“อา...ดีจัง”

            “ถ้าชินแล้วผมจะขยับนะ”

            “โอเคครับ ซี้ดด ตรงนั้น!

            ทศพลไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะต้องมาร้องครวญครางบนเตียงในร้านนวดแผนไทย สังขารของคนวัยสามสิบเป็นเรื่องที่ไม่ควรชะล่าใจ สมัยยี่สิบต้น ๆ นั่งทำงานเป็นชั่วโมง ๆ แบบไม่ต้องพัก พอขึ้นเลขสามปุ๊บ ทั้งปวดหลัง ปวดคอก็ออกอาการกันหมด

            “ไปทำอะไรมา มันถึงได้ตึงขนาดนี้ล่ะครับ”

            “วัน ๆ นั่งอยู่แต่ที่โต๊ะ โอ๊ยย เบาหน่อยก็ได้นะครับ”

            “เบาไม่ได้ครับ ไม่ดูแลตัวเองก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ”

            “ถ้าผมดูแลตัวเองดีไป พี่ก็ไม่มีลูกค้าสิครับ โอ๊ย!

ทศพลน้ำตาเล็ด สงบปากสงบคำ ปล่อยให้อีกฝ่ายทำหน้าที่ตัวเอง ส่วนเขาก็จะโอดครวญเป็นระยะต่อไป

            ตอนที่เดินออกจากร้านนวดแผนไทย ทศพลก็เหมือนได้เกิดใหม่ โลกของเขาดูสดใสขึ้นมาถนัดตา แม้แต่แสงแดดร้อนแรงยามบ่ายสามก็ไม่เป็นที่ขุ่นเคืองใจ แรก ๆ เขาก็ปวดระบมอยู่หรอกแต่ผ่านไปสักพักก็ดีขึ้น ถ้ารู้ว่าการนวดทำให้สบายตัวแบบนี้ เขาคงตัดสินใจมานานแล้ว วันจันทร์คงต้องไปขอบคุณเจ้านายเสียหน่อย นอกจากจะแนะนำร้านให้แล้ว ยังจ่ายเงินให้อีก

            ทศพลกำลังแตะบัตรโดยสารขึ้นรถไฟฟ้าตอนที่โทรศัพท์ของเขาส่งเสียงดัง

            “กำลังไป ถึงกันแล้วเหรอ”

            “ยัง ๆ กำลังเข้าซอย นึกว่ามึงถึงแล้วเลยโทรหา ใครมันเป็นคนหาร้านวะ ซอยโคตรแคบ”

            “เราอีกสิบนาทีถึง ลี่ถึงแล้วรอเราหน้าร้านก่อนได้ไหม”

            “อะไรวะมึง สามสิบแล้วยังขี้อายอีก ที่นัดกันก็เพื่อนทั้งนั้น”

            “เจอกันล่าสุดเมื่อไรนะ งานแต่งของโต้ง สี่ห้าปีแล้วมั้ง กลัวจำหน้าเพื่อนไม่ได้”

            “เพื่อน ไม่เจอกันสี่ห้าปี จำหน้ากันไม่ได้แล้วเหรอ”

            “บางคนก็ไม่ได้เจอตั้งแต่รวมรุ่นหลังเรียนจบไม่ใช่เหรอ”

            “เฮ้ย กูจอดรถก่อน เจอกัน”

            ทศพลยืนมองเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์ เขาคงไปถึงร้านก่อนเวลานัดแต่ก็โชคดีที่มีเพื่อนสนิทไปถึงแล้ว หลังจากพยายามนัดเจอกันมานานกว่ายี่สิบเดือน ในที่สุดพวกเขาก็สามารถนัดรวมตัวกันครบทั้งแก๊งสักที เพื่อนร่วมรุ่นของเขามีกันสี่สิบสองคน เป็นกลุ่มของเขาไปแล้วสิบเจ็ดคน หลังเรียนจบ แต่ละคนก็กระจัดกระจายกันไปคนละทิศ คนละทาง บางคนทำงานต่างจังหวัด บางคนไปเรียนต่อต่างประเทศ บางคนยังโสด บางคนแต่งงานมีลูกแล้ว ถึงจะติดตามข่าวสารของเพื่อนผ่านโลกออนไลน์ แต่เขาก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้ที่จะได้เจอกันตัวเป็น ๆ

