- บทที่ 1 --

::พฤกษ์   หัสดินทร์::

 

 

“ลื้อจะได้เป็นใหญ่ เมื่อทายาทคนที่2ให้กำเนิด เด็กคนนี้เปี่ยมด้วยพลังแห่งของมังกร เขาจะมาส่งเสริมลื้อและวงศ์ตระกูลให้รุ่งเรืองกว่ายุคไหนๆ”

 

คฤหาสน์ หัสดินทร์

 อะไรเนี่ยป๊า ถ้าอายัดบัตรทุกใบของพฤกษ์แล้วพฤกษ์จะเอาเงินที่ไหนใช้ล่ะ”

เสียงหวานติดแหบตะโกนลั่นคฤหาสน์หลังงาม จนเหล่าคนรับใช้นับสิบชีวิตต่างถอยออกห่างเพื่อหลบคลื่นอารมณ์ที่กำลังจะโหมกระหน่ำของคนเป็นนาย

หึ แล้วแกคิดว่าที่ฉันอายัดบัตรแกเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะแกไปก่อเรื่องอะไรไว้น่ะ ห้ะ” เสียงทุ้มกังวานตอบกลับลูกชายคนเล็กเสียงดังด้วยแรงโทสะไม่ต่างกัน

พนาหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ ที่มีอำนาจบริหารคนมากมาย แต่กลับไร้ความสามารถในการเลี้ยงดูลูกให้เป็นดั่งใจหวัง จนหลายครั้งเขาจำเป็นต้องใช้ไม้แข็งอยู่เรื่อย เช่นเดียวกับครั้งนี้ ที่เขาสั่งอายัดบัตรในมือของลูกชายคนเล็กทุกใบ เพื่อตัดขาดทุนทรัพย์ไม่ให้ไปการก่อเรื่องเพิ่มได้อีก พร้อมกับอีกสิ่งที่เขากำลังจะทำ สิ่งที่อาจจะต้องฝืนใจลูกชายพอสมควร แต่เขาจำเป็น...

อะไร พฤกษ์ทำอะไร” คนเป็นลูกยังคงตั้งหน้าตั้งตาต่อว่าพ่อตัวเองต่อ

ก็ไอ้เรื่องที่เป็นข่าวหน้าหนึ่งอยู่ตอนนี้ไง แกยังกล้าถามฉันอีกเหรอ ห้ะ”

กับอีแค่เที่ยวตามประสาวัยรุ่นเองป๊า”

สิ่งที่กำลังทำให้พ่อของเขาคุกรุ่นในตอนนี้ คงจะไม่พ้นเรื่องที่เขาไปเที่ยวมาเมื่อคืน พฤกษ์รู้ดีว่าเพื่อนที่เขาคบหาไม่ใช่คนดีนัก ส่วนหนึ่งเขาแค่อยากไปปลดปล่อยหลังจากเพิ่งเรียนจบ แล้วเดินทางกลับมาอยู่ไทย

อีกส่วนหนึ่งคือ เขาอยากประชดคนเป็นพ่อ ที่ไม่เคยจะมาต้อนรับกันเลย ทั้งที่เขากลับมาได้เป็นอาทิตย์แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่เขาเรียนจบโทมา แม้จะได้ถึงเกียรตินิยม แต่เขากลับไม่เคยได้ยินคำชื่นชมออกมาจากปากหนักๆนั่นเลยสักครั้ง

ป๊าก็ยังคงไม่รักเขา...อยู่ดีนั่นแหละ

แต่ข่าวมันลงว่าแกมีส่วนรู้เห็นในการใช้สารเสพติด แกจะทำให้ฉันอับอายขายหน้าไปถึงไหนห๊ะ!” เสียงทุ้มถามกลับด้วยแรงอารมณ์ที่กำลังปะทุมากขึ้น ดังก้องสะท้อนทั่วห้องโถงขนาดใหญ่

แต่ผมไม่ได้ทำอย่างที่ข่าวมันลงนะ”

แต่ข่าวมันลงไปแล้ว คนเขารับรู้กันทั่วประเทศแล้ว ว่าลูกชายคนเล็กของตระกูลหัสดินทร์ทำตัวเหลวไหลแค่ไหน!"

