสร็จพอดีเลย เดี๋ยวเอาไปตั้งโต๊ะรอนะ"
ลิงน้อยทิ้งตัวลงมายืนที่พื้นแล้ว ถึงจะซนไปบ้างแต่ก็รู้เวลา พอเห็นหน้าตาอีกฝ่ายดูอิดโรย ก็เลิกทำตัวงอแงแล้วเปลี่ยนเป็นเด็กดีทันตา ถึงแม้คนเป็นพี่จะบอกว่าวันนี้ทำงานไม่เหนื่อย แต่บีมรู้ดีแก่ใจว่าแค่ระยะทางมหาวิทยาลัยมาถึงคอนโดนั้น ถึงแม้จะอยู่ห่างกันไม่มากขนาดมองออกมาก็เห็นยอดตึกคอนโดอยู่ลิบๆ แต่พี่ต้าร์ต้องใช้เวลาฝ่าฟันในการเดินทางมากแค่ไหน..
..เพราะสภาพการจราจลในกรุงเทพมันแย่มากไงล่ะ!
"ขอบคุณนะ" ตัวสูงก้มลงจรดริมฝีปากบนแก้มนิ่มของคนตัวเล็ก "งั้นรอพี่แป้บนะครับ เดี๋ยวมากินด้วยกัน" พูดจบก็หมุนตัวเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้อีกฝ่ายตัวแข็งทื่อ ยื่นเอามือลูบหน้าอยู่ป้อยๆ
ปกติแล้วจะเป็นบีมเองที่มักจะเป็นฝ่ายวอแวถึงเนื้อถึงตัวอีกฝ่ายก่อนเสมอ ถึงตอนนี้พี่ต้าร์จะแสดงความรักกับเขาเก่งขึ้น - หมายถึงเก่งกว่าตอนแรกเยอะน่ะนะ แต่บีมก็ยังไม่ชินเท่าไร สัมผัสเพียงเล็กน้อยเช่นตอนนี้ ก็ทำให้หน้าร้อนวูบ ใจสั่นตึกตักทุกที ทำเหมือนไม่เคยยังไงยังงั้น..
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชอบสุดๆ...
ร่างเล็กเดินตัวลอยกระย่องกระแย่งกลับไปที่ครัวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ข้าวผัดสับปะรดที่เมื่อสักครู่เพิ่งผัดเสร็จพอดียังคาอยู่บนกระทะ ใช้ตะหลิวคนอีกสองสามทีให้ความร้อนกระจายทั่วกัน ก่อนจัดวางลงจานสองใบ เดินไปหยิบแก้วเปล่าสองใบมารินน้ำเตรียมไว้ หยิบกระเป๋าและกองงานของคนเป็นอาจารย์ไปจัดเรียงไว้ที่โต๊ะทำงานให้เข้าที่เข้าทางระหว่างรอเวลา
..ว่าจะแอบดูสักหน่อย ว่าแบกงานอะไรกลับมาทำนักหนา แต่พอได้เสียงฝีเท้าออกมาจากห้องน้ำแล้ว บีมก็เลยวิ่งจู๊ดกลับมานั่งคอยอย่างแป้นแล้นที่โต๊ะอาหาร
"เป็นไงบ้างครับ..?" พ่อครัวตัวจิ๋วรอลุ้นคำตอบหลังอีกคนตักอาหารฝีมือตนเข้าปากไปคำแรก
"อร่อยมาก"
"แหม...หวานกว่าสับปะรดในจานก็ปากพี่นี่แหละ รีบตอบขนาดนี้ลิ้นรับรสอาหารรึยังครับนั่น ฮ่าๆ" ...ถึงพูดแบบนั้น แต่ก็คำว่าอร่อยก็ทำให้อมยิ้มจนแก้มแทบแตก
"เอ้าาา พี่พูดจริง อร่อยมากๆ ข้าวผัดสับปะรดเมนูนี้หากินได้ง่ายๆ ที่ไหน"
"ที่บ้านผมที่ปราณทำไร่สับปะรดครับ พวกเราได้เลยกินเมนูเกี่ยวกับสับปะรดบ่อยๆ เลย อย่างอันนี้แม่ผมก็ทำให้กินบ่อยมาก ถ้าแม่เบญรู้นะ..ว่าคนอย่างไอ้บีมสามารถถ่ายทอดวิชาอาหารของแม่ได้บ้างแล้วต้องดีใจมากแน่ๆ ปกติเคยเข้าครัวซะที่ไหนล่ะ"
"แล้วทำไมอยู่นี่ถึงทำกับข้าวให้พี่กินบ่อยๆ ล่ะ ถ้าไม่ถนัดก็สั่งเอาบ้างก็ได้นี่ จะได้ไม่เหนื่อย"
"มันมีแพชชั่นครับ" คนตอบอมยิ้ม "การที่ได้ทำอะไรให้คนที่เรารักมันมีความสุขนะ ยิ่งเวลาพี่บอกว่ามันอร่อย หัวใจของผมงี้...พองโตมาก ผมเข้าใจแม่แล้วครับ ที่เวลาทำอะไรมาให้กินแล้วจะคะยั้นคะยอถามว่ามันอร่อยไหม พอได้ยินคำว่าอร่อยมันมีความสุขแบบนี้นี่เอง"
เห็นคนพูดที่พูดไปยิ้มไป ต้าร์ก็อดยิ้มตามไม่ได้ "อื้อ มันอร่อยมาก ไม่ได้โกหก ขอบคุณนะ"
พ่อครัวน้อยยิ้มค้างไม่หุบ "เดี๋ยวไว้ผมโทรไปขอสูตรอย่างอื่นจากแม่อีกนะครับ ว่าจะฝึกทำเรื่อยๆ ถ้าอันไหนยังไม่อร่อย พี่อดทนรอผมหน่อยน้า ผมจะทำอาหารเก่งๆ ให้ได้"
"อื้อ" คนพี่พยักหน้าให้ "งั้นแบบนี้ดีไหม?..เสาร์อาทิตย์นี้เราไปซื้อของเข้ามาแล้วฝึกทำอาหารกัน ลองทำหลายๆ ไปอย่างเลย พี่จะได้ช่วยเราด้วย เรียนรู้ไปด้วยกัน"
คนตัวเล็กยิ้มแฉ่งพร้อมพยักหน้ารับรัวๆ
ช่วงเวลาอาหารมื้อเย็นจะเป็นช่วงเวลาสบายๆ ที่ทั้งคู่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวในชีวิตประจำวัน ทุกวันก็เป็นแบบนั้นใช้ชีวิตกันไปแบบเรียบง่าย
จะมีอยู่เรื่องเดียวที่ยังคงเป็นเรื่องเครียดเรื่องใหญ่ในใจบีม คือบีมยังคงหางานไม่ได้ แต่คนอายุมากกว่าอย่างต้าร์ไม่เคยกดดัน หลายครั้งเขาเห็นบีมเครียดกับเรื่องสมัครงาน โดนปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า เห็นบีมเสียใจ จนบางครั้งเผลอร้องไห้ออกมาเพราะรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นตัวภาระให้
คนที่เห็นภาพนั้นรู้สึกเจ็บจุกในใจไปด้วย จนหลายครั้งแทบจะหลุดปากไปว่า.... 'ไม่ต้องหางานแล้ว ให้พี่ดูแลบีมไปตลอดชีวิตเลยก็ได้...'
