กล่องดิลโด้ขนาดใหญ่กับกุญแจมือหนึ่งอันวางหราในกล่องพัสดุ

ทศพลหยิบใบเสร็จที่แทรกอยู่ข้างกล่องขึ้นมาอ่าน พบว่ามีกล่องขนาดเล็กอีกอันในนั้น

 

รายการสั่งซื้อ

  1. อุปกรณ์ทางเพศสำหรับคุณผู้ชาย รุ่น Extreme Pleasure 12”   จำนวน ชิ้น
  2. กุญแจมือแบบหนัง DS Collection: Tie me up, Master             จำนวนชิ้น
  3. [ของแถม] Lubricant สูตรน้ำ 10g                                               จำนวน ชิ้น

ทศพลเวียนหัวคล้ายจะเป็นลม ยิ่งอ่านก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขามั่นใจว่าตัวเองสั่งของถูกต้อง ราคาสินค้าที่ระบุให้ใบรายการแพงกว่าของที่เขาสั่งอย่างแน่นอน

เขาปิดฝากล่องเพื่ออ่านชื่อหน้ากล่อง

คุณทศพล ฉันทวรท

“เดี๋ยวนะ” เขาหยิบใบรายการของขึ้นมาเทียบกับหน้ากล่อง “ทศพล ฉันทวรท... ทศพล ฉันทวรทเป็นใครกัน!

ความรู้สึกมากมายประเดประดังเข้าใส่ในเวลาเดียวกันจนเขาไม่รู้ว่าความรู้สึกไหนเกิดขึ้นก่อน อับอายที่ตัวเองหยิบของมาผิด โกรธที่ตัวเองไม่รอบคอบ กระอักกระอ่วนที่ไปเปิดพัสดุของคนอื่นแถมยังเป็นของส่วนตัวแบบสุด ๆ

“ถ้างั้น กางเกงใน...” ทศพลหน้าเสีย “ไม่หรอก คงไม่ได้หยิบไปหรอก คงอ่านชื่อ นามสกุลให้ดีก่อนหยิบของไป ทศพล ฉันทวรทคงกำลังด่า ทศพล รุ่งรุจวรกมล อยู่อย่างแน่นอน ไอ้เต้ เอ๊ย ไอ้เต้! ทำไมไม่รอบคอบวะ ทำงานเลขาฯ มากี่ปีแล้ว เรื่องสำคัญแบบนี้ทำไมไม่อ่านให้ดี”

ทศพลนั่งหมดอาลัยตายอยากบนโซฟา กล่องพัสดุยังเปิดอ้าอยู่บนโต๊ะกระจก

“ยังไงก็เป็นคนในบริษัทเดียวกัน” เขาเปลี่ยนท่านั่ง มองกล่องพัสดุเจ้าปัญหา “ก่อนอื่นต้องหาทางติดต่อ ใช้เมลบริษัทน่าจะหาง่ายสุด เอาล่ะ เก็บทุกอย่างเข้าที่ พรุ่งนี้ก็เอาไปคืน ขอโทษเขาอย่างจริงใจ เขาก็น่าจะเข้าใจได้...ล่ะมั้ง”

คนออกแบบแพ็คเกจคงภาคภูมิใจกับสินค้าตัวนี้น่าดู ถึงได้มีรูปดิลโด้ขนาดเท่าของจริงโชว์หราอยู่ข้างกล่อง ทศพลกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ใบรายการระบุชัดเจนว่าสำหรับคุณผู้ชาย ถึงไม่เคยใช้ของเล่นพวกนี้ แต่เขาก็รู้ว่ามันใช้กับตรงไหน เพียงแค่จินตนาการถึงของสิ่งนี้กับตรงนั้น...

“ไม่ ไม่” ทศพลเก็บใบรายการใส่กล่อง เดินหาเทปกาวมาปิดผนึกจนเหมือนยังไม่ผ่านการแกะมาก่อน “พรุ่งนี้ เรามาตามหาทศพล ฉันทวรทกัน”

ทศพลกระวนกระวายทั้งคืนจนนอนไม่หลับ เขาแวะชั้น 14 เพื่อตามหาพัสดุของตัวเองก็พบว่ามีคนรับไปแล้ว นั่นหมายถึงของของเขาอยู่ที่ทศพล ฉันทวรทอย่างแน่นอน