            ทศพลเปิดแผนที่บนโทรศัพท์เดินเข้าซอยแคบชนิดที่รถสวนกันยังลำบากแถมทางเท้าก็ไม่มี ต้องมองทาง มองรถ มองจอสลับกันไป จนถึงร้านปิ้งย่างที่ไอรดาเป็นคนแนะนำ

            “ไอ้เต้ไหนบอกสิบนาที”

            “ลี่ยังไม่เลิกสูบบุหรี่อีกเหรอ” ทันทีที่ทศพลทัก บิลลี่ก็ดับบุหรี่ตรงที่สูบบุหรี่แล้วเดินไปสมทบเพื่อนที่หน้าร้าน “มีใครมายังอะ”

            “ไม่รู้ดิ กูยังไม่ได้เข้าไป”

            ทั้งสองคนเดินเข้าไปในร้าน พอแจ้งชื่อไอรดา พนักงานก็พาไปยังโต๊ะด้านในเรียงยาวติดกันสี่ตัว ที่นั่นมีคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว แต่ละคนทักทายกันเสียงดัง ทศพลจำหน้าหลายคนได้ก็จริง แต่มีบางคนที่ไม่ได้เจอกันตั้งแต่เรียนจบก็ทำเอาอ้ำอึ้ง พยายามฉีกยิ้มเหมือนว่ายังจำอีกฝ่ายได้

            พวกเขาเป็นกลุ่มใหญ่แต่ในนั้นก็แบ่งกลุ่มย่อยไปอีก การเลือกที่นั่งเลยเป็นไปตามความสนิทโดยปริยาย ทศพลนั่งติดกับบิลลี่และอีกข้างคงเป็นเพชรที่ยังมาไม่ถึง

            เพื่อน ๆ ของทศพลทยอยมาทีละคน สองคน เสียงพูดคุยเจี๊ยวจ๊าวดังมาจากทุกทิศ แต่ละคนไต่ถามทุกข์สุขกันไปมา บรรดาคนมีลูกแล้วก็อวดรูปลูกกันใหญ่ คนแต่งงานและอยากมีลูกก็ร่วมวงสนทนาด้วย คนเตรียมแต่งก็สอบถามข้อมูล คนเล่นเกมก็แลกเปลี่ยนผลงานตัวเองกันอย่างออกรส

            “โปปปเต้~~

            แค่ได้ยินเสียง เจ้าของชื่อก็รู้แล้วว่าใครมา

            “เพชร!

            “ไรวะมึง ตอนทักกูกับทักเพชรต่างกันเลยนะ”

            “ลี่ไม่งอนนะ” เพชรยื่นมือไปหยิกแก้มบิลลี่เลยโดนตีดังเพี้ยะไปหนึ่งที ต่างฝ่ายต่างก็ขำเพราะรู้ว่าล้อเล่นกัน เพชรนั่งลงข้างทศพล 

“เป็นไงบ้าง ไม่เจอกันตั้งนาน ยังทำงานที่เดิมไหม”

            “ก็เรื่อย ๆ ไม่มีอะไรมาก เราย้ายไปทำงานแถวสุขุมวิทได้สี่ปีแล้วมั้ง”

            “อ้าว ไม่ได้อยู่กับนายคนเดิมแล้วเหรอ”

            “อยู่ ๆ นายไปเป็น CEO ที่นั่น”

            “นายไปไหน โปเต้ไปด้วย ไม่สนใจเป็นเมีย CEO เหรอ”

            “พูดอะไรน่ะ” ทศพลถึงกับสำลักน้ำ “พี่อาร์ตไม่ได้เป็นเกย์”

            “พูดอย่างกับถ้าเป็นแล้วจะจีบ”