แต่ต้าร์ก็จำต้องกลืนคำพูดเหล่านั้นให้ลงหาย เพราะมันคงเป็นการดูหมิ่นเกียรติและศักดิ์ศรีมากพอสมควรเลยถ้าพูดออกไปแบบนั้น บีมเองคงอยากมีงานให้เป็นที่ภาคภูมิใจของตัวเอง มีรายได้ไว้ใช้ส่วนตัวโดยไม่ต้องพึ่งพาแต่จากคนอื่น เขาเลยทำได้แค่คอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆ และไม่กดดัน มีเพียงอ้อมกอดอบอุ่นไว้รอรับในยามที่บีมผิดหวัง และมีกำลังใจให้เสมอในทุกเวลาต้องการ
แต่ในขณะเดียวกัน..ด้านงานเขียนของบีมเองก็พัฒนาไปมาก ยิ่งผิดหวังจากการสมัครงานมากเท่าไร บีมยิ่งทุ่มเทพละกำลังที่มีทั้งหมดลงไปกับงานเขียนมากเท่านั้น ทั้งทำการบ้านทั้งค้นคว้าข้อมูลให้ลึกซึ้งในทุกเรื่องที่จะเขียน เพื่อจะได้ไม่มีเวลาเหลือให้เครียดและเพื่อจะได้มีผลงานนิยายที่ดีมีคุณภาพขึ้น ถือเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัวเลยทีเดียว
และนับตั้งแต่ที่เขามีคนรักเป็นตัวเป็นตน(?) บีมเสมือนค้นพบไอเทมลับเวลาเล่นเกม ที่ส่งผลให้สกิลการเขียนของเขาก้าวกระโดด หลายสิ่งที่เคยต้องงัดจินตนาการขึ้นมาใช้เวลาเขียน ตอนนี้ก็สามารถหยิบโยงเอาประสบการณ์ส่วนตัวมาใช้ได้ บทจะเขียนนิยายรักหวานๆ ก็หวานไปสุด บทจะเขียนนิยายที่ต้องพึ่งความสมจริงก็เขียนได้เป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น ทั้งยังมีข้อมูลของโลกวิชาการอีกด้านที่คนเป็นอาจารย์แชร์เรื่องราวให้ฟัง ทำให้เขามีวัตถุดิบในการเขียนมากขึ้น นอกจากประเภทนิยายจะหลากหลาย ยังมีไอเดียสร้างพล็อตแปลกใหม่ขึ้นมาตลอดเวลา นอกจากนั้นภาษาเขียนก็ค่อยๆ ดีขึ้น บรรยายได้ลื่นไหลขึ้น ส่งผลให้การลงนิยายในระยะหลังมานี้ แต่ละเรื่องของบีมมียอดคนอ่านเพิ่มขึ้น มีคนอินกับเรื่องราวที่บีมแต่ง มีนักอ่านเข้ามาให้กำลังใจและพูดคุยด้วยเสมอ
ทุกอย่างล้วนทำให้บีมปลดล็อคปมในใจที่เคยตราหน้าตัวเองว่าเป็นแค่นักเขียนกากๆ ลงไปได้
และที่สำคัญตอนนี้บีมก็เริ่มมีรายได้จากงานเขียนขึ้นมาบ้างแล้ว โดยเริ่มลองติดเหรียญในตอนพิเศษ หรือบางเรื่องที่สามารถนำต่อยอดได้โดยเปิดขายเป็นอีบุ๊คก็มีนักอ่านที่น่ารักหลายท่านตามมาอุดหนุนบีม ถึงแม้ตอนนี้เขาจะไม่ใช่นักเขียนที่โด่งดังอะไร แม้รายได้ที่เข้ามายังไม่ได้เยอะมาก แต่บีมก็มีความสุขและภูมิใจที่พัฒนาตัวเองเองมาได้จนถึงจุดนี้ มีรายได้ไว้สำหรับซื้อของที่ตัวเองอยากได้ และได้ช่วยพี่ต้าร์ในเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้บ้าง
"เอาจานวางไว้ตรงนั้นแหละครับ เดี๋ยวผมเก็บให้" บีมพูดขึ้นเมื่อกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วอีกคนทำท่าจะเอาจานไปล้าง "พี่ไปทำงานก่อนได้เลยครับ ผมเอางานไปวางที่โต๊ะทำงานให้แล้ว ตรงนี้ผมจัดการเอง ถ้าเรียบร้อยแล้วจะตามเข้าไปนะครับ"
"เอางั้นเหรอ?" เมื่อเห็นอีกคนพยักหน้า เลยว่าต่อ "ขอบคุณนะ รีบตามมาเร็วๆ ล่ะ"
โต๊ะทำงานของคนเป็นอาจารย์อยู่ในมุมหนึ่งของห้องนอน ตอนแรกเขาตั้งใจจะซื้อชุดโต๊ะแบบนี้ให้บีมไว้ทำงานอีกชุดหนึ่ง แต่บีมปฏิเสธเพราะเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ บีมแค่ใช้โน๊ตบุ๊คตัวเดียวสามารถทำงานตรงไหนก็ได้ บีมนั่งทำงานบนเตียงบ้าง ในครัวบ้าง บนโซฟาห้องนั่งเล่นบ้างหมุนเวียนกันไป
ร่างเล็กเดินเก็บจานชามไปล้าง จากนั้นก็นำผ้ามาเช็ดโต๊ะอาหารจนสะอาด ทำทุกอย่างคล่องแคล่วด้วยความคุ้นชิน เสมือนว่าเป็นห้องที่ตัวเองอาศัยอยู่มานาน
เมื่อทำงานเสร็จเรียบร้อบ ก็มาหย่อนก้นนั่งพักลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นที่ติดกันกับโซนห้องครัว ทอดสายตาไปรอบๆ พลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
ชอบที่นี่จัง...
ไม่สิ... ถ้าจะพูดให้ถูก บีมคงชอบความรู้สึกที่ได้เราได้อยู่ด้วยกันที่นี่มากกว่า
พวกเราตื่นมาให้กำลังใจกันทุกเช้า ระหว่างวันมีคนให้คิดถึง ตอนเย็นต่างฝ่ายต่างดีใจที่จะได้เจอหน้ากัน ได้ทำนู่นทำนี่ไปด้วยกัน เป็นที่ปรึกษาและระบายเมื่ออีกฝ่ายมีปัญหา มีอ้อมกอดไว้เติมพลังเสมอเมื่อใครคนหนึ่งท้อแท้ มันทำให้รู้สึกว่าชีวิตมีค่ามากขึ้น เมื่อรับรู้ว่ามีคนคอยอยู่เคียงข้างและพร้อมจะเดินไปกับเราจนสุดทาง
ความรู้สึกที่ได้รักใครสักคนและเป็นคนที่ถูกรักนี่มันดีจริงๆ ดีจนแทบจะลืมความรู้สึกของการอยู่คนเดียวไปแล้ว ลืมความเป็นไอ้บีมคนเก่งที่ตัดสินใจทุกอย่างคนเดียวแก้ปัญหาด้วยตัวคนเดียวมาได้ตลอดหลายปี ถ้าจะให้กลับไปเป็นนั้นคงทำใจยาก คิดแล้วก็ตลกตัวเองชะมัด ทั้งๆ ที่ก่อนจะมีพี่ต้าร์เข้ามา เขาก็ใช้ชีวิตแบบนั้นมาตลอดแท้ๆ
ตอนนี้ไม่อยากเป็นแล้วคนเก่ง บีมอยากเป็นแค่เด็กคนน้อยหนึ่งที่มีแฟนให้อ้อน มีกอดอุ่นๆ ให้ซุก บางทีความสุขก็เพียงเท่านี้...
ยิ่งมองไปรอบๆ ห้อง บีมยิ่งรู้สึกว่าพวกเรามาไกลเหลือเกิน ผ่านมาแล้วเกือบสามเดือนจากวันแรกที่พี่ต้าร์ล่อลวง เอ้ย..เชิญชวนเขามาอยู่ด้วยกัน จากที่อ้างว่าไม่ได้เสียค่าอะไรเพิ่ม แต่พอถึงเวลาจริงๆ เจ้าตัวก็ขยันซื้อนู่นซื้อนี่เข้ามาให้ อย่างพอรู้ว่าบีมอยากฝึกกับข้าวแต่ก็ยังทำไม่เก่งมาก ก็คอยหาซื้ออุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกมาให้ เช่น กระทะเทฟล่อน หม้อทอดไร้น้ำมัน เตาอบตัวเล็กๆ ให้บีมได้หาเมนูง่ายๆ มาลองทำ
จากครัวโล่งๆ ที่แทบไม่เคยได้ใช้งาน เพราะพี่ต้าร์เล่าว่าอยู่คนตัวเดียวก็มักจะซื้ออาหารเข้ามากินซะมากกว่า ก็ค่อยๆ เริ่มมีอุปกรณ์งอกขึ้นมาวันละชิ้นสองชิ้นจนเกือบครบครับ ให้ความรู้สึกถึงความเป็นบ้านมากขึ้น
ห้องอื่นๆ นอกจากครัวก็มีข้าวของสีฟ้าเพิ่มขึ้นมาเต็มไปหมด ความจริงแล้วพี่ต้าร์ชอบสีน้ำเงิน เป็นบีมเองที่ชอบสีฟ้า เป็นโทนสีที่ไปด้วยกันได้พอดีอยู่แล้ว แต่ส่วนมากคนพี่ก็มักตามใจบีมซะมากกว่า จากห้องคอนโดห้องสีขาวเรียบๆ เพราะพี่ต้าร์ไม่ขยันตกแต่งอะไรมาก ตอนนี้กลับดูชีวิตชีวาขึ้นมาด้วยโทนสีฟ้า
ยังไม่นับถึงความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณเขาไปสรรหาของใช้คู่กันมาให้อีก จานคู่ แก้วน้ำคู่ ปลอกหมอนคู่ ผ้าเช็ดตัวคู่ และอีกหลายอย่างเลยที่เป็นคู่กัน
บีมเคยคิดอยากดุพี่ต้าร์เหมือนกันนะ เรื่องที่ผิดสัญญาทำตัวสิ้นเปลืองเกินกว่าที่รับปากกันไว้มาก แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าทั้งหมดมันก็คือความน่ารักที่ทำเพื่อตัวเขาทั้งนั้น เลยเกิดอาการน้ำท่วมปากอยากดุก็ดุไม่ได้ จะโกรธก็ไม่ลง...
จะว่าไป..คนที่ไม่เคยมีแฟนเนี่ย พอมีเข้าแล้วก็โรแมนติกอย่าบอกใครเลยล่ะ อาจจะเพราะบีมเป็นความรักครั้งแรกของพี่ต้าร์ด้วยล่ะมั้ง ทั้งรักแรกทั้งเป็นแฟนคนแรก พี่ต้าร์เลยประคับประคองความรักครั้งนี้เอามากๆ ดูแลใส่ใจกันมาก ทั้งยังตามใจกันทุกเรื่องเลย ไม่ใช่แค่วันแรกๆ แต่ยังมั่งคงและสม่ำเสมอมาจนถึงทุกวันนี้..