สภาพตาโหลของเขาเป็นที่น่าตกใจจนแม่บ้านประจำชั้นยังต้องทัก

“น้องเต้ไปทำอะไรมา”

“น้านุ่น ในห้องยังมีกาแฟไหม” เขารีบออกจากบ้านจนแม้แต่กาแฟก็ยังไม่ได้ดื่ม

“มีค่ะ นั่งเถอะ เดี๋ยวน้าไปชงให้”

ทศพลทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ วางถุงกระดาษบรรจุพัสดุเจ้าปัญหาไว้บนพื้นด้านใน

“พี่เต้ สวัสดีค่ะ เป็นอะไรไปเนี่ย” จันจิราวางกระเป๋าบนโต๊ะตัวเองก่อนเดินมาหาเขาที่โต๊ะ

“ไม่มีอะไร”

ตอนนั้นแม่บ้านก็นำกาแฟร้อนมาให้ หญิงทั้งสองแลกเปลี่ยนคำถามด้วยสายตา ต่างฝ่ายต่างสับสนพอกัน ยืนมองทศพลดื่มกาแฟ เมื่อเห็นว่าเขาไม่เล่าอะไรก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง

ทศพลกระตือรือร้นขึ้นหลังได้คาเฟอีน เขาเปิดคอมพิวเตอร์ เข้าอีเมลของบริษัท พนักงานทุกคนจะมีอีเมลสำหรับติดต่อภายในองค์กรรวมทั้งติดต่อภายนอกในนามบริษัทอยู่ ชื่ออีเมลจะใช้รูปแบบเดียวกันคือ ชื่อต้น_อักษรตัวแรกของนามสกุล ดังนั้นการหาอีเมลของทศพล ฉันทวรทจึงไม่ใช่เรื่องยาก

เรื่องยากคือเนื้อหาที่จะส่งไปต่างหาก

ทศพลส่งอีเมลติดต่องานกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงมามากมายทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ไม่มีการร่างอีเมลครั้งไหนทำให้เขาหนักใจได้เท่าครั้งนี้

“เรียน คุณทศพล ทางการไปไหมนะ” แค่คำขึ้นต้นเขาก็ใช้เวลาไปหลายนาที

 

เรียน คุณทศพล

 

            ผมทศพลจากสำนักประธานฯ นะครับ เมื่อวานผมหยิบพัสดุของคุณมาด้วยความสะเพร่า เป็นความผิดพลาดของผมเองที่ไม่ได้ตรวจสอบชื่อ นามสกุลให้ดีเสียก่อน เช้านี้ ผมตรวจสอบกับ รปภ. และพบว่าพัสดุของผมไม่อยู่ที่นั่น มีความเป็นไปได้ว่าพัสดุของเราจะสลับกัน ผมนำพัสดุของคุณมาที่ทำงานด้วย ตั้งใจจะส่งคืนให้คุณในวันนี้ หากคุณสะดวก ตอนเที่ยงมาพบผมที่หน้าโรงอาหารสวัสดิการได้หรือไม่

ผมขอโทษอย่างสุดซึ้งที่สร้างความลำบากให้กับคุณ

 

Thotsapol Rungrujworakamol (Potae)

Personal Assistant to CEO

Office of the Chief Executive Officer

 

หลังจากอ่านข้อความเดิมซ้ำ ๆ ไปไม่รู้กี่สิบรอบ ทศพลก็กดส่ง เขาจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างใจจดใจจ่อ ไม่อาจตอบได้ว่าอีกฝ่ายจะเห็นข้อความตอนไหนและจะตอบกลับมาเมื่อใด

ติ๊ง!

เสียงอีเมลเข้าดังกังวานกว่าทุกที ทศพลรีบเปิดอ่านข้อความตอบกลับ

 

ขอบคุณครับ เจอกันครับ

พัสดุของคุณอยู่ที่ผม

 

Thotsapol Chanthawarot 

Training and Development Officer

Human Resources Department

 

“แค่นี้เองเหรอ” ทศพลพึมพำ เขาร่ายอีเมลไปยาวมากแต่การตอบรับกลับมีแต่สองบรรทัด “เอาเถอะ เราเองก็เขียนยืดยาวไปด้วยแหละ อยู่ฝ่ายบุคคลงั้นเหรอ”

เห็นการตอบกลับแบบเป็นกันเอง ทศพลเบาใจ อีกฝ่ายคงไม่ติดใจอะไร ถึงอย่างนั้นตอนเจอหน้ากัน เขาคงต้องสารภาพเรื่องเปิดพัสดุ