            “แต่รู้ตารางงาน ตารางชีวิตแทบทุกอย่างนี่ก็เหมือนเป็นเมีย CEO อยู่เหมือนกันแฮะ”

            “จริงจังซะงั้น ยังไม่มีแฟนอีกเหรอ”

            ทศพลทำเสียงหัวเราะประชดประชัน อย่างกับการหาแฟนเป็นเรื่องง่าย ยิ่งคนวัยสามสิบที่วัน ๆ ทำแต่งาน กลับบ้านมืดค่ำ ตกเย็นไม่ไปไหนกับคนในที่ทำงาน เสาร์ อาทิตย์ก็นอนดูซีรีส์อยู่บ้าน จะเอาเวลาไหนไปหาแฟน

            “ไหนใครยังไม่มีแฟนยกมือขึ้น” สาริทธิ์ถามพร้อมยกมือไปด้วย เลยมีคนบ้าจี้ยกมือตาม

            ทศพลหันไปเห็นเพชรที่ไม่ได้ยกมือก็ถึงกับตาโต

            “อะไร ตอนไหน ทำไมไม่บอก”

            “เขาชื่อพี่ภาม อายุสามห้า เป็นเภสัช บ้านอยู่...” เพชรร่ายประวัติอีกฝ่ายยาวเหยียดประหนึ่งกรอกใบสมัครงาน ก่อนปิดท้ายด้วยเรื่องที่ทศพลอยากรู้มากที่สุด “เจอกันในแอปหาคู่แหละ สนใจมะ เดี๋ยวสมัครให้”

            ทศพลส่ายหน้า

            “มันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ถ้าจ่ายตังก็เลือกได้ตามต้องการ”

พอได้ยินน้ำเสียงขายของของเพชร ทศพลเลยต้องรีบเบรก อีกฝ่ายเป็นเซลล์อยู่แล้วด้วย พูดอะไรนิด อะไรหน่อย คนก็หลงคารมได้ เขาเลยต้องระวังตัวเป็นพิเศษ

“ขนาดแชทเพื่อนมันยังไม่ค่อยจะตอบเลย จะไปแชทหาคู่ไหวเหรอ” บิลลี่แทรกขึ้น

“เออ จริง แชทถามไปเป็นสัปดาห์ยังไม่อ่านเลย ไม่ยอมเปิดเสียงไลน์ของใครยกเว้นของเจ้านาย” เพชรพูดตรงทุกอย่างจนทศพลไม่มีอะไรไปเถียง

“ไหนใครยังซิง” เสียงของสาริทธิ์ดังขึ้นอีกครั้ง ไม่รู้ว่ากลุ่มหลักคุยอะไรกันถึงได้มีคำถามนี้ขึ้นมาแต่คราวนี้ไม่มีใครยกมือสักคน

บิลลี่กระทุ้งศอกใส่สีข้างทศพล ชายหนุ่มทำปากขมุบขมิบ ถึงจะสนิทกันแค่ไหนเขาจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครรู้เด็ดขาด

“เราเอง” ไอรดายกมือขึ้น ทุกคนหันมองเธอพร้อมกัน “ไม่เคยก็คือไม่เคยไง อายอะไรกัน”

เสียงปรบมือดังขึ้นโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าใครเริ่มปรบ แล้วปรบไปเพื่ออะไร ไอรดายืนขึ้นโบกมือประหนึ่งตัวเองเป็นควีนเอลิซาเบธที่ กำลังทักทายประชาชนก่อนนั่งลงตามเดิม

“ยังไม่เคยใช่มะ” เพชรกระซิบ แค่เห็นสีหน้าของทศพลก็ได้คำตอบ เขาจับแขนเพื่อนสนิทพร้อมพูดขึ้น “ต้องลองนะ มันดีมากเลย”

ก่อนที่เพชรจะเริ่มร่ายยาวให้คนฟังเห็นภาพ ทศพลก็รีบลุกขึ้น อ้างว่าจะไปตักของกิน ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวเหมือนไปยืนข้างเตาไฟ พอหลุดจากโซนที่นั่งมาได้ก็ถอนหายใจหมดปอด

