“ปานครับ”

            เสียงเรียกขานแผ่วเบากระซิบข้างหูปลุกร่างที่นอนหลับใหลบนเตียงให้ลืมตาตื่น ใบหน้าซีดเซียวผินมองคนที่นั่งกอบกุมมือกันไว้ข้างเตียงไม่ยอมปล่อย แต่ปราศจากเสียงตอบกลับ มีเพียงรอยยิ้มที่ส่งให้กันเท่านั้น

            “วันนี้ธีร์เอาดอกทานตะวันที่ปานชอบมาให้ด้วยนะครับ ฮึก”

            ปานระพีมองใบหน้าเคล้าน้ำตาของคนรักก็พาลน้ำตาไหลตาม ธีรพัฒน์คนที่มักดูแลตัวเองให้ดูดีเป็นประจำ บัดนี้ซูบผอม ดวงตาหมองคล้ำ ผมเผ้ารุงรัง คนที่มักเข้มแข็งเพื่อเป็นเกราะกำบังปกป้องเขา บัดนี้เปราะบางเหมือนแก้วใสที่อาจแตกได้เพียงมือแตะ ปานระพีไม่เคยคิดเลยสักครั้งว่าวันหนึ่งชีวิตรักที่สงบสุขของเราสองจะเดินทางมาถึงจุดนี้

            พระเจ้าโกรธอะไรพวกเขาหรือ

            เมื่อสี่ปีที่แล้วเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่แทบพรากชีวิตเขาไป แต่ถึงรอดก็เหมือนตาย

            ปานระพียังมีลมหายใจ ยังรับรู้ทุกสิ่งอย่าง

            แต่เขาไม่อาจโต้ตอบอะไรได้

            ทำได้แค่เพียงมองและรับฟังเสียงคนรักอวยพรให้เขาหายดี เสียงสวดอ้อนวอนขอปาฏิหาริย์ หรือเสียงบอกรักที่มอบให้ทุกครั้งที่อีกฝ่ายมาหา

            “ธีร์ขอโทษ... ที่ไม่ยอมสู้ต่อ ฮึก ธีร์ไม่อยากเห็นปานทรมานแล้ว”

            ธีรพัฒน์เอ่ยเสียงสั่นเครือ ใบหน้าฟุบลงกับมือที่ยังคงกอบกุมเอาไว้ ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาคนรัก ความขลาดกลัวว่าคนรักจะทรมานไปมากกว่านี้ทำให้เขาเลือกที่จะถอดเครื่องช่วยหายใจ

            “ธีร์รักปานนะครับ”

            สิ้นคำบอกรักก็มีเพียงเสียงสะอื้นไห้ดังระงมในห้องพักผู้ป่วย น้ำตาจากดวงเนตรทั้งสองคู่ต่างไหลรินแสดงถึงความเสียใจของทั้งคู่

            ทุกเรื่องราวย่อมมีจุดสิ้นสุด ครั้นเวลาร่ำลาหมดลง เสียงประตูเปิดออกปรากฏร่างนายแพทย์ที่มาเพื่อถอดเครื่องหายใจของคนรักออก ธีรพัฒน์ยืนกรานจะกอบกุมมือของปานระพีเอาไว้จนถึงวินาทีสุดท้าย เขาสาบานกับตนเอง แม้ความตายจะแยกเราทั้งสองออกจากกัน เขาก็รอวันที่ได้จะพบกับปานระพีอีกครั้ง