พอตามหาทศพล ฉันทวรทเจอ ได้นัดแนะเวลาและสถานที่เพื่อเปลี่ยนของเรียบร้อยแล้ว ทศพล รุ่งรุจวรกมลก็มีเรี่ยวแรงทำงานได้ตามปกติ เริ่มงานด้วยการนำแฟ้มเสนอเซ็นเข้าไปในห้องของอนุวัฒน์ ย้ำเรื่องตารางนัดหมายประจำวัน รายงานความคืบหน้าของงานที่ได้รับมอบหมายไว้ ก่อนจะกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานเพื่อโทรศัพท์แจ้งแต่ละแผนกให้มารับแฟ้มคืน

โทรศัพท์ตั้งโต๊ะส่งเสียงดัง ทศพลมองหมายเลขติดต่อภายในที่ปรากฏขึ้นบนจอก่อนรับสาย

“ครับ คุณอนุวัฒน์”

“เต้ให้ทีมรีเสิร์จที่ดูแลโปรดักซ์ใหม่มาพบผมหน่อยสิ ผมอยากถามอะไรเพิ่มหน่อย”

“ได้ครับ เดี๋ยวผมแจ้งให้”

“วันนี้ตอนไหนก็ได้นะ”

“ครับผม”

หลังวางสาย ทศพลก็กดเบอร์ภายในไปยังแผนกที่ต้องการได้โดยไม่ต้องค้นหาหมายเลข ทำการติดต่อนัดหมายเวลาเข้าพบทันที

“เขาไม่ได้ว่าอะไรใช่ไหม” น้ำเสียงจากปลายสายประหม่าอย่างชัดเจน

“เปล่าครับ คุณเขาอยากถามอะไรเพิ่มเติม”

“อ้อ โอเค ได้ เดี๋ยวพี่ขึ้นไปพร้อมลูกน้องอีกคน อีกสามสิบนาทีนะ”

“ขอบคุณครับ”

ทศพลโทรศัพท์แจ้งอนุวัฒน์ทันที จากนั้นเขาต้องรับโทรศัพท์อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากลูกค้าที่อยากนัดหมายขอพบอนุวัฒน์ จากคนแผนกอื่นที่มาสอบถามงานบ้างล่ะ ปรึกษาเรื่องต่าง ๆ นานาที่บางทีก็ไม่ได้เกี่ยวกับส่วนงานของเขา กว่าจะได้ลงมือทำงานตัวเองก็ปาไปครึ่งวัน

ติ๊ง!

ทศพลละสายตาจากโปรแกรมบนจอไปยังการแจ้งเตือนด้านข้าง

เรายังนัดเจอกันอยู่ใช่ไหมครับ

“เฮ้ย!” เขาร้องเสียงดัง มองเวลาที่มุมจอคอมพิวเตอร์ก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลา 12:30 น. จันจิราคงไปกินข้าวกลางวันแล้ว ทศพลไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเรียกเขาไหมหรือออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่แน่ ๆ ตอนนี้เขากำลังปล่อยให้ ทศพล ฉันทวรทรออยู่

ทศพลปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ กุลีกุจอออกจากห้อง ไม่คิดจะรอลิฟต์ด้วยซ้ำ รีบลงบันได 17 ชั้นไปยังโรงอาหารสวัสดิการทันที

ช่วงพักกลางวันแบบนี้เต็มไปด้วยพนักงานบริษัทมากมายหลายที่ การจะหาคน ๆ เดียวที่ยังไม่รู้จักหน้าตาไม่ใช่เรื่องง่าย ทศพลยืนหายใจหอบอยู่หน้าประตูทางออกหนีไฟ ขาของเขาสั่น เพิ่งมารู้สึกเหนื่อยเอาตอนถึงที่หมายแล้ว

แม้จะเป็นข้อกำหนดให้คล้องป้ายชื่อไว้ตลอดเวลา แต่ชั้น เป็นชั้นที่มีคนจากหลายบริษัทในตึกมารวมกัน แต่ละคนก็คล้องป้ายชื่อกันทั้งนั้น บางบริษัทก็แยกง่ายด้วยสีของสายคล้อง บริษัทของเขาไม่ได้มีสีสายคล้องตายตัว เขาไม่รู้เลยว่าคนไหนคือทศพล ฉันทวรท