เหอะ ป๊าน่าจะเชื่อใจผมบ้าง ที่แท้ป๊าก็ห่วงแต่ชื่อเสียงของตระกูล ห่วงแต่คะแนนนิยมของพรรคอ่ะ ป๊าเคยถามผมบ้างไหมล่ะ ว่าทำไมผมต้องออกไปเที่ยว ต้องออกไปหาเพื่อนแบบนั้น...เพราะบ้านหลังนี้มันหาความสุขไม่ได้...ยังไงล่ะ” ดวงตากลมสวยช้อนมองใบหน้าของผู้เป็นพ่ออย่างผิดหวังสุดหัวใจ

สิ่งที่พฤกษ์เสียใจมากที่สุดคงเป็นการที่เขาเกิดมาในครอบครัวที่สูงส่ง ต้องรักษาภาพลักษณ์ยิ่งกว่าอะไร ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยได้ทำอะไรตามใจตัวเองนอกจากการต้องเป็นลูกที่ดีของพ่อ การเป็นทายาทที่ดีของวงศ์ตระกูล

ยิ่งพี่ชายเขา พี่ป่า ที่แก่กว่า 3 ปี ดันทำได้ดีและเชื่อฟังพ่อทุกอย่าง ยิ่งตอนนี้กำลังเข้าสู่เส้นทางการเมืองตามรอยคนเป็นพ่อด้วยแล้ว  พ่อก็ยิ่งพึงพอใจในตัวเขาเข้าไปอีก นี่คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่พฤกษ์มักจะโดนพ่อมองข้ามเสมอ เพราะเขามันดื้อด้าน ไม่ยอมเดินตามเส้นทางที่พ่อขีดเส้นไว้ให้

ครอบครัวหัสดินทร์เสียคุณหญิง เฌอมาลย์ ไปในวันเดียวกันกับวันที่ลูกชายคนเล็กของตระกูลกำเนิดขึ้น เป็นวันที่ทั้งยินดีและโศกเศร้าไปพร้อมๆกัน แม้ทุกคนจะเข้าใจว่าทั้งหมดเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ มันเป็นอุบัติเหตุ... พ่อบอกกับพฤกษ์และทุกคนแบบนั้น แต่ก็ไม่เคยจะปริปากเล่าให้ใครฟังเลยว่าเกิดอะไรขึ้นในวันที่แม่ของเขาต้องจากไป

หลังจากลูกคนเล็กของตระกูลถือกำเนิด เพียงไม่นาน...พนาก็ได้รับโหวตให้เป็นหัวหน้าพรรค สมดังใจหวัง ทุกอย่างเป็นไปตามที่ซินแสได้ทำนายไว้ แต่ไม่ใช่การจากไปของเมียรัก...

พฤกษ์โตมาโดยไม่มีแม่ เขาไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าการมีแม่คอยให้ความอบอุ่น คอยดูแลเอาใจใส่ มันเป็นยังไง อิจฉาพี่ชายด้วยซ้ำที่แม่ยังอยู่กับเขาถึง 3 ปี แต่พฤกษ์กลับไม่มีโอกาสนั้น การเลี้ยงดูของพ่อก็แค่การเลี้ยงดูด้วยเงิน ความสะดวกสบาย แต่ไร้ซึ่งความอบอุ่น

พฤกษ์เองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการที่เขาทำตัวก้าวร้าวแบบนี้ มันเริ่มตั้งแต่ตอนไหนกันแน่ รู้ตัวอีกที เขาก็กำลังต่อต้านครอบครัวของตัวเองอย่างสุดขีดซะแล้ว พฤกษ์เองก็ไม่ได้อยากจะเป็นแบบนี้ แค่อยากใช้ชีวิตตามที่ตัวเองต้องการ แค่อยากเปิดร้านน้ำหอมเล็กๆ สงบๆของตัวเอง แค่นั้น...

