ไม่ต้องเอาของมาคืนนะครับ ผมให้เป็นของขวัญ

 

ทศพลเตะโดน “ของขวัญ” ที่วางอยู่บนพื้นพอดี เขาถึงกับแข็งทื่อไปทั้งตัว ของขวัญที่ว่าไม่ใช่ของขวัญธรรมดาเสียด้วยสิ ปกติคนไม่รู้จักกัน ไม่มีทางซื้อของแบบนี้ให้อย่างแน่นอน บางทีอีกฝ่ายคงไม่พอใจที่รู้ว่าของโดนเปิด ก็เลยไม่อยากได้แล้ว แต่ถ้าเป็นแบบนั้นก็น่าจะส่งสินค้าคืนแทนที่จะเอามาให้เขา

ทำไมต้องให้เขา ทำไมกลายเป็นของขวัญ ยิ่งคิดทศพลก็ยิ่งไม่เข้าใจ ก็เลยเขียนอีเมลตอบกลับยาวเหยียดตามเคย

 

 

คุณทศพล

 

            ผมขอโทษด้วยจริง ๆ ที่เปิดของของคุณโดยพลการ ผมไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมยืนยันว่าสินค้าของคุณยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่ทางร้านส่งมาอย่างแน่นอน ผมไม่ได้หยิบ ไม่ได้แกะแต่อย่างใด ฉะนั้นแล้วผมอยากให้คุณสบายใจว่าสินค้ายังเป็นสินค้าใหม่

            ผมไม่สามารถรับของจากคุณได้จริง ๆ กรุณารับคืนเถอะนะครับ หลังเลิกงานผมจะเอาไปให้ หากไม่สะดวกเจอกันในที่ทำงาน จะเป็นข้างนอกก็ได้ครับ 

 

Thotsapol Rungrujworakamol (Potae)

Personal Assistant to CEO

Office of the Chief Executive Officer

 

ถึง คุณทศพล สนป.

 

            ผมไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้แล้วครับ คุณทศพลเก็บไว้เถอะ

            เวลามีคนให้ของขวัญก็ควรรับไว้แล้วกล่าวขอบคุณนะ :)

 

Thotsapol Chanthawarot 

Training and Development Officer

Human Resources Department

 

            “หมายความว่าไงน่ะ” ทศพลอ่านอีเมลตอบกลับก็มีคำถามเกิดขึ้นมากกว่าเดิม

            ทำไมถึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้แล้ว ปกติสั่งของแบบนั้นมาเล่น ๆ กันด้วยเหรอ

            “หรือว่า...”

            ทศพลครุ่นคิด มีความเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายสั่งของชิ้นนี้มาใช้กับแฟน พอแฟนรู้ว่าของไปอยู่ที่คนอื่นเลยไม่พอใจสุดท้ายก็ขอเลิก

            คนเรามันจะเลิกกันเพราะดิลโด้เนี่ยนะแล้วยังมีกุญแจมือนั่นอีก

         “ไม่เห็นเข้าใจเลย แต่จะถามก็ไม่กล้า” 

            ทศพลนั่งพึมพำอยู่หน้าจอ อนุวัฒน์ยืนมองนานแล้วก็ได้แต่หันไปถามจันจิรา

            “นั่นเขาเป็นอะไรน่ะ”

            “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เป็นแบบนี้ตั้งแต่เช้าแล้ว คุณอนุวัฒน์จะเอาอะไรหรือเปล่าคะ”

            “ไม่มีอะไรหรอก” อนุวัฒน์หันไปทางทศพลอีกครั้ง “เต้กลับบ้านก่อนไหม”

            “เอ๊ะ ทำไมครับ”

            “ไม่สบายหรือเปล่า”

            “เปล่าครับ สบายดี”

            “งานเยอะหรือเปล่า มีงานค้างเหรอ”

            “ไม่นี่ครับ ก็ทำได้ตามปกติ” ทศพลหันมองหน้าเจ้านาย “พี่”

            “ว่าไง”

            “เปล่าครับ จะกลับแล้วเหรอครับ”

            “เดี๋ยวจะเข้าสำนักงานใหญ่ก่อน ถึงเวลาเลิกงานก็กลับกันได้เลยนะ” อนุวัฒน์เดินกลับเข้าไปในห้อง

            ทศพลยึกยักอยู่นานก่อนตัดสินใจลุกขึ้น เดินตามอีกฝ่ายเข้าไป เขาถึงกับปิดประตูห้อง อนุวัฒน์เห็นแบบนั้นเลยเดินไปที่ชุดโซฟารับแขกแทนที่จะเดินไปที่โต๊ะทำงาน ทศพลนั่งลงบนที่พักแขนโซฟา อนุวัฒน์เลยทำตาม

