1 ตอน จอกที่ 1
โดย ก็แค่นกอ้วนตัวหนึ่ง
ถูกปฏิเสธเรื่องความรักและงานแต่งอีกแล้ว...
จางหลี่เชียนถอนหายใจ เมื่อครู่เขาได้มาพบปะแม่นางเฉียว หลังจากพูดคุยพบปะกันอยู่หลายครั้ง เราก็สนิทสนมกันมามากขึ้น จางหลี่เชียนก็ชมชอบนางไม่น้อย และแอบมีความหวังเล็กๆ ว่าบางทีแม่นางเฉียวผู้นี้ก็คงชอบเขาเช่นเดียวกัน
ไม่อย่างนั้นยามไปกินข้าวเหตุใดถึงได้บังเอิญเจอนางในโรงเตี๊ยม ยามไปเดินตลาดก็บังเอิญได้พบนาง ไปที่ใดก็ล้วนแต่เจอเรื่องบังเอิญได้พบ ในวันหนึ่งจางหลี่เชียนต้องได้พบหน้านางถึงสามครั้ง มากกว่าสตรีคนอื่นๆ ที่เคยคบหาดูใจด้วยเสียอีก
จนเขาคิดว่านี่แหละ แม่นางเฉียวนี่คือผู้ที่สวรรค์ลิขิต จางหลี่เชียนต้องใช้ความกล้าเป็นอย่างมาก กว่าจะกล่าวถ้อยคำชมชอบและขอแต่งงาน ทว่าแม่นางเฉียวกลับเผยสีหน้าลำบากใจอย่างชัดเจน ก่อนจะกล่าวคำตอบกลับที่ทำให้จางหลี่เชียนรู้สึกดั่งโลกถล่มลงมาตรงหน้า
'ขออภัยคุณชายจาง ข้าคิดว่าท่านเป็นเพียงแค่สหายที่ดีคนหนึ่ง เฉียวเอ๋อร์เป็นสตรีในห้องหอ ยากยิ่งนักที่จะได้พบเจอผู้คนที่คุยเรื่องเย็บปักถักร้อยหรือเรื่องศิลปะกับเฉียวเอ๋อร์ได้ ดังนั้นเรื่องนี้จึงทำให้คุณชายจางเข้าใจผิด เฉียวเอ๋อร์ต้องขอโทษท่าน อีกอย่าง...ท่านก็ดูน่ารักกว่าเฉียวเอ๋อร์เสียอีก'
นี่แหละที่จางหลี่เชียนคับแค้นใจ!
มารดาของเขาคือสตรีอันดับหนึ่งแห่งเมืองจาง แน่นอนว่าเขานั้นคือบุตรชายของท่านเจ้าเมือง คุณชายจางหลี่เชียน
มารดาของเขานั้นมีใบหน้าที่น่ารักและอ่อนเยาว์เอามากๆ ขนาดปีนี้นางมีอายุย่างสี่สิบเข้าไปแล้ว ใบหน้านางกับยังสามารถเทียบสตรีอายุยี่สิบได้ จางหลี่เชียนเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูลจาง แทนที่จะได้ความหล่อเหลาคมเข้มของบิดา เขากลับได้ใบหน้าที่ดูน่ารักและอ่อนโยนของมารดาแทนเสียได้
นั่นจึงทำให้จางหลี่เชียนถูกสตรีหักอกเรื่องความรักมาแล้วถึงสามคน...
