1 ตอน บทนำ
โดย minnida.
บทนำ
แคว้นจ้าว ในรัชสมัยองค์จักรพรรดิจ้าวเยี่ยนจื้อ ปีที่ห้า
ยามตะวันคล้อยต่ำลง เกิดความวุ่นวายขึ้นภายในตำหนักคุณหนิงอันเป็นที่ประทับของฮองเฮาแห่งแคว้นจ้าว
“ไปตามหมอตำแยเร็วเข้า ฮองเฮาทรงใกล้จะมีพระประสูติการแล้ว” เสียงของชุนมามานางกำนัลคู่พระทัยของนางหงส์คู่บัลลังก์ในองค์จักรพรรดิจ้าว เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรน ตามมาด้วยความวุ่นวายทั่วทั้งบริเวณตำหนักคุนหนิง
ใช้เวลาเพียงไม่นานข่าวการให้ประสูติการบุตรคนที่สองของหลิวฮองเฮาก็กระจายไปทั่ววังหลวง ทำให้เหล่านางสนมต่างก็เกิดความริษยาอยู่ในใจไม่เว้นแม้แต่พระสนมสูงศักดิ์
“บัดซบ! เจ้าปล่อยให้มันเกิดมาได้อย่างไร มารหัวขนตัวนี้จะปล่อยให้มันเกิดขึ้นมาขวางทางข้าไม่ได้” เสียงเครื่องเรือนล้ำค่าที่ได้รับพระราชทานจากฝ่าบาท แตกกระจายไปทั่วตำหนัก ที่ตามมาด้วยถ้อยคำผรุสวาทจากปากของสตรีผู้มีฉากหน้าเรียบร้อยอ่อนหวาน พร้อมด้วยกิริยามารยาดังสตรีชั้นสูงพึงมี
นางเจ็บใจนัก! ถวายตัวมาตั้งนานไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้ตั้งครรภ์มังกรเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่านางจะหาทำทุกวิถีทางแล้วก็ตาม แต่กลับกันนางสตรีผู้นั้นกลับมอบบุตรให้แก่ฝ่าบาทไปแล้วถึงสองคน อีกทั้งนางยังคงเป็นเพียงสนมขั้นเฟย[1] ซึ่งนางหาได้ต้องการไม่เพราะตำแหน่งนี้หาได้คู่ควรกับนางไม่
“ไหนว่าไปจัดการเรียบร้อยแล้วอย่างไร ไยมันยังมีชีวิตอยู่ทั้งแม่ทั้งลูก! พวกเจ้าทำงานกันอย่างไร ไม่ได้เรื่อง!”
เพี้ย! สนมขององค์จักรพรรดิเดินเข้าไปตบหน้านางกำนัลของตนอย่างรุนแรง
“หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะพระสนม หม่อมฉันให้คนของเราแฝงตัวไปวางยาพิษฮองเฮาแล้วจริง ๆ นะเพคะ” นางกำนัลข้างกายทรุดตัวหมอบลงกับพื้น นางก้มหน้าลงมือข้าวขวากุมแก้มของตนเองไว้
“เช่นนั้นแล้วมันยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรกัน หรือว่าคนของเราจะถูกกำจัดไปแล้ว” สตรีใบหน้าเย้ายวนกำมือแน่นจนข้อขาว นางเดินวนไปวนมาอยู่ภายในห้องนอนไม่ได้ให้ความสนใจคนของตนสักนิด
ช่างน่าเจ็บใจนัก! นางอสรพิษช่างหนังเหนียวเสียจริง แม้ว่านางจะส่งคนไปลอบวางยาพิษเท่าไร นางมารนั่นก็รอดพ้นไปได้ทุกครั้ง
หึ! คิดหรือว่าเจ้าจะรอดตัวไปได้ตลอด ในวังหลังแห่งนี้หากมีข้าจะต้องไม่มีเจ้าหลิวเซียนอิน! ข้าต่างหากคือผู้ที่เหมาะสมจะเคียงข้างโอรสสวรรค์
“นางเป็นอย่างไรบ้าง ปลอดภัยดีหรือไม่” เสียงอันทรงพลังขององค์จักรพรรดิจ้าวเยี่ยนจื้อ เอ่ยถามหมอหลวงที่ถูกตามมารักษานางหงส์คู่บัลลังก์ที่บัดนี้อาการน่าเป็นห่วงนัก
“ทูลฝ่าบาท อาการของหลิวฮองเฮาตอนนี้ยังไม่สู้ดีพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเกรงว่า...”