พอพูดถึงคำว่าวันแรก บีมก็ย้อนหวนไปนึกถึงภาพวันที่ได้ก้าวเข้ามาอยู่ที่นี่เป็นวันแรก
วันนั้นที่อะไรๆ ก็เป็นครั้งแรกไปซะหมด...
.
.
.
หลังจากพี่ต้าร์ขับรถไปรับบีมเพื่อขนของออกจากหอพักเก่า เราแวะกินข้าวเติมพลังก่อนจะช่วยกันขนของเข้ามาเก็บในห้องนี้ ว่าตัวเองมีของไม่เยอะแล้วนะ พอถึงเอาเข้าจริงก็หนักหน่วงอยู่ปาไปหลายกระเป๋าอยู่
แม้ห้องคอนโดของพี่ต้าร์จะไม่ได้หรูหรามากมาย แต่ก็ถือกว้างขวางมากแล้วสำหรับคนที่เคยอยู่ห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ อย่างบีม มีการแยกโซนเป็นสัดเป็นส่วนชัดเจน มีโซนครัว โซนห้องนั่งเล่น ติดกับห้องนั่งเล่นคือห้องนอน มีห้องน้ำหนึ่งห้องอยู่ในส่วนของห้องนอน
พี่ต้าร์เตรียมเคลียร์ตู้เสื้อผ้ารอไว้แล้ว เราใช้ตู้ร่วมกันแต่แบ่งพื้นที่คนละครึ่ง ส่วนข้าวของต่างๆ พี่ต้าร์อนุญาตให้ว่างไว้ตรงไหนก็ได้โดยให้สิทธิ์เป็นเจ้าของห้องร่วมที่สามารถทำอะไรได้ทุกอย่างตามใจ เราใช้ห้องน้ำเดียวกัน ใช้นอนห้องเดียวกัน และที่สำคัญคือ...เตียงเดียวกัน!
หัวใจเต้นตึกตัก บีมรู้สึกเหมือนคนตกกระไดพลอยโจนยังไงบอกไม่ถูก รู้ตัวอีกก็ได้มาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนรักแบบเต็มตัวซะแล้ว จากคนที่อยู่คนเดียวมาตลอด ทำให้อดที่จะประหม่าไม่ได้เลย
จัดเรียงข้าวของกันอยู่นานสองนานเล่นเอาเหนื่อยกันไปทั้งคู่ พอทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยดีแล้ว เจ้าของห้องก็ผละไปเตรียมน้ำในอ่างไว้ให้บีมแช่
'พี่เตรียมน้ำไว้ให้แล้วนะ อุ่นกำลังดีเลย ไปแช่ซะร่างกายจะได้ผ่อนคลาย แล้วถ้าอยากได้อะไรอีกก็บอกได้เลยนะ' พูดจบก็ย้ายตัวเองมาเปิดตู้เตรียมหาผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนใหม่ยกชุดเพื่อจะมาเปลี่ยนให้ เรียกว่าเซอร์วิสรูมเมท(?)คนนี้อย่างเต็มรูปแบบเลยทีเดียว
'ขอบคุณครับพี่ต้าร์'
การได้แช่น้ำอุ่นๆ ช่วยบรรเทาความเมื่อยล้าจากการขนของมาทั้งวันได้ดีจริงๆ ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว บีมก้าวขาออกมาพบกับเตียงนอนที่ชุดผ้าปูรวมถึงผ้าห่มเป็นโทนสีฟ้าไปทั้งหมดเซ็ต ซึ่งมันเป็นสีที่เขาชอบ บีมประทับใจกับความใส่ใจเรื่องเล็กน้อยที่ไม่มีใครเกินของพี่ต้าร์จริงๆ
'ผมเปิดน้ำเตรียมไว้ในอ่างให้พี่แล้วเหมือนกันนะครับ'
'อื้อ ขอบคุณนะ ถ้าง่วงก็นอนได้เลย ไม่ต้องรอพี่'
'ครับ' เขาพยักหน้า
เมื่อร่างสูงให้หลังเข้าห้องน้ำไป บีมก็จัดการโดดขึ้นมานอนบนเตียงกว้าง
ฮ้าาา..สบายจัง~
ร่างกายที่เพิ่งผ่านการแช่น้ำอุ่นจนเบาสบายตัว เครื่องปรับอากาศก็ให้ความเย็นฉ่ำกำลังดี ผ้าห่มผืนใหญ่หนานุ่มแถมยังหอมกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มอ่อนๆ ทุกอย่างลงตัวมากๆ บรรยากาศชวนให้เคลิ้มน่าหลับสบาย แต่....
ตึกตัก..ตึกตัก... ตึกตัก..ตึกตัก...
เสียงหัวใจกลับดังเหมือนต่อเครื่องขยายเสียง...
เพียงแค่คิดว่า...เดี๋ยวไม่นานพี่ต้าร์ก็จะมานอนข้างๆ ตรงนี้!
สถานการณ์แบบนี้มัน....เอ่อ....นะ
จะให้ใจคอสงบยังไงไหว...
บีมสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ มุดหัวลงใต้ผ้าห่มหนา หวังให้ความมืดช่วยสงบจิตใจ
ไม่นานคนตัวสูงก็ก้าวออกมาจากห้องน้ำ แค่ได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา สติที่พยายามจะรวบรวมก็กระเจิงหาย..
'ตัวแสบของพี่หลับไปแล้วเหรอเนี่ย?' ต้าร์พึมพาขณะกำลังยืนแต่งตัวไปด้วย
คนใต้ผ้าห่มค่อยๆ แอบโผล่แค่ตาออกมาสอดส่องสถานการณ์ ดันเห็นคนรักอยู่ในสภาพที่นุ่งผ้าขนหนูเพียงผืนเดียว!
เฮือกกกก....
ลมหายใจถึงกับสะดุด รีบมุดหัวกลับข้างใต้ผ้าห่มอย่างไว ลอบพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมกับกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ
...ไม่คิดเลยว่าพี่ต้าร์จะเป็นคนเปิดเผยขนาดนี้
ไม่ใช่สิ...ไอ้บีม นี่มันห้องนอนพี่ต้าร์เขาห้องน้ำก็ห้องน้ำส่วนตัวเขา ปกติถ้าเขาจะนุ่งผ้าผืนเดียว หรือจะแก้ผ้ามันก็เรื่องของเขาอยู่ดี เราต่างหากคือส่วนที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาใหม่ในห้องนี้...
บีมกำลังทะเลาะกับความคิดตัวเอง
จะตายเอา...
ภาพเมื่อสักครู่มันสุดแสนจะติดตา พี่ต้าร์ที่ว่าปกติเป็นคนสีผิวขาวเหลืองธรรมด๊าธรรมดา หลังจากโดนน้ำอุ่นเข้าผิวก็ออกจะสีชมพูขึ้นมาเฉย อะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็ได้เห็น! แถมหยดน้ำที่เกาะพร่างพราวไปทั่วนั่นอีก!
โอ้ย มันช่าง.....
หน้าร้อน ใจสั่น หายใจไม่ทั่วท้อง ความรู้สึกปั่นป่วยภายในเริ่มก่อตัว เป็นความรู้สึกที่บีมควบคุมตัวเองไม่ได้....
บีมเข้าใจตัวเองอยู่หรอกว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้นเป็นมันเรื่องธรรมชาติ โดยเฉพาะกับคนที่ตัวเองรักยิ่งแล้วใหญ่ แล้วเขาก็เป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งที่มีหัวใจ เรื่องอย่างว่า(?) ยังไง..วันใดวันหนึ่งมันก็ต้องเกิด...
แต่...มันไม่ควรเป็นวันนี้ไหม??
วันนี้เป็นวันที่เราเพิ่งจะมาอยู่ด้วยกันวันแรก ถ้าพี่ต้าร์รู้ว่าบีมคิดแต่เรื่องแบบนี้จะรู้สึกแย่ที่เขาหมกมุ่นเกินไปไหม.. แถมวันนี้พี่ต้าร์ยังทั้งเหนื่อยทั้งวุ่นวายกับการช่วยขนย้ายของมาทั้งวันอีก...
...แต่หยุดจินตนาการฝุ้งซ่านไม่ได้จริงๆ
บีมต่อสู้กับความรู้สึกตัวเองอย่างหนัก มือเล็กทั้งสองค่อยๆ ออกแรงจิกผ้าห่มจนหลังมือขึ้นเส้นเลือดเขียวปูด หาวิธีสะกดอารมณ์งุ่นง่านที่เกิดขึ้นเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้ทั้งไม่อยากเห็นแล้วก็ไม่อยากได้กลิ่นพี่ต้าร์เลย กลัวอาการจะหนักไปกว่านี้ พอคิดแบบนั้น..บีมเลยเอาผ้าห่มห่อตัวเองไว้แล้วกลิ้งไปมาให้มันพันรอบตัวเขาเข้าไปแน่นๆ คล้ายตัวเขาเป็นเส้นน้ำตาลแล้วผ้าห่มเป็นแผ่นแป้งที่ม้วนห่อรวมกันเป็นขนมโรตีสายไหมยังไงยังงั้น...