สตรีคนแรกที่ปฏิเสธเขาคือแม่นางซ่ง นางเป็นสตรีที่ห้าวหาญและเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม นางเป็นสตรีที่ทั้งการกระทำและคำพูดล้วนไม่เสแสร้ง ดังนั้นสิ่งแรกที่จางหลี่เชียนได้รับถ้อยคำปฏิเสธจากนางก็คือ
'เจ้าน่ารักเกินไป หากตบแต่งกันขึ้นมาจริงๆ จะมิใช่ข้าหรือที่ต้องแต่งชุดแต่งงานของบุรุษและเจ้าแต่งชุดแต่งงานสตรี รู้หรือไม่หลี่เชียน อยู่กับเจ้าก็สบายใจดั่งอยู่กับเพื่อนสาว นั่นคือความรู้สึกของข้า'
จางหลี่เชียนได้ยินครั้งแรกก็สะเทือนใจอยู่บ้าง แต่ในเมื่อสตรีมิมีใจ เขาก็ไม่คิดบังคับขัดขืน พักใจอยู่สามวัน ก็ได้พบกับสตรีต่างเมืองที่แสนน่ารัก นางเป็นคนใจดี ยิ้มแย้มและสดใสเสมอ ทว่าความจริงนางกลับไม่ใช่คุณหนูน้อยที่ไหน เป็นเพียงแค่สาวรับใช้ของคุณหนูอีกเมืองที่เข้ามาหาเครื่องประดับไปให้คุณหนูของตนเท่านั้น
จางหลี่เชียนได้พบนางคราแรกก็ไม่ค่อยจะใส่ใจสักเท่าไหร่ เพราะยังเจ็บกับรักแรกอยู่ แต่เขาและนางก็ดันได้บังเอิญมาพบกันอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งคุณหนูผู้นั้นได้มาพักอาศัยที่เมืองจาง จางหลี่เชียนจึงได้พบเจอสาวใช้ผู้นี้บ่อยขึ้นอีก
ทำความรู้จักและพูดคุยกันอยู่หลายเดือน ในที่สุดจางหลี่เชียนก็ตัดสินใจสารภาพความในใจอีกครั้ง ทว่าสตรีผู้นี้ดีกว่าแม่นางซ่งมากนัก นางทำเพียงแค่อ้อมแอ้มเอ่ยตอบด้วยความเนียมอาย
'ข้ามีผู้ชมชอบอยู่ในใจอยู่แล้ว ที่หมู่นี้พบท่านอยู่บ่อยๆ ยอมรับว่าชวนให้รู้สึกสบายใจจริงๆ แต่ที่ว่าสบายใจนั้นเพราะท่านน่ารักเหมือนคุณหนูของข้า มิได้มีเจตนาคิดเกินเลยไปกว่านั้น'
จางหลี่เชียนน้ำตาตกอีกเป็นครั้งที่สอง ก่อนจะมาจบที่ครั้งที่สามนี้อีก สุดท้ายก็ได้แต่เอาเรื่องนี้ไปปรึกษาบิดามารดา
นายหญิงของตระกูลจางหัวเราะขบขัน บอกเพียงแค่ว่ามีใบหน้าน่ารักแล้วผิดอันใด นางปลอบใจเขาอยู่หลายคำ บอกให้คิดเสียว่ายังไม่ถึงเวลา
ส่วนบิดานั้นถอนหายใจ บอกว่าบางทีเขานั้นอาจทำตัวไม่สมบุรุษ จางหลี่เชียนได้ยินก็ยิ่งฉงน เขานั้นอาจไม่ได้ถือศีลกินเจ แต่ก็นับได้ว่าเป็นบุรุษมีคุณธรรมผู้หนึ่ง ไม่เคยรังแกคนเจ็บตบตีคนด้อย ไม่เคยร่ำสุราเคล้าสตรี เช่นนี้จะไม่ถือว่าเป็นบุรุษที่ดีได้อย่างไร
'พ่อมิได้หมายความว่าเจ้าเป็นบุรุษไม่ดี แต่พ่อหมายความว่าเจ้าดีเกินไป ลองออกไปหาประสบการณ์บ้างดีหรือไม่ เช่น ลองทำในสิ่งที่บุรุษทั่วไปเขากระทำ'
สิ่งที่บุรุษทั่วไปกระทำ คำคำนี้ฟังแล้วก็ดูกว้างขวางยิ่งนัก เคราะห์ดีที่จางหลี่เชียนมีสหายอยู่ผู้หนึ่ง ด้วยความเคร่งเครียดเพราะต้องเจอกับปัญหาที่คิดไม่ตก จึงได้รีบไปขอคำปรึกษากับสหาย
'สิ่งที่บุรุษทั่วไปกระทำ? หลี่เชียน เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว คิดว่าตัวเองเป็นนักพรตอยู่หรือ อย่าทำตัวน่าเบื่อนักเลย มา เจ้าถามถูกคนแล้ว ข้าได้ข่าวว่าคืนนี้หอโคมแดงนำสุราตัวใหม่จากเมืองเพ่ยมาขาย มิสู้คืนนี้เจ้าไปกับข้า ลองดื่มสุราเคล้าสตรี เรื่องแบบนี้บุรุษที่ไหนเขาก็ต้องกระทำกันทั้งนั้น'