หน้าโรงอาหารมีคนเดินเข้า – ออกขวักไขว่ ทั้งเดินเดี่ยว เดินเป็นกลุ่ม พูดคุยกันเสียงดัง ผู้ชายคนหนึ่งยืนหลังตรงถือถุงกระดาษด้วยมือซ้าย สายตาก้มมองสมาร์ทโฟนในมือขวา

สูง ยาว ขาว หล่อ

จู่ ๆ คำพวกนั้นก็ผุดเข้ามาในสมองของทศพลอย่างไม่ได้รับเชิญ ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวโดยเจ้าตัวให้เหตุผลว่าเป็นเพราะวิ่งลงบันไดมาแบบไม่คิดชีวิต

เขามั่นใจว่าผู้ชายคนนั้นคือคนที่เขานัดเจอเพื่อแลกของคืน

แลกของ?

“ของ!” ทศพลร้องขึ้นเมื่อเห็นว่าตัวเองลงมามือเปล่า พอคิดว่าต้องเดินกลับขึ้นไปใหม่ เขาก็ได้แต่ด่าตัวเองในใจ

“คุณทศพลใช่ไหมครับ” เสียงทักทำให้เขาหันกลับไป ผู้ชายคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้า สายตาของเขาก้มมองป้ายชื่อ “ใช่จริงด้วย นี่ครับ”

ทศพลรับถุงกระดาษไว้ในมือ หัวใจของเขาเต้นดังจนน่ารำคาญ เขาหายเหนื่อยแล้วแท้ ๆ ทำไมหัวใจยังเต้นดังขนาดนี้อยู่อีก

“แล้ว...”

“ผมลืมหยิบมา”

ทศพลเงยหน้ามองอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก คำพูดที่เตรียมไว้ในหัวมลายหายไปทันที ผู้ชายตรงหน้ามีผิวขาวเนียนอย่างไม่น่าเชื่อ คิ้วได้รูปสวย จมูกโด่ง ตาชั้นเดียว ขนตายาว ริมฝีปากสีสวย ไม่คล้ำ แถมยังเนียน น่าจะทาลิปมันเป็นประจำ มีกลิ่นกุหลาบมาจากตัว น่าจะเป็นน้ำหอม

“ไม่เป็นไรครับ”

ทศพลกะพริบตา เพิ่งนึกได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่

“ขะ...ขอโทษครับ” เขาขอโทษที่จ้องหน้าอีกฝ่าย แต่ก็รู้สึกว่าต้องขอโทษเรื่องอื่นด้วย เขาหน้าแดงทันทีเมื่อนึกถึงของที่อีกฝ่ายสั่ง

“เออ ผม...”

“เปิดดูเหรอครับ ไม่เป็นไรครับ” อีกฝ่ายยิ้มอย่างไม่ถือสา ไม่มีทีท่าเก้อเขินแต่อย่างใด

“ขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ ผมไม่ได้อ่านชื่อให้ดี เห็นแค่ทศพลก็นึกว่าเป็นของตัวเอง”

“ผมเองก็ต้องขอโทษด้วยครับ ผมเปิดไปโดยที่ไม่ได้มองเหมือนกัน”

ทศพลหน้าแดงหนักกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเห็นของที่เขาสั่ง แต่การสั่งซื้อกางเกงในมันเป็นเรื่องปกติ ซื้อสินค้าเพื่อความสุขส่วนตัวมันก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน อีกฝ่ายไม่ได้อายอะไร เขาก็ไม่ควรอายเช่นกัน

จู่ ๆ คำถามบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในสมองโดยไม่ได้รับเชิญอีกครั้ง

ผู้ชายคนนี้สั่งของนั่นมาใช้กับใคร? เป็นรับเหมือนกันงั้นเหรอ? อกหักตั้งแต่ยังไม่ได้จีบงั้นเหรอ?

อกหัก?

อกหักเชี่ยไร ไอ้เต้!

“คุณทศพลกินข้าวยังครับ จะกินด้วยกันไหม”

“ไม่ครับกินแล้วเออ ผม ต้องกลับขึ้นไปทำงาน เดี๋ยวตอนเย็นเอาของมาคืนนะครับ ขอโทษด้วยครับ” พูดจบ ทศพลก็รีบวิ่งไปทางบันไดหนีไฟทันที หลังจากจ้ำอ้าวไปได้สักพักเขาก็เพิ่งได้สติ

“จะวิ่งขึ้นบันไดทำไมวะ ไอ้เต้ สมอง!