เขาคือเกย์โสดวัยสามสิบที่ยังไม่เคยได้สัมผัสคำว่าแฟน คำว่าเพศสัมพันธ์ สิ่งเดียวที่เขารู้จักดีในวัยนี้คืออาการปวดหลัง

“แต่ก็รวยละกันน่ะ” ทศพลวางจานเนื้อบนโต๊ะพร้อมพูดขึ้น

“อะไรนะ” เพชรถาม

“ถึงจะยังไม่มีแฟนแต่ก็มีเงินละกัน”

“เออ ก็จริง” บิลลี่เห็นด้วย

นัดรวมของพวกเขาจบลงด้วยการแยกย้ายกันกลับบ้าน คนมีรถก็พาเพื่อนที่ไม่มีรถไปส่งที่สถานีรถไฟฟ้า คนแต่งงานแล้วก็มีคู่ขับรถมารับ ทศพลกับเพชรติดรถของบิลลี่ไปลงปากซอย

“บิลลี่ยังไม่มีแฟนเหรอ” จู่ ๆ เพชรก็ถามขึ้นจากเบาะหลัง

“ยัง”

“ไว้แนะนำให้เอามะ”

“ไม่เป็นไร” บิลลี่ปฏิเสธก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบด้วยซ้ำ

“เพื่อนผู้หญิงเราน่ารักเยอะนะ บิลลี่เป็น Cishet ใช่มะ”

“ใช่”

“มาสนิทกับเราสองคนนี่ คนอื่น ๆ มีสงสัยมะ”

“ไม่สนใจหรอก อีกอย่างกูสนิทกับเต้ก่อนที่จะรู้ว่ามันเป็นเกย์อีก”

“ตอนปี พวกเราแอ๊บเก่งกันเหลือเกิน”

คำพูดของเพชรไม่เกินจริงแต่อย่างใด ตอนนั้นเขาก็พยายามทำตัวให้เหมือนผู้ชายทั่วไปมากที่สุด จุดเปลี่ยนน่าจะเป็นตอนปี ที่มิรินใส่กระโปรงไปมหาลัย ทำให้เขาฉุกคิดว่าทำไมต้องมาฝืนตัวเองเพื่อเอาใจนอร์มด้วย

“ตอนเราบอกลี่ว่าเราเป็นเกย์ ลี่ดูไม่ตกใจเท่าไร”

“ตกใจดิ แต่ให้ตกใจออกนอกหน้าได้ไง มึงขี้อายขนาดนั้นแต่กล้าบอกกูเรื่องนี้ ถึงตอนนั้นจะทำตัวไม่ถูกแต่กูก็ไม่แสดงออก มึงเชื่อใจกูขนาดนั้น ให้กูทรยศมึงได้ไง”

ทศพลประหลาดใจเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ยินความรู้สึกของอีกฝ่าย แต่เขาดีใจที่บิลลี่ไม่ได้ทำอะไรต่างไปจากปกติ

“แล้วไม่คิดบ้างเหรอว่าโปเต้จะจีบ”

“กูไม่ได้แย่แบบนั้นนะ” บิลลี่พูด “อีกอย่างไอ้เต้สาธยายไทป์มันให้ฟังตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”

“สูง ยาว ขาว หล่อ” ทศพลพูดเองยังอายเอง

“ยังไม่เปลี่ยนอีกเหรอ”

“ยาวนี่อะไรยาวอะ” เพชรถาม

“ขาไง ขา” ทศพลรีบตอบ

“จะว่าไปมึงแอบด่ากูไม่หล่อเหรอ กูสูงอยู่นะ ขาก็ยาวด้วย”

“แต่ไม่ขาวไง” เพชรตอบ “ไม่หล่อด้วย”

“ไอ้เพชร มึง ลงรถเลย”

            “แค่นี้ต้องไล่”

            “ถึงปากซอยแล้วจะไม่ลงกันเหรอ”

            ทศพลมองนอกกระจกก็รีบปลดเข็มขัดนิรภัยทันที

            “ขอบคุณมาก ไว้เจอกัน”