            “พี่” เขาเรียกแล้วก็เงียบไปอีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะปรึกษายังไง จะเล่าทั้งหมดก็ไม่ได้ สุดท้ายเลยถามไปแค่ “ถ้ามีคนไม่รู้จักให้ของขวัญ ผมควรทำไงอะ”

            “ไม่รู้จักนี่คือไม่เคยเจอกันมาก่อนแต่จู่ ๆ เอามาให้เหรอ”

            “ก็ไม่เชิง”

            “มีสตอล์กเกอร์เหรอ คนในที่ทำงานเหรอ รู้ตัวไหม เดี๋ยวพี่จัดการ”

            “ไม่ใช่พี่ ไม่ใช่” ทศพลรีบปฏิเสธ

            “ถ้ามีต้องบอกนะ วันก่อนพี่เพิ่งคุยกับ HR เรื่อง Harassment ไป”

            “ไม่ใช่เรื่องแบบนั้นแน่นอนพี่” เขาชะงัก ของขวัญที่ว่ามันก็มีโอกาสเข้าข่ายได้อยู่ แต่ของนั่นมันก็อยู่ที่เขาแต่แรก ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายตั้งใจซื้อให้หรืออะไร สุดท้ายก็ยังติดอยู่ที่คำถามเดิม “ผมไม่รู้ว่าเขาให้ผมทำไม”

            “เวลาคนให้ของขวัญก็คิดตริตรองกันแล้วทั้งนั้น เขาให้เพราะอยากให้ ถ้าไม่มีอะไรเสียหายก็รับไว้เถอะ ถือว่ารักษาน้ำใจ ว่าแต่ใครเหรอ ใครให้ของขวัญเหรอ”

ทศพลลุกหนี อนุวัฒน์เดินตาม 

“ใครเหรอเต้ มีแฟนแล้วเหรอ เต้”

            ทศพลเปิดประตูออกจากห้อง อนุวัฒน์ก็ยังพูดต่อ

            “น้องแจน พี่เต้มีแฟนแล้ว”

            เจ้าตัวรีบหันไปปฏิเสธกับจันจิรา แต่เธอพยักหน้าเหมือนเข้าใจอะไรอยู่คนเดียว ทศพลส่ายหน้าเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ สักพักอนุวัฒน์ก็ออกจากห้องพร้อมกระเป๋าทำงาน

            “แฟ้มในห้องเสร็จหมดแล้ว ก่อนกลับปิดห้องให้ด้วยนะ” พูดกับจันจิราจบ เขาหันมาทางทศพล “ถ้าเป็นคนในที่ทำงาน พามาให้รู้จักด้วย”

“เข้าใจผิดแล้วพี่” 

“กลับบ้านกันดี ๆ ล่ะ”

“ค่า สวัสดีค่า”

ทศพลถอนหายใจรวดเดียวหมดปอด อุตส่าห์เห็นอีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่พึ่งพาได้ น่าจะให้ข้อคิดหรือมุมมองดี ๆ ดันหยอกล้อเขาเป็นเด็ก ๆ ไปได้ รู้แบบนี้เขาน่าจะปรึกษาเพชรหรือไม่ก็บิลลี่ แต่จะให้เล่าทุกอย่างก็กระดากปากอยู่ดี

สุดท้ายแล้วพัสดุเจ้าปัญหาก็กลับมาวางอยู่บนโต๊ะกระจกในห้องของทศพล สายตาของเขาจ้องเขม็งไปที่กล่องกระดาษ กำลังช่างใจว่าสาเหตุที่รู้สึกแปลก ๆ เป็นเพราะได้ของขวัญแบบไม่ทันตั้งตัว หรือเพราะของที่อยู่ในกล่องกันแน่

“สมมติว่าในกล่องเป็นน้ำหอม เราเอาไปคืน อีกฝ่ายบอกไม่ได้ใช้แล้ว เอาไปเถอะ เราก็รับไว้ ไม่สิ มันแพงนี่นา อย่างน้อยก็น่าจะจ่ายเงินคืน เหมือนเป็นการซื้อต่อ ใช่แล้ว ซื้อต่อ” ทศพลหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาทันที เขาล็อกอินเข้าอีเมลของบริษัท ใส่อีเมลของคนรับ แล้วก็พิมพ์ข้อความไป พูดไป กดส่งไปโดยไม่ได้อ่านทวน 

“อย่างน้อยจ่ายเงินซื้อยังรู้สึกดีกว่าอีกฝ่ายยกให้ ว่าแต่...”