ไฉ่หลาง สหายที่ไม่ค่อยน่าคบสักเท่าไหร่เอ่ยแนะนำ เพราะแบบนั้นจางหลี่เชียนที่กำลังพร่ำเพ้อและชอกช้ำจากสตรีสามนาง จึงคิดจะลองทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำเสียบ้าง
หากสตรีไม่ชมชอบเขาจริงๆ จางหลี่เชียนก็คิดว่าจะหาบุรุษที่ดีสักคนแทน บุรุษสองคนคบหาดูใจกันอย่างเปิดเผยในเมืองของเขามิใช่เรื่องแปลก บางตระกูลมีอนุหรือภรรยาเอกเป็นบุรุษเสียด้วยซ้ำ จางหลี่เชียนปลงแล้ว บางทีเขาอาจไม่คู่ควรกับสตรีจริงๆ
เมื่อตัดสินใจอย่างแน่วแน่ จางหลี่เชียนก็มาหยุดยืนที่หน้าหอโคมแดง สายตาของเขาจ้องมองไปด้านหน้าด้วยสายตาอ่านยาก มีผู้ติดตามข้างกายผู้หนึ่งที่แทบจะกอดขาเอาไว้ไม่ให้ไปต่อ
"คุณชายขอรับ! ท่านคิดดูอีกทีดีหรือไม่ ถึงแม่นางเฉียวจะปฏิเสธท่าน แต่ท่านก็ไม่ควรทำร้ายตัวเองเช่นนี้"
"อย่าขวางข้า วันนี้ข้าตัดสินใจแล้ว บิดามารดายังมิคิดห้าม เหตุใดเจ้าจึงต้องขัดขวางข้าด้วย" ครอบครัวของจางหลี่เชียนเป็นครอบครัวใหญ่ที่อบอุ่น บิดามารดาตามใจเขาอย่างเต็มที่
หลังไล่คนสนิทให้กลับไปแล้ว จางหลี่เชียนก็เดินเข้าไปด้านในอย่างไม่ลังเล เขาพบกับผู้คนมากมาย ทั้งสตรี ทั้งบุรุษ ทั่วทั้งหอล้วนคึกคัก เสียงพูดคุยและหยอกล้อดังขึ้นไม่ขาดสาย จางหลี่เชียนถูกเชิญให้ไปนั่งโต๊ะหนึ่ง เขาสั่งของกินสองถึงสามอย่าง ก่อนจะลองสั่งสุราที่ไม่รู้จักมาขวดหนึ่ง
จางหลี่เชียนกวาดสายตามองรอบๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงดูมีความสุขนัก ปีนี้เขาอายุยี่สิบสองปี ย่อมรู้จักสถานที่อย่างหอโคมแดงแห่งนี้ว่ามีไว้เพื่อสิ่งใด แต่ภายในใจก็มิเคยคิดอยากก้าวเข้ามาที่นี่สักครั้ง ทว่าวันนี้ดูผู้คนคึกคักมากกว่าปกติ พอลอบถามเสี่ยวเอ้อ เขาถึงได้รู้ว่าวันนี้เจ้าเมืองเพ่ยเดินทางมาทำการค้าเกี่ยวกับสุราด้วยตัวเอง ผู้คนจึงคึกคักและมากเป็นพิเศษ
"สนุกที่ใด" หลังกวาดสายตามองครู่ใหญ่ จางหลี่เชียนก็เอ่ยพึมพำ ก่อนจะเหลือบตามองสุรา และคว้าขึ้นมาชิมดู แต่ก็ไม่พ้นนิ่วหน้าแทบอยากจะโยนทิ้ง "อร่อยที่ใด"
จางหลี่เชียนนั่งคนเดียวอย่างเบื่อๆ จิ้มกินอาหารในชามไปเรื่อยๆ หลังสุราแรกไม่ถูกใจก็ลองสั่งแบบอื่นมาลองดู แต่ก็ไม่ต่างจากเดิม สุดท้ายก็เป็นนายหญิงหอโคมแดงที่ทนไม่ไหว มีคุณชายถุงเงินหนักมานั่งกินอาหารอย่างเดียวทำให้นางเสียหน้าไม่น้อย จึงรีบเดินเข้ามาใกล้เพื่อทำการค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมบริการ
"คุณชาย ท่านนั่งอยู่คนเดียวมานานแล้ว มิทราบว่าให้ข้าเรียกเด็กๆ สักคนมาปรนนิบัติท่านดีหรือไม่"
"ไม่เอาสตรี" จางหลี่เชียนชะงัก เอาสตรีมานั่งด้วยพวกนางก็คงคิดว่าเขาเป็นเพื่อนสาว รังแต่จะทำตัวให้เป็นที่ขบขัน
"คุณชายอย่าได้กังวล โคมแดงของข้ามีทั้งสตรีและบุรุษ เช่นนั้นข้าเรียกสหายบุรุษสักคนมานั่งดื่มเป็นเพื่อนท่านดีหรือไม่" นายหญิงหอโคมแดงไม่ล้มเลิกความตั้งใจ รีบเสนอต่อทันทีโดยไม่คิดปล่อยให้เสียเวลา
จางหลี่เชียนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ และตั้งอกตั้งใจกับการกินอาหารตรงหน้าต่อ ไม่นานข้างกายก็สัมผัสได้ว่ามีคนผู้หนึ่งมานั่งเคียงข้าง เขาจึงตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมอง
ก่อนจะต้องตาค้าง...