“เกรงว่าอะไร” น้ำเสียงที่ดุดันพร้อมกับร่างกายที่แผ่ความกดดันออกมาทำให้หมอหลวงแทบจะล้มทั้งยืน
“กระหม่อมพบว่าก่อนหน้านี้หลิวฮองเฮาได้รับยาพิษเข้าไป ถึงแม้ว่าจะได้รับในปริมาณที่ไม่มาก แต่ก็ส่งผลให้ทำให้คลอดบุตรยากพ่ะย่ะค่ะ”
ทันทีที่หมอหลวงเอ่ยจบ ก็มีเงาสายหนึ่งปรากฏกายขึ้นมาคุกเข่าลงเพื่อรอรับคำสั่งจากนายเหนือหัว
“ไปสืบมา ใครมันบังอาจทำร้ายคนของข้า จงไปลากตัวมันมาบัดเดี๋ยวนี้!” ใครมันกล้ากระตุกหนวดมังกรอย่างเขา เขาจะทำให้มันรู้ว่าอยู่ไม่สู้ตายเป็นอย่างไร แต่ก่อนที่จะได้ทบทวนความเป็นไปในการลอบวางยาครั้งนี้เสียงร้องไห้จ้าของทารกก็แผดออกมาลั่นทั่วบริเวณของตำหนักคุนหนิง
“ฮองเฮาทรงอดทนอีกนิดนะเพคะ เบ่งเลยเพคะ!”
“กรี๊ดดดดด” หลิวเซียนอินกรีดร้องออกมาสุดเสียง ความเจ็บปวดนางกัดผ้าในปากแน่นส่งแรงเบ่งออกมาด้วยแรงฮึดสุดท้าย
“อุแว้ อุแว้” เสียงเด็กทารกร้องไห้จ้าดังลั่นไปทั่วห้องคลอด หลิวเซียนอินยิ้มออกมาด้วยความโล่งอกผสมกับความยินดี เหล่านางกำนัลต่างก็ช่วยกันทำความสะอาดร่างกายของฮองเฮาและเก็บกวาดทำความสะอาดห้อง
หมอตำแยตัดสายสะดือของทารกออกแล้วนำผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัวทารกผิวแดงหน้าตายับย่น ก่อนที่จะส่งคืนให้มารดาของเจ้าก้อนแป้ง
“พระธิดาเพคะ เป็นพระธิดาเพคะฝ่าบาท” ชุนมามารีบร้อนเดินออกมารายงานองค์จักรพรรดิน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความปิติยินดีของนางเอ่ยขึ้นยังไม่ทันจบดี ร่างสูงสง่าของผู้เป็นโอรสสวรรค์ก็เดินเข้าไปในห้องคลอดโดยที่ไม่มีใครห้ามทัน โอรสสวรรค์ไม่เคยสนใจธรรมเนียมที่กล่าวเอาไว้ว่าห้องคลอดเป็นกลิ่นอายที่ไม่ดีไม่สมควรให้บุรุษเข้าใกล้
ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อนที่หลิวฮองเฮามีพระประสูติการองค์ชายใหญ่ องค์จักรพรรดิก็รีบร้อนเข้าไปในห้องคลอดทันทีที่ได้ยินเสียงเด็กร้องเช่นเดียวกัน มหาขันทีลอบปาดเหงื่ออกไปจากใบหน้าก่อนที่จะตามเสด็จองค์จักรพรรดิเข้าไปด้านใน
“เป็นอย่างไรบ้างอินเอ๋อร์ เจ็บมากหรือไม่” สายตาอ่อนโยนทอดมองไปยังร่างบอบบางตรงหน้าด้วยความรัก สีหน้าของหลิวเซียนอินซีดขาวใบหน้าของนางแสดงความอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด จ้าวเยี่ยนจื้อยื่นมืออกไปรับถ้วยยาบำรุงมาจากนางกำนัล เขาพยุงแม่ของลูกขึ้นมาพึงอกแกร่งจากนั้นเขาก็ใช้ช้อนตักยาบำรุงขึ้นมาเป่า เมื่อหายร้อนแล้วจึงป้อนยาให้นางอย่างช้า ๆ จนหมดถ้วย