            “เออ กลับบ้านดี ๆ”

            ทั้งสองมองท้ายรถยนต์ที่ค่อย ๆ ห่างไกลออกไป

            “เพชรกลับไง”

            “แท็กซี่” เขาตอบก่อนจะสวมกอดทศพล “มีของดีมาแนะนำ เดี๋ยวส่งไปในไลน์อย่าลืมอ่านล่ะ”

            ได้ยินคำว่า “ของดี” จากปากของเพชร ทำให้ทศพลรู้สึกไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก เขาขานรับพลางยิ้มแห้งแล้วโบกมือลา เดินไปสถานีรถไฟฟ้า

            ระหว่างที่กำลังรอรถไฟที่ชานชาลา ทศพลก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความจากเพชร ของดีที่อีกฝ่ายว่ามาเป็นลิงก์ที่ชวนให้ใจเต้นรัวด้วยความกังวล

ทันทีที่หน้าเว็บไซต์โหลดเสร็จ ทศพลต้องรีบปัดจอทิ้งทันที

ถึงยังดูไม่ออกว่าเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับอะไร แต่ที่แน่ ๆ ไม่ใช่เว็บที่สมควรเปิดในที่สาธารณะอย่างแน่นอน

รหัส 1103 ลองสั่งสิ น่าจะเหมาะกับโปเต้

            ทศพลนั่งจ้องข้อความจากเพชรมาพักหนึ่งแล้วนับตั้งแต่กลับถึงคอนโด เขาพอจะเดา ๆ ได้ว่าเว็บไซต์ที่เห็นผ่านตาเพียงเสี้ยววินาทีเป็นเว็บไซต์ประมาณไหน

            “เอาน่า โตแล้ว ยังจะกลัวอะไรอีก แค่ลองเข้าไปดู ไม่ได้โดนบังคับซื้อสักหน่อย”

            หลังจากสะกดจิตตัวเองเสร็จ เขาก็กดลิงก์ดังกล่าวอีกครั้ง

            “โอ้โห”

            หน้าจอปรากฏโลโก้ร้านตามด้วยภาพสินค้าขายดีที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทางเพศ เขาไถจอไปเรื่อย ๆ ก็ยังไม่ถึงท้ายสุดของหน้าเสียที ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวแม้จะไม่ได้หยุดดูรูปภาพใด รูปภาพหนึ่งเป็นพิเศษ

            “1103 งั้นเหรอ” ทศพลพึมพำ เขารู้จักเพชรดีพอที่จะรู้ว่าตัวเองต้องเสียใจภายหลังถ้าค้นหา แต่ก็ยังทำเพราะอีกฝ่ายเป็นคนแนะนำ

หัวใจของเขาเต้นรัวตอนที่เว็บไซต์กำลังโหลด

“นี่มัน”

ภาพของ Butt Plug สีดำทำจากซิลิโคนปรากฏขึ้นบนจอพร้อมระบุขนาด ราคา วัสดุที่ใช้ พร้อมการบรรยายสรรพคุณที่สะกิดต่อมอยากรู้อยากเห็นของคนอ่าน ทั้งรูปทรงและขนาดไม่ได้ชวนตกตะลึง แถมมีภาพถ่ายสินค้าวางบนมือเพื่อเทียบขนาดประกอบการตัดสินใจ

เพียงแค่จินตนาการว่าจะทำตามขั้นตอนการใช้ ทศพลก็ส่ายหน้ารัว ๆ 

“ไม่ไหวหรอก”

ตอนที่เขากำลังจะปิดเว็บไซต์ก็เห็นอะไรบางอย่างน่าสนใจแถมไม่ต้องเตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมการใด ๆ ทั้งสิ้นในการใช้สินค้าชนิดนี้

“แบบนี้ค่อยเหมาะหน่อย”

เขาใช้เวลาไม่กี่นาที เงินเกือบพันก็หายไปจากบัญชีธนาคาร

 