ว่ากันว่าบุรุษในหอโคมแดงจะมีเรือนร่างหน้าตาแทบมิต่างกับสตรี พวกเขาสามารถปรนนิบัติบุรุษบนเตียงได้อย่างไม่เกี่ยงงอน ทว่าบุรุษที่จางหลี่เชียนกำลังมองนั้น กลับแตกต่างกับบุรุษในหัวลิบลับ
เขารูปร่างสูงใหญ่ดูน่าเกรงขาม เรือนร่างที่ลอบมองก็เดาได้ว่าแข็งแกร่งเพียงใด สวมใส่อาภรณ์ล้ำค่า มองไกลๆ ก็คงนึกว่าเป็นคุณชายหรือท่านอ๋องที่ไหน ใบหน้าหล่อเหลาคมคายมีเสน่ห์ ติดรอยยิ้มการค้า มองๆ ดูแล้วก็ค่อนข้างจะห่างไกลกับบุรุษในหอโคมแดง
จางหลี่เชียนเก็บสายตาตนเอง อดปฏิเสธไม่ได้ว่าคนตรงหน้าดูดียิ่งนัก ทั้งสูงใหญ่ ทั้งน่าเกรงขาม เขาจึงอดตัวเกร็งขึ้นมาไม่ได้ จึงไม่ได้คิดสิ่งใด ทว่าคนตรงหน้าก็ทำเพียงนั่งนิ่งๆ ไม่ได้รีบเข้ามาเอาใจเขาอย่างที่บุรุษในหอโคมแดงพึงกระทำ
"ท่านมาที่นี่เป็นครั้งแรก?" น้ำเสียงที่คนผู้นี้เอ่ยก็นุ่มทุ้มน่าฟัง ฟังไปครู่เดียวก็ชวนเคลิบเคลิ้ม พออยู่ใกล้ๆ ก็ได้กลิ่นหอมๆ ของฉางชุนฮวา ซึ่งมันเป็นกลิ่นที่เขาชอบมากเสียด้วย
"อืม ครั้งแรก" จางหลี่เชียนตัดสินใจตอบ
"ขอสอบถามคุณชายน้อย เหตุใดท่านจึงมาที่นี่"
"เพราะข้าเป็นบุรุษ! ขม..." จางหลี่เชียนตอบเสร็จ ก็ยกสุราที่ยังไม่เคยลองขึ้นดื่ม คราวนี้เขาแทบจะคายทันที ได้แต่ขมวดคิ้ว ขมถึงเพียงนี้ เหตุใดคนทั่วไปถึงชอบกินนัก
"ฮ่าๆ ถูกของท่าน ข้าผิดเองที่ถามคำถามไร้สาระ มาเถิด ท่านลองนี่ ไม่ขม อีกทั้งอร่อยยิ่งนัก แต่สุรานี้ขวดหนึ่งนั้นแพงมาก" และในที่สุดบุรุษที่นั่งเคียงข้างก็เริ่มปรนนิบัติเขา อีกฝ่ายหยิบสุราขวดหนึ่งออกมาจากชายเสื้อ รินให้เขาช้าๆ ก่อนยื่นให้เขาลอง
จางหลี่เชียนลังเล แต่เขาก็ไม่คิดปฏิเสธน้ำใจ ทว่าพอสุรานี้เข้าปาก เขากลับรู้สึกฉงนยิ่งนัก รสสุราหวานกลมกล่อม ไม่ขมสักนิด ก่อนจะเอ่ยขออีก ดื่มไปดื่มมาเพียงแค่ไม่กี่จอก จางหลี่เชียนก็เริ่มรู้สึกว่าบุรุษตรงหน้ากำลังจะแยกร่าง
"ข้าไม่ขัดสนเรื่องเงินทอง ขัดสนเพียงแค่สตรีคู่ชีวิต" พอเมา จางหลี่เชียนก็เริ่มกล้าพูด เขาเม้มริมฝีปากแน่น เริ่มเศร้าเพราะความรักที่ผิดหวัง
"หากท่านอยากพูด ข้าก็เต็มใจฟัง"