ทศพลมองกล่องพัสดุอีกครั้ง ถึงจะสมมติไว้ว่าเป็นน้ำหอมแต่ของในนั้นมันไม่ใช่น้ำหอม

“จะจ่ายเงินซื้อของที่ไม่ได้จะใช้ไปทำไม!” เขานั่งโวยวายอยู่คนเดียว

ในที่สุดทศพลก็รู้แล้วว่าสิ่งที่กวนใจเขาคืออะไร ไม่ใช่เรื่องที่ทศพลอีกคนให้ของขวัญ แต่เป็นเพราะของที่ว่ามันคือดิลโด้ดิลโด้ 12 นิ้วที่เขาไม่รู้ว่าจะเอามาทำอะไร!

ตรงนั้นของเขายังไม่เคยผ่านอะไรมาก่อนทั้งนั้น และคงยังไม่ผ่านอะไรทั้งนั้นไปอีกนาน

 

⛓⛓⛓⛓⛓⛓⛓⛓⛓

 

            Late Night เป็นเอ็กซ์คลูซีฟคลับเปิดตั้งแต่สามทุ่มถึงตีสอง ให้บริการเฉพาะสมาชิกหรือคนที่ได้รับการแนะนำจากสมาชิกเท่านั้น ภายในมีเวทีสำหรับการแสดง ฟลอร์สำหรับเต้น โต๊ะนั่งเป็นกลุ่ม บาร์เหล้า ห้อง VIP และห้องพิเศษที่ต้องจองล่วงหน้าหรือลุ้นเอาหน้างานว่าจะมีห้องหรือไม่ แต่ละคืนมีธีมที่แตกต่างกันหมุนวนกันไป เพลงดิสโก้สร้างความบันเทิงให้กับนักท่องราตรีที่กำลังวาดลวดลายอยู่บนฟลอร์เต้นรำ

            ทศพล ฉันทวรทนั่งดื่มอยู่ที่บาร์ เขาติดกระดุมเสื้อเพียงไม่กี่เม็ด ปล่อยให้สาบเสื้อแยกออกจากกันเผยให้เห็นแผงอกเรียบเนียน หากยืนได้ถูกตำแหน่งเหมือนกับบาร์เทนเดอร์คนนี้ล่ะก็ จะสามารถมองเห็นบางอย่างได้ด้วย

            “ไม่ใช่ของฟรีนะ” ทศพลหันไปพูดกับบาร์เทนเดอร์ที่ยืนมองเขาอยู่เนิ่นนาน

            อีกฝ่ายรินเครื่องดื่มแล้ววางให้ตรงหน้า

            “แล้วแบบนี้ล่ะ”

            เขายิ้มรับก่อนจะดื่มเหล้าในแก้วทีเดียวหมดช็อต ไม่ลืมที่จะหันมุมพิเศษอวดคนมองให้ใจเต้นตึกตัก

            “มานั่งอยู่ตรงนี้นี่เอง” เสียงทักมาพร้อมกับมือที่สอดเข้ามาสวมกอดจากด้านหลัง ทันทีที่เห็นสายตาของทศพล ปัถย์ก็รีบปล่อย

ทศพลยกยิ้มให้กับท่าทีตื่นตระหนกของอีกฝ่าย

“มีอะไรล่ะ”

“คุณนั่นแหละ นัดผมไว้แล้วก็ไม่มา ไหนว่ามีของใหม่มาเล่นไง”

“อ๋อ นั่นหรอ ไม่ได้สั่ง”

คู่สนทนามองอย่างกังขาแต่ก็ไม่สามารถเซ้าซี้ได้ เขาที่เพิ่งโดนอีกฝ่ายเตือนเพราะกอดโดยไม่ได้รับอนุญาต ก็อยากลองดีต่อด้วยการวางมือลงบนหน้าขาของอีกฝ่าย

“วันนี้ใจกล้านะ” ทศพลทัก พอไม่ได้ส่งสายตาปราม ไม่ได้เปิดปากห้าม มือของอีกฝ่ายก็เลื่อนขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเกือบถึงเป้ากางเกง

“มีห้องว่างนะ” อีกฝ่ายลุกขึ้นยืน ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “ผมเตรียมตรงนั้นไว้พร้อมแล้วด้วย”

ทศพลลุกขึ้น เดินออกจากส่วนกลาง ผ่านโซน VIP ที่เงียบกว่าไปยังทางแยก อีกฝ่ายเดินนำลงบันไดไป

“คุกใต้ดินเหรอ”