“หม่อมฉันไม่เป็นอะไรมากแล้วเพคะ ฝ่าบาท ลูกของเราเพียงดื้อดึงเล็กน้อยจึงใช้เวลานานนัก”หลังจากที่นางกินยาที่สามีป้อนจนหมด หลิวเซียนอินจึงเอ่ยตอบคำถามก่อนหน้านี้ด้วยรอยยิ้ม มือเรียวยาวยกขึ้นมากอบกุมฝ่ามือหยาบกร้านของจ้าวเยี่ยนจื้อที่กำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อตามกรอบใบหน้างดงาม
นางหงส์ผู้สง่างามที่แม้ในเวลานี้จะอ่อนเพลียไปมาก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวสัพยอกสามีที่กังวลจนเกินเหตุสองสามคำ ดูท่าแล้วสามีของนางคงจะมีความสุขนัก มีใครบ้างไม่รู้ว่าองค์จักรพรรดิตรงหน้าอยากได้พระธิดามากขนาดไหน เนื่องด้วยสององค์ชายนั้นช่างไม่ออดอ้อนเอาใจพระบิดา ทำให้เขาหมายมั่นอยากมีบุตรสาว เพื่อที่นางจะได้โตมาน่ารักเหมือนอิสตรีอันเป็นที่รักหนึ่งเดียวในใจของบุรุษผู้หยาบกระด้างคนนี้
“ไยเจ้าน่าชังนัก ตัวเพียงเท่านี้ก็ริอาจรังแกมารดาของเจ้าเสียแล้วหรือ” เสียงหยอกล้อของผู้เป็นบิดาเย้าแหย่ธิดาตัวน้อยในอ้อมแขนของตนดังมาไม่ขาด ความรักความผูกพันทางสายเลือดช่างยิ่งใหญ่นัก
“องค์หญิงสามผู้นี้ข้าให้นามว่าอิงฮวา จ้าวอิงฮวาอินเอ๋อร์คิดเห็นเป็นอย่างไร”
“เป็นชื่อที่ดีเพคะ” อิงที่มีความหมายว่าผู้ที่มีความสามารถ อัจฉริยะและฮวาที่แปลว่าดอกไม้ อิงฮวาเป็นชื่อที่เหมาะสมจริง ๆ
หลังจากข่าวการประสูติขององค์หญิงจ้าวอิงฮวาแพร่ไปทั่วทั้งวังหลวง เหล่าข้าราชบริพารก็ส่งเสียงถวายพระพรองค์หญิงตัวน้อยดังกึกก้องไปทั่วทั้งวัง และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองพระประสูติการขององค์น้อยองค์จักรพรรดิได้ตกรางวัลให้กับข้าราชบริพารในวังหลวงอย่างถ้วนหน้า สร้างความปิติยินดีให้กับทุกคนเป็นอย่างยิ่ง
แต่ในขณะเดียวกันเจ้าก้อนแป้งที่ทุกคนกำลังพูดถึงก็ขมวดคิ้วนิ่วหน้า ด้วยความรู้สึกที่ไม่คุ้นชินและความรำคาญที่เกิดขึ้นในห้องบรรทมขององค์หญิงสามในตำหนักคุนหนิง
‘ใครมันตะโกนโหวกเหวกโวยวายอะไรแถวนี้วะ’ เมื่อลืมตาขึ้นเจน่าก็เกิดความงุนงง ที่นี่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่ แต่เจ้าตัวก็เกิดความสับสนอยู่ได้ไม่นาน ฉับพลันก็เกิดความกระจ่างแจ้งแก่ใจว่านางได้มาเกิดใหม่ในร่างขององค์หญิงสามแห่งแคว้นจ้าวโดยที่ยังมีความทรงจำในช่วงชีวิตที่แล้วอยู่ด้วย แม้จะแปลกใจแต่ในเมื่อสังเกตรอบ ๆ แล้วก็ได้แต่ทำใจยอมรับ
ยุคจีนโบราณงั้นหรือน่าสนุกนี่ หึ! แล้วเจอกันเจ้าพวกมดปลวกเอ๊ย! ว่าแต่คนสมัยนี้เขาพูดกันแบบนี้หรือเปล่านะ
1 สนมขั้นเฟยคือ ตำแหน่งพระสนมขั้นหนึ่งหรือที่เรียกว่าสีอัครชายามีทั้งหมดสี่ตำแหน่งเรียงตามลำดับยศดังนี้ กุ้ยเฟย ซูเฟย เต๋อเฟย และเสียนเฟย
Comments (0)