คนที่แต่งตัวไม่ทันจะเรียบร้อยดีใส่ได้เพียงกางเกงตัวเดียวเท่านั้น ได้ยินเสียงขลุกขลักมาจากทางเตียงซะก่อนเลยรีบเดินไปหา เห็นผ้าห่มม้วนเป็นก้อนแน่น รู้สึกผิดสังเกต ก็เลยลองถาม..
'ตัวเล็ก เป็นไรครับ..หนาวเหรอ?'
'คะ..ครับ หนาว..หนาวมาก' เสียงอู้อี้ตอบมาจากในก้อนผ้าห่ม
ต้าร์รู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ แอร์ก็เปิดอุณหภูมิกำลังดี ขนาดตัวเขาไม่ใส่เสื้อยังไม่หนาวขนาดนั้นเลย
'เป็นไข้รึเปล่าเรา..ไหนขอพี่ดูหน่อยสิ ห่อมิดแบบนั้นเดี๋ยวก็หายใจไม่ออกกันพอดี'
'มะ..ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เป็นไร.. พี่อย่าจับ!!'
'บีม..อย่าดื้อ!'
ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงที่เตียง จับเจ้าก้อนโรตีสายไหมแล้วเอาด้านที่เดาเป็นส่วนหัวที่มาวางไว้บนตักตน มือเรียวค่อยๆ ขยับผ้าห่มส่วนบนลงเล็กน้อย อย่างน้อยให้ส่วนใบหน้าโผล่พ้นออกมามีอากาศหายใจให้ได้ก่อน
'อะไรกัน! ร้อนจนเหงื่อเปียกแฉะขนาดนี้บอกว่าหนาว ทำอะไรแผลงๆ..' เสียงคล้ายจะดุเล็กน้อย แต่ความอ่อนโยนที่มีให้ยังคงเดิม ปลายนิ้วเกลี่ยผมชื้นเหงื่อที่ลู่ลงแนบหน้าผากและทิ่มตาออกให้
'ขอโทษครับ' คนโกหกตอบเสียงอ่อยอย่างรู้สึกผิด
ต้าร์แกะผ้าห่มที่พันแน่นรอบคนตัวเล็กไว้หลายรอบออกจนหมด แล้วประคองบีมเพื่อลุกขึ้นมานั่งคุยกันดีๆ
'ตกลงจะบอกพี่ได้ไหมครับ..ว่าเราเป็นอะไร'
บีมก้มหน้ารูดซิปปากส่ายหัวปฏิเสธลูกเดียวจนตอนนี้พี่ต้าร์ก็ยังโป๊ช่วงบนอยู่ ไม่อยากเงยหน้าขึ้นมามองให้หวั่นไหวเพิ่มซะหรอก
มือเรียวเชยคางอีกฝ่ายให้เงยขึ้นมาสบตากัน ปกติต้าร์ไม่ใช่คนชอบบังคับ แต่วันนี้บีมทำตัวผิดปกติจริงๆ
'บีม..บอกพี่มาเถอะนะ ไม่ว่าจะอะไรพี่ก็รับได้ทั้งหมดนั่นแหละครับ แต่กลับกัน บีมรู้ใช่ไหม..ว่าถ้าบีมโกหกพี่ พี่จะเสียใจมาก.." สายตาคนพูดฉายแววตาจริงจังอย่างคาดคั้นคำตอบอยู่เพียงชั่วครู่ ไม่นานพอรู้สึกตัวแววตาแบบนั้นก็สลายหายไป
คนสบตากันอยู่พยักหน้าน้อยๆ เรื่องนั้นบีมรู้ดี พี่ต้าร์ตามใจบีมมาตลอด แต่ขอไว้แค่เรื่องเดียวคืออย่าโกหกกัน
แต่ตอนนี้..บีมไม่รู้ว่าการพูดความจริงหรือโกหกเป็นสิ่งที่ดีกว่ากัน เพราะความจริงมันน่าอายเหลือเกิน
ตัดสินใจแล้ว..เขาจะไม่โกหกพี่ต้าร์อีกต่อไป
'คือว่า... ผม......'
คนเป็นพี่ไม่เร่งเร้าอะไร ทำแค่เพียงส่งฝ่าใหญ่เลื่อนไปกุมมือเล็กของอีกฝ่ายไว้
บีมสูดลมหายใจลึก หลับตา กลั้นใจเพื่อจะพูดความจริงออกมา
'ผม......ผมมีอารมณ์อย่างว่าครับ ผมอยากทำเรื่องแบบนั้น....กับพี่ เมื่อกี้ผมกำลังพยายามหักห้ามตัวเองอยู่ครับ..'
ตู้มมมม...!! เหมือนได้ยินเสียงร่างตัวเองระเบิดแตกกระจายกลายเป็นเสี่ยงๆ
ทั้งรู้สึกผิดทั้งรู้สึกอายสับสนปนเป สายตาหลุบมองต่ำไม่กล้ามองหน้า 'ผมมันไม่ดีเอง ผมมันแย่ ผมมันคนหมกมุ่น ในหัวมีแต่เรื่องแบบนี้ ทั้งๆ ที่วันนี้พี่ก็เหนื่อยกับผมมามากๆ แล้ว แต่สมองผมก็ดันคิดแต่เรื่องแบบนี้อีก ขอโทษนะครับ...'
พูดจบก็ค่อยๆ เลื่อนมือออกให้พ้นจากการเกาะกุม ยันเตียงเพื่อพยุงตัวเองลุกยืนขึ้น
'พี่ต้าร์นอนก่อนได้เลยนะครับ ไม่ต้องรอ..' พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไป แต่มือเรียวคว้าไปที่แขนเล็กของบีมไว้ได้ทัน
'จะไปไหน?'
'ห้องน้ำครับ ผมจะไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย' คนตัวเล็กตอบตามจริงไม่ปิดบัง เพราะไม่มีอะไรให้อายเกินกว่านี้อีกแล้ว แต่ด้วยความละอายใจทำให้ไม่ได้หันกลับมามองหน้า
ขายาวๆ ลุกขึ้นจากเตียงก้าวเดียวประชิดตัวอีกฝ่าย แขนสองข้างรีบรั้งคว้าบีมมากอดไว้แน่นจากข้างหลัง วางคางเกยไว้บนไหล่เล็ก
'ไม่เห็นต้องทำแบบนั้นเลย อะไรที่มันเกิดขึ้นแล้วก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติเถอะนะ'
คนตัวเล็กในอ้อมแขนค่อยๆ หมุนตัวหันกลับมามองหน้า สายตาที่สบกันยังเลื่อนลอย สมองยังตีความประโยคนี้ไม่ออกนัก
ต้าร์รวบมือทั้งสองข้างของบีมมากุมไว้ เห็นสีหน้าอีกฝ่ายยังดูงง เลยขยายความเพิ่ม
"..พี่ยังไม่ได้พูดสักหน่อยว่าทำไม่ได้'
ทันทีที่สมองประมวลความหมายได้สำเร็จ ดวงตาเล็กๆ ก็ถึงกับเบิกกว้าง คิ้วเลิกขึ้นเป็นเชิงตั้งตำถาม จ้องอีกฝ่ายเขม็งเหมือนว่าตนฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า...
'อย่าจ้องกันแบบนั้นสิ เขินแล้วเหมือนกันนะ.. ถึงพี่จะไม่เคยมีแฟน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะใสขนาดไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยสักหน่อย ยังไงสักวันเราก็ต้อง..... เพราะงั้น...เรา...วันนี้...ก็ได้ครับ' ขนาดเว้นช่องว่างเลี่ยงไม่พูดคำน่าอาย แต่คนพูดก็หน้าร้อนจนแทบไหม้ มือไม้ที่ไม่รู้จะวางไว้ไหนเลยยกขึ้นมาเกาคอแก้เขิน
สีหน้าเรียบนิ่งที่เกิดความอืดอัดมานานผ่อนคลายลง รอยยิ้มสดใสค่อยๆ กลับมาขึ้นมาปรากฏบนใบหน้าอีกครั้ง หัวใจเต้นโครมครามทันทีที่ได้ยิน 'พี่แน่ใจแล้วใช่ไหมครับ?'
อีกฝ่ายพยักหน้าเขินๆ '...แต่บีมต้องค่อยๆ สอนพี่นะครับ แล้วก็...ใจเย็นกับพี่หน่อยนะ ...กับครั้งแรกของพี่'
อมยิ้มแก้มจะแตกให้กับคำพูดสุดแสนน่ารักน่าเอ็นดู สุดท้ายพี่ต้าร์ก็ตามใจเก่งเหมือนเคย ที่บอกว่าจะยอมให้กันได้ทุกเรื่องไม่เคยเกินจริง แม้กระทั่งในเวลาแบบนี้ก็เช่นกัน
'สัญญาครับ ผมจะอ่อนโยนกับพี่ให้มากๆ'
ตึกตัก...ตึกตัก...