“ก็คุณพูดเองว่าจะสั่งกุญแจมือมา ผมอุตส่าห์จองห้องให้ได้บรรยากาศ”

“ในนั้นมีของให้ใช้ได้อยู่แล้วล่ะ” อีกอย่างของที่ทศพลสั่ง คงไม่ได้เอามาใช้ในสถานที่แห่งนี้

ปัถย์ไม่รอช้า ถอดเสื้อผ้าตัวเองทันทีที่เข้าห้อง ทศพลเดินดูรอบ ๆ ถึงจะเคยใช้ห้องนี้บ่อยครั้งแต่ก็มีของใหม่มาเติมให้เห็นเป็นประจำ กระทั่งคอลเลคชันใหม่ที่เขาสั่งก็มีอยู่ในห้องนี้แล้ว

“แบบนี้เป็นไงครับ”

ทศพลหันไปทางต้นเสียง สิ่งที่สะดุดตาไม่ใช่ร่างเปลือยของอีกฝ่าย หรือเป้าที่นูนเป่งเป็นรูปร่างชัดเจนใต้ร่มผ้า หากแต่เป็นกางเกงในสีม่วงพาสเทลแบบเดียวกันกับที่เขาเห็นตอนแกะพัสดุที่เข้าใจว่าเป็นของตัวเอง

สีหน้าเลิ่กลั่กกับท่าทางกระอักกระอ่วนของทศพลอีกคนแวบเข้ามาในสมอง ทำเอาทศพลคนนี้หลุดหัวเราะออกมา

“วันนี้อารมณ์ดีนะครับ”

“อารมณ์ดีสิ”

ทศพลคนนั้นคงสับสนน่าดูที่เขาตัดสินใจยกสินค้าพวกนั้นให้ หลังจากได้เจอหน้ากัน เขาก็ไม่คิดที่จะเอาของคืนแล้ว ขนาดจะโกรธ ยังโกรธไม่ลง ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนจ้องหน้าเขาแล้วแสดงอาการแบบนั้น แต่ท่าทางเก้อเขิน ทำอะไรไม่ถูกนั่นต่างหากที่น่าสนใจ จะหาว่าเขาตัดสินคนจากภายนอกก็ได้ แต่ปฏิกิริยาซื่อตรง จริงใจพวกนั้น เขาไม่ได้เห็นมานานแล้ว

“ถือว่าโชคดีนะที่วันนี้อารมณ์ดี จะใจดีกว่าปกติก็แล้วกัน” 

ทศพลมองตามกางเกงในสีม่วงพาสเทลร่วงลงไปกองกับพื้น

“แต่ผมอยากให้อารมณ์เสียนี่นา อยากให้ลงโทษหนัก ๆ”

“ถึงว่าตอนอยู่ที่บาร์ถึงได้พยายามยั่วโมโห ตอนแรกว่าจะปล่อยไป แต่ถ้าอยากให้ลงโทษก็จะใจดีทำให้ อยู่ในห้องนี้แล้วยังยืนอีกเหรอ”

คนฟังรีบลงไปอยู่ในท่าคลานสี่ขาทันที ทศพลยกยิ้มให้กับความกระตือรือร้น หยิบปลอกคอพร้อมสายโซ่โยนไปข้างหน้าอีกฝ่าย เขาตรวจสอบแส้จากคอลเลคชันใหม่ เสียงหวดทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้งเล็กน้อย ทว่าสายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความคาดหวัง

เขาลากเก้าอี้ไปตามพื้นปูนมายังกลางห้อง ก่อนจะนั่งลงพร้อมแส้ในมือ

“ใส่ปลอกคอแล้วคลานมารับโทษตรงนี้”

“ครับ”

“ครับอะไร”

“ครับ นายท่าน”

“ดีมาก”

 

?????????

 

            สิ่งแรกที่ทศพลทำหลังนั่งโต๊ะทำงานคือการเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเช็คอีเมล เขารอจนถึงเวลาเริ่มงานก็ยังไม่มีอีเมลมาจากทศพลอีกคน ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มีการตอบกลับ เขาเช็คข้อความส่งออกและพบว่าส่งข้อความไปจริง ทศพลเคาะนิ้วกับโต๊ะ สายตาจ้องมอนิเตอร์อยู่หลายนาที

            อีกฝ่ายคงรำคาญไปแล้วแน่ ๆ พอลองอ่านอีเมลตัวเองอีกครั้ง ทศพลก็รู้สึกเสียมารยาทที่บอกไปว่าจะโอนเงินค่าของให้ ถ้าตัวเขาต้องมาอ่านอีเมลฉบับนี้ก็คงเสียใจไม่น้อย ให้เป็นของขวัญแท้ ๆ แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่าจะจ่ายเงิน