แต่คนเป็นพ่อไม่เคยจะยอมเข้าใจหรือสนับสนุนกันเลย เพราะมันไม่ได้มีเกียรติเท่าสิ่งที่พ่อต้องการ สิ่งที่พ่อต้องการอย่างเดียวคือให้พฤกษ์ดูแลบริษัทส่งออกผลไม้ของแม่ต่อ ทั้งๆที่เขาเกลียดความกดดันจากการบริหารงาน เขาไม่อยากเป็นแบบนั้น ยังไงเสีย เขาก็จะคัดค้านให้ถึงที่สุด

พฤกษ์!!”

ทำไมครับ โกรธเหรอ หึ ป๊าไม่เคยห่วงผม เพราะป๊าคิดมาตลอดใช่ไหมล่ะ ว่าผมเป็นสาเหตุที่ทำให้แม่ต้องตายน่ะ!!!”

เสียงหวานติดแหบ ตะโกนจนลั่นบ้านราวกับว่าความอัดอั้นที่สะสมมาโดยตลอดกำลังปะทุขึ้น ร่างบางเฉียบสั่นเทิ้มด้วยแรงอารมณ์ ดวงหน้าหวานร้อนผ่าวลามมาถึงดวงตาสวย น้ำสีใสค่อยๆเอ่อปริ่มดวงตา บดบังการมองเห็นตรงหน้า จนภาพคนเป็นพ่อที่ยืนอยู่ช่างเลือนรางลงไปทุกที ทั้งที่เขาพยาพยามอดทนอดกลั้นเอาไว้แล้วแท้ๆ

เพียะ!!!

อย่า! พูด! อย่างนี้อีก!” พนากดเสียงต่ำเย็นยะเยือก ย้ำทีละคำอย่างคนกำลังสกัดกั้นอารมณ์ มือใหญ่สั่นเทาด้วยแรงโทสะไม่ต่างจากคนเป็นลูกเลยสักนิด

เกิดความเงียบระหว่างกันอยู่ครู่ใหญ่ แรงปะทะอารมณ์ครั้งนี้ดูจะหนักกว่าครั้งไหนๆ จนเสียงรอบกายพร้อมกันเงียบสงัด ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะเดินผ่านไปมา พฤกษ์มองหน้าพ่ออย่างตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนคนเป็นพ่อตบหน้า...

ความตกใจผสมปนเปไปด้วยความเสียใจถาโถมเข้ามา จนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป น้ำสีใสร่วงออกมาจากดวงตาเหมือนห่าฝน พฤกษ์ไม่แม้แต่จะพยายามเช็ดมันออก

ดวงตากลมสวยเอาแต่จ้องคนเป็นพ่ออย่างผิดหวัง ขณะเดียวกัน คนเป็นพ่ออย่างพนาเองก็มองลูกชายที่ยืนน้ำตาไหลอาบแก้มอยู่อย่างใจสลาย เขาไม่คิดเลยว่าทุกอย่างมันนำพาเขาและลูกมาถึงจุดนี้ได้...

ฮึก ได้...ป๊าจะทำอะไรกับผม ก็เชิญเลย ถึงยังไง ผมมันก็เด็กเหลือขอ ที่ไม่สมควรได้รับความเห็นใจจากใครอยู่แล้วนี่”

พฤกษ์แค่นพูดเสียงเบาจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ ก่อนจะหันหลังเดินหนีขึ้นห้อง ปล่อยให้หยดน้ำตาไหลลงมาเรื่อยๆ ตามแก้มเนียน

เดี๋ยว”

“...”

เก็บของซะ พรุ่งนี้เช้าแกต้องไปไร่ตระกูลณครินทร์เลย”

อะไรนะ!”

แกต้องไปอยู่ที่นั่นเพื่อสำนึกถึงความผิดของแก และจะต้องแต่งงานตามสัญญาที่ปู่แกให้ไว้กับตระกูลนั้น”

ไม่ เรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย ผมไม่แต่ง!

"..."

"นี่มันเกินไปแล้วนะ! ป๊าไม่มีสิทธิ์มาบังคับผมเรื่องนี้นะ ชีวิตผม ผมมีสิทธิ์เลือก!"