ไม่รู้เสียงหัวใจของใครเป็นใคร ทั้งเต้นแรงทั้งดังรัวๆ แข่งกันอย่างไม่ยอมแพ้...
'ผมขอเริ่มจากจูบพี่ได้ไหม? จูบแบบ..จูบจริงจังเลยนะ ไม่ใช่จุ๊บแบบทุกที...'
คนที่หน้าร้อนพยักหน้าอนุญาต พอเอาเข้าจริงก็ประหม่าไม่น้อยเลย ชายวัยสามสิบกลางๆ กำลังจะมีประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิต หัวใจเต้นแรงจนบางครั้งก็กลัวว่ามันจะทะลุออกมาให้ขายหน้าเด็กมัน
บีมใช้มือข้างหนึ่งรั้งเอวร่างสูงโปร่งเข้าหากันในระยะประชิด สังเกตทีท่าว่าอีกฝ่ายจะมีอาการอยากเปลี่ยนใจหรือไม่..
ในเมื่ออีกคนก็สู้สบตาไม่ถอย เลยขยับใบหน้าเข้าใกล้อีกนิด...
'ถอดแว่นออกก่อนนะครับ'
'อ๊ะ เดี๋ยว ถ้าถอดแว่นแล้วพี่จะมองอะไรไม่ชัดเลยนะ'
'ไม่ต้องมองชัดหรอกครับ เรื่องแบบนี้ใช้แค่ใจรู้สึกก็พอ...'
ต้าร์รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง! เสียงของเจ้าแสบที่ปกติมักจะกังวานใส ในเวลานี้มันทั้งกดต่ำและแหบพร่า จนทำเอาเขาหายใจติดขัด ไหนแววตาที่จ้องมองมาเหมือนอยากจะกลืนกินกันนั่นอีก...
ไม่มีเวลาให้ไตร่ตรองอะไรมากกว่านั้น แว่นตาที่ใส่อยู่ถูกเด็กตรงหน้าหยิบมันออก ภาพเบื้องหน้าค่อยๆ พร่าเบลอไปพร้อมกับสติเมื่อริมฝีปากตนถูกสัมผัสนุ่มหยุ่นเคลื่อนมาทาบทับ...
ในคืนนั้นเอง....อาจารย์เหนืออาจารย์ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว!
.
.
'อ้าปากให้อีกนิดนะครับ ขอผมเข้าไปหน่อย'
.
.
'เวลาที่เราจูบกัน พี่ต้าร์หายใจทางจมูกได้ครับ ไม่ต้องกลั้นหายใจนะ อ่ะ..ลองอีกทีนะ..'
.
.
'ดีมากครับ เก่งมาก'
.
.
'ผ่อนคลายหน่อยครับ อย่าเกร็ง ไม่งั้นเดี๋ยวเราจะเจ็บด้วยกันทั้งคู่'
.
.
'ไหวไหมครับ?..ถ้าเจ็บบอกได้ตลอดนะ'
.
.
'เร็วประมาณนี้ พี่โอเคไหมครับ?
.
.
'แล้ว...ถ้าผมเพิ่มแรงอีกนิดนึงประมาณนี้?'
'อ๊ะ อื้อออ...ดี แบบนี้ดีมาก..อืออออ"
'ผมจะจำไว้นะครับ ว่าพี่ชอบแบบนี้'
'จูบ..อยากจูบ บีมจูบพี่หน่อยนะ'
'ได้เลยครับ นักเรียนคนเก่งของผม'
.
.
.
.
ภาพความทรงจำของวันแรกย้อนกลับเข้ามาเป็นฉากๆ ให้พอนึกถึงแล้วหน้าก็อุ่นๆ ครั้งแรกของเราถ้าใครมารู้เข้าว่าเป็นแบบนี้อาจจะรู้สึกขำขันในความเป็นคู่รักมือใหม่ แสนจืดชืด และไม่มีความหวือหวา แต่บีมเองกลับประทับใจมากด้วยซ้ำ เพราะมันเกิดขึ้นมาจากความรักของเราทั้งคู่ เต็มไปด้วยความใส่ใจ ดูแลกัน ค่อยๆ ปรับตัว เรียนรู้ความชอบของกันและกัน
พอนึกถึงเรื่องอะไรแบบนี้ขึ้นมาแล้วมันก็ชักจะ...อยาก
จะว่าไประยะหลังมานี้ เราก็ห่างหายไปนานพอสมควร ตั้งแต่มหาวิทยาลัยเข้าใกล้ช่วงการสอบไฟนอลเป็นต้นมา คนเป็นอาจารย์ก็มักมีเรื่องให้ต้องคิดต้องทำเยอะ เวลาที่บีมเห็นพี่ต้าร์กลับมาพร้อมกับงานกองโตและสีหน้าอิดโรย บีมก็ไม่อยากเข้าไปรบกวนหรือหาเรื่องให้คนพี่ต้องเหนื่อยเพิ่ม
วันนี้ก็คงเหมือนเดิม อีกคนเข้าโหมดทำงานใช้สมาธิไปแล้ว ไม่อยากทำตัวเป็นเด็กงอแงไม่รู้เวลา ความอยากในเรื่องแบบนี้ก็คงต้องอดทนไว้ก่อนล่ะนะ
เฮ้อออออ.......
บีมถอนหายใจยาวๆ เพื่อหวังไล่อารมณ์ที่เกิดขึ้นให้มันหายไป มือเล็กหยิบโน๊ตบุ๊คออกมาวางบนโต๊ะกินข้าวที่ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว
วันนี้ขอนั่งเขียนงานในครัวแล้วกัน เห็นหน้าพี่ต้าร์แล้วอดไม่ไหว อยากจะเข้าไปน้วยทุกที....
.
.
"คุณบีบีมทำอะไรอยู่ครับ ไม่เข้ามาทำงานในห้องด้วยกัน" ไม่ทันไร เสียงของคนที่บีมกำลังคิดถึงก็ดังขึ้นมาก่อนเสียเอง
บีบีม เป็นนามปากกาของบีมที่ต้าร์ชอบเอามาใช้เรียกแซวเวลาที่เขาเข้าโหมดเขียนนิยาย
"ตอนนี้คุณบีบีมกำลังเขียนฉากพระเอกเข้าครัวทำอาหารครับ เลยอยากนั่งเขียนในห้องครัวมันได้มู้ดดีกว่า" ....เปล่าเลย บีมโกหก นิ้วมือไขว้กันอุ๊บอิ๊บ
"เอางั้นเหรอ..ตามใจ อย่าหักโหมนะ"
ถึงจะพูดทิ้งท้ายไว้แบบนั้น แต่ไม่นานก็เป็นอาจารย์หนุ่มเองที่อยากอยู่ใกล้ๆ จนต้องหอบงานกองโตย้ายมานั่งทำที่โต๊ะกินข้าวฝั่งตรงข้ามกัน
"พี่ขอนั่งทำงานเงียบๆ ตรงนี้นะครับ รับรองว่าจะไม่รบกวนคุณนักเขียนเลย"
บีมไม่ตอบอะไรนอกจากเงยหน้าขึ้นมาพยักหน้าแล้วส่งยิ้มหวานให้ความน่ารักของคนพูด ซ่อนความรู้สึกที่ว่า...เป็นตัวเขาเองนั่นแหละที่ฝ่ายอยากจะเข้าไปรบกวนพี่ต้าร์ใจจะขาด
จอโน๊ตบุ๊คที่เปิดไว้คั่นตรงกลาง แท้จริงแล้วก็เป็นแค่ฉากบังหน้า ที่จริงตอนนี้บีมกำลังนั่งจ้องคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามต่างหาก!
ไม่อยากเชื่อ...อาจารย์ฟิสิกส์หนุ่มแว่นเด๋อด๋าเจ้าของคอมเมนต์ประหลาดในวันนั้น ที่ต่อจะให้คิดอีกสักกี่ตลบก็ห่างไกลจากสเปคของเขาลิบลับ แถมเดินอยู่คนละเส้นทางอย่างไม่น่าจะโคจรมาเจอกันได้ บีมไม่รู้จะเซ่นไหว้ขอบคุณผีในห้องพี่ต้าร์ด้วยอะไรดี ที่เลือกเปิดหน้านิยายของบีมขึ้นมาให้พี่ต้าร์ได้อ่าน จนทำให้เราได้มาเจอกันและพัฒนามาเป็นคนรักที่ได้มาอยู่ด้วยกันในวันนี้
แต่จะว่าไปนะ...
อืม...อาจารย์พี่ต้าร์ของบีมเวลาอยู่ในโหมดตั้งใจทำอะไรจริงจังก็มีเสน่ห์อย่าบอกใครเชียวล่ะ!
ยิ่งมองก็ยิ่งเพลิน มองยังไงก็ไม่เคยเบื่อ...
เขาเผลอเลียริมผีปากไม่รู้ตัว
"อ่ะ..แฮ่มมม!"
คนที่เป็นจุดแช่สายตามานานรู้ตัวซะแล้ว
"หาเรฟพระเอกหล่ออยู่เหรอครับ..จ้องพี่ขนาดนี้"
ประโยคนี้ทำบีมหลุดขำคิก "แหมมม..เดี๋ยวนี้เอาใหญ่เลยนะ" ก่อนจะเฉไฉไปเรื่อย "ผมคิดงานไม่ออกน่ะครับ หัวตื้อ!"