"ไม่อยากพูด แค่อยากดื่ม อยากลองในสิ่งที่ไม่เคยลอง คราวแรกตั้งใจจะลองมาหลับนอนกับสตรีสักคน แต่ข้ารู้สึกว่าตัวเองยังไม่หยาบช้าถึงเพียงนั้น" จางหลี่เชียนเผยความในใจ เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่บุรุษกระทำมีมากน้อยเพียงใด แต่ถ้าให้หลับนอนกับสตรีที่ไม่ได้รัก เขาก็รู้สึกผิดยิ่งนัก
"พูดได้ดี ท่านน่าสนใจยิ่ง เช่นนั้นไม่สู้ท่านมากับข้า" บุรุษตรงหน้าขบขัน จางหลี่เชียนที่เริ่มเมาได้ที่ก็เริ่มปล่อยเนื้อปล่อยตัว แม้บุรุษตรงหน้าจะยื่นมือมากอบกุม เขาก็ไม่ได้ปัดออก
"ไปที่ใด"
"ลองสิ่งที่ไม่เคยลอง" น้ำเสียงนุ่มทุ้มกรุ้มกริ่ม จางหลี่เชียนใช้สติอันน้อยนิดก็พอจะเดาได้ว่าตัวเองกำลังถูกล่อลวง เขาจึงส่ายหัวดิก
"ข้าไม่ซื้อบริการ"
"ข้าก็ไม่ได้ขายบริการ ข้าขายสุรา" บุรุษตรงหน้าขบขัน จางหลี่เชียนเริ่มตาพร่าเบลอ พูดหลายสิ่งหลายอย่างอ้อแอ้และปนมั่วกันไปหมด เดี๋ยวก็พูดเรื่องสตรีหักอก แล้วก็รำพึงรำพันน้อยใจในโชคชะตา บางครั้งก็พูดเรื่องทุกข์ใจว่าเขานั้นน่ารักเกินไปจนพบแต่ปัญหา
และยังเผลอเอ่ยปากลั่นชมคนตรงหน้าไปเสียหลายคำด้วย
"คุณชายน้อย ท่านเมาเสียแล้ว"
"ไม่เมา! เหอะ แม้แต่เจ้าก็คงมองว่าข้านั้นไม่สมกับเป็นบุรุษใช่หรือไม่!"
"พาลเสียแล้ว" พอโดนขัด จางหลี่เชียนก็เริ่มโมโห แต่เขาไม่ได้โมโหแล้วโวยวาย พอโมโหก็เริ่มถลึงตา ยื่นมือไปทุบแผงอกคนตรงหน้าแรงๆ
ทว่าคนโดนกระทำกลับหัวเราะอารมณ์ดี จนกระทั่งจางหลี่เชียนทนอาการเมามายไม่ไหว สุดท้ายก็สลบไปในอ้อมกอดของคนแปลกหน้า
"นายท่าน..." บุรุษอีกคนเดินเข้ามาใกล้ด้วยความเป็นกังวล ก่อนรีบทำความเคารพ
"คืนนี้พักที่นี่ สหายของข้าเมาแล้ว เจ้าจงไปจัดการอะไรๆ ให้เรียบร้อย ข้าจะพาเขาไปพัก" บุรุษที่จางหลี่เชียนชื่นชมหลายคำ บัดนี้กลับอุ้มเขาขึ้น ก่อนเดินตรงไปยังชั้นสอง เปิดห้องว่างห้องหนึ่งในหอโคมแดง ไม่คิดเสียดายเงินแม้แต่น้อย ปล่อยให้คนที่เรียกตนว่านายท่านเบิกตากว้างด้วยความงุนงงและไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่
...................................
ขอกำลังใจเพื่อผลักดันตอนต่อไปด้วยนะคะ❤️
Comments (0)