            ยาดม น้ำตาเทียม แผ่นแปะแก้ปวด ปากกา

            ทศพลตรวจสอบของจำเป็นสำหรับการทำงานก่อนจะหันไปเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเริ่มงานยามเช้า

            “อรุณสวัสดิ์เด็ก ๆ”

            “สวัสดีค้าบ/ค่า พี่อาร์ต” สองผู้ช่วยส่งเสียงทักอนุวัฒน์ CEO ของบริษัทอย่างร่าเริง

            “เออ เต้ ไปนวดมาเป็นไงบ้าง”

            “ดีมากครับพี่ ออกจากร้านมาตัวลอยเลย”

            “หัดออกกำลังกาย ยืดเส้นยืดสายบ้างนะ คอนโดมียิมไม่ใช่เหรอ”

            ทศพลไม่อยากตอบเลยว่า กว่าจะกลับถึงบ้านก็ขี้เกียจไปไหนแล้ว

อนุวัฒน์หันไปทางจันจิรา ผู้ช่วยอีกคนแล้วพูดต่อ

            “แจนดูแลสุขภาพด้วยนะ อย่าปล่อยให้เป็นแบบเต้”

            จันจิรารอจังหวะนี้มานาน เธอยิ้มร่าพร้อมลุกขึ้น

            “พี่อาร์ตคะ พี่อาร์ตซื้อคอร์สนวดให้พี่เต้ น้องแจนอยากจะทำสปาจังเลยค่ะ”

            อนุวัฒน์เดินเข้าไปในห้องทำงานโดยมีจันจิราเดินตามไปพร้อมสมาร์ทโฟนในมือ

            “เนี่ยพี่ คอร์สนี้ไม่แพงนะ” เสียงเธอแว่วออกมาจากในห้อง

            ทศพลอมยิ้มขบขัน เริ่มตรวจแฟ้มเสนอเซ็นที่เข้ามาตอนช่วงเย็นวันศุกร์ ก่อนส่งเอกสารให้อนุวัฒน์เซ็น ต้องผ่านทศพลก่อนทุกครั้ง เขาจะเช็คความถูกต้องของเนื้อหา เช็คจำนวนตำแหน่งที่ต้องเซ็น และที่สำคัญที่สุดคือเช็คเรื่องจำนวนเงิน นายของเขามาจากสายการเงินโดยตรง ก่อนจะย้ายมาเป็น CEO ที่นี่ก็ดำรงตำแหน่ง CFO มาก่อน ทศพลทำงานกับอีกฝ่ายมาตั้งแต่สมัยนั้น

            “สำเร็จ!” จันจิรากำมือสองข้างแสดงความยินดีกับตัวเอง ก่อนจะหันไปเห็นทศพลกำลังนั่งไหล่ห่อทำงาน “นั่งแบบนั้นเดี๋ยวก็ปวดหลังอีกหรอก พี่เต้”

            พอโดนทักที ทศพลก็ปรับท่านั่งที

            “ปวดหลังอีกไว้ก็ไปนวดอีก”

            “จ่ายเองแล้วนะทีนี้”

            เสียงอนุวัฒน์ทำเอาทศพลสะดุ้ง อีกฝ่ายอุ้มแฟ้มเสนอเซ็นออกมาจากในห้อง

            “จ่ายเองครับพี่” เขายิ้มแห้งก่อนรายงานตารางประจำวันให้อีกฝ่ายฟัง “ประชุมเก้าโมงย้ายไปเป็นห้อง นะครับ ห้อง ซ่อมแอร์ ตอนสิบเอ็ดโมง ฝ่ายจัดซื้อขอเข้าพบ ตอนบ่ายสองคนจากบริษัทโฆษณาจะเข้ามาเสนองานที่ห้องประชุมเล็กชั้น 16 การตลาดอยากให้คุณอนุวัฒน์เข้าร่วมด้วย นอกจากนี้ก็เป็นแฟ้มเสนอเซ็น ส่วนไฟล์พรีเซ็นต์สำหรับศุกร์นี้ ผมส่งเข้าอีเมลให้อีกที”