"คิดไม่ออกก็พักสักหน่อยสิ อย่าฝืน.." คำแนะนำธรรมดาสไตล์ผู้ใหญ่แนะนำเด็กถูกส่งออกไป
แต่เด็กคนที่ว่ากลับส่ายหน้า พร้อมทั้งยิ้มกรุ้มกริ่ม.. "ไม่อยากพักเลยครับ อยากทำอย่างอื่นมากกว่า..."
"เด็กทะลึ่ง!" คนอายุมากกว่าบ่นขึ้นก่อนเลี่ยงสายตาเจ้าเล่ห์ไปหากองงาน
"ไหน..ใครทะลึ่งกันแน่ ผมแค่อยากดูซีรีส์แค่นั้นเอง เนี่ย......คนแก่ทะลึ่ง!" เจ้าตัวแสบหยอกย้อน
"อย่ามา...อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว"
"สุภาษิตเชยมาก ไม่อยากเห็นลิ้นไก่เลยครับ ตอนนี้อยากเห็นลิ้นพี่.." บีมพูดพร้อมจงใจกัดปากตัวเองให้ดู
"เนี่ย..เป็นซะยังงี้! แล้วบอกว่าไม่ทะลึ่ง!!"
พอเห็นคนรักที่อยู่ในสภาพเคร่งขรึมจดจ่ออยู่กับงานเป็นเวลานาน หลุดโวยออกมาได้ เขาก็หัวเราะลั่นบ้านด้วยความชอบใจ บีมชอบจริงๆ รอยยิ้มเวลาพี่ต้าร์เขิน บีมชอบสีหน้าเวลาพี่ต้าร์โวยวาย เอาจริงๆ ก็ชอบทุกตอนนั่นแหละ
พอโดนเด็กแกล้งจนพาขำไปยกใหญ่ ต้าร์ก็ปรับอารมณ์อยู่สักพัก ก่อนจะเรียกสมาธิจนหัวแทบลงไปจุ่มกองงานอีกรอบ ต่างกับบีมที่ตอนนี้ฝุ้งซ่านไปไกลจนกู่ไม่กลับแล้ว!
"พี่!"
"พี่ต้าร์!"
"จารย์!"
"อาจารย์ต้าร์!"
"อาจารย์พี่ต้าร์ค้าบบบบ~~"
...มีเด็กกำลังเรียกร้องความสนใจ
คนโดนเรียกสารพัดชื่อใช้แค่สายตาชำเลืองขึ้นมอง เห็นอีกฝ่ายไม่พูดอะไรเลยคิดว่าแกล้งกันเล่นๆ เลยกลับไปโฟกัสอยู่กับงานต่อ
เห็นอีกคนไม่สนใจกัน บีมเลยโพล่งเรื่องที่อยากพูดขึ้นมาทั้งๆ แบบนั้น เอาสิ..โดนดุก็โดนวะ!
"พี่ต้าร์! อันนี้งานเร่งมากเลยเหรอ ต้องทำให้เสร็จวันนี้พรุ่งนี้เลยเหรอครับ?" น้ำเสียงเริ่มงอแงนิดๆ
"ก็ข้อสอบนักศึกษาน่ะ ต้องตรวจแล้วก็ตัดเกรดส่งไปภายในสองอาทิตย์"
บีมแอบมองบน... อีกตั้งสองอาทิตย์!
แต่บีมก็รู้จักนิสัยผู้ชายคนนี้ดี ต่อให้จะมีเวลาทำงานสองอาทิตย์ สองเดือน หรือสองปีก็เหอะ เขามักจะอยากทำให้เสร็จภายในวันแรกเสมอ ถ้าเป็นบีมก็วันสุดท้ายที่ต้องส่งงานนู่น..
ตอนนี้ความรู้สึกในใจที่เรียกร้องของบีมกำลังตบตีกับตรรกะผิดชอบชั่วดี
อ่ะ..งานก็ไม่ได้ด่วนมาก ไม่เสร็จวันนี้คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง?
เมื่อได้ข้อสรุปให้ตัวเองแล้ว เจ้าเด็กแสบก็เลยลากเก้าที่ตนนั่งอยู่มานั่งข้างๆ คนเป็นอาจารย์ คว้าแขนซ้ายที่ไม่ได้ใช้ทำงานเข้ามากอดไว้ แถมยังเอาแก้มมาน้วยถูไถไปที่ต้นแขน เหมือนเป็นลูกแมวในร่างคนยังไงยังงั้น..
โดนอ้อนแรงขนาดนี้ ปากกาที่อยู่ในมือข้างขวาเลยถูกวางลง อดไม่ได้ที่จะมาขยี้หัวเด็กที่กำลังน้วยตัวเองอยู่หนักๆ "ไอ้ตูดเอ๊ยยย..เป็นอะไรครับ..หืมม?"
"เปล่าครับ แค่อยากนั่งอยู่แบบนี้ อยากให้กำลังใจพี่ทำงาน" ...คำตอบย้อนแย้งกับสิ่งที่คิดเหลือเกิน
หึ..ต้าร์หัวเราะในลำคอเบาๆ "แล้วแบบนี้พี่จะมีสมาธิทำงานได้ไงกัน"
คนตัวเล็กช้อนสายตาขึ้นมาสบ แววตาและน้ำเสียงออดอ้อนกันแบบสุดฤทธิ์ "ไม่มีสมาธิก็ไม่ต้องทำแล้วนะครับ นะ....นะครับ"
ในขณะที่ยังคิดไม่ทันว่าอีกฝ่ายกำลังจะสื่ออะไร ร่างเล็กๆ ก็ย้ายจากเก้าอี้ตัวเองปีนขึ้นมานั่งคร่อมบนตักเขา!
เก้าอี้สำหรับนั่งกินข้าว ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อสำหรับการนั่งสองคน พนักพิงไม่ได้กว้าง มีน้ำหนักเบาและไม่มั่งคง การที่มานั่งอยู่ด้วยกันในท่านี้เป็นสิ่งที่อันตรายมากพอสมควร
"บีม..." น้ำเสียงกดต่ำเหมือนจะปรามอยู่ในที แต่แขนสองข้างกลับยกขึ้นมาประคองไว้ด้วยความเป็นห่วง
คนโดนเตือนยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนกระซิบไปที่ข้างหู "ไม่อยากให้พี่ทำงานแล้วครับ อยากให้ทำอย่างอื่นมากกว่า.."
พูดจบก็ใช้มือหยิบแว่นตาของคนพี่ออกแล้ววางไว้บนโต๊ะ ใจจริงก็เคยคิดอยากถอดแว่นพี่ต้าร์แล้วขว้างออกไปแรงๆ สักครั้งในชีวิตเหมือนกันนะ บีมอยากลองเป็นผู้ชายฮอตๆ กับเขาบ้าง แต่ติดที่ว่าแว่นของคนเป็นอาจารย์ก็มูลค่าหลายบาทอยู่ บีมยังไม่มีปัญญาซื้อใช้! เลยจำต้องใช้วิธีวางเก็บให้แบบนุ่มนวลมาตลอด
"บีมครับ...แต่ว่า....บนนี้มันอัน---- อื้อ!"
!!!
พูดมากดีนัก ไม่รอฟังให้จบ บีมเลยตัดสินใจใช้ปากตัวเองปิดปากคนแก่ขี้บ่นซะเลย!
จากที่อยู่ด้วยกันมาสักพัก ทำให้บีมรู้ว่าพี่ต้าร์ชอบการจูบมาก บีมเองก็ชอบไม่ต่างกัน จึงเริ่มต้นจากจุดอ่อนนี้ ใช้สัมผัสแผ่วเบาเนิบนาบอีกที่อีกฝ่ายหลงไหล จนพี่ต้าร์โอนอ่อนคล้อยตามในที่สุด
คนที่กำลังจะคิดห้ามปรามกัน กลับค่อยๆ โดนจูบหวานพาให้สติหลุดลอยไปทีละนิด แต่สติที่ยังหลงเหลือเป็นกังวลกลัวเจ้าตัวเล็กจะร่วงตกลงไป สองแขนทำหน้าที่กระชับยิ่งขึ้น หารู้ไม่ว่าสิ่งที่ตนทำนั้นยิ่งเปิดโอกาสให้เจ้าตัวแสบทำอะไรๆ ได้ถนัดยิ่งไปกว่าเดิม
สองแขนเล็กคล้องคอคนพี่ไว้ใช้เป็นหลักยึด บีมละเอียดชิมความหวานจากริมฝีบากบนล่างของพี่ต้าร์เหมือนกำลังลิ้มรสของหวานสุดโปรดปราน โดยไม่ได้มีการรุกล้ำ บางจังหวะขบเม้ม บางจังหวะดูดดึงแค่เพียงเบาๆ อ่อนโยน เชื่องช้า และเต็มไปด้วยความทะนุถนอม ด้วยหวังว่าจะให้ความหวานจากสัมผัสนี้ค่อยๆ ละลายแทรกซึมเข้าลงไปในใจของอีกฝ่ายเช่นกัน
จากริมฝีปากหวาน ค่อยๆ ขยับฝากสัมผัสละมุนไปทั่วใบหน้า ทิ้งสัมผัสไว้ตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย ทั้งบนหน้าผาก เปลือกตา ปลายจมูก ข้างแก้ม สันกราม บางเบา..และอ่อนโยน เหมือนทุกจุดเป็นสิ่งล้ำค่าที่บีมแสนหวงแหน
ไล่เรียงลงมาเรื่อยๆ จนมาถึงลำคอ...