พฤกษ์ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะมาได้เจอการบังคับแสนล้าหลังในยุคนี้สมัยนี้ ไม่อยากจะเชื่อว่ามันดันมาเกิดขึ้นกับเขาได้ไง ทำไงดีวะ...

ริว พาเจ้าพฤกษ์ขึ้นไปเก็บของที่จำเป็นสำหรับเดินทางพรุ่งนี้

ครับท่าน”

ไม่ ผมไม่ไป ป๊าได้ยินไหม ผมไม่แต่ง ไม่!!!” ร่างบางตะโกนลั่นเหมือนคนเสียสติขณะที่โดนร่างสูงใหญ่ของบอดี้การ์ดลากตัวไป คนเป็นพ่อได้แต่ถอนหายใจอย่างรู้สึกผิด แต่เขาจำเป็นจริงๆ...

 

 

 

ณ ไร่ตระกูลณครินทร์

 

รถหรูกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ทางเข้าบ้านสวนของตระกูลณครินทร์ โดยมีรถประกบหน้า 1 คัน และตามระวังหลัง 1 คัน เข้ามาเรื่อยๆจน แล้วจอดตรงประตูรั้วสูงที่กำลังเปิดอย่างต้อนรับอยู่ ริวลงจากรถมาเปิดประตูให้คุณหนู

ร่างระหงในชุดเสื้อเชิ้ตขาวทับด้วยสูทสีดำสนิท กางเกงหนังเอวสูงอวดสัดส่วนสวย รองเท้าบูทสั้น ก้าวลงจากรถอย่างจำใจ มือสวยเสยผมสีน้ำตาลที่ปรกหน้าขึ้น แล้วมองเข้าไปยังสถานที่ที่เขาไม่คุ้นเคยตรงหน้าอย่างคิดหนักกับสิ่งที่จะเขาจะต้องเจอต่อจากนี้

ผมคงมาส่งคุณหนูได้แค่นี้ ดูแลตัวเองด้วยนะครับ รอคุณท่านติดต่อมานะครับ”

ริวคนสนิทของพนาพูดอย่างสุภาพ พร้อมยกกระเป๋าใบใหญ่ของพฤกษ์ลงจากรถหรูให้ แล้วโค้งลาอย่างนอบน้อมให้นายน้อยของเขา ก่อนจะขึ้นรถแล้วพากันขับออกไป ทิ้งคุณหนูร่างบางไว้กับกระเป๋าใบใหญ่หน้าบ้านของคนแปลกหน้า...

สุดท้ายคนอย่างไอ้พฤกษ์ก็ถูกรวบตัวมาส่งที่นี่จนได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากจนเขาไม่มีโอกาสได้ทันตั้งตัว หรือเตรียมใจอะไรทั้งสิ้น เอาเถอะ ตอนนี้ก็โดนรวบมาส่งถึงที่นี่แล้ว เดี๋ยวค่อยหาวิธีหนีกลับไปอีกทีละกัน

 

พฤกษ์มองไปยังบ้านกลางสวน ทรงยุโรปหลังใหญ่ สูงสามชั้นตรงหน้าอย่างกังวล ร่างสง่าค่อยๆเดินลากกระเป๋าเข้าไป ดวงตาสวยไล่มองสิ่งแวดล้อมรอบๆ

ระหว่างทางเดินเป็นดอกไม้นาๆชนิด ที่ถูกปลูกไว้เป็นทางไปจนถึงหน้าบ้าน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ที่ลอยมาตามสายลม ทำให้พฤกษ์เผลอสูดความสดชื่นเข้าเต็มปอด ร่างบางเดินมาเรื่อยๆ จนถึงประตูไม้สักสลักลายบานใหญ่ที่เปิดอยู่ แต่ไม่เห็นใครอยู่สักคน

สวัสดีครับ มีใครอยู่ไหมครับ” เสียงใสเอ่ยเรียกเจ้าของบ้านอย่างสุภาพ เพราะถึงเขาจะเป็นคนหัวร้อน หรือเอาแต่ใจแค่ไหน เขาก็ยังพอมีมารยาทอยู่นะ