            แต่อย่างว่า หากของขวัญเป็นอย่างอื่น ทศพลคงไม่นั่งคิดมากขนาดนี้

            “ขอโทษนะครับ มีแฟ้มเสนอเซ็น”

            “วางไว้ที่โต๊ะตรง...” ทศพลผายมือบอกตำแหน่ง เงยหน้าไปเจอทศพลอีกคนยืนอยู่ เขาย้ายมือกลับมาตรงหน้าตัวเองทันที “เดี๋ยวคุณเซ็นแล้วจะโทรแจ้งนะครับ”

            “ครับ 1613

            “เอ๊ะ”

            “เบอร์โต๊ะผมเองครับ คุณทศพล”

            “ได้ครับ คุณทศพล” ทศพลขานรับงึมงำไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย

            “เต้เข้ามาในห้องพี่หน่อย”

โชคดีที่อนุวัฒน์เดินออกมาจากห้องตอนนั้น ช่วยให้เขาไม่ต้องทำตัวเงอะงะต่อหน้าอีกฝ่ายไปมากกว่านี้

ทศพลถือแฟ้มเดินตามอนุวัฒน์เข้าไปในห้อง ทิ้งให้ทศพลอีกคนมองตามประตูห้องที่ปิดลง จันจิราเห็นอีกฝ่ายยังยืนอยู่เลยทักขึ้น

“เดี๋ยวพี่เต้โทรแจ้งนะคะ”

“เออ ครับ ขอบคุณ” ทศพลจาก HR พยักหน้าแล้วเดินออกจากห้องไป

อนุวัฒน์เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานที่มีแฟ้มเล่มหนึ่งเปิดกางอยู่

“ปกติเต้เช็คแฟ้มก่อนเอามาให้พี่ใช่ไหม”

“ใช่ครับ มีปัญหาอะไรเหรอครับ”

“ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก แต่เหมือนมีคนแทรกแฟ้มนี้มาในกองที่เต้เช็คแล้ว ยังไงก็ระวังหน่อยละกัน อันไหนตรวจแล้วยกเข้ามาได้ก็เอาเข้ามาเลย ถ้ามีแฟ้มค้าง เอามาเก็บไว้บนโต๊ะรับแขกห้องพี่ก่อนก็ได้ ยังไงห้องนี้มีแค่พี่กับเต้ที่มีกุญแจ”

“ครับ”

“แล้วอันนั้นแฟ้มเซ็นเหรอ”

ทศพลมองแฟ้มในมือ

“ใช่ครับ”

“เอามาเลยก็ได้”

“ผมยังไม่ได้ตรวจ”

“ไหน ๆ ก็เข้ามาแล้ว”

เห็นอีกฝ่ายแบมือรอ ทศพลก็วางแฟ้มให้แล้วกล่าวขอตัว ยังไม่ทันได้เปิดประตูห้อง อนุวัฒน์ก็ถามขึ้น

“แผนกอื่นก็รู้ใช่ไหมว่าเต้ตรวจแฟ้มให้พี่”

“ก็น่าจะครับ ทำไมเหรอ” ทศพลถามกลับด้วยความสงสัย

อนุวัฒน์ชูกระดาษโพสต์อิทที่อยู่ในแฟ้มขึ้นมา

“อันนี้ไม่น่าให้พี่”

ทศพลเข้าไปใกล้เพื่ออ่านข้อความ ก่อนจะรีบคว้ากระดาษใบนั้นไปจากมืออนุวัฒน์ ใบหน้าของเขาร้อนผ่าว

“ขะ ขอโทษครับ”

“ใครน่ะ คนเมื่อกี้เหรอ แฟนเหรอ รู้จักกันได้ไง เป็นคนยังไง” 

อนุวัฒน์เดินตามทศพลมาจนถึงหน้าประตู

“รีบเซ็นแฟ้มเถอะครับ”

“ไม่ต้องปิด...”

ประตูปิดลงโดยที่อนุวัฒน์ยังพูดไม่จบ

ทศพลยืนถอนหายใจอยู่หน้าห้องนาย

“พี่เต้ไปแกล้งอะไรคุณเขาอีกล่ะ”

“คุณเขาต่างหากที่แกล้งพี่” ทศพลรีบแย้งแล้วเดินกลับไปนั่งที่เพื่ออ่านข้อความบนกระดาษโพสต์อิทอีกครั้ง

เที่ยงนี้กินข้าวด้วยกันไหมครับ

จะรอที่หน้าร้านกาแฟชั้น ถึงเที่ยงสิบ