คงเป็นรสนิยมส่วนตัวล่ะมั้ง..ที่ทำให้บีมชอบจุดนี้เป็นพิเศษ เพราะมันทั้งอุ่นและก็หอมมาก ยิ่งพอคนตัวสูงใจดีเอียงคอเปิดทางให้กัน ยิ่งเปิดโอกาสให้บีมเข้ามาซุกไซ้ได้มากขึ้น ปลายจมูกกดฝังลงลึกสูดกลิ่นหอมสลับกับจูบเบาๆ ทำอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะอุณหภูมิในตัวพี่ต้าร์ที่อุ่นกำลังดี กลิ่นสบู่อาบน้ำยังคงความหอมจางๆ รวมกับกลิ่นประจำตัวพี่ต้าร์เองกลายเป็นกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่บีมคลั่งไคล้ รู้สึกดีจนอยากจะฝังใบหน้าไว้อยู่แบบนี้ไปตลอด...
ก่อนที่ความอดทนจะค่อยๆ หมดลง...
จ๊วบ...
"อ๊ะ บีม! อย่าทำรอย! ตรงนั้นไม่ได้!!" ด้วยความตกใจทำให้ต้าร์เผลอใช้น้ำเสียงที่แข็งและดังออกไป มือก็เผลอบีบเข้าที่ไหล่ทั้งสองข้างของบีมเป็นเชิงห้ามให้หยุด
ตั้งแต่รู้จักกันมาพี่ต้าร์ไม่เคยดุ ไม่ใช้น้ำเสียงแบบนี้กับบีมมาก่อน มันทำให้ตกใจจนชะงักสิ่งที่ทำอยู่แทบจะทันที
พอต้าร์เห็นอีกคนมีสีหน้าซึมเป็นลูกหมา นั่งคอตก ทั้งยังมีน้ำตาคลอเป้านิดๆ ก็ใจคอไม่ดี และเกิดความรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก นิ้วโป้งไล้เกลี่ยน้ำตาออกให้ ก่อนคว้าร่างเล็กเข้ามากอดไว้แน่นๆ "ขอโทษนะครับ...พี่ขอโทษนะ.." มือลูบหลังปลอบประโลม ปากก็เอ่ยคำขอโทษไม่หยุด
"พอดีพรุ่งนี้พี่ยังมีต้องเข้าไปประชุมวิชาการ พี่ขอตรงนั้นไว้ที่นึงนะครับ..." จากนั้นขยับไปกระซิบข้างใบหูด้วยน้ำเสียงเขินๆ "นอกนั้น..บีมอยากจะทำอะไรตรงไหนได้หมดเลยนะ.." พูดจบก็จูบลงที่ขมับแผ่วเบาเพื่อเป็นการขอลุแก่โทษ
บีมแอบอมยิ้มเพราะประโยคน่ารักจากปากพี่ต้าร์ เข้าใจเหตุผลดีเลยไม่ได้โกรธ ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในตอนแรกเป็นเพียงความตกใจที่อีกฝ่ายไม่เคยใช้ท่าทีและน้ำเสียงแบบนี้กับตนเท่านั้นเอง แต่ความใจดีของพี่ต้าร์ก็เยียวยาจิตใจบีมได้รวดเร็วเสมอ
เห็นบีมยังนิ่งไป ต้าร์เข้าใจว่าน้องยังโกรธตนอยู่ เลยพยายามจะง้อด้วยการเป็นฝ่ายเริ่มต้นสานต่อสิ่งที่กำลังค้างคาอยู่ก่อนหน้า ที่ตัวเองเป็นฝ่ายทำให้มันต้องหยุดชะงัก หลังจากจูบที่ขมับไปแล้ว ริมฝีปากก็เลื่อนลงมาขบเม้มไปที่ติ่งหูเบาๆ อย่างออดอ้อน ไล่จูบลงมาตามแนวสันกราม แล้วมากดจูบหนักๆ ที่ตรงปลายคาง "ดีกันนะครับ"
...ความจริงบีมไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แต่หากพี่ต้าร์ยังคงง้อกันด้วยวิธีนี้อยู่ เขาก็อยากแอบเนียนอีกสักหน่อย
เพราะเป็นฝ่ายได้รับสัมผัสเหล่านั้นบ้าง ถึงแม้จะสกิลคนพี่จะเงอะงะระดับเด็กอนุบาลก็เหอะ แค่นี้บีมก็แทบจะละลาย
หลังจากให้ปล่อยพี่ต้าร์ได้ง้อจนหนำใจแล้ว สองมือเล็กๆ ก็ประคองใบหน้าอีกฝ่ายให้หันมาสบตากัน
"ผมไม่ได้โกรธพี่เลยนะครับ เมื่อกี้ผมแค่ตกใจนิดหน่อย แต่ตอนนี้หายเป็นปลิดทิ้งแล้วล่ะ" บีมส่งยิ้มหวานละมุนให้ "ขอบคุณสำหรับความน่ารักที่มีให้กันสม่ำเสมอแบบนี้นะครับ วันแรกที่รู้จักกันพี่เป็นยังไง วันนี้พี่ก็ยังคงเป็นแบบนั้น ขอบคุณที่ใจดีแล้วก็ตามใจเด็กดื้อคนนี้มาตลอด ตามใจกันแบบนี้ไปนานๆ เลยนะครับ" หลังจากจบประโยคขี้อ้อน ดวงตาเล็กจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีเข้มของอีกฝ่ายด้วยแววตาจริงจังขึ้นอย่างตั้งใจสื่อความหมายกับคำที่จะพูดต่อไป
"ผมรักพี่นะครับ"
คนได้ฟังยิ้มออกมากว้างๆ ทั้งโล่งใจที่น้องไม่โกรธและดีใจที่ได้ยินคำบอกรัก รอยยิ้มของต้าร์ตอนนี้ก็เป็นรอยยิ้มแบบที่บีมชอบที่สุดในโลก
"พี่ก็รักบีมนะ"
เพราะความที่พี่ต้าร์เป็นคนไม่ค่อยพูดเยอะ แล้วตั้งแต่คบกันจริงจัง ก็ไม่ได้มาพูดคำหวานบอกรักกันบ่อยๆ พอตอบกลับสั้นๆ เท่านี้ ในระยะห่างเพียงเท่านี้ ก็ทำบีมเสียอาการไปยกใหญ่
"เขิน..." เสียงบ่นออกมาเบาๆ บีมหลุบตาลงต่ำ เงียบไปสักพัก ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมาสบกันอีกครั้ง "..แต่ก็อยากฟังอีก พูดอีกทีได้ไหมครับ?"
"ได้สิ พี่รักบีมนะ"
"อีก..."
"พี่รักบีมนะ"
"อีก..."
"พี่รักบีมนะ"
"อีก..."
เพราะฟังเท่าไหร่ก็รู้สึกไม่เพียงพอสักที บีมจึงเอ่ยขอไปเรื่อยแบบไม่จบไม่สิ้น แต่ก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่าต้องใกล้จะต้องโดนดุ หรือไม่ก็ต้องโดนดีดหน้าผากอย่างใดอย่างหนึ่งแน่ๆ
แต่ผิดคาด ที่พี่ต้าร์ก็ยังยิ้มและยอมพูดมันอยู่...
"พี่รักบีมนะครับ...รักมาก แล้วก็จะตามใจบีมไปตลอดชีวิต..."
ฉ่าาา... -////-
แพ้แล้ว...ไอ้บีมแพ้ราบคาบ
"ทำไมต้องน่ารักขนาดนี้ด้วยครับ" ...เพราะทำอะไรต่อไม่ถูก เลยได้แต่บ่นงุบงิบ
"แล้ว..มีรางวัลให้คนน่ารักไหมล่ะ?"
"พี่อยากได้อะไรครับ?"
"จูบ...จูบพี่ได้ไหม? จูบแบบ..จูบจริงจังเลยนะ ไม่ใช่จุ๊บแบบทุกที...'
คนพูดเป็นฝ่ายยิ้มกรุ้มกริ่มบ้าง พูดเลียนแบบประโยคที่บีมเคยพูด ในคืนที่ทุกอย่างยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำ
นัยของประโยคเป็นที่รู้กัน...