มาแล้วค่ะๆ คุณคือ...” หญิงร่างท้วมสวมชุดผ้าฝ้ายสีครีม รีบเดินออกมาต้อนรับ ก่อนจะเอ่ยถามเด็กผู้ชายตัวบาง ผิวขาว หน้าตาสวยจัดที่ยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่

เอ่อ ผม พฤกษ์ หัสดินทร์ครับ”

คุณพฤกษ์... เข้ามาเลยค่ะเดี๋ยวป้าให้เด็กมาเก็บกระเป๋าไปไว้ให้” หญิงร่างท้วมเอ่ย พลางจูงมือขาวที่เล็กกว่ามือของเธอพอสมควร ให้เดินตามไปนั่งพักที่โซฟาในห้องนั่งเล่นของบ้าน

ขอบคุณครับ”

ค่ะ ป้าชื่อป้าภานะคะ” หญิงสูงวัยเอ่ยแนะนำตัวเองอย่างใจดี จนเด็กที่กำลังรู้สึกแปลกที่แปลกทางได้คลายความเกร็งลงมาเล็กน้อย

อ่า ครับ ป้าภา”

คุณศิลาเธอยังตรวจโรงไวน์ไม่เสร็จเลย ทำตัวตามสบายนะคะ มาเหนื่อยๆ เดี๋ยวป้าไปหาน้ำเย็นๆ มาให้ดื่ม”

 ป้าภาพูดก่อนจะเดินเข้าไปในครัว แล้วเดินกลับออกมาพร้อมน้ำเย็นหนึ่งแก้ว ส่งยิ้มใจดีมาให้เด็กหน้าตาน่าเอ็นดูที่นั่งมองรอบๆ บ้านอยู่

เธอเองก็ไม่ค่อยรู้อะไรมาก รู้แค่ว่าวันนี้จะมีแขกของคุณศิลามาอยู่ที่นี่ด้วย โดยที่เหลือคุณศิลาบอกว่าจะรับผิดชอบเอง

ป้าครับ คือผมขอเดินดูรอบๆ บ้านหน่อยได้ไหมครับ” บ้านหลังนี้ช่างดึงดูดความสนใจเขาได้ดีซะเหลือเกิน โดยเฉพาะสวนข้างๆ บ้านที่เขาเห็นแวบๆ ตอนเดินเข้ามา

ได้ค่ะ แต่อย่าไปไกลนะคะ ใกล้มืดแล้วมันอันตราย” คนมีอายุเตือนด้วยความเป็นห่วงแขกตัวน้อย

ครับ” ร่างบางเดินออกมาหน้าบ้าน มองดูดอกไม้สีสวยหลากหลายสายพันธุ์ทั้งที่เขาพอจะรู้จักบ้าง ไม่รู้จักบ้าง มันสวยจนเขาอยากจะเอื้อมมือไปเด็ดมาเก็บไว้ซะเหลือเกิน แต่กลัวเจ้าของจะมาดุเอา

ด้านข้างๆ ของตัวบ้านมีศาลาสีขาวริมสระบัวด้วย พฤกษ์เดินมาทิ้งตัวลงบนที่นั่ง ทอดสายตามองดอกบัวสีชมพูจำนวนมาก ที่กำลังเบ่งบานอยู่ในสระแห่งนี้ พอมองเลยออกไปไกลๆจะเห็นแนวทิวเขาล้อมรอบพื้นที่แห่งนี้ไว้ ช่างเป็นวิวที่สวยซะเหลือเกิน

ลมเย็นที่พัดเอื่อยๆ หอบเอากลิ่นป่า กลิ่นหอมของดอกไม้เข้ามาหา จนพฤกษ์ต้องสูดหายใจเข้าเต็มปอดอีกครั้ง บรรยากาศที่นี่ทำให้ใจเขาสงบลงอย่างไม่น่าเชื่อ  กลิ่นหอมละมุนของดอกไม้ เหมือนกำลังโอบกอดเขาเอาไว้ ทำให้พฤกษ์แทบจะลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจไปได้ชั่วขณะ

 

คุณคือพฤกษ์สินะ”

 

To be Continue...

By SundayRain