เขาเดินออกไปเรียกลิฟต์ พบว่าตัวเองอยู่ชั้นสาม ระหว่างรอเขาก็ได้แต่ทบทวนเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่ในใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งอับอาย แถมยังโกหกไปอีกว่ากินข้าวแล้ว แต่จะให้ไปกินข้าวด้วยกันหลังจากที่รู้ว่าต่างฝ่ายต่างสั่งของอะไรกันมามันก็กระอักกระอ่วนเกินไป ต่อให้ทางนั้นไม่ได้คิดอะไรมากก็ตาม

ท่าทางของเขาเหมือนเคยชินกับเรื่องแบบนี้ ไม่สิ เรามันอ่อนหัดไปเองต่างหาก ไม่ใช่เรื่องน่าอายสักหน่อย เขาควรรู้สึกอายมากกว่าด้วยซ้ำที่มีใครไม่รู้เปิดของของตัวเอง

ว่าแต่เอาไปใช้เองหรือใช้กับใครนะ

“เดี๋ยวดิ จะคาใจเรื่องแบบนี้ไม่ได้!” ทศพลรีบปิดปากตัวเอง ดีที่รอบข้างไม่มีใคร พอลิฟต์มาถึงเขาก็รีบขึ้นเพื่อกลับห้องให้เร็วที่สุด

“อ้าว พี่เต้ กินข้าวเสร็จแล้วเหรอคะ ซื้ออะไรมาน่ะ” จันจิราทักขึ้นทันทีที่เห็นทศพลเดินกลับเข้าห้อง

คนถูกทักรีบนั่งที่พลางซ่อนของไว้ที่พื้น

“เปล่า ยัง”

“หือ” หญิงสาวงุนงงกับพฤติกรรมของอีกฝ่าย “เห็นไม่อยู่ที่โต๊ะนึกว่าไปกินข้าวซะอีก ถ้าไม่รีบกิน เดี๋ยวจะไม่ได้กินนะพี่”

“อือ” ทศพลรู้ดีแต่เขาก็เหนื่อยเกินกว่าจะลงไปข้างล่างอีกรอบ ที่สำคัญเขาคงไปกินข้าวในโรงอาหารสวัสดิการไม่ได้ ถึงในนั้นจะกว้างขวาง คนเยอะ แต่ก็ไม่มีอะไรการันตีว่าจะไม่ต้องเจอทศพลอีกคน

“เด็ก ๆ มีชานมกับขนมมาฝาก มากินเร็ว” อนุวัฒน์กลับเข้ามาในห้องพร้อมของกินเต็มมือ “น้านุ่นอยู่ไหม น้านุ่นมาเอาขนมด้วยนะครับ”

“ค่า คุณอนุวัฒน์” เสียงของเธอดังแว่วมาจากทางเดิน

“แจนเอาแต่ชานมละกันค่ะ ของกินให้พี่เต้เถอะ”

“งั้นแจนแบ่งไปให้ห้องเลขาฯ ฝั่งโน้นด้วยนะ”

“ค่ะพี่”

“เอ้า นี่ของเต้” อนุวัฒน์วางชานมกับถุงของทอดและฝรั่งแช่บ๊วยไว้บนโต๊ะ

“ขอบคุณครับพี่” ทศพลหยิบของทอดกินอย่างรวดเร็ว รู้สึกรอดตายจากความหิว

พอท้องอิ่ม สมองก็กลับมาทำงานได้ตามปกติ ตอนเย็นเขาต้องไม่ลืมคืนของให้ทศพลแล้วจะได้ไม่ต้องข้องเกี่ยวกันอีก แล้วเรื่องทั้งหมดนี้ก็จะถูกลืม หลังจากนี้เขาต้องรอบคอบกว่านี้ในการรับพัสดุ ทุกอย่างจะกลับเป็นปกติ ไม่มีพัสดุเจ้าปัญหามากวนใจอีกต่อไป

ติ๊ง!

ทศพลวางปากกาแล้วหันไปเช็คอีเมล

 

ไม่ต้องเอาของมาคืนนะครับ ผมให้เป็นของขวัญ

 

Thotsapol Chanthawarot 

Training and Development Officer

Human Resources Department

 

เดี๋ยววววนะ เดี๋ยวก่อนนน จะให้ทำไม!!!