ดวงตาทั้งสองคู่สบกันอีกครั้ง บีมไม่ได้ตอบอะไรอีก แต่มอบรางวัลนั้นให้ทันที
ริมฝีปากอิ่มสีแดงสดจรดลงไปบนริมฝีปากของคนที่เขารักมากอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่การแตะแค่ผิวเผินด้านนอกอย่างในคราวแรก แต่เป็นสัมผัสกันในพื้นที่ที่ลึกซึ้งกว่าเดิม ยังคงไว้ซึ่งความอบอุ่น อ่อนโยน หวานละมุน แต่ก็เต็มไปด้วยความหวาบหวามอยู่ในที ไม่ใช่คนใดคนหนึ่งจะเป็นฝ่ายรุกไล่ แต่เป็นความเต็มใจที่ต่างคนต่างเหมือนมีแม่เหล็กดึงดูดเข้าหา แรงกดที่บดเบียดเพิ่มน้ำหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ความแนบชิดเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ ลมหายใจอุ่นๆ ที่ปัดเป่ารินรดกันบนใบหน้า ความรุ่มร้อนที่ต่างฝ่ายต่างส่งมอบให้กันและกัน จากเชื่องช้า..เนิบนาบ จึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นหนักหน่วงขึ้นตามแรงอารมณ์
มือเล็กของคนน้องเดิมแค่วางประคองบนใบหน้าอีกฝ่ายเพื่อให้มารับจูบ ตอนนี้เผลอออกแรงกดหนักขึ้นโดยไม่รู้ตัว นิ้วโป้งยังวางอยู่ที่ข้างแก้มตามเดิม ส่วนนิ้วที่เหลือทั้งสี่อ้อมไปเหนี่ยวรั้งที่ท้ายทอยคนตัวให้สูงก้มลงมาหากันอย่างเอาแต่ใจ
คนพี่ก็เช่นกัน..วงแขนอบอุ่นที่เดิมหน้าที่ของมันมีเพียงประคองไว้ไม่ให้อีกคนตก ก็เผลอตัวกอดเกี่ยวรั้งร่างเล็กเข้าหาตัวเองแนบแน่นจนแทบไม่เหลือช่องว่างให้อากาศไหลผ่าน
ความที่ต้องมาอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กๆ ตัวเดียวกันในท่วงท่าแบบนี้ ทุกส่วนในร่างกายแนบชิดติดกันขนาดนี้ โดยเฉพาะส่วนอ่อนไหวด้านล่างใต้กางเกงชุดนอนตัวบาง ต้องมาสัมผัสกันซ้ำๆ ย้ำๆ ทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ส่งผลให้ความต้องการของทั้งคู่ยิ่งทะยานสูงแบบฉุดไม่อยู่
ด้วยอารมณ์ที่ถูกชักนำให้เตลิด คนตัวเล็กชักเริ่มมือไม้อยู่ไม่สุข มือข้างหนึ่งเริ่มคืบคลานเลื้อยเข้าไปทางฝั่งคอเสื้อด้านบน ลูบไล้สัมผัสไปตามแนวไหล่กว้าง และไปหยุดขยำหนักๆ ที่ตรงหัวไหล่อย่างห้ามตัวไม่อยู่ ส่วนอีกข้างหนึ่งสอดล้วงเข้ามาจากด้านหลังลูบไล้แผ่นหลังกว้างเนียนลื่นอย่างเพลินมือ ส่งผลให้ต้าร์ซึ่งเป็นคนได้รับสัมผัสเหล่านั้นต้องระบายอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นไปที่สะโพกนุ่มตำแหน่งที่ตนประคองอยู่ บีบเค้นหนักๆ จนมันขึ้นสี...
เสียงเก้าอี้ลั่นดังกึกกัก ทุกครั้งที่มีการขยับไหว ความรู้สึกของคนสองคนกำลังปั่นป่วนเหมือนโดนพายุลูกใหญ่เข้าเล่นงาน มันโหมกระหน่ำหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง บางสิ่งบางอย่างในร่างกายกำลังส่งสัญญาณประท้วงว่าถึงเวลา...
บนเก้าอี้...
แบบนี้...ไม่น่าจะดี บีมใช้สติที่ตอนนี้เหลืออยู่เพียงน้อยนิดไตร่ตรองดูก่อนที่อะไรมันจะเกิด แค่นี้ก็ทำท่าจะล้มไม่ล้มอยู่แล้ว ขืนยังดื้อดึงปล่อยตัวให้ถึงขั้นต่อไป เกิดพลาดล้มลงหรือขาเก้าอี้หัก แทนที่จะมีความสุขก็คงได้เจ็บตัวกันทั้งคู่
ห้องนอน...
ก็ดูเหมือนจะไกลเกินไปแล้วในเวลานี้ ตอนนี้คนใต้ร่างเขากำลังอ่อนระทวยเป็นอย่างมาก ตัวบีมเองก็....แทบจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
สายตาพลันเหลือบไปเห็นโซฟาในห้องนั่งเล่นใกล้ๆ กัน ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้ และถือโอกาสได้เปลี่ยนบรรยากาศระหว่างเราไปด้วย
บีมอดทนเพื่อพยายามบังคับสติตัวเองแล้วเป็นฝ่ายถอนจูบออกมาก่อน ก้าวลงจากเก้าอี้มายืนที่พื้น สองแขนสอดเข้าที่ข้างลำตัวต้าร์ให้ลุกขึ้น เอาแขนยาวๆ สองข้างของคนพี่มาโอบคอตัวเองไว้ จากนั้นมือก็ไปยกอุ้มขาทั้งสองข้างของต้าร์ให้มาเกี่ยวล็อคไว้ที่เอว
คนกำลังอ่อนปวกเปียกแทบไม่เหลือสติก็ว่าง่ายเหมือนจับวาง จะหยิบจะจับอะไรไปวางตรงไหนก็ได้อย่างใจคิด
...รู้ตัวอีกทีก็โดนเจ้าเด็กตัวเล็กที่เตี้ยกว่าตัวเองเกือบยี่สิบเซนอุ้มกระเตงในท่าเข้าเอวซะแล้ว!
สายตาตั้งคำถามถูกส่งออกมาเพียงชั่วครู่เท่านั้น แต่ก่อนที่จะได้โวยวายอะไร บีมที่ตอนนี้ขี้เกียจตอบคำถามก็เลือกที่ปิดปากอีกฝ่ายซะก่อน ด้วยการประกบจูบเข้าไปแบบซ้ำๆ ล่อหลอกให้เคลิบเคลิ้มจนลืมตัว แล้วค่อยๆ อุ้มประคองพาต้าร์มายังโซฟา โดยริมฝีปากไม่หลุดจากกันแม้เสี้ยววิ..
คนตัวเล็กค่อยๆ วางร่างสูงที่โอนอ่อนตามไปหมดอย่างว่าง่ายให้นั่งลงบนโซฟา จัดการถอดเสื้อของอีกฝ่ายที่มองดูเกะกะน่ารำคาญมานานแล้วโยนทิ้งไป อารมณ์ปรารถนาที่กำลังคุกรุ่นทำให้เขารู้สึกว่าสายตาที่อีกคนมองกันในเวลานี้ดูคล้ายจะยิ่งเชื้อเชิญเข้าไปใหญ่ มือเล็กออกแรงกดไปที่หัวไหล่เพียงนิดเดียว รายนั้นก็ยอมลงไปนอนราบกับเบาะ จากนั้นบีมก็พาตัวขึ้นไปคร่อมทาบทับร่างนั้นไว้...
การมอมเมาด้วยรสจูบที่อีกฝ่ายโปรดปรานยังคงถูกส่งมอบ กิจกรรมร้อนๆ ค่อยๆ ดำเนินต่อไป บทรักบทใหม่กำลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง...
.
.
"คุณนักเรียนที่น่ารักครับ...."
"วันนี้เราจะมาเรียนรู้บทเรียนใหม่กันนะครับ .. บทนี้มีชื่อว่า 'โซฟา' "
- The End - ~♪
น้องบีมลูกกก~ เราเนี่ยน้าาา พาพี่เขาใจแตกตลอด!! 5555 (≧▽≦)
สวัสดีค่ะทุกคน ในที่สุดนิยายเรื่องนี้ก็เดินทางมาถึงตอนจบแล้ววว เราอยากขอบคุณทุกคนมากเลยค่ะ สำหรับทุกการกดหัวใจ ทุกการเฟบ ทุกโดเนท และทุกคอมเมนต์นะคะ ทุกอย่างมันเป็นกำลังใจเป็นส่วนขับเคลื่อนให้เราเขียนนิยายเรื่องนี้จนจบได้จริงๆค่ะ
ขอบคุณแอคซัพทุกแอคอีกรอบ สำหรับพื้นที่ลงงาน ช่วยรีทวิตโปรโมท บางคนก็เข้ามาช่วยอ่านอีกด้วยนะคะ น่ารักจริงๆเลย ขอบคุณมากค่ะ ❤️
ถ้าเกิดนิยายเรื่องนี้มีส่วนผิดพลาดตรงไหน หรือมีส่วนที่ทำให้ผู้อ่านท่านใดไม่พอใจ เราก็ถือโอกาสขออภัยไว้ตรงนี้เลยนะคะ
สุดท้าย..เราหวังว่าทุกคนที่เข้ามาอ่านจะมีความสุขกับนิยายของเรา ฝากน้องบีมกับพี่ต้าร์ไว้ในมุมเล็กๆ ในใจทุกคนด้วยค่าาาา ><
Comments (0)