            “โอเค เดี๋ยวรอบเช้าแจนเข้าประชุมกับพี่ละกัน เต้ฝากดูแฟ้มให้พี่ด้วย”

            “ค่าพี่/ครับผม”

            กล่าวจบอนุวัฒน์ก็กลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง

            ห้องทำงานไม่มีเสียงคุยเล่นทันทีที่พวกเขาเริ่มงาน มีเสียงคลิกเมาส์ดังจากฝั่งจันจิราเป็นระยะขณะที่เธอถอดเทปการประชุม ส่วนทศพลก็โทรศัพท์แจ้งแต่ละแผนกให้มารับแฟ้มคืน

            การทำงานช่วงเช้าผ่านไปอย่างราบรื่น ตกบ่ายหลังพรีเซ็นต์จากบริษัทโฆษณาผ่านพ้นไป ทศพลก็เริ่มมีเวลาว่าง กองแฟ้มสูงข้างโต๊ะของเขาจากช่วงเช้าก็หายเกลี้ยง เหลือเพียงบางส่วนในห้องของอนุวัฒน์เท่านั้น

            เสียงแจ้งเตือนอีเมลดังขึ้น เป็นอีเมลจากฝ่ายรักษาความปลอดภัยแจ้งพัสดุเข้ารายวันของพนักงาน ทศพลเห็นชื่อตัวเองในนั้นก็ตาโต ของที่สั่งไว้มาถึงเร็วกว่าที่คิด จริงอยู่ที่เขาสามารถสั่งของไปส่งที่คอนโดได้ แต่กว่าเขาจะกลับถึงบ้านก็รู้สึกไม่สบายใจที่ต้องฝากของไว้ที่นิติบุคคล สู้มาส่งที่บริษัทที่มีเจ้าหน้าที่คอยรับโดยตรง อุ่นใจกว่า

            “แจน พี่ไปเอาของที่ รปภ.นะ ฝากในห้องด้วย”

ทศพลพยักพเยิดหน้าไปทางห้องของนายที่เปิดประตูค้างไว้

            ทศพลใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ระหว่างลงลิฟต์ไปชั้น 14 เป็นครั้งแรกที่เขาสั่งสินค้าประเภทนี้ทางออนไลน์ ไม่อาจคาดเดาได้ว่าของข้างในจะมีสภาพเป็นอย่างไร แล้วร้านจะห่อมาแบบไหน

            “มารับพัสดุของทศพลครับ” เขาแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำโต๊ะก่อนจะหันไปเห็นชื่อตัวเองบนกล่องพัสดุใกล้ ๆ “อันนั้นครับ”

            “พัสดุของคุณทศพลครับ”

            เขาเซ็นชื่อรับของก่อนจะถือกล่องพัสดุหน้าตาปกติทั่วไปไปยังลิฟต์ ทศพลไม่กล้ามองกล่องในมือเลยแม้แต่น้อย แค่คิดว่ามีอะไรอยู่ในนั้น ใบหน้าของเขาก็เริ่มร้อนขึ้นมา หากมีคนมาเห็นของข้างในเขาคงอับอายเป็นแน่

            ทศพลต่อสู้กับตัวเองไม่ให้เปิดกล่องเช็คสินค้าในที่ทำงาน โชคดีที่วันนี้อนุวัฒน์เลิกงานตั้งแต่หนึ่งทุ่ม เลยไม่ต้องกระวนกระวายหนักกว่าที่คิด นั่งรถไฟฟ้าไม่กี่สถานีก็ถึงคอนโดของเขา

            ทศพลเดินหากรรไกรทันทีที่กลับถึงห้อง เขากรีดกล่องอย่างระมัดระวัง หัวใจก็เต้นตึกตักกับของที่ตัวเองสั่ง

            ทศพลหวังที่จะได้เห็นกางเกงในสีพาสเทลสามตัววางเรียงกัน

            สิ่งที่อยู่ในกล่องกลับเป็นกล่องดิลโด้ขนาดใหญ่กับกุญแจข้อมือหนึ่งอัน

            “What the F–“